ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 700 ศิษย์อาจารย์รักกันลึกซึ้ง!แ
ตอนที่ 700 ศิษย์อาจารย์รักกันลึกซึ้ง!
ตอนเช้าโจวเจ๋อตื่นขึ้นมา เดินลงมาชั้นล่างอาบน้ำเหมือนเดิมเป็นปกติ แล้วนั่งบนโซฟาริมหน้าต่างที่ตัวเองคุ้นชิน อิงอิงยกกาแฟมาเสิร์ฟ แล้วยื่นหนังสือพิมพ์ที่รีดเรียบร้อยแล้วมาให้ เวลานี้สวี่ชิงหล่างก็เดินลงมาจากชั้นบน
“อาหารเช้าอยากกินอะไร”
“อะไรก็ได้ กระเพาะไม่ค่อยดี”
“อย่างนั้นก็ต้มเกี๊ยวน้ำ”
“อืม”
สวี่ชิงหล่างหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัว โจวเจ๋อยกกาแฟขึ้นมาดื่มหนึ่งคำ จากนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘พึ่บ’ เขาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาแล้วสะบัดเล็กน้อย เสียงดังสดใส ไพเราะเสนาะหู
โจวเจ๋อคิดว่า นี่คือหนึ่งในเสียงที่งดงามที่สุดในชีวิต ด้านนอกมีเมฆดำเคลื่อนตัวคล้อยต่ำลงมาราวกับจะทำลายเมือง แต่ด้านในทุกคนยังคงใช้ชีวิตปกติสุขเหมือนเดิม ก็เหมือนการดำเนินชีวิตของตัวเองในแต่ละวันกับการใส่ใจเรื่องใหญ่ของประเทศชาติ พอพูดโม้ถกกันเรื่องบ้านเมืองจบ เช้าวันต่อมาคุณก็ยังต้องตื่นเช้าไปตลาดผักซื้อผักที่สดและราคาถูกเหมือนเดิม
อิงอิงนั่งตรงข้ามโจวเจ๋อ ประคองโทรศัพท์อยู่ในมือ เหมือนกำลังดูคลิปวิดีโออะไรอยู่
ในวิดีโอปรากฏทำนองเพลงที่น่ากลัวและอึดอัด แต่อิงอิงกลับส่งเสียงหัวเราะ ‘พรืด’ ออกมา โจวเจ๋อสงสัยอยากรู้จึงวางหนังสือพิมพ์ลง แล้วถามว่า “กำลังดูอะไร”
“มายากลเจ้าค่ะเถ้าแก่ รู้สึกว่าผู้ชมที่อยู่ข้างล่างให้ความร่วมมือดีมาก”
“มายากล”
อิงอิงยื่นหน้าจอโทรศัพท์ไปทางโจวเจ๋อ แล้วกดเล่นใหม่อีกครั้ง ในคลิปวิดีโอ เป็นฉากหลังเวทีที่ทำให้คนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นภาพที่เห็นจนเอียนเล็กน้อย ตอนที่เสียงของพิธีกรดังขึ้น ทุกอย่างทั้งหมดทั้งมวลมีเอกลักษณ์จำได้ง่ายมาก ต่อมาพิธีกรคนนี้ผันตัวมาเล่นละครสั้นที่ทุกคนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง
“นี่คือ รายการพิเศษชุนหว่าน[1]ใช่ไหม”
“ชุนหว่าน” อิงอิงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร
คลิปวิดีโอเริ่มเล่นต่อไป ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาตรงกลางเวที วางคางคกสองตัวไว้บนพื้น จากนั้นผู้ชายจึงใส่แค่ถุงเท้าแล้วเหยียบบนตัวของคางคกสองตัวนี้
“เหล่าผู้ชมที่รัก ต่อไป ปรมาจารย์ชี่กงของพวกเราจะโชว์พลังแล้ว ขอให้ทุกท่านโปรดจับตาดู!”
“ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆ…” เสียงเพลงดังขึ้นคล้ายดนตรีพื้นหลังของโปเยโปโลเย ให้ความรู้สึกลึกลับและน่าฉงน สักครู่หนึ่งปรมาจารย์อมน้ำไว้ในปาก แล้วพ่นใส่อิฐแดงที่อยู่ตรงหน้า อิฐแดงแตกออกโดยตรง!
ผู้ชมที่อยู่ข้างล่างปรบมือด้วยความคึกคัก ขนาดพิธีกรยังร้องอุทานไม่อยากจะเชื่อ!
หลังจากปรมาจารย์เดินถอยหลังสองสามก้าว กล้องจึงจับไปบนตัวคางคกที่ถูกปรมาจารย์เหยียบก่อนหน้านั้นคางคกสองตัวยังกระโดดและคลานไปมาได้เหมือนเดิม เหล่าผู้ชมตกใจอีกครั้ง ปรบมืออย่างบ้าคลั่ง!
รายการต่อจากนั้นคล้ายกับ ‘วิชาหดกระดูก’ มุดเข้าไปในกรง โครงโลหะของกรงอาจจะมีความยืดหยุ่น แต่จำเป็นต้องใช้แรงเยอะเพื่อกระแทกออก ตอนแรกเริ่มให้เด็กที่ผูกผ้าพันคอสีแดงสองสามคนขึ้นไปทดสอบก่อน ผลปรากฏว่ามุดเข้าไปไม่ได้
หลังจากปรมาจารย์ชี่กงสองคนเข้าไป ก็กระแทกเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วกระแทกตัวออกมาอีกครั้ง พร้อมกับเพลงประกอบฉากและคำพูดที่น่าตื่นตะลึงของพิธีกร งานยังคงคึกคักเหมือนเดิม เสียงปรบมือดังสนั่น
แต่จากสายตาของคนในปัจจุบัน อย่างมากก็แค่มุกเดิมที่เห็นเป็นประจำเท่านั้น แต่ในตอนนั้นกลับเป็นที่น่ายกย่องได้รับการขนานนามเป็นถึงปรมาจารย์
“เถ้าแก่ มายากลนี้น่าเบื่อมาก แต่เพลงประกอบและเสียงของพิธีกรตลกดี”
“อืม เมื่อก่อน มายากลไม่ได้เรียกว่ามายากล แต่เรียกว่าชี่กง”
“ชี่กง”
“ใช่ ชี่กง หรือจะเรียกว่าพลังพิเศษก็ได้”
“ดังนั้น เถ้าแก่ ผู้ชมในคลิปวิดีโอมองพวกเขาเป็นปรมาจารย์จริงๆ ใช่ไหมเจ้าคะ และยังเป็นปรมาจารย์ที่เก่งกาจมากใช่ไหม”
“อืม ใช่แล้ว”
“คนในยุคนั้นโง่จัง” แม้แต่อิงอิงที่มาจากยุคราชวงศ์ชิง ก็ยังไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
“คนที่เชื่อมีเพียงส่วนน้อย” โจวเจ๋อกล่าว
“อย่างนั้นคนส่วนใหญ่ล่ะเจ้าคะ”
“แกล้งทำเป็นตาบอดอยู่ตรงนั้น”
“กินอาหารเช้าเถอะ คุยอะไรกัน” สวี่ชิงหล่างเดินออกมาจากห้องครัว
เกี๊ยวห่อเสร็จแล้วก่อนหน้านั้น แค่ทำน้ำซุปแล้วใส่เกี๊ยวลงไป ไม่ช้าก็ยกออกมาเสิร์ฟได้ ใส่น้ำมันงาสองหยดต้นหอมหนึ่งหยิบมือ แล้วผสมเครื่องปรุงในปริมาณที่พอเหมาะ รสชาตินั้นหอมอร่อยเป็นอย่างมาก
สวี่ชิงหล่างยกออกมาสามชาม โจวเจ๋อลุกขึ้นนั่งริมโต๊ะ หยิบช้อนขึ้นมา แล้วเริ่มกิน
สวี่ชิงหล่างนั่งตรงข้ามโจวเจ๋อ แล้วเริ่มกินทีละคำ
“ยังไม่ได้ข่าวคราวเลย” สวี่ชิงหล่างพูดด้วยความกังวลอยู่บ้าง
ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ แต่ศัตรูอยู่ในที่ลับเราอยู่ในที่แจ้งจึงรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทรมานคนเป็นอย่างมากและที่สำคัญที่สุดคือ อาจารย์ของเขาในครั้งนี้ เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว ดูเหมือนจะรู้จักอดทนอดกลั้นมากขึ้น
เขามีความหวังอยากให้อาจารย์คนนั้นของตัวเองเป็นเหมือนครั้งที่แล้ว บุกเข้ามาฆ่าเลย ถ้าเป็นวาสนาก็ไม่ใช่คราวเคราะห์ ถ้าเป็นคราวเคราะห์ก็หลบไม่พ้น แต่ให้รออย่างนี้ต่อไปไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“ฉันคิดว่า ตอนนี้อย่าเพิ่งกังวลเรื่องนี้” โจวเจ๋อกัดเกี๊ยวหนึ่งคำ ดื่มน้ำซุปหนึ่งช้อน ดึงกระดาษทิชชูออกมาแล้วเช็ดมุมปาก
“ทำไม” สวี่ชิงหล่างถาม
โจวเจ๋อชี้ไปยังชามที่สามที่อยู่ข้างๆ เกี๊ยวชามนั้นวางนิ่งอยู่ตรงนั้น อิงอิงไม่กิน สวี่ชิงหล่างก็ไม่ได้เตรียมให้อิงอิงเหมือนกัน
“นายไม่เห็นเหรอว่าเช้าวันนี้ ดูเงียบเชียบไปหน่อย”
เจ้าลิงล่ะ นักพรตเฒ่าล่ะ หญิงสาวตัวดำล่ะ จิ้งจอกขาวล่ะ แล้วก็ยมทูตสองสามคนที่อยู่ตรงข้ามร้านหนังสือ พวกเขาพอถึงเวลากินข้าวก็จะมานั่งกินด้วย ปกติคนพวกนั้นเมื่อถึงเวลากินข้าวแค่เคาะหม้อเล็กน้อย ก็จะเข้ามานั่งเหมือนผีหิวข้าว แต่วันนี้ทำไมถึงเงียบขนาดนี้
สวี่ชิงหล่างวางช้อนลง
“อิงอิง ไปดูที่สวนข้างๆ หน่อย”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
“ผมจะขึ้นไปดูข้างบน” สวี่ชิงหล่างเดินขึ้นไปชั้นบน
สักพักหนึ่ง อิงอิงกลับมาก่อน พูดด้วยสีหน้าหนักใจ “เถ้าแก่ ที่สวนไม่มีคน แม้แต่เดดพูลก็ไม่เห็น”
สวี่ชิงหล่างเดินลงมาหลังจากนั้น แล้วเอ่ยว่า “ห้องนอนข้างบนก็ไม่มีใครสักคน”
เวลาเพียงครึ่งคืน พนักงานของร้านหนังสือหายไปเยอะขนาดนี้ เถ้าแก่โจวไม่คิดว่าตัวเองโหดกับพนักงานมากเกินไป ดังนั้นพนักงานพวกนี้จึงรวมตัวกันทอดทิ้งตัวเองแล้วหนีไป
แต่พอลองคิดดูอีกที นิ้วมือของโจวเจ๋อกระดิกเล็กน้อย ‘วืด!’ ลมแรงพัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียว ฮวาหูเตียวที่ทำตัวขี้เกียจเหมือนสลอธก็มาเกาะอยู่บนไหล่ของโจวเจ๋อ และยังใช้อุ้งเท้านุ่มๆ ของตัวเองคลำไปที่ก้นของตัวเอง
โอ๊ยเจ็บ
โจวเจ๋อหัวเราะ ยื่นมือดีดหัวของฮวาหูเตียวหนึ่งที “แกยังอยู่เหรอ”
สวี่ชิงหล่างยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าหนักใจ
โจวเจ๋อส่ายหน้า จุดบุหรี่หนึ่งมวน แล้วพูดอย่างช้าๆ “ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีการพัฒนาเลยสักนิด ครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ต้องรอให้เขาออกมาก่อนฉันถึงจะรู้สึกตัว”
จำได้ว่าคราวที่แล้วตัวเขายังอยู่ในห้องทำงานของฉวีหมิงหมิงที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ อิงอิงพยายามสุดชีวิตเพื่อส่งสัญญาณเตือนให้เขา โชคดีที่ยังมีจุดให้พูดปลอบใจได้บ้าง ตอนนี้อิงอิงยังอยู่ข้างกายเขาดีเหมือนเดิม
หากมองจากมุมมองที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวเล็กน้อย คนอื่น ตายแล้วก็ตายไปเถอะ ขอแค่อิงอิงไม่เป็นไร โจวเจ๋อก็ยังต้านทานไหว และไม่รู้สึกว่าท้องฟ้าจะพังทลายลงมา
โจวเจ๋อยอมรับว่าความรู้สึกนี้มีความเห็นแก่ตัวเป็นอย่างมาก แต่ยังมีวิธีอื่นอีกไหมเล่า
น้ำหนึ่งถ้วยยากที่จะตักให้เท่ากันได้ นับประสาอะไรกับน้ำใจคน
“ผมคิดว่า ไม่ใช่เพราะพวกเราไม่พัฒนา แต่ความเร็วในการพัฒนาของพวกเรา ไม่เร็วเท่าเขา” สวี่ชิงหล่างเอ่ย
“คำปลอบใจตัวเองนี้ ฉันให้นายหนึ่งร้อยคะแนน” โจวเจ๋อลุกขึ้น ยื่นมือบิดขี้เกียจ แล้วพูดต่อ “ต่อไป เขาคนนั้นจะทำอะไรกันแน่” โจวเจ๋อกับเหล่าสวี่ไม่ได้ปรึกษาพูดคุยกันถึงกรณีคนหายว่าเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ พวกเขายังมีชีวิตอยู่ไหม ตายแล้วหรือยัง เพราะคุยเรื่องนี้ในเวลานี้ไม่มีประโยชน์
“เถ้าแก่ ข้างนอกหิมะตกอีกแล้ว” อิงอิงชี้ไปด้านนอกหน้าต่างยาวจรดพื้นแล้วเอ่ย
หิมะตกแล้ว แต่เป็นหิมะที่มาพร้อมกับสายฝน และดูเหมือนฝนจะตกหนักน่าดู
สำหรับคนหนุ่มสาวและเด็กน้อยในหลายพื้นที่ หิมะตกเป็นเรื่องที่สนุกอย่างหนึ่ง แต่ ‘หิมะที่มาพร้อมกับสายฝน’ กลับเป็นชื่อที่ทำให้คนปวดหัวมากอย่างหนึ่ง ให้ความหวังและจินตนาการต่อหิมะกับคุณ แต่มักจะดับฝันที่คุณจะได้ปั้นตุ๊กตาหิมะอยู่เสมอ
“เขาคิดว่ายังไม่ถึงตาของพวกเรา หรือไม่ก็ เหลือพวกเราที่เป็นศัตรูคนสำคัญไว้สุดท้าย คิดอยากจะเล่นอะไรแผลงๆ กับพวกเราเหรอ”
สวี่ชิงหล่างไม่ตอบ แต่เดินไปที่ประตูหน้าร้านหนังสืออย่างเงียบๆ แล้วยืนอยู่อย่างนั้น
โจวเจ๋อยักไหล่ อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะนักพรตเฒ่า เป็นผลทำให้ตี้ทิงในนรกออกโรงขัดขวางความคืบหน้านี้ ตอนนี้โจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างอาจจะถูก ‘ทำให้ตาบอด’ ไปนานแล้ว
…
รถสามล้อคันหนึ่ง ถูกผลักออกมาจากถนนฝั่งตรงข้ามอย่างช้าๆ มีม้วนภาพวาดมากมายอยู่บนรถสามล้อ คนขับรถสามล้อเป็นชายชราที่มีอายุแล้ว เขาไม่ได้เข้าใกล้ร้านหนังสือมากเกินไป จอดอยู่ใต้ไฟริมทาง
สายตาของสวี่ชิงหล่างจ้องมองไปที่เขา คนขับรถสามล้อโน้มตัวลง ถอดหมวกแก๊ปสีดำของตัวเองลงมา เผยให้เห็นทรงผมหัวล้านตรงกลาง เขาหยุดชะงักเล็กน้อย เหมือนกำลังทำอารมณ์ สีหน้าบนใบหน้าจากเฉยชาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา มาพร้อมกับความตื่นเต้น ดีใจ และยินดี แต่ดูแข็งๆ ไม่เป็นธรรมชาติเหมือนดึงหนังหน้าของตัวเองลงมา แล้วใช้กาวแปะเข้าไปใหม่
จากนั้นจึงอ้าแขนทั้งสองข้าง เขย่งปลายเท้าขึ้น “อาๆ โอๆ เออ…” นี่คือการลองเสียงไมค์ ลองไมค์เสร็จแล้ว สีหน้าของชายชรามีชีวิตชีวา อ้าแขนสองข้างพร้อมกับใช้น้ำเสียงที่ไพเราะตะโกนทักทายสวี่ชิงหล่างที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความสนิทสนม “ลูกศิษย์ อาจารย์คิดถึงเธอเหลือเกิน!”
ฉากนี้ ทำให้โจวเจ๋อนึกถึงพิธีกรคนนั้นที่เขาดูคลิปวิดีโอก่อนหน้านั้น ซึ่งมักจะพูดประโยคหนึ่งในรายการชุนหว่านทุกปี นั่นก็คือ ‘ท่านผู้ชมที่เคารพรัก ผมคิดถึงพวกคุณเหลือเกินครับ!’
สวี่ชิงหล่างตื่นเต้นดีใจไหม โจวเจ๋อไม่รู้ สวี่ชิงหล่างน้ำตาคลอเบ้าไหม โจวเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลังก็มองไม่เห็น
แต่สิ่งที่โจวเจ๋อมองเห็นคือ สวี่ชิงหล่างเป็นฝ่ายเดินไปหาชายชราคนนั้น เดินเร็วมาก สามารถมองออกถึงความอดรนทนไม่ไหวของเหล่าสวี่
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราสดใสร่าเริงยิ่งกว่า ยิ้มหน้าบานเหมือนดอกซานจา
สวี่ชิงหล่างโผเข้าไปในอ้อมกอดของชายชรา ไม่มีเสียงร้อง ‘งุ้งงิ้ง’ อาจารย์ผมคิดถึงคุณมาก พร้อมกับกำหมัดเล็กทุบหน้าอกของคุณ วิธีการแสดงความรู้สึกของเหล่าสวี่ดูเรียบง่ายและหยาบกระด้าง เขาชักดาบเหรียญทองแดงออกมา แล้วแทงไปที่หน้าอกของอาจารย์ตัวเองโดยตรง จากนั้นดึงออกมา แล้วแทงลงไปอีก ดึงออกมา แล้วแทงลงไป ทำซ้ำไปซ้ำมาด้วยความรู้สึกที่จริงใจกับการกระทำที่รุนแรง อาจารย์และลูกศิษย์รักกันอย่างลึกซึ้ง ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว
……………………………………………………………………….
[1] ชุนหว่าน งานกาล่าฉลองตรุษจีน ถ่ายทอดสดทางช่อง CCTV และแพลตฟอร์มนิวมีเดียต่างๆ