ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 718 ทนายอันกลับมาแล้ว
ตอนที่ 718 ทนายอันกลับมาแล้ว
นักพรตเฒ่าตัดสายทิ้ง แต่เสียงเกรี้ยวกราดของผู้หญิงกลับยังแว่วดังไม่หยุด ประหนึ่งเสียงสะท้อนไปมาอยู่ภายในร้านหนังสือ บรรยากาศของร้านหนังสือลดลงสู่จุดเยือกแข็งทันที บรรยากาศที่กดดันเช่นนี้ กำลังปกคลุมไปทั่วร้านหนังสืออย่างช้าๆ
นักพรตเฒ่าเอาสองมือกุมใบหน้าของตัวเอง บีบหน้าอย่างแรง ประมาณว่าบังคับให้ตัวเองได้สติขึ้นมา นิ้วมือของโจวเจ๋อกรีดเบาๆ บนโต๊ะน้ำชา แต่กลับสลักฝังเป็นทางขึ้นมา เหล่าจางเลียริมฝีปาก ทว่าตอนที่สายตาของเขากวาดตามองไปที่โจวเจ๋อ กลับตกใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
แววตาของโจวเจ๋อเย็นชา เย็นชาเป็นอย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว เถ้าแก่ของตัวเองเวลานอนอยู่บนโซฟาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา จะอยู่ในช่วงที่สบายและขี้เกียจมากที่สุด เหมือนแมวตัวหนึ่งถูกนวดขน หรี่ตาแสดงความผ่อนคลายออกมา แต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะด้วยประสบการณ์ของตำรวจอาชญากรรมในอดีต หรือความเข้าใจในนิสัยของคนในร้านหนังสือ เหล่าจางแน่ใจว่า ครั้งนี้เถ้าแก่ของตัวเองเกิดเจตนาสังหารแล้วจริงๆ
หากจะกล่าวโดยทั่วไป คนเรามักเปลี่ยนไปเสมอ เหล่าจางไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะหลายเรื่องที่เกิดขึ้นติดต่อกันหรือไม่ ถึงทำให้นิสัยของเถ้าแก่เริ่มเปลี่ยนไป หรือจะเป็นเหมือนที่ทนายอันพูดในตอนนั้น นิสัยของเถ้าแก่กับนิสัยที่น่ากลัวของคนผู้นั้นที่อยู่ในร่างกำลังส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน
ไม่ว่าอย่างไร โจวเจ๋อในตอนนี้กับตอนที่เพิ่งรู้จักกับเขา มีความเปลี่ยนแปลงเยอะมากจริงๆ เปลี่ยนไปเป็นเด็ดขาดมากขึ้น ปกติดูไม่ออก แต่ความโกรธยามที่เกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ได้ระเบิดออกมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิดเดียว
นิ้วมือของโจวเจ๋อสั่นเล็กน้อย ‘ปิ้ว!’ แสงแวบวาบสีเทาโผล่มาอยู่บนโต๊ะน้ำชาตรงหน้าโจวเจ๋อทันที ท่าทางประจบประแจง ส่ายหางๆๆ
ฮวาหูเตียวถือว่าเป็นตัวเดียวที่ใช้ชีวิตอย่างสบายใจที่สุดในช่วงนี้ คนอื่นถ้าไม่บาดเจ็บตามร่างกายก็บาดเจ็บทางจิตใจ มีแต่มันตัวเดียวที่ทั้งวันนอกจากนอนแล้วก็นอน แน่นอนว่า ต้องกำจัดเรื่องฝังใจที่อาจจะโดนระเบิดตูดได้ตลอดเวลาออกไปก่อน
อันที่จริง ก่อนหน้านี้ตอนที่ต่อสู้กับชายชราและตำรวจเฉินที่โรงพยาบาล ฮวาหูเตียวได้ออกแรงช่วยเหมือนกัน แต่วิธีการออกแรงของมันก็แค่เล็กน้อยแล้วหยุดเท่านั้น ไม่ได้ทุ่มพลังสุดชีวิตจริงๆ
ตอนนั้นโจวเจ๋อก็ไม่ได้ขอร้องให้มันทุ่มสุดชีวิต เพราะโจวเจ๋อรู้ดี สาเหตุที่ฮวาหูเตียวเชื่อฟังคำสั่งของตัวเอง เป็นเพราะมันกลัวเจ็บ
ถ้าหากบังคับมันให้ทุ่มเต็มที่ มันก็จะถูกชายชรากับตำรวจเฉินตี ไม่ว่าอย่าไรก็เจ็บอยู่ดี ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทนความเจ็บปวด แล้วมันจะเลือกอย่างไร คาดว่า มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะกลับลำ
ไม่ว่าอย่างไร โจวเจ๋อเป็นคนที่มันเกลียดที่สุดคนหนึ่ง เพราะลากมันออกมาจาก ‘การจำศีล’ แบบดื้อๆ อย่าเห็นว่ามันน่ารักมาก แต่จิตใจนั้นคับแคบยิ่งนัก ตอนที่อยู่ในถ้ำ คนในร้านหนังสือเกือบจะถูกมันฆ่าทั้งบาง
“เถ้าแก่” เหล่าจางเดินมาข้างโซฟาทันที อยากจะพูดอะไร แต่ไม่รู้ทำไมกลับพูดไม่ออก อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครเจอเรื่องแบบนี้ ก็ต้องโกรธทุกคน
คนทั่วไปโกรธแล้วก็แล้วกัน ทว่าปัญหาคือ คนธรรมดาทั่วไปในร้านหนังสือมีน้อยเหลือเกิน หลังจากสวี่ชิงหล่างรวมเป็นหนึ่งเดียวกับส่วนหนึ่งของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแล้ว ก็ไม่นับว่าเป็นคนทั่วไป
และนักพรตเฒ่าคนเป็นที่เหลือในร้านหนังสือเพียงคนเดียว ก็มีความคล้ายนักศึกษาหญิงในคณะวิศวกรรมโยธา ยังเป็นคนนั้นที่ถูกรังแก
โจวเจ๋อยื่นมือลูบตัวฮวาหูเตียว โดยเฉพาะก้นที่เหมือนสุนัขคอร์กี้ มือสัมผัสแล้วรู้สึกนุ่มสบายจริงๆ ทำให้ชอบจนไม่อยากปล่อยมือ
“มีบางคน ในเมื่อรนหาที่ตาย ก็อาจจะตายได้จริงๆ” โจวเจ๋อพูดอย่างสงบนิ่ง
นักศึกษาที่ตายไปคนนั้นยังไม่ต้องพูดถึง แต่แม่ของเขา ได้พิสูจน์ประโยคนั้นอย่างชัดเจน ‘ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูเดียวกัน[1]’ ขยะที่น่าขยะแขยงแบบนี้เก็บไว้บนโลกนี้ทำไม ไม่สิ้นเปลืองอาหารเหรอ
“เถ้าแก่…” เหล่าจางรู้สึกว่าตัวเองต้องห้ามหน่อย
โจวเจ๋อเหลือบตามองเหล่าจางหนึ่งที หัวเราะแล้วพูดว่า “สามารถหาที่อยู่ได้ไหม”
“…” เหล่าจาง
“ช่างเถอะ ไม่ทำให้คุณลำบากใจดีกว่า” โจวเจ๋อเงยหน้า ครุ่นคิด พอจะต้องใช้งาน ผลปรากฏว่าคนในร้านหนังสือที่สามารถส่งออกไปทำงานได้ในตอนนี้มีน้อยจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ ตอนนี้ถ้าไม่บาดเจ็บก็พิการ ไม่อย่างนั้นก็มีหน้าที่ดูแล ‘ผู้บาดเจ็บ’
“ข้าไปก็ได้” สาวน้อยโลลิเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในเวลานี้
“สามีของคุณตื่นแล้วเหรอ” สาวน้อยโลลิกลอกตาใส่โจวเจ๋อหนึ่งที แต่ก็ยังพยักหน้า
“โอเค คุณไปก็แล้วกัน จากนั้นคุณไม่ต้องลงมือ” ขณะที่พูด โจวเจ๋อยื่นมือตีก้นของฮวาหูเตียว
“จี๊ดดดด” ฮวาหูเตียวร้องขึ้นมา
“ฆ่าคน ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ฮวาหูเตียวหันหน้ามามองโจวเจ๋ออย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ผ่านไปนานพักหนึ่ง จึงพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร
“เถ้าแก่ ไม่ถึงขั้นนั้นๆ เอ่อ…” เหล่าจางยังอยากโน้มน้าวต่อ แต่โจวเจ๋อดูเหมือนจะไม่สนใจ ทำท่าไม่อยากฟังเลยสักนิด
“อ้าว ดูคึกคักเชียว” เวลานี้ประตูร้านหนังสือถูกผลักออก ผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทที่ถึงแม้จะมีแขนข้างเดียวแต่ยังคงมีความกะล่อนเหมือนเดิมปรากฏตัวอยู่หน้าประตู เขาโน้มตัวคำนับ ท่าทางเจ้าชู้เหมือนเดิม แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ทุกคนผมกลับมาแล้ว”
…
ทนายอันคือคนที่เวลาเขาอยู่หรือไม่อยู่นั้นไม่ต่างกัน แต่ถ้าหากไม่อยู่จริงๆ จะรู้สึกถึงความไม่สะดวก มีความคล้ายกับชักโครกตัน ปกติวางอยู่ตรงนั้นคุณจะรู้สึกว่ากินพื้นที่ แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ เมื่อไม่มีเขา คุณจะเอามือล้วงเองก็คงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
เหล่าจางเหมือนเจอตัวช่วย รีบเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทนายอันฟัง ทนายอันหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดหน้าตอนที่เหล่าจางพ่นน้ำลายใส่หน้าตัวเอง พลางพยักหน้าหงึกๆ ไม่หยุด วันนี้เหล่าจางกินผัดกระเทียมจากโรงอาหารของสถานีตำรวจบวกกับเป็นร้อนใน ดังนั้นกลิ่นปากนี้…ไม่ง่ายเลยกว่าจะฟังจบ
ทนายอันรีบตบหน้าอกของตัวเองทันที แล้วพูดกับโจวเจ๋อ “เถ้าแก่ ในเมื่อครองตนให้สะอาดผ่องใสมานาน จะทำให้เสียภาพลักษณ์ก็คงไม่ได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ถึงแม้จะเป็นมันที่ไปฆ่าคน แต่ก็ต้องมีผลแห่งกรรมที่ตกใส่พวกเราแน่นอน ถึงแม้คุณจะมีหนังสือรับรองยมทูตที่เป็นกรณีพิเศษ อ้อไม่ ตอนนี้คือป้ายคำสั่งแล้ว แต่ไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงเพราะเรื่องนี้ แค่คนในครอบครัวของคนเลวคนหนึ่งเท่านั้น ทำให้พวกเขาตายทั้งเป็น เป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก วางใจได้ เรื่องนี้ผมจัดการเอง”
โจวเจ๋อไม่พูดอะไรแล้ว แน่นอนว่า ไม่คิดที่จะยืนกรานความคิดเดิมของตัวเองต่อไป หากจะพูดถึงวิธีแกล้งคนและยังเป็นคนธรรมดาด้วยแล้ว โจวเจ๋อเชื่อในวิธีสกปรกของทนายอันเป็นอย่างมาก
ทนายอันหัวเราะ เดินไปตรงหน้านักพรตเฒ่า ยื่นมือจับไหล่ของนักพรตเฒ่า แทบจะพูดเหมือนตะคอก “ทำไมคุณถึงแก้นิสัยทำตัวเป็นคนดีไม่ได้เสียที มัวแต่สนใจว่าตัวเองให้เงินแล้วรู้สึกสบายใจรู้สึกประสบความสำเร็จก็พอแล้วใช่ไหม ถ้าไม่ไหวจริงๆ คุณไปที่โรงเรียนประถม มัธยม และมหาวิทยาลัยในทงเฉิง ตั้งแผงข้างทางทุกวัน หรือไม่ก็เหมาหน้าต่างช่องหนึ่งของโรงอาหาร ทำกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวันกับอาหารเย็นฟรีไม่ดีกว่าเหรอ ตอนนี้ มีใครใช้ชีวิตง่ายบ้าง ไม่ว่าคนที่ไหน ถ้าในบ้านไม่มีคนป่วยแถมยังมีแขนขาครบทุกประการ ใครมันจะส่งลูกเรียนหนังสือไม่ได้ ไร้สาระ!”
นักพรตเฒ่าโดนว่าได้แต่พยักหน้าไม่หยุด หัวใจของเขาสับสนว้าวุ่นเล็กน้อยจริงๆ
ทนายอันมองแล้วก็อดใจไม่ไหว และก็ไม่กล้าผิดใจกับนักพรตเฒ่าขนาดนั้น คนเรา มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ส่วนใหญ่ตลอดชีวิตยากที่จะเกาะคนมีเส้นสายได้ ผลปรากฏว่า ตอนนี้เขามีคนให้เกาะสองคน! หนำซ้ำยังเป็นมังกรแฝงกายทั้งหมด เขาจะได้เป็นขุนนางคนสนิทของกษัตริย์!!!!!!!
ทนายอันหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมา เช็ดใบหน้าให้นักพรตเฒ่า แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “วางใจได้ มีผมอยู่ทั้งคน ผมจะช่วยคุณจัดการให้เรียบร้อย ทำใจให้สบายๆ” ขณะที่พูด ทนายอันดึงนักพรตเฒ่าเข้ามากอดอยู่ในอ้อมอกของตัวเอง ตบหลังของเขา แล้วพูดพึมพำว่า “จริงๆ แล้ว บางครั้ง ผมมองคุณเป็นพ่อในชาติที่แล้วของผมจริงๆ เขาก็นิสัยดี นิสัยดีเหมือนกับคุณ”
“จากนั้นล่ะ” สาวน้อยโลลิถามด้วยแววตาเย็นชาอยู่ข้างๆ
“จากนั้นเขาถูกคนหลอกจนหมดตัว ผมเป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองของประเทศ เดิมทีจะไปทำงานนอกพื้นที่ที่หวงผู่ แต่ผลปรากฏว่าบ้านล้มละลาย ถูกเจ้าหนี้ไล่แทงตาย”
คำปลอบใจสิ้นสุดลง ทนายอันมองไปที่เคาน์เตอร์ ยื่นมือเหมือนจะพูดอะไร
“ทนาย กาแฟของเจ้า!” อิงอิงยื่นกาแฟแก้วใหญ่พิเศษให้ทนายอัน และไม่ลืมที่จะให้ ‘คอฟฟีเมต’ ที่เถ้าแก่ให้ตัวเองคราวที่แล้ว
ทนายอันรับ ‘แก้วใบใหญ่พิเศษ’ มาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ชูนิ้วโป้งให้อิงอิง แล้วเอ่ยว่า “ อิงอิง คุณสวยขึ้นทุกวันเลยนะ”
อิงอิงได้รับคำชมว่าเป็น ‘เถ้าแก่เนี้ย’ มาก่อนแล้ว จึงไม่รู้สึกอะไร
‘เอือกๆๆๆๆ!!!!!!!’ เนสกาแฟหมดอายุผสม ‘คอฟฟีเมต’ ถูกทนายอันดื่มรวดเดียวจนหมดเกลี้ยง เหมือนดื่มเหล้าไม่ผิดเพี้ยน เมื่อวางแก้วลงแล้วยังใช้ข้อศอกเช็ดมุมปากของตัวเอง
“ฮ้า…” ทนายอันเหมือนนึกอะไรได้ จึงเอ่ยว่า “เถ้าแก่ สถานพักฟื้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ห้องตกแต่งใหม่สุดยอดมาก เหมาะไปนอนอาบแดดพักผ่อนที่สถานพักฟื้น คุณจะว่างไปเมื่อไร”
“เร็วๆ นี้”
“เอ่อ ใจร้อนขนาดนั้นเชียว ได้เลยๆ” ทนายอันหมุนลูกตา เหมือนจะเดาอะไรออก แต่ยังไม่มั่นใจเท่าไร
“จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน” โจวเจ๋อเอ่ยเตือน
“สบายใจได้ ผมขอคิดแผนก่อน จัดการคน ต้องยอมลงต่ำก่อนแล้วค่อยขึ้นสูง แบบนี้ถึงจะสะใจ เหมือนนิยายในร้านหนังสือ ต้องให้คนเหยียบหน้าสะสมความแค้นเยอะๆ ก่อน ตอนตบหน้าคืน ถึงจะสะใจ” ทนายอันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรออก
“ฮัลโหล พวกคุณตายกันหมดหรือยัง ถ้ายังไม่ตาย ดูข้อความงานกลุ่มด้วย แล้วก็ไปทำงานให้ผม! บริษัทอื่นตอนนี้กำลังตัดเงินโบนัส พวกคุณอยากให้ผมตัดด้วยใช่ไหม!” หลังจากบ่นเสร็จแล้ว ทนายอันจึงส่ายโทรศัพท์ไปมา แล้วเอ่ยว่า “คอยดูของดีเถอะ” พูดจบ ทนายอันจึงโอบไหล่ของเหล่าจาง “ไป เหล่าจาง พวกเราไปดูที่เกิดเหตุกัน”
“ตอนนี้เหรอ”
“ใช่ ตอนนี้”
“คุณกำลังสงสัยอะไรอยู่งั้นเหรอ”
“ถามอะไรไร้สาระ คนสติไม่ดีที่ตอนแรกทำตัวน่าสงสารอยากขอให้ช่วยซื้อโทรศัพท์ให้ คุณลองบอกผมที ว่าเขาเอาความกล้าจากไหนมาฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เพราะผมดูถูกพวกหมาป่าตาขาวที่เห็นแก่ตัวแบบนี้หรอกนะ ถ้าคุณสั่งให้พวกเขาไปเลียใต้รองเท้าคนอื่น พวกเขาจะมีแรงฮึดมากกว่าใคร แต่ถ้าคุณสั่งให้พวกเขาไปตาย เหอะๆ พวกเขาไม่กล้าหรอก!”
……………………………………………………………………….
[1] ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูเดียวกัน หมายถึง คนที่อยู่ด้วยกัน ทำอะไรคล้ายๆ กัน มีความคิดความอ่านเหมือนๆ กัน