ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 730 งื้อ เถ้าแก่อ่า~
ตอนที่ 730 งื้อ เถ้าแก่อ่า~
เอ่ยพูดยังไม่ทันจบประโยค โจวเจ๋อก็คร้านจะสนใจเจ้าโง่แล้ว แต่พูดตามตรงก็ไม่ได้โกรธอะไรมาก เมื่อคิดว่าเขาหลับใหลไปนานพอสมควร เพิ่งจะตื่นมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ชีวิตที่ไม่มีเขาดูขาดรสชาติไปไม่น้อยจริงๆ บางครั้งมีอารมณ์มาพูดพล่ามอะไรสักสองสามประโยค ยิ่งไปกว่านั้นเขาอัดอั้นมานานมากก็ต้องปล่อยให้เขาพูดพล่ามสักหน่อยใช่ไหมล่ะ เกิดอัดอั้นจนเกิดปัญหาทางจิตใจขึ้นมาอีก คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานในท้ายที่สุดก็เป็นตัวโจวเจ๋อเองอยู่ดี
‘จะ…ออก…เดินทาง…เมื่อไร…’
‘ไปเสฉวนใช่ไหม’ โจวเจ๋อครุ่นคิดแล้วเอ่ยต่อ ‘ต้องรอให้ลูกบุญธรรมของผมรักษาแขนให้หายดี แล้วผมค่อยเอามาต่อแขนของผมให้เสร็จก่อนละมั้ง’
‘เจ้า…มอบ…อักขระ…ให้…เขา…แล้ว…’
‘ให้แค่อันเดียว’
‘วิชา…ของ…ข้า…เจ้า…ให้…ผู้อื่น…ตาม…อำเภอ…ใจ…แล้ว…ไป…เรียน…รู้…ขยะ…พวกนั้น…หรือ’
‘เขาน่ะเรียบง่าย ระดับต่ำ หยาบคาย เรียนรู้ง่ายดี ของคุณน่ะสูงเทพเกินไป เรียนไม่ไหว’
มองขาดเรื่องนับหมื่นพัน เว้นเพียงเรื่องประจบสอพลอ
คุณเพิ่งตื่นจะไม่ปีนเกลียวใส่คุณตลอดเวลาแล้วกัน
‘เจ้า…นึก…ว่า…ข้า…ชอบ…ฟัง…คำพูด…ประเภท…นี้…หรือ’
‘ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมรู้ว่าคุณจะต้องไม่…’
‘ชอบ…ฟัง…จริงๆ…นั่น…แหละ…’
‘…’ โจวเจ๋อ
“เจ้า…เรียนรู้…วิชา…ของ…เขา…ได้…”
‘คุณไม่โกรธหรือไง’
มันก็คล้ายกับสำนักหนึ่ง ศิษย์ที่หลอกลวงอาจารย์กำจัดบรรพบุรุษได้สร้างเคล็ดวิชาขึ้น ศิษย์รุ่นหลังไม่สะดวกใจเรียนรู้วิชานี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นจะหมายความว่าอย่างไร
ถึงแม้จะรู้ว่าวิชานี้ดี แต่ก็ไม่อาจเรียนรู้ ไม่ได้มีเพียงแค่ในวงการราชการเท่านั้นที่เน้นความถูกต้องทางการเมือง
‘แต่…ไม่…ได้…เรียน…กัน…อย่าง…นี้…’
‘คุณจะสอนผมเหรอ’
โจวเจ๋อยิ้มๆ พร้อมกับจุดบุหรี่ แต่ยังไม่ทันจะได้สูบ จู่ๆ เสียงก็ดังมาจากก้นบึ้งหัวใจ “ได้…”
‘วืด!’
‘เชี่ย แก!’
ก่อนที่โจวเจ๋อจะทันได้ตั้งตัว รู้สึกว่าสมองของตัวเองเต็มไปด้วยอารมณ์เชิงลบทันที ทั้งความหวาดกลัว คำสาปแช่ง ความขยะแขยง ความเกลียดชัง… กลิ่นอายพลังด้านลบมากมายเริ่มระบายพรั่งพรูออกมา ตอนนี้เองโจวเจ๋อถึงได้รู้ตัวว่าเจ้างั่งปากกาพิฆาตไม่ได้อยู่ในร่างของตัวเอง แต่ดันอยู่ในบั้นท้ายของฮวาหูเตียว
เมื่อปราศจากการสยบของเจ้างั่ง ช่วงระยะห่างระหว่างเขาและโจวเจ๋อใกล้เกินไปแล้ว ใกล้เกินไปแล้วจริงๆ!
‘คลั่ง…จาก…ร่าง…กาย…หา…ใช่…เจต…จำ…นง…’
เส้นเลือดปูดโปนบนแขนของโจวเจ๋อ เสื้อผ้าบนร่างกายที่เพิ่งเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำเริ่มถูกพลังแกร่งฉีกเป็นชิ้นๆ อักขระบนหน้าอกเริ่มผุดออกมาให้เห็น ในแววตาถูกประกายสีแดงฉานปกคลุมอย่างสมบูรณ์ แฝงไปด้วยพลังกดข่มมหาศาล!
เซลล์ทั้งหมดในร่างกาย กระดูกทุกตารางนิ้ว ราวกับจะรวมตัวกันโห่ร้อง คล้ายกับมีดคมกริบที่ลับคมมานานหลายปี แทบรอไม่ไหวที่จะหลุดออกจากฝัก!
…
นักพรตเฒ่าอุ้มเจ้าลิงน้อยไว้ในอ้อมแขนกำลังป้อนนมให้มัน แน่นอนว่าไม่ได้ป้อนนมของนักพรตเฒ่า แต่เป็นนมเปรี้ยวที่ตั้งใจซื้อมา เจ้าลิงน้อยดื่มอย่างช้าๆ กระหม่อมเล็กๆ พิงข้อศอกของนักพรตเฒ่า ปู่หลานทั้งสองสงบสุขมาก
“เจ้านี่น้า คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ หาเรื่องปวดหัวใส่ตัวน่าเบื่อจะตาย”
“เจี๊ยก…เจี๊ยกๆๆ!!!!!!!!” ทันใดนั้นเจ้าลิงน้อยก็ร้องอย่างกระวนกระวาย นัยน์ตาฉายแววตื่นตระหนก
“ให้ตายสิ เจ้าเป็นอะไร เป็นอะไรไปอีกล่ะเนี่ย!”
นักพรตเฒ่าไม่รู้ตัวจริงๆ แต่ความอ่อนไหวตามธรรมชาติของเจ้าลิงน้อยกลับทำให้มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันบ้าคลั่งและดุร้ายที่ปะทุขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของตัวเองอย่างกะทันหัน ขนของเจ้าลิงลุกชูชันไปทั่วทั้งตัวทันที!
…
“ขอบใจนะที่ช่วยดูแลเขาแทนผม” ทนายอันเอ่ยขอบคุณสาวน้อยโลลิ
สาวน้อยโลลิไม่ได้ตอบอะไร เธอคร้านจะเอ่ยอะไรที่เป็นพิธีรีตอง ส่วนเด็กชายนอนลืมตาอยู่บนเตียง ไม่พูดอะไรเช่นกัน ทนายอันรู้สึกว่าอยู่ในห้องของตัวเอง ข้างเตียงของตัวเอง แต่ตัวเองดูเหมือนจะเป็นส่วนเกิน!
ทันใดนั้นเอง เด็กชายจ้องเขม็ง แล้วผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง เผยสีหน้าหวาดผวาออกมา ขณะเดียวกัน ร่างของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน เป็นการสั่นเทาจริงๆ เขากำลังหวาดกลัว เขากำลังตื่นตระหนก พลังกดข่มที่ถึงแม้เขาจะแอบซ่อนแต่มันกลับถูกประทับอยู่ในส่วนลึกของสายเลือดได้โจมตีเขาล้มลงในชั่วพริบตา!
เขาเพิ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บสาหัส พลังและจิตวิญญาณยังอยู่ในระยะพักฟื้น พอเป็นแบบนี้ขึ้นมา สีหน้าก็ซีดเซียวลงถนัดตา สาวน้อยโลลิก็รู้สึกหดหู่อย่างมากเช่นกัน ราวกับว่าฝ่าเท้าของตัวเองกำลังยืนอยู่บนสัตว์ร้ายจากนรก!
ทนายอันตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเปิดประตูพุ่งลงบันไดไปทันที เมื่อเขายืนอยู่บนปากบันไดแล้วมองลงมาข้างล่าง พลันกระโดดขึ้นด้วยความโมโหทันที ทว่าคำว่า ‘คุณบ้าไปแล้ว’ กลับไม่กล้าพูดออกจากปากตรงๆ แต่ในใจนั้นไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีการรุกรานจากศัตรูภายนอกแท้ๆ และไม่มีเหตุการณ์อะไร คุณอยู่บ้านแล้วจะใช้วิชาอู๋ซวงทำไมล่ะเนี่ย
สายตาของโจวเจ๋อเริ่มกวาดมองอย่างช้าๆ แววตาสงบนิ่งยังหลงเหลือสีแดงจางๆ และสีแดงนี้ก็กำลังจางหายไปอย่างต่อเนื่อง แต่ความคุกคามกดดันกลับกดทับลงมาราวกับขุนเขา!
ทนายอันเผยรอยยิ้มแข็งค้างบนใบหน้าและพูดว่า “เถ้าแก่ คุณหล่อจัง…”
…
ในสวนผักข้างบ้าน
ในสายตาของเดดพูลที่กำลังดูแลหญิงสาวตัวดำอย่างเอาใจใส่จู่ๆ ก็ฉายแววตื่นตระหนกออกมา ทันใดนั้นอักขระบนหน้าอกก็กะพริบสั่นไหวขึ้นมา
‘ตุ้บ!’
เดดพูลคุกเข่าลงและแตะหน้าผากสัมผัสกับดิน โจวเจ๋อให้อักขระแก่เขา มันคือโอกาส ขณะเดียวกันก็เป็นการจองจำในระดับที่ลึกลงไปอีกขั้นด้วย!
มันให้ทิศทางการพัฒนาแก่เดดพูล พร้อมกันนั้นก็เท่ากับเป็นการใส่กุญแจมือ ควบคุมเดดพูลให้อยู่ในกำมือของโจวเจ๋ออย่างแน่นหนา สิ่งหนึ่งที่มีความผูกพันกับตัวเองอย่างลึกซึ้ง ทั้งยังเป็นแพทย์ประจำครอบครัวที่สามารถบริการ ‘งอกอวัยวะที่ขาด’ ให้กับตัวเองได้ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ปล่อยเขาไป และเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้เขามีหนทางย้อนกลับมาเอาคืน…
สวี่ชิงหล่างก็เดินลงบันไดไป เห็นโจวเจ๋อยืนอยู่หน้าโซฟาใช้วิชาอู๋ซวงแผ่กลิ่นอายออกมาอย่างรุนแรง จึงเอ่ยด้วยความสงสัยเล็กน้อย “มีศัตรูบุกโจมตีเหรอ”
ทนายอันส่ายหน้า
“งั้นเขาทำอะไรอยู่น่ะ”
ทนายอันส่ายหน้าอีกครั้ง
“ถ้าคุณไม่เข้าใจอะไรเลยแล้วมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”
ทนายอันส่ายหน้าอีกครั้ง
…
‘ปล่อย…ให้…จิต…สำ…นึก…ของ…เจ้า…ตื่น…จาก…ความ…รุนแรง…โหด…เหี้ยม…’
โจวเจ๋อยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน สีแดงเลือดในดวงตากำลังจางลงอย่างช้าๆ แต่นี่มันยังไม่พอ!
เดิมทีโจวเจ๋อนึกว่า รูปแบบและความรู้สึกในการต่อสู้ของเจ้านั่นจะเป็นการพยายามรีดเร้นพลังพิฆาตของผีดิบในร่างกายของตัวเองออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อจิตใจถูกพลังพิฆาตกระตุ้น ก็จะแสดงให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวที่แท้จริงของผีดิบ!
แต่ตอนนี้กลับจำเป็นต้องไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอีกขั้น คือต้องรักษาจิตสำนึกของตัวเองไว้ให้ชัดเจน และปล่อยให้ร่างกายของตัวเองอยู่ในสภาวะนั้นต่อไป นี่เปรียบเสมือนกับให้ทหารที่ตะลุยแนวรบของข้าศึกอย่างหาญกล้าไม่กลัวตาย ต้องเปลี่ยนสายเป็นพลซุ่มยิงที่เย็นชา
เห็นได้ชัดว่าคนข้างหลังดูคุกคามยิ่งกว่าคนข้างหน้ามาก
แต่บางทีทุกอย่างอาจจะรีบร้อนเกินไป โจวเจ๋อไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยสักนิด เขาคิดไม่ถึงว่าคุยกับอิ๋งโกวไปเรื่อยๆ แล้วจะออกมาเป็นแบบนี้ดื้อๆ !
เท่ากับว่าก้าวก่อนคุณยังนอนหลับอยู่บนเตียง แต่ก้าวต่อไปดันมีคนมาบอกคุณว่าสึนามิมาแล้ว รีบหนีเร็ว!
ทั้งร่างตกอยู่ในอาการสับสนงุนงง ยังจะหนีได้อย่างไร
หากความประหลาดใจมาอย่างกระชั้นชิดเกินไป ก็จะกลายเป็นความตกใจได้ง่ายๆ พยายามมากแล้ว แต่สีแดงในดวงตาก็ยังไม่มีทางหายไปทั้งหมดอยู่ดี นี่เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามความต้องการของอิ๋งโกว อีกอย่างจากการพยายามยับยั้งจิตสำนึกให้คงอยู่ ทำให้พลังบนร่างของโจวเจ๋อเริ่มควบคุมไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจิตสำนึกและร่างกายไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกายที่ยังเป็นผีดิบอยู่ ท้ายที่สุดเริ่มหลุดออกจากกันไปอีกชั้น
ร่างกายเริ่มสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะอดทนอดกลั้นมาถึงขีดสุด จนเกือบจะบ้าดีเดือดอย่างสมบูรณ์ อารมณ์คลั่งรุนแรงเริ่มจู่โจมสมองของโจวเจ๋อไม่หยุดดุจกระแสน้ำหลาก คลื่นแล้วคลื่นเล่า โจวเจ๋อไม่สามารถข่มมันไว้ได้เลย และรู้สึกว่ามันเกินขอบเขตความสามารถของเขาอย่างสิ้นเชิง
อิงอิงที่อุ้มเสื้อผ้าออกมาจากห้องน้ำเผยสีหน้าประหลาดใจ แต่กลับไม่หวาดกลัวเลยสักนิด เพียงแค่มองเถ้าแก่ของเธออย่างเป็นห่วงเล็กน้อยแล้วถามว่า “เถ้าแก่ ท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ”
สายตาของโจวเจ๋อตกอยู่ที่ร่างอิงอิง ชั่วขณะหนึ่ง ความคุกคามกดดันที่ทำให้ทนายอันรู้สึกหวาดกลัวเปลี่ยนไปเช่นกัน
งื้อ~~
เถ้าแก่อ่า~~
“ชา!” โจวเจ๋อฝืนข่มเสียงสั่นไหวของตัวเองและเอ่ยพูด
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่” อิงอิงก็ข่มการพลุ่งพล่านของสายลือดในร่างกายตัวเองเช่นกัน เมื่อเดินไปถึงด้านหลังเคาน์เตอร์ก็เริ่มชงชา งานที่เดิมทีทำเป็นประจำในทุกๆ วัน กลับทำผิดๆ ถูกๆ ในเวลานี้เสียได้ เทน้ำหกข้างนอกหลายต่อหลายครั้ง
ในที่สุดก็เทใส่ถ้วยชาเรียบร้อยแล้ว อิงอิงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะยกถ้วยชาเดินมาด้านหน้าโจวเจ๋อ แล้วยื่นถ้วยชาให้ โจวเจ๋อยื่นมือออกไป แขนยังสั่นเทาไม่หยุด ตอนนี้มือข้างนี้มีพละกำลังที่สามารถบดแท่งเหล็กเป็นเสี่ยงๆ ได้ แต่กลับไม่กล้าแตะต้องถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้า
อิงอิงยกถ้วยชารออยู่อย่างนั้น รอจนกว่าเถ้าแก่ของเธอจะรับถ้วยชาไป เถ้าแก่ไม่รับ เธอก็ได้แต่รออย่างนิ่งเฉย
การตอบสนองร่วมของสายเลือดดังและการกดข่มจากสายเลือดระดับที่เหนือกว่า ทำให้หน้าอกของอิงอิงกระเพื่อมเป็นระยะๆ กระทั่งคิดไม่ถึงว่าจะมีเลือดฝาดบนใบหน้า เธอเป็นผีดิบ แต่ท่ามกลางความไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอได้เปลี่ยนไปจนคล้ายกับมนุษย์ขึ้นไปทุกทีแล้ว
‘ยัง…ไม่…ได้…อีก…หรือ…’
สีแดงในดวงตาของโจวเจ๋อไม่เพียงแต่ไม่มีแนวโน้มลดลงเลย กระทั่งยังรู้สึกเหมือนจะกลายเป็นสีแดงเข้มขึ้นไปอีกครั้ง!
แต่มือข้างนี้ก็ยังไม่กล้าจับถ้วยชาถ้วยนี้เลยจริงๆ
“เถ้าแก่ ท่านคอแห้งมากไหมเจ้าคะ” อิงอิงถาม
“คอแห้ง…” โจวเจ๋อเอ่ยด้วยความยากลำบาก
อิงอิงได้ยินดังนั้นรีบก้มหน้าลงทันที ดื่มน้ำชาในถ้วยเข้าปาก แล้วเขย่งปลายเท้าประกบริมผีปากกับโจวเจ๋อ น้ำชาถูกป้อนเข้าไป
รสชาติหนงฟูสปริง[1]…
มันเตือนให้โจวเจ๋อนึกถึงความรู้สึกขณะนั่งดื่มน้ำที่หน้าโต๊ะทำงาน ตอนที่เขาเพิ่งพาอิงอิงกลับร้านหนังสือมาด้วย
ชาอุ่นๆ ค่อยๆ ไหลลงสู่ช่องท้อง ดวงตาสีแดงของโจวเจ๋อจางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน กลายเป็นสีดำสนิทของบ่อน้ำโบราณไร้คลื่นเข้ามาแทนที่ เหมือนน้ำหมึกข้นคลั่กหมุนวนอยู่ในเบ้าตา ร่างกายก็สงบลงตามเช่นกัน เมื่อดื่มชาเสร็จแล้ว ขณะที่อิงอิงกำลังจะผละริมฝีปากออกและถอยหลังไปนั้น มือข้างหนึ่งคว้าเอวเธอไว้ทันที และดันเข้ามาด้านในจนทั้งสองคนแนบชิดกันยิ่งขึ้น
งื้อ!
………………………………………………………….
[1] หนงฟูสปริง เป็นแบรนด์น้ำดื่มอันดับหนึ่งของจีน