ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 764 สยบ
ตอนที่ 764 สยบ
โจวเจ๋อขึ้นรถ แต่ไม่รีบขับรถออกไป
เดิมทีมีรถสามคัน ตัวเขาเองขับรถของเหล่าจางมาที่นี่ ทนายอันขับมาอีกหนึ่งคัน จากนั้นเหล่าสวี่ก็ขับมาอีกหนึ่งคัน แต่รถของเหล่าอันโดนทุบ ถ้าเขาขับรถออกไปเลย ก็จะเหลือหนึ่งคัน ดังนั้นเขาจึงรอดูก่อน
ถ้าหากพวกเขาไม่ไป ยังคงรำลึกถึงความหลัง จัดการแก้ปัญหากันอยู่ เช่นนั้นตัวเขาเองจะกลับร้านหนังสือไปนอนกอดอิงอิงก่อน เป็นหัวหน้าคน พอออกแรงหมดแล้ว ก็ใช้อภิสิทธิ์หน่อย คงไม่เกินไปใช่ไหม แต่ใครจะคาดคิดว่า ประตูรถถูกเปิดออก คนสองคนเข้ามานั่ง คนหนึ่งเป็นเหล่าจาง อีกคนหนึ่งเป็นชายชราจมูกแดง
ชายชราก็ไม่เกรงใจ นั่งตรงเบาะข้างคนขับโดยตรง เหล่าจางนั่งเบาะหลังอย่างเรียบร้อย ไม่มีทางอื่น คนหนึ่งเป็นเถ้าแก่ คนหนึ่งเป็นทวดของตัวเอง เหล่าจางก็สิ้นหวังเช่นกัน
ชายชราด่าว่าเป็นไอ้เหลนเวร ด่าไปด่ามาผลสุดท้ายตัวเองกลับกลายเป็นเหลนของเขาจริงๆ…
ทนายอันไม่ได้ตามมา เขาได้ทำงานเกือบเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์แล้ว ที่เหลืออีกนิดหน่อย มอบให้เถ้าแก่จัดการ
โจวเจ๋อหยิบบุหรี่ออกมา โยนให้ชายชราที่นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับหนึ่งมวน จากนั้นโยนให้เหล่าจางที่นั่งอยู่ข้างหลังหนึ่งมวน
ชายชราก็ไม่เกรงใจ หยิบไฟแช็กจากโจวเจ๋อแล้วจุดบุหรี่ สูบเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วพ่นควันบุหรี่ออกมา จากนั้นเริ่มไอ ไอแรงมาก เหมือนไอจนปอดแทบจะเด้งออกมา
เหล่าจางยื่นมือตบหลังของเขา รู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรบางอย่างอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นคงรู้สึกแปลกพิลึกอยู่ภายในใจ
“พี่น้อง เหลนชายของฉันคนนี้ คุณต้องลำบากหน่อยนะ ฉันขึ้นมาแค่อยากขอบคุณคุณเท่านั้น ฉันเนี่ยนะ หนึ่งเป็นหนึ่ง สองเป็นสอง เมื่อติดหนี้บุญคุณใคร ฉันต้องทดแทน” ชายชราจมูกแดงพูดด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง
โอเค ชายชรามองเถ้าแก่โจวเหมือนคนอายุเท่ากันแล้ว ต่อไปควรจะเผชิญหน้ากับเพื่อนของทวดของตัวเองอย่างไร ไม่แน่หลังจากชายชราคนนี้ได้ใช้ชีวิตอยู่ในร้านหนังสือ ลำดับญาติของตัวเองคงตกลงเป็นแนวดิ่งแน่นอน
“ไม่เป็นไร สมควรแล้ว ผมกับเหล่าจาง…อ้อไม่ ผมกับเสี่ยวจางเอ๋อร์ดวงสมพงษ์กันมาก”
“…” เหล่าจาง
“ดวงสมพงษ์กันก็ดี ดวงสมพงษ์กันก็ดี เฮ้อ พี่น้อง คุณไม่รู้หรอกว่าสายเลือดของฉันลำบากลำเค็ญแค่ไหน ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงลำบากขนาดนี้ เริ่มตั้งแต่ฉัน ต่างเรียงแถวเสียสละเพื่อเกียรติยศ ทำเอาอยากจะรื้อป้ายบรรพบุรุษทิ้งจริงๆ!” ขณะที่พูด ชายชราเริ่มโมโหอีกครั้ง ชี้ไปที่เหล่าจางที่กำลังตบหลังให้เขาเมื่อครู่และด่าว่า “โดยเฉพาะไอ้คนอกตัญญูคนนี้ ไอ้ลิงยักษ์ เด็กเปรต ไอ้ซื่อบื้อ ไอ้งั่ง ไอ้บ้านนอก ไอ้เฮงซวย ไอ้ควาย!” ชายชราใช้ชื่อสัตว์ในตำนานแห่งตงเป่ยเป็นคำด่า ด่าออกมารวดเดียวแปดคำ
เมื่อพูดจบ ชายชราจึงเกาศีรษะด้านหลังแกรกๆ ทำตัวเหมือนเป็นคนย้ำคิดย้ำทำเล็กน้อย พลางครุ่นคิด “ยังขาดอะไรอีกนะ”
โจวเจ๋อสตาร์ทรถพลางตอบว่า “ไอ้เหี้ย”
…
“อิงอิง เจ้าลองดูแปลนออกแบบนี้ให้หน่อย ข้าจะเก็บห้องนี้ไว้ให้เจ้า จะทำเป็นห้องเล่นเกม พื้นที่กว้างมากพอ จากนั้นพวกเราค่อยหาซื้อเครื่องเล่นที่เป็นที่นิยมมาใส่ไว้ในห้องนี้ จัดพร้อมกันทีเดียว” นักพรตเฒ่าถือแปลนออกแบบมาให้อิงอิงดู
“อ๋า เหลือคอมพิวเตอร์ไว้เครื่องเดียวก็พอ ไม่ต้องใช้พื้นที่ใหญ่ขนาดนี้” อิงอิงไม่พิถีพิถันเรื่องนี้
“ไม่ได้นะ ตอนนี้อาศัยอยู่ในพื้นที่กว้างแล้ว พวกเราออกแบบให้กว้างสบายหน่อย ห้องฟิตเนสเอย ห้องโฮมเธียเตอร์เอย ต้องจัดเสียหน่อย”
“นักพรตเฒ่า ลำบากเจ้าแล้วนะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ลำบากเลย”
“มาชิมอาหารเถอะ เวลาพักผ่อนพอดี”
“…” นักพรตเฒ่า
จะว่าไปแล้ว นักพรตเฒ่าพบว่าอิงอิงมีการพัฒนาที่เร็วมาก อย่างน้อยที่สุด ยำแตงกวานี้อร่อยถูกปากเป็นอย่างมาก นักพรตเฒ่าส่ายปากกาไปมา ดื่มน้ำอึกๆๆ พลางเหลือบตามองการถ่ายทอดสดในโทรทัศน์เป็นระยะ ดูจนกระทั่งคะแนนสามต่อศูนย์แล้ว นักพรตเฒ่ารู้สึกจนปัญญาอยู่ภายในใจ แพ้แล้ว หมดแรงจะพลิกสถานการณ์แล้ว
นักพรตเฒ่าไม่ใช่แฟนบอลอะไรขนาดนั้น ปกติก็แค่ดูผ่านๆ ชนะแล้วก็ดีใจ แพ้แล้วก็ขี้เกียจด่า เขามองสิ่งที่เรียกว่าแผนการแล่นและกลยุทธ์อะไรพวกนี้ไม่ออก จำได้เพียงเมื่อยี่สิบปีก่อนเคยเห็นนักกีฬาพวกนี้มีแต่กล้ามหน้าท้อง แต่มาดูตอนนี้อีกครั้ง ล้วนเป็นทีมไก่ต้มสับ
เวลานี้โทรศัพท์ของนักพรตเฒ่าดังขึ้น เขารับสายด้วยความสงสัย “ฮัลโหล สวัสดีครับ ข้าชื่อลู่ฟ่างเวิง อ๋าอืม อันนี้ รู้จัก หา อะไรนะ เป็นไปไม่ได้!” นักพรตเฒ่าตัดสาย ผุดลุกขึ้น หายใจหอบไม่หยุด
อิงอิงที่ใส่ผ้ากันเปื้อนเอี้ยวตัวออกมาจากในห้องครัว เอ่ยถามว่า “เป็นอะไร นักพรตเฒ่า” ภายในห้องครัว กำลังต้มพระกระโดดกำแพง
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ไม่ๆ มีเรื่องนิดหน่อย ข้าออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะ ออกไปข้างนอกหน่อย” นักพรตเฒ่าถือโทรศัพท์ออกไปด้วย เดินโซเซ ดูเหมือนตกใจเสียขวัญอยู่บ้าง
อิงอิงมองภายในห้องครัวอย่างจนใจ เอ่ยว่า “รอทนายอันกลับมาค่อยให้ทนายอันชิมแล้วกัน” ไม่ว่าอย่างไรทนายอันก็ยังดื่มกาแฟหมดอายุได้ ของพวกนี้น่าจะไม่เป็นไร แต่จะให้เถ้าแก่ชิม เหอะๆ อิงอิงไม่อยากทำ
…
“มีอะไรอยู่ในร่างของเหลนเวรคนนี้” ชายชราจมูกแดงมองโจวเจ๋ออย่างระมัดระวัง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ระแวดระวังเล็กน้อย
ไม่ใช่การประจบประแจง หลักๆ แล้วหลังจากรู้ความจริงบางอย่างจากทนายอัน เขารู้สึกตกใจและไม่สบายใจอยู่บ้าง
นึกถึงตอนแรกที่ทนายอันหยิบสมุดยมทูตของโจวเจ๋อมาตรวจดูอย่างละเอียด แล้วคุกเข่าลงโดยตรง ‘อันปู้ฉี่สุนัขรับใช้ขอคารวะเถ้าแก่!’
ชายชราจมูกแดงตอนนี้ แท้จริงแล้วถือว่ารักษาท่าทีมากแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตอนนั้นอันปู้ฉี่ก็ตกอับ แต่คนนี้ ถึงแม้งานราชการจะไม่ราบรื่น แต่อย่างน้อยก็มีตำแหน่งเป็นผู้ตรวจสอบ
ไม่ได้เจตนาจะจับผิดอะไร เขาไม่ว่าอย่างไรแล้วก็มีความแตกต่างจากอันปู้ฉี่ อันปู้ฉี่นั้นเป็นไหที่แตกแล้วแตกอีกไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงเดินเท้าเปล่าทุ่มหมดหน้าตัก แต่เขายังไม่ถึงขั้นนั้น
ตอนนี้ หากจะพูดความในใจ คงต้องมองเหลนชายตัวเองคนนี้ว่ามีความสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้ลึกซึ้งแค่ไหน
“เซี่ยจื้อ” โจวเจ๋อพูดสองคำออกมาโดยตรง ไม่แนะนำว่าเซี่ยจื้อเก่งแค่ไหน เซี่ยจื้อสุดยอดแค่ไหน เซี่ยจื้อยอดเยี่ยมแค่ไหน เพราะไม่จำเป็น เซี่ยจื้อสองคำนี้ มากพอที่จะอธิบายทุกอย่าง
“เซี่ย…จื้อ!!!!!!” ชายชราจมูกแดงเกือบจะร้องกรี๊ดขึ้นมา
โจวเจ๋อกวาดตามองชายชราหนึ่งทีด้วยความแปลกใจ หากเดาไม่ผิด ทนายอันน่าจะพูดเรื่องที่เกี่ยวกับร้านหนังสือให้อีกฝ่ายฟังบ้าง ไม่อย่างนั้นชายชราคนนี้คงไม่อาศัยชื่อของเหลนชายขึ้นมานั่งบนรถของเขา
มีปฏิกิริยาการตอบสนองที่ใหญ่มากขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ชายชราไม่เชื่อทั้งหมดเลยด้วยซ้ำไม่ใช่เหรอ
“มา เหลนชายที่น่ารัก เหลนชายเด็กดี ปู่ทวดขอจับหน้าหน่อย” ชายชราจมูกแดงยื่นมือลูบใบหน้าเหล่าจาง ทำเอาเหล่าจางเขินเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีทางอื่น ผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้ามีลำดับสูงกว่าปู่ของเขา เขาอยากเล่นกับลูกหลานอย่างมีความสุข แล้วคุณจะทำอย่างไร ไม่ให้ความร่วมมือได้ด้วยเหรอ
“เหลนชาย ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกแปลกมาก ว่าตัวอะไรที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ทั้งๆ เข้าไปในร่างของคนโง่แล้ว แต่คนโง่ยังหยิบพลังมาใช้ได้เยี่ยมยอดขนาดนี้”
“…” เหล่าจาง
“ไม่แปลกใจเลยที่ผนึกไม่อยู่ สัตว์วิเศษๆ” ขณะที่พูด ชายชราจมูกแดงเหลือบมองโจวเจ๋ออย่างระมัดระวังอีกครั้ง พลางถามว่า “คุณเป็นคนนั้นจริงๆ ใช่ไหม คนนั้น เจ้าแห่ง แห่ง ทะเลแห่งความตาย…ในตำนาน”
โจวเจ๋อพยักหน้า ชายชราจมูกแดงยื่นมือลูบคางของตัวเอง รู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง เพราะเขาไม่เชื่อ
ร่างแยกของเซี่ยจื้อมีมากมาย นี่เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็รู้ ขอแค่ทางศาลและสถานีตำรวจมีหมายเลขของกรมการปกครอง โดยทั่วไปล้วนคุ้มครองปกป้องโดยร่างแยกของเซี่ยจื้อ จับลงมาหนึ่งตัว ยัดเข้าไป ปัจจัยความเสี่ยงใหญ่ก็จริง แต่จะพูดว่าอย่างไรดี ยิ่งเป็นของที่หายากยิ่งมีค่าไม่ใช่เหรอ
ทว่าคนนั้น คนนั้น คนนั้นตอนแรกเป็นถึงเจ้าแห่งนรกเชียวนะ! แต่กลับนั่งอยู่ตรงหน้าตัวเอง และกำลังขับรถอยู่ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง อันปู้ฉี่ไม่ได้หลอกฉันเหรอ
โจวเจ๋อเหลือบตามองชายชรา สามารถมองออกว่า ชายชราคนนี้ไม่เชื่อทั้งหมด เหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนเวลาที่คุณนั่งรถแท็กซี่ คนขับรถแท็กซี่พูดกับคุณว่าเขาเป็นทายาทคนรวยรุ่นที่สาม คุณจะรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าเขากำลังโม้อยู่
แต่ในเมื่ออันปู้ฉี่จัดให้เขานั่งรถคันนี้ บวกกับความสัมพันธ์ของเขากับเหล่าจาง ที่สำคัญที่สุดคือ ชายชราจมูกแดงคนนี้มีหลักการในการใช้ชีวิตและจัดการเรื่องราวเหมือนกับเหล่าจาง อีกทั้งตัวตนเช่นนี้ยังเป็นผู้ตรวจสอบตัวจริงของยมโลกอยู่ในตอนนี้ ถ้าหากสามารถรับมาเป็นพวกของตัวเองได้ ต้องมีผลประโยชน์มากมายมหาศาลแน่นอน
เฝิงซื่อเอ่อร์ยังต้องรอผลประโยชน์ที่เหมาะสมถึงจะยอมทำงาน และถ้าพูดจากก้นบึ้งหัวใจแล้ว นิสัยของเฝิงซื่อเอ่อร์เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่คนที่อยู่ตรงหน้ากลับแตกต่างกัน คนที่อยู่ตรงหน้าขอแค่เขาพยักหน้ายินดีเข้าร่วมแก๊ง ก็จะยอมทำงานให้คุณด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง
ถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะมีข่าวหรือความเคลื่อนไหวใดๆ จากนรก เวลาทำงานขึ้นมาก็สะดวกยิ่งขึ้น โจวเจ๋อไม่ได้คิดถึงอนาคตมากเกินไป ในพิมพ์เขียวที่สวยงามของเขา วันนี้ในอีกหนึ่งปีให้หลัง เขากำลังนอนอาบแดดอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา วันนี้ในอีกห้าปีให้หลัง เขาก็กำลังนอนอาบแดดอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาเหมือนเดิม วันนี้ในอีกสิบปีให้หลัง จะดีมากหากเขายังนอนอาบแดดอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาเช่นเดิม
แต่เพื่อปกป้อง ‘ความฝัน’ ของตัวเอง จึงต้องทำอะไรสักอย่าง เขาเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกปลอดภัย ดังนั้นเจ้าโง่มักจะหัวเราะเยาะเขาที่ชอบหาของเล่นกลับบ้านอยู่เสมอ
ชายชราจมูกแดงปลุกความกล้าขึ้นมาทันที ขยับใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้กับคอของโจวเจ๋อแล้วดม เหมือนกำลังดมบางสิ่งบางอย่าง นี่คือกำลังพิจารณามองอย่างจริงจัง
เหล่าจางที่นั่งอยู่ข้างหลังเห็นฉากนี้ รู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก เอามือกุมหน้าผาก
โจวเจ๋อขับรถพลางแอบพูดในใจ ‘นี่ เจ้าโง่ ช่วยหน่อย’
‘ไม่…ว่าง…’
‘มีคนไม่เชื่อว่าคุณเป็นอิ๋งโกว ผมก็ไม่มีพลังที่ทรงอานุภาพ จึงต้องอาศัยพลังของคุณมาข่ม เพื่อให้เขารับรู้ว่าอะไรคือพลังที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกร การรับลูกน้องก็จะได้เร็วขึ้น’
เจ้าโง่ไม่ตอบ แต่โจวเจ๋อรู้สึกถึงกระแสความร้อนส่วนหนึ่งที่เริ่มกระจายไปทั่วแขนและขาของตัวเอง โจวเจ๋อยิ้มเล็กน้อย ปล่อยให้มีสิทธิ์ควบคุมร่างกายส่วนหนึ่ง แล้วหันหน้ามองชายชราจมูกแดงที่กำลังมองหน้าตัวเองพอดี ประกายแสงสีแดงกำลังหมุนวนอยู่ในนัยน์ตาลึก “เจ้า…อยากเจอ…ข้า?”
“อ๋า!!!!”
‘ปึ้ง!’ ชายชรากระแทกไปที่ประตูจนมันพัง ตามมาด้วยเสียงดัง ‘พลั่ก’ ร่วงลงมาจากรถที่กำลังแล่นอยู่
……………………………………………………………………….