ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 772 ปรบมือ
ตอนที่ 772 ปรบมือ
โจวเจ๋อยื่นมือนวดใบหน้าของตัวเอง พูดตามจริง เขาไม่สามารถเข้าใจได้ ทำไมอิ๋งโกวต้อง ‘แอบ’ ทำเรื่องแบบนี้มันไม่เข้ากับสไตล์ของอิ๋งโกวเลย เจ้าโง่เป็นพวกที่สู้หนึ่งต่อห้า แถมยังตะโกนว่า ‘รีบเข้ามา ข้าล้อมห้าคนไว้หมดแล้ว!’ คนสมองทึ่มแบบนั้นจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร หรือบางทีก่อนหน้านี้วางใจมากเกินไป ดังนั้นตัวเองจึงไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของตัวเอง
ความรู้สึกโกรธเช่นนี้ เข้ามาอย่างรุนแรง แต่เขาเริ่มหาข้ออ้างให้กับอารมณ์นี้ตามสัญชาตญาณ ถ้าหากไม่ใช่เพราะนักพรตเฒ่าคอยลากตัวเขาในตอนท้าย ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ได้สติกลับมา บางทีหลังจากที่ตัวเขาเข้าไปแล้ว ก็คงสังหารจนหมด มีเพียงแค่การสังหารเท่านั้นที่ทำให้ตัวเขาสงบลงได้ จากนั้นนั่งบนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด ค่อยๆ สงบจิตสงบใจ แล้วจึงค้นพบความผิดแปลกของตัวเองที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
เพียงแต่หลังจากนักพรตเฒ่าตะโกนหนึ่งที โจวเจ๋อได้แต่ทิ้งความคิดทุกอย่างไว้ชั่วคราว แล้วเดินไปที่ประตู
เรื่องของอิ๋งโกว ค่อยกลับไปคิดบัญชีบนเตียงคืนนี้ ตอนนี้ในเมื่อเป็นตอนกลางวัน ดังนั้นจึงต้องทำในสิ่งที่ควรทำ
ไม่แปลกใจเลยที่นักพรตเฒ่าจะตื่นตกใจขนาดนี้ บนเตาในครัว ผู้หญิงอ้วนวัยกลางคนนอนขวางอยู่ตรงนั้น มีดหั่นผักปักหน้าอก มีดหั่นผักแทงลงไปลึกมาก และบนตัวของผู้หญิงน่าจะโดนมีดแทงหลายครั้ง อีกทั้งยังมีรอยมีดเป็นทางบนใบหน้า เหมือนลูกพลับชิ้นใหญ่ถูกสุนัขแทะจนเละตุ้มเป๊ะ
นี่คือเตาแบบดั้งเดิมตามชนบท กระทะขนาดใหญ่สองใบ ศีรษะของผู้หญิงจุ่มอยู่ในกระทะใบหนึ่ง ขาทั้งสองข้างจุ่มอยู่ในกระทะอีกใบหนึ่ง
ยังดีที่ไม่ได้ต้มน้ำในกระทะ ถ้าหากมีการต้มน้ำ กระทะสองใบเดือดขึ้นมา คาดว่าศพของผู้หญิงทั้งท่อนบนและล่างจะต้องกระตุกสั่นขึ้นมาเหมือนกัน ถ้าหากแยกเป็นผัดกับข้าว และต้มข้าวต้มละก็ จุ๊ๆ…
หืม ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตัวเองต้องไปหาหวังเคอเพื่อตรวจปัญหาทางจิตของเขา ซึ่งอาจจะไม่ใช่สาเหตุที่อิ๋งโกวมีผลกระทบต่อจิตใจของตัวเองเท่านั้น แต่อาจจะมีปัจจัยการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นที่เริ่มเกิดขึ้นในร่างกายของตัวเองด้วย
อันที่จริง โจวเจ๋อรู้สึกว่า ต่อให้หวังเคอที่เป็นจิตแพทย์รักษาก็ไม่มีประโยชน์ แต่ได้เห็นหวังเคอ มักจะหาความรู้สึกที่เป็นพลังงานบวกให้ตัวเองได้เสมอ ดูสิ เพื่อนที่โตมาด้วยกันกำลังพยายามยิ้มเพื่อใช้ชีวิต บนโลกนี้ยังมีอุปสรรคอะไรที่ข้ามไปไม่ได้อีก
ถ้าหากหวังเคอนำประสบการณ์ของตัวเองมาแสดงเป็นผลงานศิลปะ ก่อนที่คนไข้ที่นัดมารักษากับเขามาถึงห้องทำงานของเขา ต้องเดินผ่านแกลลอรี่ก่อน บางทีหลังจากมาถึงห้องทำงานแล้ว คนไข้อาจจะจับมือของหวังเคอแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า ‘พวกเราต้องเข้มแข็ง!’
…
“ตายแล้ว” นักพรตเฒ่ามองไปทางโจวเจ๋อ ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้ ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลทำไมจู่ๆ คนถึงตาย
นักพรตเฒ่าพยักหน้าอย่างยากลำบาก เพราะโจวเจ๋อเดินมาพร้อมกับเขา โจวเจ๋อจึงไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ ทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างใน เลือดไหลตามตัวของผู้หญิงอ้วน เปื้อนเตาอิฐไปกว่าครึ่ง
เตาขนาดใหญ่ตามชนบทมีความเรียบง่ายเป็นอย่างมาก กระทะเหล็กที่ไม่ได้ล้างสะอาด ผู้หญิงอ้วนมีอายุ เลือดสดๆ ความเงียบของความตาย ถ้าหากถ่ายเป็นรูปแบนเนอร์ขนาดใหญ่ความละเอียดสูงออกมาแขวนไว้ สองด้านขนาบด้วยรูปภาพของนางแบบวิกตอเรียส์ซีเคร็ตสุดเซ็กซี่บนเวทีเดินแบบ เมื่อทอดตามอง สภาพแบบนี้ เหอะๆ…
โจวเจ๋อลูบหน้าผากของตัวเองอีกครั้ง ไม่ได้ ต้องไปหาหวังเคอแล้วจริงๆ
นี่เป็นแค่ออเดิร์ฟเท่านั้น เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการเปิดฉากงานเลี้ยง จากห้องครัวเดินไปข้างใน ก็คือห้องรับแขก ตรงกลางของห้องรับแขกแขวนรูปเทพเจ้าองค์หนึ่ง มีความเป็นนามธรรมเล็กน้อย และมองไม่ออกว่าเป็นเทพเจ้าที่ไหน แต่สามารถมั่นใจได้ว่า เทพเจ้าองค์นี้มีความบกพร่องในหน้าที่เล็กน้อย นี่มีหลักการเหมือนกับพระที่อยู่ในวัดแต่ละรูปตัวซูบผอม พระโพธิสัตว์ที่มาที่นี่ต้องให้พลังไม่มากพอแน่นอน
ด้านล่างของรูปเทพเจ้า ผู้หญิงศีรษะแตกเลือดออกคนหนึ่งพิงอยู่หน้าตู้ เหมือนเป็นการฟ้องแบบไร้เสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ผู้หญิงน่าจะถูกตีก่อน แล้วโดนผลักมาทางนี้ ศีรษะกระแทกกับโลหะที่นูนขึ้นมาจากตู้ด้านหลัง เหมือนโครงเรื่องในละครน้ำเน่ามากมายนับไม่ถ้วน ผู้ชายผลักผู้หญิง ไม่ได้คิดจะฆ่า แต่ผู้หญิงกลับตาย เพราะมีสิ่งของเฮงซวยอันหนึ่งอยู่ด้านหลัง พวกคนเขียนบทก็ไม่ค่อยใส่ใจเลย เพื่อโครงเรื่องของละครน้ำเน่าจึงไม่ถือสาวิธีการตายที่น้ำเน่ายิ่งกว่า
โจวเจ๋อเดินเข้าไป เอียงหน้ามองไปด้านหลัง โอ้ว เห็นแล้ว มีสิ่งของคล้ายที่จับตู้ปลายแหลมอันหนึ่ง มีประกายแสงสีเงิน แต่ไม่น่าจะทำจากเงิน เจ้าสิ่งนี้แทงเข้าไปที่ศีรษะด้านหลังของผู้หญิงอยู่ในตอนนี้ ผู้หญิงนั่งอยู่ตรงนั้น ลืมตา สีหน้าเจ็บปวดทรมาน แต่กลับนิ่งทื่อไปแล้ว
บนโลกนี้สิ่งที่รับประกันได้มากที่สุด ไม่ใช่ตู้แช่เย็น และไม่ใช่ถุงถนอมอาหาร แต่เป็น…ความตาย เทพแห่งความตายกดปุ่มหยุด จากนั้นขึ้นคำว่าเกมโอเวอร์ แล้วหมุนตัวจากไปอย่างไม่ยี่หระ เหลือไว้เพียงหน้าจอขาวดำ
นักพรตเฒ่าขยับมาข้างๆ โจวเจ๋อ ด้วยความระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก
“นักพรตเฒ่า ขยับศีรษะของเธอออกมา” โจวเจ๋อชี้ไปที่หญิงสาวคนนี้
“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงที่หมอบอยู่บนไหล่ของนักพรตเฒ่ายื่นมือชี้ไปที่ผู้หญิงคนนี้แล้วร้องสองสามที
“อ้อ เธอคือคนที่ลักพาตัวใช่ไหม” โจวเจ๋อเข้าใจทันที เห็นได้ชัดว่า บนถุงยางอนามัยไม่ได้ทิ้งไว้แค่กลิ่นของผู้ชายเท่านั้น
นักพรตเฒ่านั่งลงยองๆ คิดว่าเถ้าแก่เรียกตัวเองให้ทำเช่นนี้เพื่อหาเบาะแส จึงยื่นมือเตรียมดึงศีรษะของผู้หญิงจริงๆ แต่กลับถูกโจวเจ๋อยื่นมือกดไหล่ “ตลกแล้ว คุณอยากดูการแสดงน้ำพุเหรอ”
“โอ้ว ได้เลย” นักพรตเฒ่าลุกขึ้นตัวสั่น เขารู้สึกสมองสับสน พูดจริงๆ นะ ไม่รู้ทำไม เห็นศพติดต่อกันสองศพแล้ว ในใจของเขากลัวมากจริงๆ ไม่ได้เป็นเพราะศพสองศพนี้รวมทั้งสาเหตุการตายที่อยู่เบื้องหลัง แต่เป็นเถ้าแก่ที่อยู่ข้างกายคนนี้
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเถ้าแก่ตื่นเต้นเล็กน้อย
ตอนนี้โจวเจ๋ออยากหาอ่างน้ำแล้วล้างหน้าตัวเอง รู้สึกว่าสมองของตัวเองตอนนี้ไม่ค่อยสดชื่น น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากอิ๋งโกว
แต่พอลองคิดอีกที ดูเหมือนโยนความผิดทั้งหมดไปที่ตัวของอิ๋งโกว ทำให้อิ๋งโกวเป็นแพะรับบาปดูจะไม่เหมาะสม
โจ่วเจ๋อหยิบบุหรี่ออกมา นักพรตเฒ่าเอ่ยเตือนในทันใด “เถ้าแก่เดี๋ยวอีกสักพักตำรวจจะมา” หากพบเห็นก้นบุหรี่จะพูดไม่ถูก
“ไม่เป็นไรพวกเราเป็นพยานบุคคล ไม่ ดูเหมือนจะเรียกว่าผู้ค้นพบสถานที่เกิดเหตุ”
นักพรตเฒ่าได้ยินแล้วจึงส่ายหน้า ผู้ค้นพบสถานที่เกิดเหตุยืนอยู่ข้างศพยังมีกะจิตกะใจสูบบุหรี่อีกเรอะ
สุดท้ายโจวเจ๋อก็สูบบุหรี่อีกหนึ่งมวน นิโคตินสำหรับเขาแล้วไม่ได้มีผลอะไรมาก แต่การกระทำที่คุ้นเคยนี้ มักนำความสงบสุขที่คุ้นชินมาให้แก่ตัวเอง
จากนั้นจึงเดินเข้าไปข้างใน เขาเห็นอ่างน้ำที่ตัวเองต้องการแล้ว แต่ข้างอ่างน้ำมีคนหนึ่งยึดพื้นที่ไปก่อนแล้ว และเขาน่าจะยึดพื้นที่มานานแล้ว เหอะ คนแบบนี้ ไม่มีมารยาทจริงๆ
ไม้เท้าตกอยู่ข้างๆ ทั้งยังหักแล้ว ชายชราคนหนึ่งใบหน้าลอยอยู่ในน้ำ ขาสองข้างเอนไปข้างหลัง อยู่ในลักษณะที่รักษาความสมดุล ศีรษะยังคงลอยอยู่ในน้ำ ก็ก๊อกน้ำยังคงมีน้ำไหลไม่หยุด ภายในห้องน้ำนี้เต็มไปด้วยน้ำขังหนึ่งชั้น
บนคอของชายชรายังมีเชือกสวมอยู่หนึ่งเส้นทอดยาวลงมาถึงพื้น กระจกที่อยู่เหนืออ่างน้ำแตกละเอียดนานแล้วพร้อมกับตามช่องว่างที่เต็มไปด้วยเลือดสดอันแดงฉาน ทำให้คุณลักษณะพิเศษบางอย่างถูกขยายใหญ่
โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมา เขายังจำได้ว่าเคยมีพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งเปิดอยู่ด้านหลังร้านหนังสือของตัวเอง ตอนนี้ปิดตัวไปนานแล้ว เวลานี้ตอนนี้เขามีความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง
รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อยและเหมือนเป็นการพักผ่อนที่แสนสบายใจ ได้ชื่นชมภาพแห่งความตาย ทั้งความเปลี่ยนแปลง ทั้งความคงที่ และความวิปริต ก่อตัวเป็นงานแกะสลักอันสวยงามที่ชื่นตาชื่นใจ
แต่สิ่งเหล่านี้กลับมีความน่าหวาดเสียวกว่าภาพการ์ตูนที่เคลื่อนไหวได้
นักพรตเฒ่าเบะปากอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา เจ้าลิงน้อยชะโงกหัวมองทางโน้นทีทางนี้ทีเป็นครั้งคราว
‘ก๊อกๆๆๆ!!!!’ เสียงอู้อี้ดังมาจากในห้อง
นักพรตเฒ่ามีไหวพริบ รีบยื่นมือจับไปที่เป้ากางเกงเพื่อเตรียมตัวตลอดเวลา!
โจวเจ๋อผลักประตูห้องอย่างเป็นธรรมชาติ ประตูถูกเปิดออก ประตูอยู่ตรงกับผนัง ซึ่งเต็มไปด้วยเลือดสาดเป็นจุดๆ เหมือนศิลปะการใช้พู่กันจุ่มหมึกสะบัดลงบนกระดาษที่สวยงาม ให้ความรู้สึกระทึกขวัญและน่าหวาดเสียว ในความหยาบคายแฝงไปด้วยความนัยจากจินตนาการของผู้กระทำ ‘ภายในความเรียบร้อยกลับซ่อนแฝงไปด้วยความบ้าคลั่งที่ทำให้คนหวาดกลัว’
ผู้ชายวัยกลางคนใส่แค่กางเกงขาสั้นรัดรูปอายุสามสิบกว่าปีคนหนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนตัวของผู้ชายคนหนึ่ง ในมือของเขาถือสิ่งที่เหมือนกับก้อนอิฐ กำลังทุบคนที่ใกล้จะหมดลมแล้วอย่างต่อเนื่อง ทุบลงไป ‘พลั่ก!’ ‘ฟึบ!’ เลือดสดกระเด็น เห็นได้ชัดว่า การจุ่มหมึกและสะบัดลงบนผนัง ก็คือผลงานชิ้นเอกของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ รู้สึกละอายใจที่เข้ามาในพื้นที่การสร้างผลงานศิลปะโดยพลการ
ใช่แล้ว มีความรู้สึกแบบนี้จริงๆ เขามองออกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขากำลังทุบอย่างตั้งใจ ทุบอย่างจริงจังทุบอย่างอดทนเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังยืนหยัดต่อไป นี่คือความดื้อรั้นสำหรับงานศิลปะอย่างหนึ่ง เร่งให้เขาระเบิดศักยภาพที่อยู่ภายในตัวเองออกมา
ความรู้สึกไม่ด้อยไปกว่าการปั่นจักรยานหนึ่งพันกิโลเมตร และไม่ด้อยไปกว่าการเดินข้ามทะเลทรายซาฮารา
ตอนที่ร่างของโจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าปรากฏที่หน้าประตู ผู้ชายที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นรัดรูปเงยหน้า มองสองคนที่อยู่ตรงหน้าประตูแล้วแสยะยิ้มทันที เผยให้เห็นฟันสีเหลือง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนที่รักอนามัยเท่าไร เหมือนศิลปินที่ไม่ชอบการปรุงแต่ง หากไม่รกสักหน่อย จะไม่แสดงความเป็นตัวตนของตัวเองออกมา
แต่ในรอยยิ้มของเขากลับเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ กระทั่งมีความจริงใจและดีใจอยู่เล็กน้อย
“ว้าวๆๆ!!!” เขาส่งเสียงร้องไชโยออกมา และยังหันไปมองผนังที่อยู่ข้างหลัง เหมือนจิตรกรคนหนึ่งกำลังมองผลงานที่ตัวเองตั้งใจแสดงโชว์ให้คนอื่นได้เห็น
นักพรตเฒ่ากลืนน้ำลาย นิ้วทั้งห้ากำเป้ากางเกงแน่น พลางคิดในใจว่า นี่เป็นคนหรือผี น่าจะไม่ใช่คนมากกว่า ไม่ใช่คนแน่นอน!
ขณะที่กำลังครุ่นคิด หางตาของนักพรตเฒ่ามองเห็นเถ้าแก่ของตัวเอง เขาเห็นเถ้าแก่ยกสองมือขึ้นมา แล้วเริ่มปรบมือ ‘แปะๆๆ!!!’