ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 773 จริงใจ
ตอนที่ 773 จริงใจ
เสียงปรบมือดังอยู่นานถึงจะหยุด เถ้าแก่โจวแสดงความจริงใจออกมาอย่างถึงที่สุด ในเมื่อไม่ได้ซื้อบัตรเข้ามา ก็ต้องให้กำลังใจผู้จัดงานเล็กน้อย อย่างไรเสียก็ไม่ต้องจ่ายเงิน แค่ปรบมือแปะๆ ฝ่ามือแดงเล็กน้อยเท่านั้น
นักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือนศีรษะของตัวเองถูกคนถือเครื่องดูดฝุ่นดูดจนสะอาดหมดจด ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ว่าเป็นคนหรือผีกันแน่ หรือว่าใครกำลังเล่นพิเรนทร์ ผีสิงเหรอ หรือว่าวิญญาณผีร้ายปรากฏ หรือว่าปีศาจอะไรอยู่แถวนี้ กำลังก่อความวุ่นวาย
นักพรตเฒ่ารู้สึกหวาดผวาระแวงไปหมด เพราะเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า จะให้เขาไม่คิดแบบนั้นคงยาก แต่โจวเจ๋อกลับแสดงท่าทีเฉยเมย เพราะที่นี่ ไม่มีไอวิญญาณ และไม่มีไอปีศาจ นี่หมายความว่าอะไร เหอะๆ
“เจี๊ยกๆๆ!!!!!!” เจ้าลิงน้อยกระโดดลงมาจากไหล่ของนักพรตเฒ่า เดินลงไปตามบันได โจวเจ๋อเดินตามไป นักพรตเฒ่าไม่กล้าอยู่ตรงนี้คนเดียว โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับคนโง่อายุสามสิบกว่าปีคนนี้
มีแม่กุญแจทองแดงตัวใหญ่อยู่ที่หน้าประตูห้องเก็บของ ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เขายื่นมือไปจับขึ้นมา แล้วปล่อยให้กระแทกกลับไปเสียงดัง ‘เคร้ง’
“มีอะไรถูกขังอยู่ในนี้” นักพรตเฒ่าถามด้วยความตื่นเต้น เพราะโจวเจ๋อไม่ได้อธิบายอะไรแก่เขา ดังนั้นตอนนี้นักพรตเฒ่าจึงมีจินตนาการล้ำเลิศมาก ไม่มีทางอื่น ตอนนี้เขามองในมุมมองของผู้เล่นธรรมดา
โจวเจ๋อยื่นมือ เล็บงอกยาวออกมา เกิดเสียงดัง ‘แกร๊ก’ แม่กุญแจแตกหักร่วงไปบนพื้น
เมื่อผลักประตู เสียง ‘เอี๊ยด’ อันเกิดจากการเสียดสีกันดังแสบแก้วหู ในนั้นมืดตึ๊ดตื๋อ ไม่มีไฟ และยังส่งกลิ่นเหม็นโชยมา
นักพรตเฒ่าขมวดคิ้ว เขาเหมือนจะนึกอะไรได้บางอย่าง โจวเจ๋อยื่นมือปิดจมูก ตอนที่ทนรับกลิ่นนี้ไม่ได้ นักพรตเฒ่าได้ก้าวเข้าไปแล้ว จากนั้นเสียงด่าทอของนักพรตเฒ่าจึงดังมาจากด้านใน “ไอ้เหี้xแม่งเอ๊ย จริงๆ เลยเหี้xยันโคตรเง่า!!!!!!!”
“เจี๊ยกๆๆ!!!!” เจ้าลิงน้อยยืนอยู่หน้าประตู โบกอุ้งมือไปมา มันรับรู้ได้ถึงความโกรธของนักพรตเฒ่า
โจวเจ๋อไม่เดินเข้าไป แต่ถอยหลังสองสามก้าว มันน่าตลกมากใช่ไหม เขาสามารถไม่สนใจกลิ่นคาวเลือดได้ เมื่อครู่กำลังเพลิดเพลินอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่สนใจกลิ่นเหม็นของศพก็ยังได้ ไม่ว่าอย่างไรเมื่อก่อนเขาก็ชอบไปนอนที่ห้องดับจิตตอนมีเวลาว่างเป็นประจำ
แต่กลิ่นที่เกิดจากคนเป็นๆ ถูกขังอยู่ในสถานที่เล็กๆ แบบนี้เป็นเวลานานเท่าไรแล้วไม่รู้ เถ้าแก่โจวปรับตัวไม่ค่อยทันจริงๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างมาก เธอน่าสงสารขนาดนี้แล้ว คุณยังจะรังเกียจอีก แต่ที่นี่ไม่มีกล้อง มีเพียงโจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าสองคนเท่านั้น อันที่จริงถึงแม้จะมีกล้อง หรือต่อให้มีคนอื่นอยู่ด้วยก็ตาม เถ้าแก่โจวก็จะไม่แสแสร้งกลบเกลื่อนอารมณ์ของตัวเอง
ภายในใจของนักพรตเฒ่าในตอนนี้ เต็มไปด้วยความสงสารและโกรธเคือง ดวงตาเริ่มแดง สองมือกำหมัดแน่น
เด็กสาวนั่งขดตัวอยู่ตรงนั้นต่อหน้าเขา ถึงแม้เสื้อผ้าจะสกปรก ถึงแม้ผมเผ้าจะยุ่งเหยิง แต่ยังคงมองออกว่าอายุยังน้อย อายุไม่น่าจะถึงยี่สิบปี เป็นช่วงวัยเยาว์ที่ผลิบานมากที่สุด!
แต่กลับโดนขังอยู่ในนี้ ใครจะรู้ว่าสาวน้อยคนนี้เจออะไรบ้างเมื่ออยู่ที่นี่
“ไอ้สาวเลว ไอ้เหี้X!” ภาพการตายของฟางซิ่งผุดขึ้นในหัวของนักพรตเฒ่า แล้วมองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ถ้าหากคนที่อยู่ข้างบนยังมีชีวิตอยู่ เขาอาจจะร้อนใจบุกไปฆ่าคนก็เป็นได้! ไม่สิ มีอีกหนึ่งคนที่ยังมีชีวิตอยู่!
เด็กสาวนั่งขดตัวต่อไป วางสองมือไปข้างหน้าริมฝีปาก มองนักพรตเฒ่าพลางตัวสั่นหงึกๆ นักพรตเฒ่าอยากเข้าไปประคองเด็กสาวเพื่อพาออกไปจากที่นี่ เด็กสาวไม่กล้าต่อต้าน เธอถูกทุบตีจนเกิดรอยฟกช้ำตามร่างกาย เห็นได้ชัดว่า ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ เธอถูกทำร้ายถูกทรมานจนไม่กล้าต่อต้านใดๆ
‘เคร้ง…’ ทว่านักพรตเฒ่าเพิ่งจะประคองเด็กสาวขึ้นมา ยังไม่ทันเดินไปข้างนอก โซ่เส้นนั้นกลับส่งเสียงออกมานักพรตเฒ่าพยามใช้สองมือดึงโซ่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาดึงไม่ขาด
“เถ้าแก่ๆ!” นักพรตเฒ่าตะโกนเรียกไปข้างนอก เขาต้องการช่างสะเดาะกุญแจคนหนึ่ง!
โจวเจ๋อเดินถอยหลังไปอีกสองสามก้าว สูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นเดินเข้ามา เขาเห็นเด็กสาวแล้ว เด็กสาวก็มองเขา บนใบหน้าของโจวเจ๋อเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างชัดเจน ไม่เสแสร้ง ไม่ปิดบัง
เด็กสาวมองโจวเจ๋อ ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างเขินอายอยู่บ้าง ดูเหมือนเธอจะรู้สึกว่ากลิ่นตามร่างกายของตัวเองเหม็นถึงคนที่อยู่ตรงหน้า เธอจึงรู้สึกอายอยู่บ้าง
เธอหัวเราะเหมือนคนโง่เซ่อซ่า ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากเห็นฉากนี้แล้ว ภายในใจของโจวเจ๋อรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที
เขาอยู่ในร้านหนังสือมานาน เจอเรื่องราวน่าเศร้ามาก็เยอะ ผีที่ยังยึดติด ผีที่ยังต้องให้ร้านหนังสือเป็นคนกลางในการส่งตัว มีใครบ้างไม่เคยเจอเรื่องทุกข์เศร้ามาก่อน เมื่อฟังเยอะขึ้น เห็นมากขึ้น จิตใจมนุษย์เรานั้นจึงค่อยๆ เย็นชา
เหมือนกับการเป็นหมอเมื่อชาติที่แล้ว คนไข้ที่ช่วยชีวิตต้องจากไป โจวเจ๋อกลับไร้ซึ่งสีหน้าใดๆ ได้แต่หมุนตัวไปดูคนไข้อีกคนทันที
เหมือนการเข้าอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน เนื่องจากข่าวสารที่ส่งผ่านกันอย่างราบรื่น บวกกับสาเหตุของการหลอกลวงกันอย่างโจ่งแจ้ง เป็นผลทำให้ทุกคนเกิดภูมิคุ้มกันต่อเรื่องเศร้า แต่มนุษย์ก็คือมนุษย์ มักจะมีสิ่งเล็กๆ น้อยๆกระตุ้นความอ่อนโยนในจิตใจของคุณโดยไม่รู้ตัว
โจวเจ๋อนั่งลงยองๆ เด็กสาวไม่กลัวเหมือนตอนที่เจอนักพรตเฒ่า กลับกันกลับเป็นฝ่ายขยับเข้าหาโจวเจ๋อ เห็นได้ชัดว่าสติของเธอไม่แจ่มชัดแล้ว อาการอยู่ระหว่างความโง่และปัญญาอ่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการโดนทารุณและทรมาน
นักพรตเฒ่ารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เด็กสาวคนนี้เป็นอะไร ถึงได้สนิทกับเถ้าแก่ของตัวเองขนาดนี้ แม่งเอ๊ย ตาบอดเหรอ! สิ่งนี้ทำให้นักพรตเฒ่าทั้งฉุนทั้งขำ
โจวเจ๋อเจียดยิ้มออกมาจากมุมปาก เด็กสาวเผยรอยยิ้มและหัวเราะเหอะๆ มุมปากมีน้ำลายไหลลงมา
โจวเจ๋อไม่รังเกียจความสกปรกของเธอ และไม่รังเกียจกลิ่นในนี้แล้ว แต่กลับถอนหายใจยาว ยื่นมือตัดโซ่ที่เดิมทีตามชนบทเอาไว้ใช้ล่ามสุนัขจนขาด
เจ้าของบ้านที่เลี้ยงสัตว์ในเมือง ยังสงสารไม่กล้าใช้โซ่เหล็กหนาเท่านี้ล่ามสุนัขเลย
เมื่อตัดโซ่ขาดแล้ว นักพรตเฒ่าอยากจะเข้าไปประคองเด็กสาว เด็กสาวกลับร้องออกมาหนึ่งที พร้อมกับหลบนักพรตเฒ่า เหมือนกับว่านักพรตเฒ่าเป็นคนเลวที่อยากทำร้ายเธออีกคน จากนั้น เด็กสาวจึงเป็นฝ่ายเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของโจวเจ๋อ
“…” นักพรตเฒ่า
โจวเจ๋ออยากจะประคองเด็กสาวออกไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้ยืนนานแล้ว หรือว่าโดนทำร้าย หรือว่ามาจากเหตุอื่น เด็กสาวเดินได้สองสามก้าวก็ล้มลง
จากนั้น ฉากที่ทำให้นักพรตเฒ่าตกใจได้ปรากฏขึ้น โจวเจ๋อโน้มตัวอุ้มเด็กสาวคนนั้นขึ้นมา แล้วยืนตัวตรงอุ้มเธอเดินออกไปข้างนอก
เถ้าแก่เป็นคนรักสะอาดรุนแรงมากแค่ไหน นักพรตเฒ่ารู้ดี เถ้าแก่เป็นคนเย็นชามากแค่ไหน นักพรตเฒ่าเข้าใจเป็นอย่างดี นักพรตเฒ่าเดินตามอยู่ข้างๆ กลัวว่าเด็กสาวจะศีรษะกระแทก ขณะเดียวกันก็บ่นในใจ วันนี้ทั้งวันไม่เข้าใจเถ้าแก่เอาเสียเลย
หลังจากเดินออกมาแล้ว นักพรตเฒ่ายื่นมือปิดตาของเด็กสาว เพราะข้างนอกมีแต่ศพ โจวเจ๋อกำลังลังเล ควรให้เด็กสาวเห็นสภาพการตายที่น่าอนาถของศัตรูพวกนี้ดีไหม หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง บางทีอาจจะคลายปมในใจของเธอได้
ความคิดเหล่านี้ หากเป็นเมื่อก่อน โจวเจ๋อจะลงมือทำโดยไม่ลังเล แต่จะเป็นการทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงเป็นครั้งที่สองสำหรับเด็กสาวหรือไม่ เถ้าแก่โจวจะไม่พิจารณามัน ทว่าครั้งนี้ โจวเจ๋อไม่ห้ามการกระทำของนักพรตเฒ่าที่ช่วยปิดตาให้เด็กสาว เขาอุ้มเด็กสาวค่อยๆ เดินออกไปข้างนอกทีละก้าว
ขอบประตูภายในบ้าน คนโง่อายุสามสิบกว่าปียืนพิงอยู่ตรงนั้น ใช้มือที่เปื้อนเลือดสดจับคอของตัวเอง พลางมองเด็กสาวที่โจวเจ๋ออุ้มอยู่ในอ้อมอกแล้วหัวเราะอย่างเซ่อซ่า
“เหอะๆๆๆๆๆ…” คนโง่กำลังหัวเราะ “โว้วๆๆๆ!!!!”
โจวเจ๋อรู้สึกว่าเด็กสาวเงยหน้าขึ้นทันที มองไปที่คนโง่อายุสามสิบกว่าปีคนนั้น ในดวงตาของเธอ ไร้ซึ่งความเคียดแค้นใดๆ
“โว้วๆๆๆ!!!!” คนโง่โบกมือต่อ จากนั้นหัวเราะอย่างเซ่อซ่าต่อไป
“เหอะๆๆๆ…” เด็กสาวหัวเราะขึ้นมาในทันใด หางตาเริ่มมีน้ำตาไหลลงมา
คนโง่ร้อง “อาๆๆๆ” สองสามครั้ง แล้วยื่นมือเช็ดดวงตาของตัวเอง ดูเหมือนกำลังบอกเด็กสาวว่าอย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ไปเลย จากนั้นเขาจึงโบกมือต่อ และยังชี้ที่ด้านหลังของตัวเอง เหมือนอยากจะให้เด็กสาวมองผลงานชิ้นเอกของตัวเอง
นักพรตเฒ่ามองคนโง่อย่างระแวดระวัง เหมือนกลัวคนโง่จะพุ่งเข้ามา ไม่ว่าอย่างไร จนถึงตอนนี้ นักพรตเฒ่ายังรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้โดนผีอะไรเข้าสิงหรือเปล่า
โจวเจ๋ออุ้มเด็กสาวเดินออกมาข้างนอก แล้ววางเธอลง เพื่อให้เธอนั่งที่ลานหน้าประตู ด้านนอกมีคนเดินผ่านมาเป็นระยะ บางคนมองเข้ามาทางนี้ แต่ก็มีป้าบางคนที่มองโจวเจ๋อและคนอื่นด้วยความรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่มีใครเข้ามายุ่ง
ที่นี่ ไม่ใช่เขตภูเขาที่มีผู้คนเบาบาง ที่นี่ ไม่ใช่สถานที่รกร้างว่างเปล่า ที่นี่ อยู่ภายใต้ความเจริญรุ่งเรือง อยู่ติดกับย่านที่ผู้คนพลุกพล่านมากที่สุด แต่ดูเหมือนความเสียงดังของที่นี่ กลับปกคลุมความชั่วได้เหมือนกัน
ใครจะคิดว่า ในสถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ในตึกอิฐแดงที่สวยงามตึกนี้ จะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
โจวเจ๋อลุกขึ้นยืน เด็กสาวนั่งบนพื้นแต่กลับเป็นฝ่ายจับขาของโจวเจ๋อ ให้ตายอย่างไรก็ไม่ปล่อย
โจวเจ่อยื่นมือลูบศีรษะของเธอ เขาไม่ได้ปลอบใจเธอ และไม่อยากลองพูดกับเธอ เพราะเถ้าแก่โจวไม่ค่อยเชื่อปากของตัวเอง เรื่องราวหลังจากนี้ ต้องมอบให้ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการ อย่างเช่น หวังเคอ อย่างเช่น เหล่าจาง
คนโง่ไม่ได้เดินตามออกมา เพราะไม่ช้า โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าได้ยินเสียง ‘ปึ้งๆๆๆ!!!’ ดังมาจากข้างใน คนโง่กำลังทำผลงานชิ้นเอกของตัวเองต่อไป
“เถ้าแก่ เป็นฝีมือของผีหรือเปล่า” นักพรตเฒ่าถาม
“ใครบอกคุณว่าเป็นผีล่ะ” โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่าอย่างสงสัย
“ไม่ใช่ผี แล้วคนตายมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร แล้วก็…”
โจวเจ๋อขมวดคิ้ว ถอนหายใจ ก้มหน้ามองเด็กสาวที่เอาศีรษะพิงขาของตัวเอง แล้วค่อยๆ พูดว่า “นักพรตเฒ่า”
“หืม”
“คุณก็เดินทางมาเกือบครึ่งค่อนชีวิตแล้ว เจอผีมากมายตอนที่เป็นลูกน้องของเถ้าแก่ถึงสองรุ่น มีเหตุผลหนึ่ง คุณไม่เคยเข้าใจเลยใช่ไหม”
“เหตุผลอะไร”
“นั่นก็คือ คนน่ากลัวกว่าผีเยอะ”
……………………………………………………………………….