ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 774 ความจริงและสิ่งที่ผ่านมา
ตอนที่ 774 ความจริงและสิ่งที่ผ่านมา
เหล่าจางมาแล้ว พาตำรวจมาด้วยกลุ่มหนึ่ง นักพรตเฒ่ารออยู่ในที่เกิดเหตุ อยู่เป็นเพื่อนเด็กสาว เด็กสาวชอบอยู่กับโจวเจ๋ออย่างเห็นได้ชัด แต่โจวเจ๋อคิดดูแล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเด็กสาวเพื่อให้ปากคำกับตำรวจกลุ่มนี้ หรือกลับไปนั่งพิงเบาะในรถสูบบุหรี่ให้สบายใจดี
โจวเจ๋อเลือกอย่างหลัง อืม บางครั้งเถ้าแก่โจวเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเฉยชาเกินไป ถึงแม้จิตใจอ่อนโยนเป็นบางครั้ง ก็ไม่มีทางคงอยู่เป็นเวลานานเกินไป เวลานี้ เถ้าแก่โจวนั่งอยู่ตรงนี้ ดื่มโค้กเย็นๆ ถูกแล้ว เมื่อครู่เขายังตั้งใจเข้าไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กตรงทางเข้าเพื่อซื้อเครื่องดื่ม
ตำรวจปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุ ยุ่งเป็นอย่างมาก นี่คือคดีใหญ่ คนสี่ชีวิต เกินคำว่าคดีลักพาตัวไปนานแล้ว
นักพรตเฒ่าคอยรับมือกับตำรวจ พูดจนปากแห้ง แน่นอนว่าต้องดึงเถ้าแก่ของตัวเองออกไป มีเหล่าจางคอยให้ความร่วมมือ จุดสนใจของตำรวจจึงไม่ย้ายไปที่โจวเจ๋อ ชาวบ้านเข้ามามุงล้อมที่นี่กันยกใหญ่ ทุกคนทอดตามอง ดูความคึกคัก
คดีฆ่ายกครัว คดีลักพาตัว ลูกชายเอ๋อฆ่ายกครัว เรื่องจริงไม่ได้พูดโกหก!
ไม่ว่าจะหยิบคดีไหนออกมา สามารถสร้างความฮือฮาให้กับหมู่บ้านได้มากพอ กระทั่งสามารถกลายเป็นข้อมูลแลกเปลี่ยนสื่อสารในชีวิตประจำวันของคนในหมู่บ้านรวมทั้งติดต่อกับคนภายนอกได้ นับประสาอะไรกับครั้งนี้ที่เกิดเรื่องพร้อมกันทีเดียวสามเรื่อง
โจวเจ๋อมองเห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของพวกชาวบ้าน ผู้ชายผู้หญิงเข้ามารวมตัวกันเยอะมาก โจวเจ๋อเกลียดวัฒนธรรมการเป็นชาวมุงแบบนี้มาตลอด จะเข้ามาก็เข้ามาดูเถอะ ถ้าหากมองด้วยเจตนาดีและเห็นอกเห็นใจ ก็ไม่เป็นไร ทว่าแต่ละคนใบหน้าหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนดูละครตลกก็ไม่ปาน ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ
เขาส่ายหน้า ลูบกระเป๋ากางเกง บุหรี่หมดแล้ว เสียใจหนักมาก ตอนที่เถ้าแก่โจวผลักประตูรถ กำลังจะไปซื้อบุหรี่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เขาเห็นหวังเคอขับรถเข้ามา หวังเคอเห็นโจวเจ๋อ จึงจอดรถแล้วเดินลงมา
“พี่ชาย นายมาแล้ว” โจวเจ๋อเอ่ยทักทาย มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่จอมปลอมอย่างหนึ่ง ก่อนหน้านี้ยังแอบแซวอยู่ในใจว่าหวังเคอเป็นคนสร้างแรงบันดาลใจให้โจวเจ๋อ เวลานี้ใบหน้ากลับเอ่อล้นไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม
“อืม ฉันขอไปข้างหน้าก่อน” หวังเคอมองโจวเจ๋อ แล้วมองไปข้างหน้า ถึงแม้ในใจจะรู้ดีว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับโจวเจ๋อ แต่เขาฉลาดพอที่จะไม่ถามโจวเจ๋อ เดินแหวกผู้คนเดินเข้าไปข้างในโดยตรง
เขาอยากไปหา ‘คนไข้’ ของเขา เหล่าจางโทรหาหวังเคอโดยเฉพาะ อันที่จริง ที่สถานีตำรวจใช่ว่าจะไม่มีที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยาโดยเฉพาะ ถ้าเป็นช่วงปกติทั่วไป ก็จะไม่ไปเชิญหวังเคอมา เนื่องจากค่ารักษาของหวังเคอแพงเกินไป ในฐานะจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงอยู่บ้างในเซี่ยงไฮ้ ค่ารักษาพยาบาลของเขานั้นสูงเกินไป
เหล่าจางติดต่อหวังเคอโดยอาศัยความสัมพันธ์ของร้านหนังสือ หวังเคอไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว และไม่มีเงื่อนไขใด จากนั้นจึงมาหาทันที
โจวเจ๋อกวาดตามองหนึ่งที พบว่าสาวน้อยโลลิกับเด็กผู้ชายอยู่ในรถของหวังเคอ เขาเดินเข้าไป แล้วยื่นมือเคาะหน้าต่างรถ สาวน้อยโลลิโบกมือทักทายโจวเจ๋ออย่างมีมารยาทเป็นอย่างยิ่ง “สวัสดีค่ะคุณอา!”
โอเค หลินเข่อกำลังนอนหลับ
สายตาของโจวเจ๋อมองไปที่เด็กผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เด็กผู้ชายพยักหน้าให้โจวเจ๋อเล็กน้อย
“เหอะ…” โจวเจ๋อหัวเราะ “การประจบเช่นนี้ สุดท้ายแล้วไม่ได้อะไร”
เด็กผู้ชายยักไหล่ เพื่อความรัก ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ
“เอาบุหรี่ของเขามาให้ฉัน”
เด็กผู้ชายพลิกตัวไปข้างหน้า หยิบบุหรี่ที่หวังเคอใส่ไว้ในลิ้นชักออกมายื่นให้โจวเจ๋อ ขณะเดียวกันก็อธิบายว่า “ผมกับหวังหรุ่ยตอนนี้เรียนเปียโนด้วยกัน”
“โอเค เรียนให้เก่งเร็วๆ นะ ตอนเย็นกลับร้านหนังสือจะได้เล่นเพลงให้ฉันฟัง ฉันอยากฟัง ‘ซิมโฟนีหมายเลขห้า’”
“คุณชอบเพลงนี้” เด็กผู้ชายแปลกใจอยู่บ้าง
“เปล่า เพราะพอพูดถึงเพลงบรรเลงเปียโน ชั่วขณะนี้ฉันจำได้แค่เบโธเฟนกับ ‘ซิมโฟนีหมายเลขห้า’” โจวเจ๋อมีความจริงใจอย่างยิ่ง เสียงจุดบุหรี่ดัง ‘ฉึบ’ เขายืนพิงกระโปรงหน้ารถ ไม่มองไปด้านใน แต่ก้มหน้าพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างเงียบๆ
สาเหตุที่ตอนนี้ยังไม่กลับ ไม่ใช่เพราะรอรับนักพรตเฒ่ากลับบ้าน แต่เป็นเพราะจะมีสิ่งที่สว่างไสววาววับมาหาตัวเองอย่างแน่นอน แทนที่เมื่อตัวเองกลับร้านหนังสือ เพิ่งจะนอนลง หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา เขาก็รีบร้อนเข้ามา สู้ตัวเองรอเขาอยู่ตรงนี้จะดีกว่า
และแล้วสิ่งที่สว่างไสววาววับนั้นก็มาจริงๆ เขาเดินมาตามแสงตะวันลับฟ้า ดูเหมือนอยากเปล่งแสงทำร้ายคนร้ายตาต่ำพวกนั้นทั้งหมด โจวเจ๋อหัวเราะทันที หัวเราะด้วยความดีใจอย่างยิ่ง
เหล่าจางรู้สึกงุงงงอย่างบอกไม่ถูก และไม่ค่อยสบายใจ เขาเดินมาตรงหน้าโจวเจ๋อ ยื่นมือขอบุหรี่จากโจวเจ๋อจากนั้นจุดมัน แล้วรีบสูบอย่างแรง
“คุณตื่นเต้นมากใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม
เหล่าจางไม่ตอบ
โจวเจ๋อถามอีก “ไม่ต้องตื่นเต้น”
เหล่าจางเม้มปาก ยื่นมือชี้ไปที่ด้านหลัง แล้วถามอย่างกระวนกระวายใจ “เถ้าแก่ สี่คนในบ้านที่อยู่ข้างหลัง เป็นฝีมือของคุณใช่ไหม”
โจวเจ๋อเหลือบตามองเหล่าจางหนึ่งทีด้วยความแปลกใจ เอ่ยว่า “ฝ่ายตำรวจของพวกคุณสืบได้อย่างนี้เหรอ”
เหล่าจางส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ พวกเรามีการคาดเดาเชิงตรรกะเป็นของตัวเอง หลักฐานในที่เกิดเหตุบางส่วนชี้ไปตามการคาดเดาของพวกเรา แต่ผมรู้สึกว่า ผมต้องมาถามคุณก่อน”
“จากนั้นล่ะ” โจวเจ๋อถาม
เหล่าจางตกตะลึง จากนั้นเหรอ จากนั้นอะไร
“ถ้าหากผมบอกคุณว่า ผมเป็นคนทำ จากนั้นล่ะ คุณจะจัดการอย่างไร ผมบอกคุณว่า ผมเป็นคนฆ่าคนเอง คุณจะหยิบกุญแจมือมาใส่ให้ผมเลยไหม”
เหล่าจางเงียบไป
“หรือว่าคุณจะใช้พลังของเซี่ยจื้อที่อยู่ในร่างของคุณมาต่อสู้กับผมหนึ่งตา”
“…” เหล่าจาง
“แต่คุณก็สู้ผมไม่ได้ ถึงแม้ผมจะไม่เรียกคนผู้นั้นออกมา คุณก็สู้ผมไม่ได้ นับประสาอะไร หากคนผู้นั้นยังตื่นอยู่ คุณเข้าใจหรือยัง”
“เข้าใจแล้วครับ”
“จากนั้น คุณยินดีที่จะเชื่อตามความเชื่อของคุณ ต้องการต่อสู้กับผมด้วยความเด็ดเดี่ยว เพื่อให้เกิดปาฏิหาริย์ ทำให้ผมล้มแล้วจับผม จากนั้นนำไปดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่คุณจะส่งผมไปขึ้นศาลได้อย่างไร จะตัดสินผมอย่างไร ตัดสินว่าผมเป็นหัวหน้านักล่าผี บอกว่าผมสั่งผีฆ่าคน หลังจากคุณจับผมดำเนินการตามกฎหมายแล้ว คุณก็จะบอกว่าเรื่องน้ำใจคนกับหลักกฎหมายไม่อาจทำควบคู่กันได้ จากนั้นคุณก็จะทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวตาย หรือว่าตัดอวัยวะของตัวเอง หรือไม่ คุณก็…”
“เถ้าแก่!” เหล่าจางตัดบทพูดของโจวเจ๋อทันที ขณะเดียวกันก็มองดวงตาของโจวเจ๋อพลางเอ่ยว่า “เถ้าแก่ ถ้าหากคุณเป็นคนทำจริงๆ ผมรู้สึกว่าคุณทำถูกแล้ว”
ครั้งนี้โจวเจ๋อกลับตกตะลึงเอง เม้มปาก ก้มหน้า หัวเราะออกมา เขาหัวเราะอยู่จากนั้นก็ไม่หัวเราะแล้ว เขายื่นมือตบไหล่ของเหล่าจางเบาๆ “ขอบใจนะ เหล่าจาง”
“ผมพูดจากใจจริง ผมไม่ได้เป็นเหมือนที่คุณคิด…”
“หุบปาก!”
“…” เหล่าจาง
การเมืองที่ถูกต้อง ไม่อาจแปดเปื้อนจุดด่างพร้อย!
“หากต้องจับ ก็ต้องจับผม หากต้องยืนหยัด ก็ต้องยืนหยัดต่อไป ถึงแม้จะดูโง่เล็กน้อย แต่เครื่องรางป้องกันตัวอย่างคุณต้องสว่างไสวตลอด ส่องแสงวาววับระยิบระยับอยู่บนที่สูง เข้าใจไหม แล้วก็ ผมไม่ได้เป็นคนฆ่า หลังจากผมมาถึงผลักประตูเข้ามา คนที่อยู่ข้างใน คนที่สมควรตายก็ตายหมดแล้ว”
เหล่าจางได้ยินดังนั้น จึงโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
“พูดมาเถอะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลังจากผมเข้าไปแล้ว ก็เห็นคนโง่นั่นกำลัง ‘ทุบเหนียนเกา (เค้กข้าว)’”
“อืม จากผลของการสืบสวนในเบื้องต้น พวกเราพอจะนึกภาพตอนที่เกิดคดีได้ ผู้หญิงเจ้าของบ้าน น่าจะถูกคนลักพาตัวผู้ชายกับคนลักพาตัวผู้หญิงฆ่าพร้อมกัน มีความเป็นไปได้สูงที่เกิดการปะทะกันระหว่างพวกเขา เนื่องจากคนลักพาตัวทั้งสองคนนั้นยังเป็นฆาตกรคดีฆ่าคนในคดีอื่นด้วย ขณะเดียวกัน พวกเขายังเคยทำการค้ามนุษย์กับครอบครัวนี้
เจ้าของบ้านน่าจะให้พวกเขาอยู่ไปก่อน จากนั้นหวังว่าพวกเขาจะไป จะได้ไม่เป็นภาระให้ตัวเอง จากนั้นจึงทะเลาะกัน เจ้าของบ้านผู้หญิงถือมีดทำกับข้าว น่าจะพยายามใช้กำลังขับไล่พวกเขาออกจากบ้าน แต่กลับเกิดการต่อสู้กัน มีดทำกับข้าวโดนแย่ง แล้วจึงโดนแทงตาย เจ้าของบ้านผู้ชายถูกเชือกรัดคอตาย ตายอยู่ในห้องน้ำ
เมื่อดูจากร่องรอยในที่เกิดเหตุ การตายของเจ้าของบ้านผู้ชายและผู้หญิง น่าจะเป็นฝีมือของคนลักพาตัวสองคนนั้นที่ร่วมมือกัน จากนั้นระหว่างพวกเขาเอง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้ทะเลาะกัน อย่างไรก็ตาม ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง ฆ่าคนเยอะขนาดนี้ จิตของพวกเขาไม่ปกตินานแล้ว จากนั้นคนลักพาตัวผู้หญิงโดนฆ่าโดยไม่ตั้งใจขณะที่ทะเลาะกัน”
“แล้วคนเอ๋อคนนั้นล่ะ” โจวเจ๋อถาม
“คนเอ๋อนั่น…ลูกชายของเจ้าของบ้าน สุดท้ายทะเลาะกับคนลักพาตัวผู้ชาย และไม่รู้ว่าคนลักพาตัวผู้ชายอยากจะฆ่าคนปิดปากหรือว่าอย่างไร สรุปคือเข้าไปในห้อง จากนั้นจึงถูกลูกชายของเจ้าของบ้านฆ่าแทน…”
“เอ่อ…” โจวเจ๋อ
“จากรายละเอียดที่ค้นพบในสถานที่เกิดเหตุตามขั้นตอนการสืบสวนเบื้องต้น น่าจะเป็นประมาณนี้ และสถานที่เกิดเหตุก็ไม่มีร่องรอยของคนอื่น อ้อ นอกจากอันนี้” เหล่าจางยื่นมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า หยิบก้นบุหรี่ออกมา แล้วโยนไปที่พื้น เขาเตือนเถ้าแก่ของตัวเองอย่างไม่เกรงใจ ต่อไปอย่าทิ้งก้นบุหรี่มั่วซั่วในที่เกิดเหตุของคนอื่น
“เด็กสาวคนนั้นล่ะ หาครอบครัวเจอหรือยัง”
“รถพยาบาลเพิ่งมาถึง เธอกำลังได้รับการตรวจสุขภาพร่างกายอยู่ อีกสักพักจะถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล หวังเคอก็มาแล้ว กำลังช่วยรักษาทางด้านสุขภาพจิตใจ ตัวตนของเด็กสาวยังไม่แน่ชัด พวกเรากำลังตรวจค้นบ้านหลังนี้ พยายามหาสิ่งของที่เป็นของเด็กสาว แต่หวังเคอเพิ่งบอกว่า เด็กสาวไม่ได้ปัญญาอ่อนตั้งแต่แรก สภาพในตอนนี้ น่าจะเกิดขึ้นในช่วงนี้”
โจวเจ๋อเม้มปาก อันนี้เขาเดาออกแล้ว ลูกชายของตัวเองโง่บัดซบขนาดนี้แล้ว จะหาคนโง่ปัญญาอ่อนมาจับคู่ สุดท้ายได้หลานเป็นคนเอ๋ออีกเหรอ สามีภรรยาคู่นี้ ไม่โง่ขนาดนั้น
หลังจากผ่านการโดนทรมานเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นคนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว ก็พังทลายได้เช่นกัน และผู้เคราะห์ร้ายเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง เธอจะทนรับไหวได้อย่างไร
เวลานี้ โทรศัพท์ของเหล่าจางดังขึ้น เขากดรับสายพลางมองไปทางคนกลุ่มนั้น คนที่โทรเข้ามาน่าจะเป็นคนในนั้น“ฮัลโหล ได้ อะไรนะ โอเค ผมรู้แล้ว” เหล่าจางวางสาย กัดฟัน เงยหน้ามองโจวเจ๋อ
“มีอะไร” โจวเจ๋อถาม
เหล่าจางกำหมัดแน่น ทุบหนึ่งหมัดไปที่กระโปรงหน้ารถที่อยู่ด้านหน้า อืม รถของหวังเคอ โจวเจ๋อไม่เสียใจ ทุบเลย ทุบแรงๆ อีก
เหล่าจางสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพ่นออกมาอย่างแรง มองโจวเจ๋อด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เอ่ยว่า “หมอบอกว่าเด็กสาวมีความเป็นไปได้สูงที่จะตั้งครรภ์แล้ว…”
……………………………………………………………………….