ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 781 งานศพ (1)
ตอนที่ 781 งานศพ (1)
พูดจริงๆ นะ โจวเจ๋อคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหล่าจางจะนำเงินรางวัลกลับมา ส่วนธงเกียรติยศอะไรนั่นเขาไม่ค่อยสนใจ หรือว่าจะให้ตัวเขาผลักประตูร้านหนังสือเข้าไป แล้วสิ่งที่เห็นเป็นลำดับแรกคือกำแพงเกียรติยศ บนนั้นเขียนว่า ‘ก้าวหน้าร่วมกัน’ ‘บุคคลโดดเด่น’ ‘หน่วยงานกองหน้ารักษาสิ่งแวดล้อม’ หรือไม่ก็ ‘ผู้นำทางด้านเมืองสุขาภิบาล’ คำบรรยายที่สวยงามเช่นนี้ดูล้าสมัยมาก เถ้าแก่โจวไม่เข้าใจ
แต่เงินรางวัลไม่เหมือนกัน ถึงแม้จำนวนเงินจะไม่เยอะ แต่ความรู้สึกที่ได้ใช้ประโยชน์จากเงินของรัฐเช่นนี้ ทำให้คนมีความสุขจริงๆ ในอดีตที่ผ่านมานานแล้ว ถึงแม้คุณไม่ขาดอะไร คุณไม่พร่องสิ่งใด คุณไม่ต้องการสิ่งใด แต่คุณสามารถดึงบางสิ่งกลับมาจากรัฐได้ เพื่อนบ้านและญาติมิตรจะรู้สึกว่าคุณเก่ง มีความสามารถ!
เหล่าจางส่งวีแชตมาหา ถามว่าจะรับการสัมภาษณ์ของนักข่าวไหม แต่ถูกโจวเจ๋อปฏิเสธไปทั้งหมด เถ้าแก่โจวไม่อยากเปลี่ยนจาก ‘ร้านหนังสือยามวิกาล’ เป็น ‘ร้านหนังสือยอดฮิต’ จะมีชื่อเสียงไปทำไม ถึงตอนนั้นเหล่าแมลงวันมากมายก่ายกองจะเข้ามาถ่ายรูปเพื่ออยากเป็นกระแส แล้วตัวเขาจะนอนดื่มกาแฟตรงนั้นได้อย่างไร
เมื่อคิดถึงเรื่องสัมภาษณ์ โจวเจ๋อจึงมองไปที่นักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างหน้า ถามว่า “อ้อใช่ นักพรตเฒ่า เรื่องประกาศหาคู่ครั้งที่แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง”
ทนายอันทุ่มเงินเยอะมาก
นักพรตเฒ่ากะพริบตาปริบๆ เอ่ยว่า “มีผู้ชายเพิ่มเข้ามาเป็นกอง…”
“ฮ่าๆๆ” โจวเจ๋อหัวเราะจนเกือบน้ำตาไหล เวลานี้โจวเจ๋อมองเห็นรถของเหล่าจางขับเข้ามา เขารีบถูมือ เพื่อรอรับเงินรางวัล ความรู้สึกนี้เทียบได้กับความรู้สึกตอนที่เถ้าแก่โจวได้รับโบนัสสิ้นปีครั้งแรกในโรงพยาบาลไม่ผิดเพี้ยน
รถของเหล่าจางเริ่มลดความเร็ว เตรียมจอดรถ แต่เวลานี้เอง ผู้หญิงขี่รถจักรยานไฟฟ้าคนหนึ่งขับผ่านมาพอดีและไม่รู้ว่าเป็นอะไร เธอล้มลงตรงหน้ารถของเหล่าจางโดยตรง เหล่าจางรีบเหยียบเบรกไม่ได้ชนเธอ
เถ้าแก่โจวลุกขึ้น นักพรตเฒ่าร้องอุทานด้วยความตกใจ “อ้าวแม่งเอ๊ย หาเรื่องกับตำรวจอาชญากรรมแล้วไหมล่ะ”
เหล่าจางลงจากรถทันที เข้าไปดูสถานการณ์ แล้วจึงประคองผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา เขาในฐานะนี้ไม่กลัวที่จะประคองคน!
โจวเจ๋ออิจฉาเหล่าจางอยู่บ้าง ปีนี้ถึงแม้คนที่มีทรัพย์สินนับสิบล้าน ก็ยังไม่กล้าประคองคนมั่วซั่ว เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ โจวเจ๋อได้ยินเหล่าจางตะโกนว่า “คุณโอเคไหม เป็นอะไรไหม”
ผู้หญิงดูแล้วมีอายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี แต่ปากซีด หน้าผากมีเลือดออกตอนที่ล้ม เขาอาศัยประสบการณ์จากการเป็นหมอเมื่อชาติที่แล้ว ผู้หญิงคนนี้น่าจะขาดสารอาหารอย่างรุนแรง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นโรคโลหิตจาง
“ขอโทษค่ะ พี่ชาย ขอโทษพี่ด้วยนะคะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
สิ่งที่ทำให้คนแปลกใจคือ ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนต้องการหาเรื่องหลอกเอาเงินเลยสักนิด แต่กลับเร่งรีบและไม่สบายใจ
เธอลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ทว่ารถจักรยานไฟฟ้าพังแล้ว กระบังหน้าหลุด ผู้หญิงยังอยากจะขี่รถจักรยานไฟฟ้ากลับไป แต่เธอเพิ่งจะประคองขึ้นมาได้ครึ่งเดียว ร่างก็เซ แล้วล้มลงอีกครั้ง
โจวเจ๋อหูไวตาไว กอดเธอไว้ มองใบหน้าของผู้หญิงในระยะประชิดพลางเอ่ยว่า “คุณเป็นโรคโลหิตจางรุนแรงมากใช่ไหม”
“อ๋า พอได้ค่ะ ไม่เป็นไร” ผู้หญิงไม่ชินที่อยู่ในอ้อมอกของผู้ชายคนอื่น เธอจึงเริ่มดิ้นตามสัญชาตญาณ
“ขอโทษค่ะ ทำให้พวกคุณต้องยุ่งยาก ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษจริงๆ พี่ชายคะ ฉันชนรถของคุณไหมคะ เท่าไรคะฉันจะชดใช้ค่ะ” เธอพูดกับเหล่าจาง
เหล่าจางรีบโบกมือเอ่ยว่า “ไม่เฉียด ไม่เฉียดเลย ให้ผมส่งคุณไปโรงพยาบาลไหมครับ” เหล่าจางเป็นตำรวจอาชญากรรมมายี่สิบกว่าปี ความสามารถในการมองผีอาจไม่ดี แต่ความสามารถในการดูนิสัยคน ไม่มีปัญหา ผู้หญิงคนนี้มีปัญหาหรือไม่ อยากหาเรื่องหรือเปล่า หรือว่าอยากหนี โดยพื้นฐานสามารถมองออกเกือบหมด
“ไม่ต้องไปโรงพยาบาลค่ะ ไม่ไปโรงพยาบาล ฉันจะกลับบ้าน ฉันต้องรีบกลับบ้าน ฉันมีธุระที่บ้านค่ะ มีธุระ”
โจวเจ๋อช่วยผู้หญิงประคองรถจักรยานไฟฟ้าขึ้นมา และเก็บของที่ร่วงจากรถจักรยานไฟฟ้าก่อนหน้านั้น พบว่ามีผ้าสีขาวหนึ่งห่อ กับเงินกระดาษหนึ่งปึกใหญ่ เขาเก็บขึ้นมาทีละนิดแล้วจัดให้เรียบร้อย จากนั้นใส่เข้าไปในถุงของเธอใหม่
“บ้านของคุณอยู่ที่ไหนครับ” โจวเจ๋อถาม
“เมืองเจียงจ้าวค่ะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า พูดกับเหล่าจาง “ส่งเธอกลับบ้านเถอะ รถคันนี้ ใช้ไม่ได้ชั่วคราว” และท่าทางของผู้หญิงคนนี้หากขับรถต่อแล้วเกิดอุบัติเหตุคงไม่คุ้มค่าเท่าไร
เวลานี้ โทรศัพท์ของเหล่าจางดังขึ้น เหล่าจางรับสาย ขานรับสองสามที แล้วมองไปที่โจวเจ๋ออย่างลำบากใจ ก่อนจะหยิบอั่งเปาที่ห่อด้วยกระดาษสีแดงออกจากกระเป๋า ยื่นให้โจวเจ๋อ น่าจะเป็นเงินรางวัล โจวเจ๋อรับมาแล้วลูบดู เอ้อ บางจริงๆ…
“เถ้าแก่ มีการปล้นกันที่เขตซีเฉิง ผมต้องไปดู เอ่อ คุณต้องลำบาก ไปส่งเธอหน่อยครับ”
โจวเจ๋อเหลือบตามองเหล่าจางหนึ่งที พลางคิดในใจเงินรางวัลแค่นี้จะพอค่าน้ำมันของฉันเหรอ แต่เมื่อเห็นผู้หญิงปากซีด เขาจึงพยักหน้า เอ่ยว่า “โอเค ผมจะไปส่งเอง”
เหล่าจางขึ้นรถออกไปแล้ว ผู้หญิงอยากจะเข็นรถจักรยานไฟฟ้าของตัวเอง แต่กลับถูกโจวเจ๋อห้าม “ผมจะพาคุณกลับบ้านครับ”
“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องจริงๆ ค่ะ ฉันหาร้านซ่อมรถก็พอ จากนั้นค่อยนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน”
“มาครับ ขึ้นรถ นักพรตเฒ่า ขับรถออกมาได้แล้ว”
“โอเค”
นักพรตเฒ่าขับรถ โจวเจ๋อโยนของของผู้หญิงเข้าไปในรถ “ผมจะไปส่งคุณ อย่าปฏิเสธครับ คุณล้มที่หน้าร้านของผม คนนั้นก็เป็นเพื่อนของผม ถ้าหากคุณเป็นอะไรไป ญาติของคุณมากัดผมเหมือนหมาบ้าจะทำอย่างไรครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของผู้หญิงจึงดูไม่ได้เล็กน้อย แต่ดูเหมือนจะนึกอะไรออก เธอจึงเข้าไปนั่งในรถ
นักพรตเฒ่าออกรถ เมืองเจียงจ้าวอยู่ห่างจากที่นี่จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ จะว่าไกลก็ไม่ไกล
โจวเจ๋อกับผู้หญิงนั่งเบาะหลังด้วยกัน พลางชี้ไปที่ของที่ผู้หญิงพกมาด้วยแล้วถามว่า “มีงานศพที่บ้านเหรอครับ”
ผู้หญิงพยักหน้า ยื่นมือสางผมของตัวเองเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายและความอึดอัด
“คนแก่ที่บ้านเสียชีวิต?”
ผู้หญิงส่ายหน้า ผ่านไปสักพักหนึ่ง จึงพูดอย่างกลัวๆ “สามีของฉันค่ะ”
“ขอโทษด้วยนะครับ อย่าเศร้าไปเลยนะครับ”
ผู้หญิงพยักหน้า
“น้องสาว บ้านของเจ้าอยู่ในเมืองหรือนอกเมือง ช่วยบอกทางหน่อย ข้าจะไปตามเส้นทางที่เจ้าบอก” นักพรตเฒ่าขับรถพลางตะโกนไปด้วย
“ค่ะ ขอบคุณคุณปู่ค่ะ”
“ไม่เป็นไร”
ในที่สุด หลังจากขับรถวนอยู่ระหว่างทางลาดยางแล้ว รถก็มาจอดที่หน้าตึกสองชั้นหลังหนึ่ง ตึกสองชั้นนี้กับตึกของเพื่อนบ้านแถวนี้เมื่อเทียบกันแล้ว ดูซ่อมซ่อกว่าอย่างเห็นได้ชัด ยังเป็นผนังอิฐ ไม่ได้ทาสีผนังหรือปูกระเบื้อง บ้านเรือนที่อยู่รอบๆ ดูแล้วสวยงามสดใสกว่า ตึกหลังนี้ดูไม่เข้าพวกอย่างชัดเจน
แปลงผักเล็กๆ ที่อยู่หน้าตึกน่าจะถูกโละทิ้ง มีการตั้งเต็นท์อยู่ข้างบน เต็นท์ด้านซ้ายคือวงดนตรีที่จ้างมา เต็นท์ด้านขวาคือคนที่ทำคนกระดาษและพับตำลึงเงินกับตำลึงทองโดยเฉพาะ
นักพรตเฒ่าขับรถมาจอดที่แปลงผัก ผู้หญิงผลักประตูรถแล้วลงจากรถ
โจวเจ๋อลงจากรถตามมาเช่นกัน เขาอยากจะสูบบุหรี่
“ขอบคุณพวกคุณนะคะ ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ” ผู้หญิงโค้งคำนับให้โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่า
“ไม่ต้องเกรงใจ วันพรุ่งนี้จะให้เขาเอารถมาส่งให้คุณนะครับ” โจวเจ๋อชี้ไปที่นักพรตเฒ่า
นักพรตเฒ่าหัวเราะเหอะๆ เขายินดี
“ขอบคุณค่ะ ฉันจะให้ค่าใช้จ่ายกับพวกคุณวันพรุ่งนี้นะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ พวกคุณเข้ามาดื่มน้ำก่อนไหมคะ”
โจวเจ๋อมองเต็นท์งานศพที่อยู่ข้างหลัง ส่ายหน้า เอ่ยว่า “ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณตามสบายครับ น่าจะมีเรื่องให้จัดการเยอะมาก อ้อใช่แล้ว คุณลองหาเวลาว่างไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลบ้างนะครับ หรือไม่ก็ซื้อช็อกโกแลตนิดหน่อย เวลาว่างก็บังคับตัวเองกินสักสองสามชิ้น”
ปกติเป็นโลหิตจางอยู่แล้ว บวกกับจัดงานศพอีก ร่างกายจึงทรุดง่าย หลายคนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับโรคโลหิตจาง แต่ในความเป็นจริงคือปัญหาหนึ่ง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดปัญหาใหญ่
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ตอนที่โจวเจ๋อเพิ่งจะจุดบุหรี่ คุณป้าอายุประมาณห้าสิบปีสวมผ้าสีขาวบนศีรษะจู่ๆ ก็วิ่งออกมาจากเต็นท์ ตะเบ็งเสียงชี้มาทางโจวเจ๋อและคนอื่นๆ “ให้ตายเถอะ ลูกแม่ ลูกลืมตาดูสิ มาดูเองเลย คนไร้จิตสำนึก! ไม่มีจิตสำนึก! ลูกเพิ่งจะตายได้ไม่นาน ภรรยาของลูกก็นั่งรถผู้ชายคนอื่นกลับมาที่บ้านแล้ว โอ๊ยๆๆ ไร้จิตสำนึกจริง!”
โจวเจ๋อได้ยินดังนั้น จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงรีบหมุนตัวไปหาคุณป้าคนนั้น รู้สึกอึดอัดและกระทืบเท้าอย่างไม่สบายใจ ร้องไห้พูดว่า “แม่คะ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ไม่ใช่แบบไหน ฉันเห็นกับตาตัวเอง ผู้ชายของเธอเพิ่งจะตาย ยังไม่ได้ฝังศพ ยังไม่เอาไปเผาเป็นเถ้าถ่าน! เธอก็อดรนทนไม่ไหว รอไม่ไหวแล้วเหรอ!!!!! เธอน่าจะโดนสับเป็นพันครั้ง ลูกชายของฉันทำดีกับเธอมากแค่ไหนตอนที่มีชีวิตอยู่ ต่อให้เธออดทนไม่ไหวก็ต้องรอให้เขาถูกฝังดินก่อนสิ!”
“แม่ ไม่ใช่ค่ะ พวกเขามาส่งหนูกลับบ้าน”
“โอ๊ย พวกเธอมันเป็นชู้กัน ถุย ไอ้สัตว์ ไอ้เลว ไอ้ชาติชั่ว เลวโดยกำเนิด!”
เถ้าแก่โจวยื่นนิ้วชี้ไปที่หญิงสูงวัย สายตาจ้องนิ่ง แล้วพูดตวาดเสียงต่ำ “ช่วยทำปากให้สะอาดหน่อยได้ไหม!”
“แหม คิดจะข่มขู่ฉัน ได้เลย! ทุกคนมาดูกันเร็ว พวกชาวบ้านทั้งหลาย ออกมาดูกันเร็วเข้า ผู้ชายเฮงซวยคนนี้กำลังตะคอกใส่ฉัน ช่างรู้จักสงสารเห็นใจกันจริงๆ ฮ่าๆๆๆ รู้จักเห็นใจกันจริงๆ!!!!!”
“แม่คะ อย่าทำแบบนี้ ขอร้องอย่าทำแบบนี้ค่ะ” ผู้หญิงร้องไห้เดินไปขอร้องต่อหน้าหญิงสูงวัย ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆจำนวนไม่น้อยมุงเข้ามาดูความคึกคักร่วมกัน
“เธอไสหัวไปเลย!” หญิงสูงวัยผลักผู้หญิงออกไป ร่างของผู้หญิงตอนนี้ก็แย่อยู่แล้ว พอเท้ายืนไม่มั่นคง จึงล้มลงไปบนคันนาโดยตรง
“สารเลว น่าขยะแขยง ฉันตอนแรกตาบอดแท้ๆ ถึงให้เธอแต่งเข้าบ้านของฉัน! ลูกชายของฉันตายเพราะเธอ เธอมันดวงกินผัว! เธอไสหัวไป ไสหัวไปเลย ไสหัวไปยิ่งไกลยิ่งดี! ลูกชายของฉันตายแล้ว เธอไสหัวไปไกลๆ เลย ฉันตอนนี้เห็นหน้าเธอแล้วก็โมโห!”
เวลานี้ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งร้องไห้เข้ามากอดหญิงสูงวัย “คุณย่า อย่าด่าแม่ของหนู ไม่ด่าแม่ของหนู”
หญิงสูงวัยขึงตามองผู้หญิงที่ล้มอยู่บนพื้นอย่างโหดเหี้ยม มือข้างหนึ่งลูบไปที่ศีรษะของหลานสาว มืออีกข้างหนึ่งชี้ไปที่ผู้หญิงเอ่ยว่า “ฉันขอเตือนเธอนะ เธอจะไปไหนก็ได้ แต่เหมียวเอ๋อร์ หลานสาวของฉัน ห้ามไปกับเธอเด็ดขาด! ฉันไม่ยอมให้เธอพาหลานสาวของฉันออกไปหาชายชู้ของเธอ!”
……………………………………………………………………….