ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 786 กลัว
ตอนที่ 786 กลัว
ณ สนามบินหรงเฉิงซวงหลิวเวลาเช้าตรู่ ทนายอันเดินออกจากสนามบินด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า ขึ้นรถที่ตัวเองจองไว้โดยเฉพาะ มุ่งหน้าไปยังตูเจียงเยี่ยนโดยตรง
“ลุงครับ สูบบุหรี่ได้ไหม” ไม่รอให้คนขับรถตอบ ทนายอันหยิบบุหรี่ของตัวเองออกมาหนึ่งมวน แล้วโยนให้คนขับรถหนึ่งมวน จากนั้นเปิดหน้าต่าง จุดบุหรี่ ทนายอันตอนนี้อยากจะสบถด่าจริงๆ
เดิมทีการเดินทางครั้งนี้ เขาบอกแล้วว่าตัวเองมาไม่ได้ ให้เด็กผู้ชายตามไปก็พอ ไม่แน่เผื่อจะได้แบ่งผลประโยชน์อะไรบ้าง ไม่ว่าอย่างไรแค่เพียงเส้นขนบนตัวของคนผู้นั้น ก็ยังหนากว่าเอวของคนทั่วไป
เขาเองจะได้พักผ่อน ในวันเวลาที่ไม่มีเถ้าแก่อยู่ด้วย ปลดปล่อยตัวเองสักหน่อย ให้ตัวเองได้ลาพักเล็กน้อย ไม่แน่เขายังสามารถบินไปเมืองซานย่า พักผ่อนหย่อนใจตามโรงแรมที่ฮิตในอินเทอร์เน็ต
แต่คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต ทว่าเขาก็มาแล้ว ทงเฉิงไม่มีเที่ยวบินมาที่หรงเฉิงตอนกลางคืน เขาจึงต้องลำบากขับรถตอนกลางคืนไปที่สนามบินเซี่ยงไฮ้ผู่ตง เลือกนั่งเที่ยวบินที่เร็วที่สุด จึงมาถึงหรงเฉิงในตอนเช้าตรู่ จากนั้นต้องรีบไปที่ตูเจียงเยี่ยนโดยเร็ว
พวกเถ้าแก่ทำตามแผนเดิม ตอนบ่ายนั่งเครื่องบินจากทงเฉิงมาหรงเฉิง แล้วค่อยเดินทางไปตูเจียงเยี่ยน เขาอันปู้ฉี่จะว่าไปแล้วเป็นแนวหน้านำมาก่อน ไม่ว่าอย่างไรเขาเป็นคนทำสถานพักฟื้นแห่งนี้ขึ้นมา การวางแผนในระยะหลังและการวางแผนความปลอดภัยเขาเองก็ทำอย่างเต็มที่ ตอนนี้เกิดเรื่อง เขาจึงต้องมาแน่นอน
ระหว่างนั้น เขารู้สึกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ขณะที่คลึงระหว่างคิ้ว ทนายอันรู้สึกหงุดหงิดใจ เลื่อนดูรายชื่อในโทรศัพท์สองสามเบอร์แล้วกดโทรออก ปรากฏว่าปิดเครื่องทั้งหมด สถานการณ์ที่สถานพักฟื้นน่าเป็นห่วงมาก
เมื่อรถลงจากทางด่วน เลี้ยวเข้าสู่ถนนด้านล่าง ก็อยู่ใกล้ภูเขาชิงเฉิงมากแล้ว
“หืม ทำไมมีต้นผลไม้เยอะขนาดนี้”
ทนายอันเหลือบตามองนอกหน้าต่าง พบว่ามีต้นผลไม้ขึ้นหนาแน่นอยู่ริมถนน ความหนาแน่นเช่นนี้ถึงแม้เขาจะไม่เคยทำไร่มาก่อนก็ยังมองออกว่าแน่นขนัดเกินไป ไม่เหมาะที่ต้นไม้จะเติบโตและออกผล
“อ๋อ เมื่อสองสามปีที่แล้วมีคณะสำรวจใส่ชุดเครื่องแบบมาสำรวจที่ดินแถวนี้ แล้วปล่อยข่าวว่าจะทำการเวนคืน”
“จากนั้นล่ะ”
“จากนั้นชาวบ้านแถวนี้จึงรีบดำเนินการ ปลูกต้นกล้าติดต่อกันสองวันสองคืนไม่ยอมพักผ่อน เพื่อที่จะได้เรียกเงินค่าเวรคืนที่ดินเยอะขึ้นหน่อย”
“หลังจากนั้นไม่ได้เวนคืน รู้สึกว่าต้องเสียเงินมากเกินไป จึงไม่ได้แตะเหรอ”
คนขับรถหัวเราะ เหมือนสะใจ เอ่ยว่า “พวกที่มาสำรวจสองสามคนนั้นเป็นคนที่พ่อค้าขายกล้าต้นไม้หามาหลอก”
“แผนนี้ไม่เลว”
“โอเค น้องชาย วันนี้ทางข้างหน้าถูกปิด ผมส่งคุณได้แค่นี้นะ”
“ครับ”
ทนายอันลงจากรถ ในหัวเริ่มนึกถึงเส้นทางที่มาครั้งที่แล้ว เมื่อคำนวณแล้ว จึงไม่เดินทางถนนต่อ แต่เดินข้ามเขาไป แบบนี้จะประหยัดเวลามากกว่า พอเดินลงไป ข้างหน้าก็คือสถานพักฟื้นแล้ว
แต่ตอนนี้คุณไม่เห็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถานพักฟื้นแม้แต่นิดเดียว เดิมทีสถานพักฟื้นสร้างขึ้นบนเขื่อน ตอนนี้กลายเป็นบึงโคลนขนาดใหญ่
ที่คือโคลนถล่ม… ด้านล่าง มีเต็นท์สองหลัง ตอนที่ทนายอันเดินเข้าไป จึงเห็นหัวหน้ายามที่โทรหาเขาก่อนหน้านั้น
“ผู้อำนวยการอัน คุณมาแล้วเหรอ!” หัวหน้ายามเป็นคนท้องถิ่นอายุราวสี่สิบปี เมื่อเห็นทนายอัน เหมือนเห็นเสาหลักของบ้าน วิ่งเข้ามาร้องไห้โฮ
ทนายอันพยักหน้า ปล่อยให้อีกฝ่ายจับแขนของตัวเองร้องไห้ไม่หยุด พลางเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เห็นผู้ชายในชุดยามสองคนอยู่ในเต็นท์ นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น น่าจะตกใจจนอ๊องไปแล้ว
เมื่อสูดลมหายใจลึกๆ แล้วจึงหมุนตัวเดินไปที่พื้นโคลนที่อยู่ข้างหน้า ทนายอันรู้สึกสับสนในใจเช่นกัน เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ ‘แมงมุม’ ตัวนั้นอยู่ที่นี่มานาน ก็ไม่เห็นเป็นอะไร พอเขามารับช่วงต่อ กลับเกิดเรื่องทันที หากจะพูดว่าเป็นอุบัติเหตุ ใครจะเชื่อ
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต เพราะสถานพักฟื้นแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในรายชื่อการอนุมัติ ทนายอันใช้วิธีการพิเศษของตัวเองก่อนหน้านั้น สามารถพูดได้ว่า นี่คือสถานพักฟื้นที่ไม่มีตัวตนอยู่ในเอกสารใดๆ แต่กลับมีอยู่จริง
“คนอื่นล่ะ” ทนายอันถาม
“ตายแล้ว ไม่อยู่แล้ว ยังเหลือพี่น้องอีกสามคนอยู่ข้างใน แต่หาไม่เจอ”
ทนายอันได้ยินแล้วสูดลมหายใจลึกๆ หมายความว่า ผู้อยู่อาศัยเดิมที่นี่ ก็ตายหมดแล้ว คนพวกนั้นเป็นเศรษฐีเชียวนะ
…
ตอนกลางวันตลอดทั้งวันนี้ ทนายอันมัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดการแก้ปัญหาที่ตามมาภายหลัง ชดใช้เงิน ให้เงินปลอบขวัญ เรื่องที่ต้องจัดการก็จัดการหมดแล้ว จ่ายเงินไปเท่าไรเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องควบคุมผลกระทบจากเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด อย่างน้อยต้องรอให้พวกเถ้าแก่มาถึงก่อน หลังจากจัดการแก้ไขปัญหาที่จำเป็นจริงๆ แล้ว ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน
พวกเศรษฐีที่ตายแล้วก็ช่างมัน ไม่ว่าอย่างไรสภาพตอนมีชีวิตอยู่ของพวกเขา ก็ไม่ต่างจากคนที่ตายแล้ว กลับกันอาจจะเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง แต่ยามสองสามคนนั้น ทนายอันรู้สึกผิดอยู่ในใจ ชดเชยให้ครอบครัวของพวกเขาด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง
ทนายอันไม่ได้หาทีมงานก่อสร้างเข้ามา บึงที่อยู่ข้างหน้า ใช่ว่าใช้เครื่องขุดดินสองสามตัวแล้วจะแก้ปัญหาได้ หนำซ้ำตอนนี้ก็ไม่เหมาะที่จะทำเรื่องให้ใหญ่โต
ตกเย็น โจวเจ๋อพาอิงอิงและเด็กผู้ชายมาถึงที่นี่เสียที หลังจากที่เห็นฉากข้างหน้าแล้ว โจวเจ๋อขมวดคิ้วแน่น
“ผมจัดการปัญหาที่ตามมาภายหลังหมดแล้ว ยามสองสามคนบาดเจ็บ และยังมีอีกสองสามคนที่จมอยู่ข้างใน” ทนายอันพูดรายงานเสียงทุ้มต่ำ “ได้ยินว่า เมื่อวานที่นี่ได้ยินเสียงสายฟ้าฟาด จากนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์ดินโคลนถล่ม ทำให้โคลนถล่มลงมาปกคลุมพื้นที่แห่งนี้”
“ผู้อยู่อาศัยก่อนหน้านี้ ก็เสียชีวิตแล้วเหรอ”
“เสียชีวิตแล้ว”
โจวเจ๋อจำได้ตอนแรกมีผู้ชายคนหนึ่งที่พาแม่ของตัวเองมาที่นี่บอกว่าจะช่วยพวกเขาทำงานวิจัย น่าเสียดาย… แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลารำลึกความทรงจำ เหตุการณ์ภัยธรรมชาติครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาด จึงต้องเดาว่าจุดประสงค์หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้คืออะไร เพราะไม่มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ไม่มีแผ่นดินไหว แล้วจะมีโคลนถล่มมาจากไหน
“เหล่าอัน กำหนดตำแหน่งทางเข้าที่นั่นได้เลย”
“โอเค” ทนายอันพยักหน้า เพื่อบอกเด็กผู้ชายให้เดินตามตัวเองมา เดิมทีเขาก็อยากเรียกอิงอิงมาด้วยกัน แต่พอคิดดูแล้วไม่เอาดีกว่า ต้องให้เด็กผู้ชายมีโอกาสแสดงความสามารถหน่อย
ดังนั้นฉากต่อไปก็คือ หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กยืนอยู่ท่ามกลางดินโคลน ผู้ใหญ่สั่งงานเด็ก แล้วจับก้อนหินขนาดใหญ่และคอนกรีตเสริมเหล็กโยนทิ้ง ‘ตู้มๆๆ’ ประสิทธิภาพของการจัดการทำความสะอาด สูงกว่าคนงานก่อนสร้าง และเป้าหมายของการทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อทำความสะอาดพื้นที่เขตนี้ แต่อยากจะทำ ‘ทางเข้า’ ใหม่อีกครั้ง
โจวเจ๋อหาที่ว่างตรงทางลาดแล้วนั่งลง อิงอิงเดินกลับไปที่ถนนบนภูเขา แบกกระเป๋าสามใบในรถแล้วเดินข้ามภูเขากลับมา ถ้าหากไม่กลัวว่าลากรถมาด้วยแล้วรถจะพัง เธอก็อยากจะเอารถตู้อเนกประสงค์ที่เช่ามาหลังจากลงจากเครื่องบินขนข้ามภูเขามาเช่นกัน
ด้านโน้น ทนายอันพาคนร่วมเรียงเคียงหมอนของตัวเองทำงานอย่างหนักจนเหงื่อเปียกโชก ทั้งสองคนแทบจะทำงานเป็นคนงานก่อสร้างไปแล้ว
ด้านนี้ อิงอิงกำลังบดเมล็ดกาแฟให้โจวเจ๋อ มีเตาเล็กตั้งอยู่ข้างๆ ต้มด้วยแก๊สกระป๋อง เติมน้ำเปล่าต้มน้ำให้เดือด
ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและเปล่าเปลี่ยว อิงอิงก็ยังต้มกาแฟรสเข้มข้นถ้วยหนึ่งให้เถ้าแก่ของตัวเองจากนั้นอิงอิงจึงเพิ่มน้ำในกาเยอะมาก แล้วเทกาแฟขวดใหญ่ใส่หม้ออย่างบ้าระห่ำ ชงกาแฟแก้วใหญ่เบ้อเริ่มให้ทนายอัน
อิงอิงลุกขึ้น ถามโจวเจ๋อ “เถ้าแก่ ท่านหิวหรือยัง”
ถ้าหากโจวเจ๋อบอกว่าหิว อิงอิงอาจจะไปล่าสัตว์ แล้วทำบาร์บีคิวกลางแจ้งให้โจวเจ๋อ
“ไม่หิว” โจวเจ๋อส่ายหน้า
“อย่างนั้นข้าจะลงไปช่วยพวกทนายอันแล้วนะเจ้าคะ”
“ได้”
“ได้เลยเจ้าค่ะ เถ้าแก่” อิงอิงไปที่เต็นท์ เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นเดินเข้าไปในบึงโคลน ในที่สุด ความคิดจินตนาการแปลกประหลาดของเถ้าแก่โจวเมื่อก่อนนี้ได้กลายเป็นจริงแล้ว อิงอิงของเขาได้เป็นคนงานก่อสร้างอยู่ตรงหน้าตัวเองเสียที ผีดิบสองตัวทำงานด้วยกัน ทนายอันคอยสั่งงานอยู่ข้างๆ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง!
โจวเจ๋อดื่มกาแฟ เม้มปาก ใต้เท้าของโจวเจ๋อมีการ์ฟิลด์ตัวหนึ่งนอนอยู่ ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก โจวเจ๋อยื่นมือลูบท้องของมัน พอลูบจนเบื่อแล้วจึงตีท้องของมันเบาๆ เพื่อให้มันพลิกตัว แล้วลูบก้นของมันต่อ
ฮวาหูเตียวคุ้นชินต่อการทนรับความทรมานอย่างไม่ขัดขืนแล้ว ถึงแม้มันจะใส่ชุดคอสเพลย์ของแมวการ์ฟิลด์ก็ตาม ตอนแรกมันก็ต่อต้าน จากนั้นก็ไม่กล้าอวดดีอีก
แต่ตอนที่โจวเจ๋อลูบก้นของมันจนเปลี่ยนรูปร่างไม่หยุด ในดวงตาของมัน ฉายแววตาลึกล้ำที่เห็นได้น้อยมาก มันโก่งก้นให้โจวเจ๋อลูบเล่นต่อไป พร้อมกับกวาดตาสำรวจไปรอบๆ เหมือนรถจักร เหมือนกับว่า ‘เธอเล่นเอง ฉันจะเล่นโทรศัพท์’
เวลานี้ฟ้าค่อยๆ มืดลง เขารู้สึกถึงความไม่สบายใจได้โดยสัญชาตญาณ จึงลุกขึ้นเดินไปข้างๆ สองสามก้าว แหงนหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นมองไปทางคนของร้านหนังสือทั้งหมดที่กำลังทำความสะอาดดินโคลนด้านหน้า แล้วพูดพึมพำว่า “ใบหน้าครึ่งหนึ่ง ยังอยู่ข้างล่างไหมนะ”
สักพัก เสียงที่ไม่ได้โผล่มานานหลังจากที่ทะเลาะกับเขาในครั้งนั้นค่อยๆ ดังขึ้น ‘เขา..ยัง…อยู่…’
‘ผมคิดว่าไม่อยู่แล้ว’ โจวเจ๋อจิบกาแฟหนึ่งที
‘ยัง…อยู่…’
‘แล้วสร้างเรื่องครั้งนี้ทำไม’
‘ข้า…ก็…ไม่…รู้…’
‘น้อยมากที่คุณจะยอมรับว่าตัวเองไม่รู้อย่างจริงใจเปิดเผย’
‘กลับ…ไป…เถอะ…’
‘หืม’ โจวเจ๋อแปลกใจ เจ้าโง่กลัวเหรอ โอ้พระเจ้า นานๆ จะได้เห็นจริงๆ ‘เฮ้ นี่ไม่ใช่นิสัยของคุณ เหอะๆ ผมว่านะ คุณกำลังกลัวอะไรกันแน่’
‘ข้า…กลัว…สุ…นัข…ของ…ข้า…จะ…ตาย…’
……………………………………………………………………….