ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 789 หมากัดกัน
ตอนที่ 789 หมากัดกัน
แฮก…แฮก…แฮก… เสียงลมหายใจหนักหน่วงเป็นพิเศษ ประหนึ่งทุกครั้งที่ปอดของตัวเองขยาย ได้ลงลึกไปถึงทุกรูขุมขน สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนจนหาที่เปรียบมิได้ อุณหภูมิผิวชั้นนอกลดลงฮวบฮาบ กล้ามเนื้อ เซลล์ กระทั่งจิตวิญญาณถูกกดอัดอย่างไร้ที่สิ้นสุดอยู่ตรงนี้
ทนายอันลืมตา พบว่าตัวเองถูกมัดอยู่กับเสาสีขาวต้นหนึ่ง กระดูกแหลมมากมายยื่นออกมาจากเสา แทงเข้าไปในร่างของตัวเอง เหมือนตะขาบตัวหนึ่ง ‘อ้าแขน’ ให้คุณ เพื่อโอบกอดคุณ
‘อึ้บ…อึ้บ…อึ้บ…’ ทนายอันอยากดิ้น อยากต่อต้านตามสัญชาตญาณ แน่นอนว่าเขารู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ดังนั้นจึงรู้สถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน จะไม่ยอมรับชะตากรรมโง่ๆ แบบนี้หรอก
‘กรึก…’
‘กรึก…’
‘กรึก…’
กระดูกแต่ละชิ้นถูกดึงออกจากร่างของตัวเอง ทนายอันรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตัวเองเหมือนลูกโป่งที่ถูกแทงเป็นรูมากมายนับไม่ถ้วน จนเกือบละลายสลายตัว
หลังโซซัดโซเซลงไปจากเสา ทนายอันเงยหน้า อยากจะออกจากภาพมายานี้ แต่ไม่ช้า เสียงคลื่นดังเข้ามาในหู มหาคลื่นธารากระแทกฝั่ง แต่ครั้งนี้ กลับกระแทกมาที่ส่วนลึกในจิตวิญญาณของเขา
‘วืดๆๆ!!!’ เกิดความมึนในสมอง ไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้เลยด้วยซ้ำ ทนายอันคุกเข่าลงกับพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้น ด้านหน้าของเขาเป็นทะเลสีดำอันเวิ้งว้าง และตัวเขาเองนั้น กำลังคุกเข่าอยู่ริมชายหาด
คลื่นทะเลกระทบฝั่งแล้วถอยไปครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า บนหาดทราย สิ่งที่เหลืออยู่ไม่ใช่เปลือกหอยและปลิงทะเล แต่เป็นลูกตาแต่ละดวงที่กำลังแกว่งไปมาซ้ายขวา เหลือบมองไปรอบด้าน
ด้านบนของทะเลอันกว้างใหญ่ ไม่ใช่พระอาทิตย์และไม่ใช่พระจันทร์ แต่เป็นนัยน์ตาสีเลือดดวงหนึ่ง
“เฮ้ นี่กำลังทำอะไรน่ะ” ทนายอันตะโกนพูดใส่ทะเล
ทั้งๆ ที่สติของเขาถูกกดทับอย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่ยังปล่อยตัวเขาออกมาในภาพมายานี้ นี่คือคิดจะทำอะไร น้ำทะเลซัดเข้ามาไม่หยุด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำบ่นของทนายอัน
“เฮ้ๆ!” ทนายอันตะโกนต่อไป จากนั้น เขาจึงแอบบีบข้อนิ้วของตัวเอง ค่อยๆ ชี้ไปที่ศีรษะของตัวเอง
‘ครืน!’ เสียงฟ้าร้องครั่นครืน ทนายอันกุมศีรษะล้มลงไปบนพื้น ร้องโหยหวนไม่หยุด ทุกครั้ง ขอแค่เขาอยากจะแอบทำลายภาพมายา ก็จะโดนตีกลางแสกหน้าแบบนี้! คนถูกนายจับเป็นเชลยศึกแล้ว ยังทารุณเชลยศึกอีก สนุกนักใช่ไหม
เมื่อทนายอันเริ่มมีแรงอีกครั้ง ตอนที่ลุกขึ้นมานั่งยองๆ เขาเห็นว่าในน้ำทะเลที่ห่างจากตัวเองไปไม่ไกลนัก มีเงาหลังของผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้หญิงหันหลังให้เขา ลอยตุ๊บป่องอยู่ในน้ำทะเล หลังขาวสะอาด แทบจะเห็นส่วนโค้งเว้าที่น่าอัศจรรย์ของเธอเกือบทุกส่วน แต่สำหรับทนายอันแล้ว เวลานี้ไม่ใช่เวลาชมผู้หญิงสวย
“เฮ้ คุณเป็นใครกันแน่ คุณเป็นใครกัน!” ทนายอันตะโกนพูด
ถึงแม้จะติดกับดัก อย่างน้อยก็ต้องทำให้ตัวเองเข้าใจหน่อย และในใจของเขายิ่งเข้าใจเรื่องหนึ่ง ในเมื่อ ‘บดขยี้’ เขาแล้วดึงขึ้นมาอีก ต้องไม่ใช่การฆ่าเขาธรรมดาๆ แน่นอน
“เจ้าไม่เหมาะที่จะถามคำถามนี้” เสียงเย็นชาของผู้หญิงจู่ๆ ดังมาจากข้างหลังของทนายอัน
ทนายอันสะดุ้งตกใจ ผู้หญิงในน้ำทะเลที่อยู่ตรงหน้าหายไป เขาหันหน้าทันที มองไปข้างหลัง สิ่งที่เห็นคือหลัง ยังคงเป็นหลัง ร่างกายครึ่งท่อนล่างของผู้หญิงอยู่ในหาดทราย เหลือเพียงหลังให้เขาเท่านั้น
เพียงแต่มวยผมของผู้หญิงครั้งนี้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้แต่ติ่งหูที่ทำให้คนน้ำลายไหลอยากจะลิ้มลองก็ยังชัดเจนขนาดนั้น ทนายอันกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขารีบคลานขึ้นมา อยากจะเดินอ้อมไปข้างหน้า อยากจะเห็นใบหน้าตรงๆ ของเธอ!
เขาเคยเข้าร่วมการรัฐประหารของยมโลก และยังคุกเข่าอยู่ใต้เท้าของเถ้าแก่โจวโดยไม่ลังเล ควรทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าทะเลแห่งความตายหรือว่าไท่ซานฝู่จวิน สำหรับยมโลกแล้ว ล้วนเป็นทัศนคติของจูสามไท่จื่อที่มีต่อรัฐบาลของราชวงศ์ชิง นิสัยของทนายอันแค่มองก็รู้แล้ว เวลาเป็นโสดนานๆ มักเป็นคนมุทะลุ ดังนั้นเวลานี้ เขาจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใดเลยสักนิด ก่อนจะตายขอชมสาวงามสักหน่อย ก็ไม่เสียหาย!
เพียงแต่ ไม่ว่าทนายอันจะเดินอ้อมอย่างไร จะวิ่งอย่างไร ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาก็หันหลังให้เขาตลอด! ในที่สุดทนายอันก็วิ่งจนเหนื่อย เท้าเอว หายใจหอบแฮก
เธอมีแต่หลังที่สวยจนตะลึงใช่ไหม ถึงจงใจไม่ให้ฉันเห็นหน้าเธอตรงๆ
“อันปู้ฉี่ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง”
“เหอะ”
ทนายอันแสดงสีหน้าดูถูก คิดจะซื้อตัวฉัน คิดจะติดสินบนฉัน คิดจะให้ฉันไปปลุกระดมให้ก่อกบฏเหรอ เวลานี้หาดทรายที่อยู่ใต้เท้าเริ่มแตกออก พู่กันไหมทองคำขนาดใหญ่อันหนึ่งค่อยๆ ปรากฏออกมาจากใต้ทราย ขณะเดียวกัน ด้านล่างของพู่กัน ยังมีสมุดหยินหยางโบราณเล่มหนึ่งชูขึ้นมา
“เรื่องในอดีต ยกเลิกทั้งหมด คำสัญญาสำหรับเจ้าในวันนี้ คือยศของผู้พิพากษา!”
“เออ…เออะ…” ทนายอันตกตะลึง จากนั้นหัวเราะ เอ่ยว่า “ผมมีอะไรควรค่าให้ถูกซื้อตัว ผมรู้สึกว่า บีบคอผมให้ตายง่ายกว่า”
“ข้าไม่ได้มาฆ่าเจ้า”
“แล้วคุณมาทำอะไร”
“ข้ามา…เข้าร่วมกับพวกเจ้า”
“ผมไม่เข้าใจหมายความว่าอะไร”
“เจ้าไม่ต้องเข้าใจ”
“จากนั้น ผมต้องทำอะไร”
“เจ้า…ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“ว่างขนาดนี้เชียว”
“ร่างของเจ้า ถูกข้าควบคุมแล้ว”
“…” ทนายอัน
…
‘สวบ’ ตอนที่เท้าเหยียบเข้าไปในโคลนรู้สึกไม่ค่อยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นโรครักความสะอาดอย่างรุนแรง แต่ยังดีที่เถ้าแก่โจวไม่ทำตัวดัดจริต โดยเฉพาะตอนที่ไม่ควรทำตัวดัดจริตจะไม่ทำเด็ดขาด ในที่สุดก็ถึงจุดที่เคลียร์พื้นที่เอาไว้แล้ว โจวเจ๋อหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูตู้นิรภัย หลังจากเดินเข้าไป กลิ่นเหม็นเน่าที่คุ้นเคยลอยมาปะทะจมูก
หน้าประตูแดง ร่างของแมงมุมประหนึ่งหินแกะสลัก เขาเหมือนผู้เฝ้าคุมที่เดียวดายคนหนึ่ง เหมือนสิ่งของที่ฝังไปพร้อมกับศพ จากนั้นเดินผ่านทางเดินทอดยาวบนปลายลิ้น ในที่สุดจึงมาถึงส่วนลึกสุดของแท่นบูชา
ซึ้งนึ่งยังคงอยู่ตรงนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างประหนึ่งกงล้อของโชคชะตา โจวเจ๋อเองก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้กลับมาเดินเล่นที่เก่าเร็วขนาดนี้
ตอนแรกที่ออกไป เขาคิดว่าอีกสองสามปี หลังจากตัวเองหาวิธีปลุกเจ้าโง่ให้ตื่นขึ้นมาแล้ว ค่อยมาที่นี่อีกครั้งดังนั้นถึงให้ทนายอันมาซ่อมแซมสถานพักฟื้นใหม่
แต่แผนการตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง เจ้าโง่ตื่นขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้ และสถานพักฟื้นก็ถูกทำลายจากโคลนถล่ม
‘เอี๊ยดดดด…’ เสียงเสียดสีแสบแก้วหูดังมาจากซึ้งนึ่ง เหมือนเจ้าของบ้านลับมีดเชือดวัวเชือดแพะ เตรียมต้อนรับเพื่อนจากแดนไกล
อิงอิงกับเด็กผู้ชายไม่ได้เดินเข้าไปข้างในต่อ ที่นี่ พวกเขาสามารถรับรู้ถึงบรรยากาศที่กดดันอย่างหนึ่ง และกังวลว่าจะส่งผลกระทบกับตัวเอง ดังนั้นจึงหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้า
โจวเจ๋อเดินลึกเข้าไป เดินมาตรงหน้าซึ้งนึ่ง แล้วยื่นมือเปิดซึ้งนึ่งออก ใบหน้าครึ่งหนึ่งยังคงถูกแทงทะลุด้วยท่อนเหล็กเหมือนเดิม เขาเงยหน้ามองโจวเจ๋อด้วยแววตาที่สงบนิ่ง ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนนักโทษกำลังรอคำตัดสินสุดท้าย และผลของคำตัดสิน ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ เป็นแค่การทำพอเป็นพิธีเท่านั้น
“เจ้ามาแล้ว” ใบหน้าครึ่งหนึ่งเอ่ย
โจวเจ๋อไม่ตอบ เพราะเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดกับตัวเอง หรือว่าพูดกับเจ้าโง่ อันที่จริง ตอนที่มาถึงสถานที่แห่งนี้เขากำลังรอเจ้าโง่ยึดร่างของเขาแล้ว จากนั้นอยากจะกินก็กิน อยากจะนอนก็นอน
“แต่ว่าเจ้ามาไม่ถูกเวลา มีคนมาตัดหน้าก่อนเจ้า”
โจวเจ๋อสายตาจ้องนิ่ง เอ่ยว่า “ใคร”
ใบหนึ่งครึ่งหนึ่งยิ้ม ถึงแม้เขาจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทำสีหน้ายิ้มแย้มอย่างยากลำบาก แต่เขาก็ยังยิ้ม
“คนมาทวงหนี้คนหนึ่ง” ใบหน้าครึ่งหนึ่งเดาะปากเสียงดัง “ความหมายของนางคือ ให้ข้าร่วมมือกับนางเพื่อหลอกเจ้า อืม แต่ข้าปฏิเสธไปแล้ว” ขณะที่พูด สายตาของใบหน้าครึ่งหนึ่งแฝงไปด้วยแววตาลึกล้ำ จ้องมองดวงตาของโจวเจ๋อ
ครั้งนี้ โจวเจ๋อมั่นใจว่าเขากำลังมองตัวเองอยู่ มองโจวเจ๋อ ไม่ใช่คนผู้นั้นที่อยู่ในร่างของตัวเอง
“ใช่ไหมล่ะ เรื่องของพวกเรา ต้องจัดการกันเอง จะให้คนนอกเข้ามาแทรกได้อย่างไร กระดูกในบ้านของตัวเอง หมาในบ้านกัดกันเองเพื่อแย่งชิง จะโยนให้คนนอกจัดการได้อย่างไร”
โจวเจ๋อพยักหน้า รู้สึกว่าใบหน้าครึ่งหนึ่งพูดจามีเหตุผล แต่ทันใดนั้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งได้พูดอีก “แต่น่าเสียดายมาก เจ้าหนี้ไม่อยากทำแบบนั้น”
“เจ้าหนี้ เป็นใคร”
“อ้อ เขาไม่ได้บอกเจ้าเหรอ” ใบหน้าครึ่งหนึ่งหัวเราะอีก ขณะที่หัวเราะอยู่ สีหน้าของเขานิ่งไป เขาเหลือกตาขาวเงยหน้ามองไปข้างบน พูดพึมพำว่า “พวกเรามักจะกลายเป็นมีชีวิตอยู่ในแบบที่ตัวเองเกลียดที่สุดโดยไม่รู้ตัว ถ้าหากเจ้าเลือกแบบนี้ พูดจริงๆ นะ ข้าผิดหวังมาก”
โจวเจ๋อแสดงความงุนงงบนใบหน้า และที่สำคัญที่สุดคือ เจ้าโง่ไม่ตอบ และไม่ส่งเสียงเลย ทุกอย่างต่างจากที่โจวเจ๋อจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง
ใบหน้าครึ่งหนึ่งก้มหน้าอีก ใช้ฟันเสียดสีท่อนเหล็กที่แทงผ่านตัวเอง เหมือนกำลังโมโห และเหมือนกำลังทรมานตัวเอง “ข้าพูดว่า ข้าเคยเป็นสุนัขรับใช้มาก่อน”
“ผมรู้”
“ทุกคนต่างพูดว่า เป็นสุนัข ต้องมีความตระหนักรู้ของสุนัข แต่ข้าไม่ยอมรับวิธีการพูดเช่นนี้”
“ผมก็เหมือนกัน”
“ไม่ เจ้ายอมรับแล้ว” ใบหน้าครึ่งหนึ่งแสยะปากอย่างน่ากลัว “เจ้ายอมรับแล้ว ในฐานะสุนัขตัวหนึ่ง อะไรทำให้เจ้ามองเขาเป็นเพื่อนของเจ้า”
โจวเจ๋อไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“จริงๆ แล้วเจ้ามีโอกาส เจ้าสามารถกดทับมันได้ และมัน ก็ไม่ใช่มันในตอนนั้นแล้ว เจ้าสามารถเลียนแบบข้าในตอนแรก เงื่อนไขของเจ้าดีกว่าข้าในตอนนั้นเสียอีก!”
“จนป่านนี้แล้ว คุณพูดเรื่องนี้กับผม จะมีความหมายอะไร”
“ไม่มีความหมายอะไร แต่ข้าอยากจะพูด”
“ทำไม”
“เพราะอีกสักพักเมื่อเจ้าทรมาน เมื่อเจ้าจนปัญญา เมื่อเจ้าเป็นบ้า เมื่อเจ้าแค้นและเสียใจ สิ่งที่ข้าพูดในตอนนี้จะอยู่ในหัวของเจ้า สะท้อนไปมาไม่หยุด เพิ่มความเจ็บปวดและทรมานเจ้ามากขึ้น”
โจวเจ๋อตกตะลึง ใบหน้าครึ่งหนึ่งพูดเสียงดัง “สุนัขตัวหนึ่ง ตอนเขาดีใจก็จะเล่นสนุกกับเจ้า! แต่เจ้ามองเขาเป็นเพื่อน เจ้าคิดว่า เจ้าเหมาะสมเหรอ”
……………………………………………………………………….