ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 790 บิดเบี้ยว
ตอนที่ 790 บิดเบี้ยว
ผู้ชายคนหนึ่งกำลังแบกผู้หญิงคนหนึ่งค่อยๆ เดินท่ามกลางโคลนตม ด้วยความโซเซเล็กน้อย แต่ยังมั่นคง
ทั้งหมดทั้งมวล เหมือนจะเป็นไปอย่างปรองดอง คนแบกกับคนโดนแบก เมื่อมองแต่ไกลเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกันประหนึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนที่เดินมาถึงหน้าตู้นิรภัย ผู้ชายแสดงสีหน้าดิ้นรนออกมาบนใบหน้า ทว่าเสียงสั่นๆ ดังเข้ามาระยะหนึ่ง ใบหน้าของผู้ชายกลับเป็นปกติ จากนั้น ผู้หญิงที่โดนแบกอยู่ข้างหลังเหมือนกำลังละลาย เริ่มแทรกซึมเข้าไปในร่างของเขา
ผู้ชายกำสองมือแน่น เหมือนจะทรมานเป็นพิเศษ แต่กลับไม่ส่งเสียงใดออกมา หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที ผู้หญิงที่โดนแบกอยู่บนหลังของผู้ชายกลับหายไป เหลือเพียงชุดนอนตัวหนึ่งของผู้หญิงที่ยังอยู่บนหลังของผู้ชาย
แต่ตัวของผู้ชาย กลับไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด
‘สวบ!’ ผู้ชายยกเท้าขึ้นมาจากดินโคลน เดินเข้าไปที่ตู้นิรภัย จังหวะก้าวของเขาเริ่มกลับมาเป็นปกติ มุมปากของเขาเริ่มยิ้ม ดวงตาของเขามีแสงสีเขียวอีกครั้ง ทุกอย่างปกติเหมือนเดิม
…
พูดจริงๆ นะ หลังจากการสัมผัสครั้งที่แล้ว เถ้าแก่โจวไม่ได้รู้สึกดีกับใบหน้าครึ่งหนึ่งนี้เท่าไร แน่นอนว่าก็ไม่ได้รังเกียจ ทุกคนล้วนเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน อยากจะถือคติว่า ‘ใช้ชีวิตของตัวเอง ใช้ชีวิตสมัยใหม่’ นี่ไม่ผิด ทุกชีวิต อ้อไม่ ทุกตัวตนที่มีระดับทางสติปัญญา มักจะแสวงหาสิ่งนี้โดยสัญชาตญาณ
ถ้าหากมองชีวิตของ ‘ใบหน้าครึ่งหนึ่ง’ ในอีกแง่มุมหนึ่ง สามารถนำมาเป็น ‘ตัวอย่างแรงบันดาลใจ’ ได้อย่างสิ้นเชิง ถึงแม้จะยืนในมุมมองของ ‘สุนัขเฝ้าบ้าน’ อย่างโจวเจ๋อ เขาก็เป็นความภูมิใจของหมู่บ้านสุนัข!
ถ้าหากสุนัขเฝ้าบ้านในอดีตไม่ได้ถูกอิ๋งโกวจับทำเป็นหุ่นฟิกเกอร์ และยังมีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านหรือในสำนักแห่งหนึ่ง เช่นนั้นยามที่ว่างจากงานเกษตร ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าหมู่บ้าน อาจจะนึกถึงตำนานสุนัขที่เก่งกาจตัวนั้นก็เป็นได้ ทว่าก็เป็นได้เท่านี้
เถ้าแก่โจวเป็นคนที่มองโลกตามความเป็นจริง คุณอยากให้เขาประทับใจและเห็นด้วยจากนั้นทำเรื่องอื่นที่ไม่จำเป็น ก็เป็นไปไม่ได้
ก่อนหน้านี้ปากกาพิฆาตถูกเขาดึงออกมาจากร่างกายของเหล่าจาง นำมาวาดภาพ แล้วยัดกลับไปที่หน้าอกของเหล่าจางอีกครั้ง เพื่อช่วยสกัดพลังของเซี่ยจื้อต่อไป นั่นสามารถอธิบายว่าโจวเจ๋อมีทัศนคติที่ดีต่ออิ๋งโกวในตอนนี้ ถ้าเป็นก่อนที่จะมีการเดินทางในนรกครั้งที่แล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หลังจากการเดินทางในนรกแล้ว ทุกอย่างกลับเป็นไปตามธรรมชาติ
ใบหน้าครึ่งหนึ่งยังคงหัวเราะ เขาไม่ได้หัวเราะร้ายกาจอะไร แต่กลับทำให้จิตใจคนกระวนกระวาย โดยเฉพาะสีหน้าที่มั่นใจของเขาสามารถทำให้คนฝั่งตรงข้ามเริ่มมีจิตใจหวั่นไหวได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่ากำลังจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น ดูเหมือนคำพูดของเขากำลังจะได้รับการพิสูจน์
เถ้าแก่โจวเกลียดความรู้สึกแบบนี้มาก ไม่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์เสียหน่อย คุณจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นรู้เรื่องก่อนแล้วพูดในสิ่งที่เหมือนใช่แต่ความจริงไม่ใช่ทำไม พูดมาทีเดียวไม่ได้เหรอ ต้องพูดให้อยากรู้อยากเห็น!
แต่จริงๆ แล้วในใจของโจวเจ๋อก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เพราะจนถึงตอนนี้ ใบหน้าครึ่งหนึ่งอยู่ตรงหน้าแล้ว ถึงเวลากินข้าวแล้ว เมื่อก่อนเวลาเจอสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าโง่จะร้องโหยหวนเหมือนหมาป่าหิวโหยที่ถูกขังอยู่ในกรงว่า ‘ข้า…อยาก…ข้า…อยาก…ข้า…อยาก’ ถ้าหากโจวเจ๋อไม่อนุญาตให้เขาออกมา เขาก็จะโวยวายต่อไป!
ทว่าตอนนี้ กลับไม่มีการตอบสนองแม้แต่นิดเดียว ซึ่งไม่ปกติ!
“รู้สึกหรือยัง” ใบหน้าครึ่งหนึ่งตะโกนพูด “รู้สึกแล้วใช่ไหม ฮ่าๆๆ รู้สึกแล้วใช่ไหม! เนื้อสุนัข จะไม่นำมาขึ้นโต๊ะในงานเลี้ยง! เหมือนข้าในตอนนั้น แต่เจ้ากับข้าต่างกันคือ เจ้ายังเพ้อฝันถึงเขา! เจ้าไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นคนแบบไหน ในสายตาของเขา สิ่งที่สามารถเรียกว่าคนได้มีน้อยมากถึงมากที่สุด และพวกเราเป็นแค่สุนัขที่เขาเลี้ยงเท่านั้น เป็นสุนัข!”
“คุณน่ารำคาญมาก” โจวเจ๋อเอ่ย
“มีคนเคารพเขา มีคนเกลียดเขา มีคนกลัวเขา มีคนต่อต้านเขา! แต่เจ้าลองดูเถอะ เจ้ากำลังทำอะไร ข้าสงสารเจ้าจริงๆ!”
โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งที
“ความเอาแต่ใจของเขา การทำตามอำเภอใจของเขา ความเรื่อยเปื่อยของเขา นั่นเป็นความพึงพอใจของตัวเขาเอง เจ้าอยากใช้อะไรไปผูกมัดเขา มิตรภาพที่ไร้ค่าพวกนั้นเหรอ อย่างนั้นเจ้ารู้ไหม ในสมัยโบราณ เขามีความโหดเหี้ยมใจดำขนาดไหน!”
คำพูดของใบหน้าครึ่งหนึ่ง ประหนึ่งเสียงปีศาจเข้าหู ทำให้ร่างของโจวเจ๋อไหวเอน สมองรู้สึกมึนงง เหมือนถูกยัดหลายสิ่งเข้าไปในคราวเดียว
“ใกล้แล้ว อีกไม่นานแล้ว เหอะๆ เจ้าจะได้เห็นกับตาตัวเอง เจ้าจะได้ดูด้วยตาตัวเอง เจ้าจะตระหนักได้อย่างลึกซึ้ง ว่า เจ้าเป็นสิ่งใดกันแน่ในสายตาของเขา!”
ในแท่นบูชา เหลือเพียงเสียงอันแหบพร่าของใบหน้าครึ่งหนึ่ง เขาเหมือนสุนัขบ้าตัวหนึ่ง เห่าโวยวายอย่างบ้าคลั่งก่อนตาย และยังเหมือนพ่อมดที่หมดหนทางใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว กำลังสาปแช่งเป็นครั้งสุดท้าย!
“อ้าว ทนายอัน เจ้ามาแล้ว” อิงอิงหันกลับไปมอง พบว่าทนายอันเดินมาจากทางเดินฝั่งนั้นแล้ว
เด็กผู้ชายหันกลับไปมองทนายอัน พลางขมวดคิ้ว เพราะตามหลักแล้ว ทนายอันไม่น่ากลับมาเร็วขนาดนี้ จัดการ ‘ของที่ต้องส่งด่วน’ ไม่น่าเร็วขนาดนี้ จะต้องมีปัญหาอะไรถึงได้ตั้งใจกลับมาโดยเฉพาะ
โจวเจ๋อหมุนตัว มองอันปู้ฉี่ที่เดินเข้ามา อันปู้ฉี่สีหน้าปกติ ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ตอนที่เขาใกล้จะออกมาจากทางเดินที่ทอดยาว มุมปากของเขากลับมีเลือดสดพุ่งออกมา ส่วนลึกในตาพลันขุ่นมัว “เถ้าแก่…ผมมีปัญหา…”
วินาทีต่อมา ร่างของทนายอันสั่นอีกครั้ง แล้วคืนสู่ความปกติอีกครั้ง มุมปากยิ้มอย่างอบอุ่น สีหน้าสงบนิ่งแฝงไปด้วยท่าทีของคนเหลาะแหละ แต่เมื่อรวมกับฉากสั้นๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ กลับให้ความรู้สึกชาหนังหัว!
ควรทราบว่า ทนายอันถึงแม้จะถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว ความสามารถลดลงอย่างมาก แต่ประสบการณ์ของทนายอันยังคงอยู่ สายตาอันเฉียบแหลมยังคงอยู่ ครั้งนี้แม้แต่เขาก็ยังโดนหลอก แสดงให้เห็นว่า หลุมพรางนี้น่ากลัวมากแค่ไหน!
เด็กผู้ชายรีบรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าหาทนายอัน แต่ทนายอันแวบหายตัว กระโดดด้วยเท้าข้างหนึ่ง เด้งออกไปโดยตรง หลบเด็กผู้ชายอย่างคล่องแคล่วว่องไว
เด็กผู้ชายคว้าน้ำเหลว ความแปลกใจปรากฏขึ้นในดวงตา ในสายตาของเขา ถึงแม้ทนายอันจะมีปัญหา แต่ท่วงท่าการหลบหลีกนี้ ไม่ควรโอเวอร์ขึ้นถึงขั้นนี้
“โฮก!” เด็กผู้ชายคำรามออกมาด้วยความโกรธหนึ่งที มือหนึ่งจับข้อเท้าของทนายอันอย่างแน่นหนา แล้วลากไปข้างหลัง!
แต่ปลายรองเท้าของเท้าอีกข้างหนึ่งของทนายอันกลับแตะที่ข้อมือของเด็กผู้ชายโดยตรง ชั่ววินาทีเดียวเด็กผู้ชายรู้สึกว่าพลังพิฆาตที่แขนของตัวเองถูกระเบิดโดยตรง ทั้งแขนเหมือนถูกดูดพลังออกในชั่วพริบตา!
เมื่อนิ้วมือคลายออก ทนายอันหลุดพ้นจากพันธนาการอย่างง่ายดาย เดินไปข้างหน้าต่อ อิงอิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว อ้าแขนทั้งสองข้าง เตรียมจะขัดขวางทนายอัน เห็นได้ชัดว่า ทนายอันมีปัญหาจริง ตัวเขาเองเพิ่งเตือนเมื่อครู่
ใบหน้าครึ่งหนึ่งที่อยู่ข้างหลังโจวเจ๋อ กลับหัวเราะอย่างร้ายกาจเอ่ยว่า “ฮิๆ มาแล้ว…”
อิงอิงต่อยไปที่ทนายอันหนึ่งที ไม่ได้ยั้งมือ เวลานี้ไม่ใช่เวลาออมมือ และด้วยความมั่นใจของอิงอิงในตอนนี้ ตัวเธอเองสามารถยับยั้งความยุ่งยากนี้ได้ จะไม่ให้พลาดหลุดไปอยู่ตรงหน้าเถ้าแก่เด็ดขาด!
ทันใดนั้น ในใจของโจวเจ๋อเกิดสัญญาณเตือนอย่างฉับพลัน ราวกับถูกคนบีบหัวใจอย่างแรง และ ‘เจ้าการ์ฟิลด์’ ที่หมอบอยู่บนไหล่ของโจวเจ๋อตลอดเวลา ตอนนี้ได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น!
“จี๊ดๆๆๆ!!!!”
โจวเจ๋อตะโกนพูดทันที “อิงอิง ถอย!”
แต่มาพูดเอาตอนนี้กลับช้าไป ทนายอันได้พุ่งใส่หน้าอิงอิงแล้ว ตอนที่อิงอิงเหวี่ยงหมัดออกไป เป็นหมัดที่ไวมาก แต่ทนายอันยังคงหลบหมัดนี้ได้อย่างรวดเร็วเหมือนเดิม ขณะเดียวกันได้ยกแขนขึ้น ล็อกหมัดของอิงอิง แล้วทั้งดึง ทั้งลาก ทั้งผลัก ร่างของอิงอิงโซเซ กำปั้นถูกกางออก
ทนายอันยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย เหมือนทำในสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เขาโน้มตัวไปข้างหน้า ตบฝ่ามือเข้ากับฝ่ามือของอิงอิงเบาๆ!
‘แปะ!’ เงาคนสีเหลืองลอยขึ้นมาจากร่างของทนายอัน จากนั้นไล่ไปที่กลางฝ่ามือของอิงอิงไหลเข้าไปในร่างของเธอ
ทนายอันผละตัวออกมาอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งใด เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วยืนนิ่ง
ร่างของอิงอิงพลันนิ่งทื่อ คุกเข่าลงไปบนพื้น สีหน้าตกตะลึง “เถ้าแก่…มือของข้า…ชามาก…”
ทนายอันหันหลังให้อิงอิง ซึ่งหันหน้าเข้าหาโจวเจ๋อพอดี แววตาลึกล้ำ แฝงไปด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายอันลึกซึ้ง
“จี๊ดๆๆๆ!!!!” ฮวาหูเตียวกระโดดออกจากไหล่ของโจวเจ๋อ ลอยเข้าหาทนายอันโดยตรง ด้วยความตื่นเต้นดีใจและเบิกบาน
สายตาของโจวเจ๋อจ้องนิ่ง หมุนฝ่ามือ ผนึกที่อยู่ตรงท้องของฮวาหูเตียวบิดเบี้ยวในชั่วพริบตา
“จี๊ดๆๆๆๆ!!!!!!!” ฮวาหูเตียวร่วงไปบนพื้นร้องอย่างน่าสงสาร หันมามองโจวเจ๋อด้วยความโกรธและหวาดกลัว!
มันกลัวเจ็บ มันกลัวเจ็บเป็นอย่างมาก ทว่าเวลานี้ มันสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดที่ปกติตัวเองยากจะทนไหว คลานไปหาทนายอันอย่างเด็ดเดี่ยว เด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก!
ทนายอันโน้มตัว ยื่นมืออุ้มฮวาหูเตียวขึ้นมา นิ้วซ้ายทั้งห้าตบไปที่ท้องของฮวาหูเตียว ‘แปะ!’ ควันดำกลุ่มหนึ่งลอยขึ้นมา เหมือนตบกระดาษบางๆ หนึ่งชั้นที่หน้าต่างให้แหลกละเอียดอย่างง่ายดาย
ฮวาหูเตียวคลานขึ้นไปที่ไหล่ของทนายอัน แล้วนอนหมอบนิ่งๆ พลางยื่นอุ้งมือของมันลูบใบหน้าด้านข้างของทนายอันเป็นระยะ
“อ้ากกกกกก!!!!!!” ด้านหลังทนายอัน อิงอิงส่งเสียงร้องออกมา เส้นผมของเธอกลายเป็นสีขาวในพริบตา สีหน้าเจ็บปวดอย่างยิ่ง และดูเหมือนจะมีใบหน้าอีกใบหนึ่งเป็นเงาลอยขึ้นมาอยู่บนใบหน้าของเธอ เป็นใบหน้าอันเลือนราง
โจวเจ๋อตาแดงทันที เดินเข้าหาทนายอันโดยตรง พร้อมคำรามออกมาด้วยความโกรธจากลำคอของเขา “แก…เป็นใครกันแน่!”
ทนายอันยิ้มโค้งมุมปาก ยื่นมือลูบฮวาหูเตียวที่อยู่บนไหล่อย่างแผ่วเบา ไม่สนใจคำถามของโจวเจ๋อ
“ฮ่าๆๆๆๆ!” ใบหน้าครึ่งหนึ่งจึงหัวเราะขึ้นมา “เห็นหรือยัง เห็นแล้วใช่ไหม นี่ก็คือจุดจบของคนที่ยอมเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน!!!!!! ของเล่นของเจ้า อาหารสุนัขของเจ้า เป็นเจ้านายของเจ้าที่มอบให้เจ้าทั้งหมด! ตอนที่เขาให้เจ้า ก็เป็นของเจ้า แต่ตอนที่เขาจะเอาคืน เจ้าก็จะไม่เหลืออะไร!”
……………………………………………………………………….