ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 803 งิ้วเปลี่ยนหน้า!
ตอนที่ 803 งิ้วเปลี่ยนหน้า!
ตอนเย็น โจวเจ๋อหาร้านอาหารมีเอกลักษณ์ที่เพิ่งเปิดใหม่แถวหงไผโหลวเขตอู่โหว ร้านมีชื่อว่า ‘งิ้วเหล่าชวน’ หน้าร้านตกแต่งแบบโบราณ หลังจากเข้าไปแล้วมีเวทีอยู่ตรงกลาง รอบๆ เวทีมีโต๊ะและเก้าอี้ นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวบนชั้นสอง
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของที่นี่เป็นการชมงิ้วไปพร้อมกับทานอาหาร
บอกตามตรง เถ้าแก่โจวดูงิ้วเหล่านี้ที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณไม่เป็น บอกไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ แต่นั่นไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับการที่เขามาหรงเฉิงแล้วจะทำเป็นรักวัฒนธรรม
“โอ๊ะ คุณลูกค้า สองท่านใช่ไหมครับ ได้จองไว้หรือเปล่าครับ”
“ไม่ครับ”
“งั้นคุณอยากนั่งชั้นล่างหรือว่านั่งห้องส่วนตัวชั้นบนดีครับ”
“ชั้นล่าง” โจวเจ๋อ
“ห้องส่วนตัว” อิงอิง
“ครับผม ห้องส่วนตัวสองท่าน รับแขก!”
พนักงานโบกผ้าขนหนูสีขาวและตะโกนเรียกเสียงดัง จากนั้น ‘เสี่ยวเอ้อร์’ อีกคนก็พาพวกโจวเจ๋อทั้งสองคนขึ้นไปชั้นบน
โต๊ะอาหารของที่นี่ใช้ฉากกั้นเอาไว้ทั้งหมด แค่พอจะนับว่าเป็นห้องส่วนตัวได้เท่านั้น
เสี่ยวเอ้อร์รีบรุดไปข้างหน้าพลางหยิบผ้าขนหนูสีขาวมาเช็ดโต๊ะที่เดิมก็สะอาดอยู่แล้ว จากนั้นเอ่ยถามทันที “คุณลูกค้าจะกินเมนูหม้อไฟหรือเมนูผัดครับ”
“เมนูผัดแล้วกัน”
“ครับ นั่งรอสักครู่นะครับ ผมจะรีบนำเมนูมาให้”
ไม่นานเสี่ยวเอ้อร์ก็กลับมา นำเมนูมาส่งให้พร้อมกับวางจานเครื่องเคียงสองสามจาน และตามด้วยน้ำชา
โจวเจ๋อสั่งอาหารไปสองสามอย่างแล้วยื่นให้
บังเอิญว่าตรงเวทีด้านล่างเปิดฉากขึ้นในเวลานี้พอดี มีนักดนตรีกำลังทำการละเล่นอยู่ทั้งสองฟากฝั่ง นักแสดงงิ้วเสฉวนที่แต่งหน้าพร้อมแล้วสองสามคนก็ขึ้นเวทีและเริ่มร้องรำ
เมื่อโน้ตยาวดังขึ้น แขกที่รับประทานอาหารรอบๆ ก็ตะโกนขึ้นพร้อมกัน “เยี่ยม!”
โจวเจ๋อจิบชาและปรบมือ เขารู้สึกว่าระดับความรู้ความเข้าใจในการชมงิ้วเสฉวนของแขกที่รับประทานอาหารที่นี่น่าจะอยู่ระดับไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขา
อาหารยกมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว การแสดงบนเวทีด้านล่างยังคงดำเนินต่อไป
เวลานี้สายตาของโจวเจ๋อจับจ้องอยู่ที่ผู้หญิงสวมเสื้อขนเป็ดสีฟ้าที่เพิ่งเดินเข้าประตูชั้นล่างมา เด็กสาวหน้าเด็กมากแถมยังดูอวบอิ่ม พอยิ้มก็จะเผยลักยิ้มสองข้างเล็กๆ ที่มุมปาก เธอมาคนเดียวและนั่งติดกับเวทีชั้นล่าง มาคนเดียวแต่สั่งหม้อไฟชุดใหญ่
“เถ้าแก่ นางมีอะไรผิดปกติใช่ไหมเจ้าคะ”
ไป๋อิงอิงสังเกตเห็นสายตาของโจวเจ๋อจึงถาม เธอไม่ได้ถามเถ้าแก่ว่าชอบเด็กสาวคนนั้นที่อยู่ข้างล่างใช่ไหม มันไม่จำเป็นต้องถาม เพราะในร้านหนังสือน่ะ ผู้ชายมีสวี่ชิงหล่างเป็นมาตรฐาน ส่วนผู้หญิงมีจิ้งจอกขาวเป็นมาตรฐาน ทั้งชายและหญิงที่ยังไม่ถึงระดับนั้นล้วนไม่อยู่ในสายตาของเถ้าแก่ทั้งสิ้น
เถ้าแก่ของเธอเป็นคนจู้จี้จุกจิกมาก!
“ไม่มีอะไร เจอเพื่อนร่วมงานน่ะ ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นยมทูตละมั้ง คุณดูสิ เธอยังทักทายพวกเราอยู่เลย”
เวลานี้เด็กสาวสวมเสื้อขนเป็ดสีฟ้าที่อยู่ข้างล่างก็เงยหน้ามองมาทางนี้เช่นกัน ทว่าเธอไม่ได้มองโจวเจ๋อ แต่มองไป๋อิงอิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามโจวเจ๋อต่างหาก
เถ้าแก่โจวมีไพ่โป๊กเกอร์ที่อดีตผู้ตรวจสอบอย่างทนายอันเป็นคนทำอยู่กับตัว บวกกับหลังจากเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุม ป้ายผู้จับกุมนั้นดูเหมือนจะมีความสามารถในการซ่อนกลิ่นอายเอาไว้ด้วย
อาจจะเป็นเพราะตัวเขามีน้ำหนักความสำคัญค่อนข้างเพียงพอ ถึงได้มีความสามารถในการปกปิดข้อมูล แน่นอนว่า หากคุณเปิดป้ายผู้จับกุม เผลอๆ สัญญาณที่ปล่อยออกมาน่าจะแรงกว่าป้ายผู้จับกุมทั่วไปไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนั้นไม่ได้ตระหนักถึงตัวตนของโจวเจ๋อ แต่เธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของอิงอิง
ผ่านไปพักหนึ่ง เด็กสาวลุกออกจากโต๊ะของตัวเองและเริ่มเดินขึ้นมาด้านบน
“เถ้าแก่ เพื่อนร่วมงานของท่านมาทักทายท่านด้วย”
“อืม”
เด็กสาวเดินมาข้างๆ โจวเจ๋อ แล้วมองโจวเจ๋อสลับกับมองอิงอิง ต่อมาฉากที่ทำให้โจวเจ๋อไม่คาดคิดเลยสักนิดก็เกิดขึ้น คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวจะลงมือทันที มือข้างหนึ่งบีบไหล่ของโจวเจ๋อ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกดข้อมือของโจวเจ๋อไว้ จากนั้นหยิบกุญแจมือออกมาหนึ่งคู่
‘แกรก!’
หลังจากล็อกข้อมือของโจวเจ๋อไว้ข้างหนึ่ง ก็พยายามคว้าข้อมืออีกข้างหนึ่งของโจวเจ๋อมาล็อกไว้ด้วยกันทั้งสองข้าง ขณะเดียวกัน เธอก็พูดเสียงทุ้มต่ำ “ตำรวจจับคน!”
เถ้าแก่โจวโดนใส่กุญแจมือข้างหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าไม่อาจยอมให้เธอล็อกกุญแจมือข้างที่สองได้ พลันพลิกฝ่ามือคว้ามือของอีกฝ่ายแล้วกระชากลงมาทันที
ดูเหมือนว่าเด็กสาวไม่คาดคิดมาก่อนว่าโจวเจ๋อจะสู้เก่งและแรงเยอะขนาดนี้ ร่างกายจึงซวนเซไป
ก็จริง ยมทูตส่วนใหญ่ใช้ร่างกายมนุษย์ธรรมดากันทั้งนั้น ประกอบกับปัญหาการกินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นเวลายาวนาน ถ้าสมรรถภาพทางกายของพวกเขาดีสิถึงจะแปลก
‘พลั่ก!’
หน้าผากของเด็กสาวกระแทกเข้ากับขาโต๊ะอย่างจัง ทำเอาบวมแดงทันที เด็กสาวโกรธจัด คาดว่าคงจะต่อว่าโจวเจ๋อในใจอยู่หลายครั้งที่ไม่รู้จักคนจิตใจดี เมื่อเผยอปากสายลมสีเหลืองส้มจึงพ่นออกมาจากปากเธอ
โอ้โห กลิ่นปาก!
เถ้าแก่โจวเป็นคนรักสะอาด ปกติแล้วเมื่อสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยก็ยอมอดทนได้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้ฉันกำลังกินข้าวอยู่นะ คุณดันมาพ่นลมหายใจใส่ฉัน!
ทันใดนั้นจึงเตะเท้าออกไปกระแทกหน้าท้องของเด็กสาวอย่างจัง เด็กสาวร้อง ‘อ๊ะ’ แล้วหงายหลังล้มออกไปชนกับผนัง
บนเวทีด้านล่าง การแสดงกำลังเข้าสู่จุดไคลแมกซ์ เสียงเชียร์ดังกระหึ่ม ประกอบกับแขกบนห้องส่วนตัวชั้นสองเดิมทีก็มีไม่มาก แถมยังมีฉากกั้นอีก ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่จึงไม่รบกวนบุคคลภายนอก
เด็กสาวที่ล้มฟุบกับพื้นกุมท้องพลางลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แต่ในตอนนี้เอง อิงอิงปรบมือและเดินมาด้านหน้าเด็กสาว เด็กสาวมองอิงอิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สาเหตุที่เธอขึ้นมาเพราะว่าเธอพบว่าชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าผู้หญิงที่อันตรายมาก เธอไม่สามารถยืนยันได้ตรงๆ ว่าอิงอิงเป็นผีดิบ แต่ที่แน่ๆ คือไม่ใช่คน เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว ดังนั้นเธอจึงอยากพาชายหนุ่มออกไปเพื่อช่วยเขา
ทั้งขั้นตอนและวิธีการละม้ายคล้ายคลึงกับหญิงชราใส่ร้ายผู้ชายว่าขโมยกระเป๋าเงินของเธอบนรถประจำทางตอนกลางคืนแล้วบังคับให้ลงจากรถ จากนั้นวันรุ่งขึ้นมีข่าวว่ารถประจำทางประสบอุบัติเหตุรถชนดับอนาถกันหมดทั้งคัน
เพียงแต่ตอนนี้ตัวเด็กสาวเองตระหนักได้ว่า ดูเหมือนความกระตือรือร้นของเธอจะสูญเปล่า ผู้ชายคนนั้นยังนั่งดื่มชาอยู่บนโต๊ะต่อ แต่ผู้หญิงคนนั้นเดินวางมาดมาหาเธอเหมือนลูกน้อง
สำหรับอิงอิงแล้ว กล้าลงไม้ลงมือกับเถ้าแก่ของเธอ ช่างบังอาจจริงๆ!
โชคดีที่อิงอิงก็เข้าใจว่าเถ้าแก่ดูเหมือนจะไม่ได้กะเอาให้ตาย ตอนนี้เธอจึงเดินไปแค่ไม่กี่ก้าวแล้วยืนนิ่ง กั้นเด็กสาวคนนั้นออกจากเถ้าแก่ของเธอ
“เฮ้ กุญแจ” โจวเจ๋อส่ายข้อมือของตัวเองที่กุญแจมือยังล็อกอยู่บนนั้น
“พวกคุณเป็นใครกันแน่” ถ้าตอนนี้เด็กสาวยังมองไม่ออกว่าทั้งหญิงและชายเป็นพวกเดียวกันละก็ อย่างนั้นก็คงจะโง่บรรลัยแล้วละ
“เหอะ” โจวเจ๋อแค่นหัวเราะพลางคลำหาป้ายของตัวเอง
เวลานี้จู่ๆ ภาพอวี๋ซื่อหลงใน ‘คังซีจักรพรรดิพิทักษ์แผ่นดิน’ สวมชุดคลุมมังกรออกมาประกาศว่าจางกั๋วลี่เริ่มอวดดีได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
‘ตุ้บ!’ โยนป้ายไปด้านหน้าเด็กสาว
เด็กสาวมองป้ายตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ไม่รู้ว่าตกใจสถานะผู้จับกุมหรือมองเห็นป้ายทองคำสุกสว่างจนตาบอดไปแล้ว สรุปก็คือ กำลังงงเป็นไก่ตาแตกอยู่อย่างนั้น
เถ้าแก่โจวพอใจกับท่าทีของอีกฝ่ายมาก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ หรือแสร้งทำ ก็พอใจอยู่ดี บอกตามตรง ป้ายผู้จับกุมทองคำบริสุทธิ์นี้ ทำให้เถ้าแก่โจวรู้สึกเหมือนสวมใส่ชุดผ้าไหมเดินทางในยามค่ำคืน อยากจะอวดก็ไม่มีที่ให้อวด หรือจะให้ทำตัวเป็นร้านทองอวดคนไปทั่วล่ะ
เด็กสาวโซเซลุกขึ้นยืน และคุกเข่าข้างหนึ่งให้โจวเจ๋อช้าๆ
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่”
“ลุกขึ้นเถอะ” โจวเจ๋อหยิบฝาถ้วยน้ำชาอย่างเอื่อยๆ และปาดใบชาออกไป
เด็กสาวเดินเข้ามา พร้อมกับหยิบกุญแจมาไขกุญแจมือให้โจวเจ๋อ
“คุณเป็นตำรวจเหรอ” โจวเจ๋อถาม
“ฉันไม่ใช่ตำรวจค่ะ ฉันเป็นพยาบาล ฉันรู้สึกว่ากุญแจมือนี่มันสะดวกดีก็เลยพกไว้”
“อ๋อ” โจวเจ๋อพยักหน้า
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ เป็นฉันที่ตาบอดมองไม่เห็นเขาไท่ซาน กะ…ก่อน…ก่อนหน้านี้ฉันนึกว่าท่านถูกเธอข่มขู่หรือสับสนมึนงงอยู่ตรงนี้ ฉันก็เลย…”
“อืม ไม่เป็นไร นั่งสิ”
โจวเจ๋อเดาความจริงได้แล้วคร่าวๆ บอกตามตรง ยมทูตสาวคนนี้จะว่าโง่ก็โง่อยู่ แต่จิตใจก็นับว่าค่อนข้างซื่อสัตย์ มีความซื่อตรงแรงกล้าเหมือนกับเขาในตอนแรกอย่างไรอย่างนั้น
“จริงสิ หลังกินข้าวเสร็จแล้ว คุณพาพวกเราไปเดินเที่ยวเล่นรอบๆ หน่อยสิ มาหรงเฉิงวันหนึ่งแล้ว นอกจากดูแพนด้าที่รู้สึกว่าไม่เลวแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนุกเลย”
“เดิมทีหรงเฉิงก็ไม่มีอะไรน่าสนุกค่ะ เสน่ห์ของหรงเฉิงอยู่ที่การขับรถไปทางตะวันตกก็จะเป็นเสฉวน คังติ้ง หย่าเจียง เซ่อต๋า หย่าติง สถานที่พวกนี้ถึงจะสวยงดงามจริงๆ”
“ผมไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น พรุ่งนี้ก็ว่าจะกลับแล้วละ”
“งั้นให้ฉันพาท่านไปชมเทศกาลโคมไฟไหมคะ”
“เทศกาลโคมไฟ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกใช่ไหม”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดโจวเจ๋อก็ยืนยันได้ว่า นอกจากสถานที่บางแห่งที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กแล้ว จุดชมวิวอะไรในเมืองหรงเฉิงนั้นไม่มีที่ไหนคุ้มค่าน่าไปจริงๆ เถ้าแก่โจวอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อย แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะขับรถออกไปเอง เขายังอยากกลับไปให้เร็วหน่อย
เอ๊ะ
ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็นึกขึ้นมาได้จึงถามเด็กสาว “คุณแค่มากินข้าวที่นี่เหรอ”
เด็กสาวชะงักไป ก่อนจะผุดลุกขึ้นจนเกิดเสียงดัง ‘โครม’ แล้วมองไปทางเวทีด้านล่าง จากนั้นก็อุทานขึ้น “โอ๊ะ ตายแล้ว หมดกัน ฉันมาจับผีค่ะ ฉันลืมไปเลย ฉันลืมไปเสียสนิทเลย!!!”
“…” อิงอิง
“…” โจวเจ๋อ
ด้านล่าง เสียงดนตรีพื้นหลังบนเวทีดังขึ้นแล้ว เป็นเพลงประกอบหลักของการแสดง ‘งิ้วเปลี่ยนหน้า’
“งิ้วเปลี่ยนหน้า งิ้วเปลี่ยนหน้า งิ้วเปลี่ยนหน้า งิ้วเปลี่ยนหน้า งิ้วเปลี่ยนหน้าของจีน!!!!!!!!!!”
นักแสดงชายผู้โด่งดังเดินขึ้นเวที ตอนแรกเผยให้เห็นใบหน้าสีดำอันดุร้าย จากนั้นตามด้วยโยกย้ายส่ายสะโพกบนเวทีตามจังหวะอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเสียงดัง ‘พึ่บ’ พริบตาเดียวกลายเป็นใบหน้าสีขาว!
ผู้ชมด้านล่างต่างส่งเสียงเชียร์และโห่ร้องดังสนั่น
ชายหนุ่มคุมภาคสนามอย่างมืออาชีพพร้อมกางมือออกและส่งเสียงร้อง “อ๊ากกกกกกก!!!!!” ไม่หยุด
บรรยากาศบนเวทีถูกโหมโรงจนถึงจุดสูงสุด ช่วงเวลาต่อมา เมื่อชายหนุ่มเปลี่ยนหน้าในครั้งต่อไป ได้ยินเพียงเสียง ‘ตุ้บ’ ใบหน้าก็เปลี่ยนไป แต่เสียงของผู้ชมด้านล่างพลันเงียบกริบ บางคนที่ขี้กลัวถึงกลับกรีดร้องออกมา บางคนใจกล้าแต่กลับลังเลอยู่เล็กน้อย ลังเลว่าตัวเองจะร้องตะโกนออกมาดีไหม
แท้จริงแล้วหลังจากที่นักแสดงสะบัดใบหน้า ใบหน้าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หนังหน้าของเขาก็หลุดร่วงลงบนพื้นทันที เผยให้เห็นใบหน้าที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด!
……………………………………………………………….