ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 807 ลาก่อน
ตอนที่ 807 ลาก่อน
ทนายอันใช้เวลาเลือกร่างนี้นานมาก และเขาก็รักใบหน้านี้ด้วย!
เขาเปิดประตู ด้านนอกเป็นทางเดินธรรมดา ราวกับว่าเรื่องราวทุกอย่างก่อนหน้านี้ด้านหลังกำแพง ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นเพียงความฝันฉากหนึ่งเท่านั้น
มือกระดูกของทนายอันคว้าด้านหน้าไว้ครู่หนึ่ง ปลายนิ้วเกี่ยวดึงเส้นด้ายสีดำแล้วกระชากกลับมาด้านหลัง คล้ายกับม่านถูกดึงลงมาฉับพลัน ทนายอันก้าวไปข้างหน้า ทั้งตัวจมเข้าสู่ดินแดนมายาริมแม่น้ำ
ริมแม่น้ำ มีหญิงสาวคนหนึ่งสวมใส่ชุดสีแดงแปร๊ดกำลังร้องงิ้วอยู่ เธออินมากและตั้งใจมากเช่นกัน แม้แต่การบุกรุกของแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ไม่มีผลใดๆ ต่อเธอ ยังคงทำหน้าที่ของเธอต่อไป
หากใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่ได้ถูกสับเปลี่ยน บางทีเวลานี้ทนายอันอาจจะยังปรบมือและตะโกนว่า ‘เทคนิคยอดเยี่ยม น่าชื่นชม’ อยู่ก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ทนายอันกลับไร้ซึ่งความสนใจ และกางนิ้วออกทันที
“ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี ทำลาย!”
เสียงเสียดสีบาดแก้วหูดังขึ้นทันที ราวกับมีมีดเล่มหนึ่งได้กรีดทำลายทุกอย่างในที่นี้โดยตรง ทิวทัศน์อันงดงาม หญิงสาวแสนสวยริมแม่น้ำสายเล็กๆ บางทีอาจจะงดงามจนเกินไป ถึงได้อ่อนแอจนเกินความจำเป็น
เพียงชั่วพริบตา ทุกอย่างตรงหน้าถูกทนายอันฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ เกือบเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แม้แต่หญิงสาวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำคนนั้นก็ถูกกระชากลากถูอย่างแรงมาตรงหน้าทนายอัน
“ลาก่อน” บอกลาเพื่อให้เพลงที่ฟังคุณร้องก่อนหน้านี้ได้มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
วินาทีต่อมา มือกระดูกของทนายอันแทงเข้าไปในร่างของหญิงสาวโดยตรง หญิงสาวตัวสั่นสะท้านในทันใด สีหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวดถึงขีดสุด
สีหน้าแบบนี้ควบคู่กับการแต่งหน้าปกปิด ยิ่งดูมีเสน่ห์เข้าไปถึงในกระดูก
เพียงแต่น่าเสียดายที่ทนายอันไม่ใช่ไก่อ่อน โดยเฉพาะเรื่องพรรค์นั้นระหว่างชายหญิง เขาดูเหมือนทำตามใจไม่จริงจัง ขณะเดียวกันก็หมายความว่าเขาไม่ให้ความสำคัญ เป็นธรรมดาที่จะไม่สับสนหลงกล
‘แควก!’
คล้ายกับเสียงม่านถูกกระชากออก ทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบสลายไป ทนายอันยังยืนอยู่ในทางเดินพลางก้มหน้าลงมองหน้ากากอ่อนนุ่มที่กำอยู่ในฝ่ามือของตัวเอง
ไม่สิ นี่มันไม่ได้เรียกว่าหน้ากากแล้ว จากความรู้สึกตอนที่สัมผัสมันเหมือนหนังคนมากกว่า
เรียบเนียนเกลี้ยงเกลา ขณะเดียวกันก็ยังหลงเหลือความอุ่นเบาบาง
ทนายอันหรี่ตาลงและกลับห้องตัวเอง เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองทนายอันที่ยืนอยู่หน้าประตูพลางถาม “จัดการได้แล้วหรือ”
ในการรับรู้ของเขา โรงแรมได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว
“คงงั้น แต่เจ้าของจริงๆ หนีไปแล้ว หรือไม่ก็ไม่มีอยู่เลย”
“กรี๊ดดดดด!!!!!!!!!!”
เสียงกรีดร้องแหลมสูงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากห้องที่อยู่ตรงหัวมุมในชั้นเดียวกัน
แขกเหรื่อในห้องพักไม่น้อยเปิดประตูห้องออกมาดูสถานการณ์ ทนายอันก็เดินออกไป ไม่นานนักเขาก็กลับมา
เด็กชายถอนหายใจและรำพึงรำพัน “เรื่องเยอะจริงๆ”
“ใช่มันเยอะมาก ห้องนั้นมีสามีภรรยาที่มาท่องเที่ยวพักอยู่คู่หนึ่ง น่าจะเป็นคนเจียงซู ภรรยางัวเงียตื่นขึ้นมาพบว่าใบหน้าของสามีตัวเองเหลือเพียงแค่คราบเลือดเท่านั้น”
“ตายหรือยัง” เด็กชายถาม
“ความแปลกมันอยู่ตรงนี้ จะเห็นได้ว่าเขาทุรนทุรายมาก แต่ไม่ยักตาย”
เด็กชายส่ายหน้า มองเวลาและเอ่ยพูด “สายแล้ว ติดต่อเถ้าแก่ว่าพวกเราจะไปรวมตัวกันที่สนามบิน”
“ปัญหาคือตอนนี้เรายังไปไม่ได้น่ะสิ”
ทนายอันหยิบหนังหน้าคนที่เสียหายออกมาจากกระเป๋าของเขา จากนั้นเดินเข้าห้องน้ำไป วางไว้ใต้ก๊อกน้ำและเริ่มทำความสะอาด เป็นการลบล้างเครื่องสำอางหนาๆ บนใบหน้า หลังจากทำความสะอาดแล้ว ทนายอันกางผิวหนังหน้าออกราวกับตากผ้า สะบัดๆ พลางเดินออกจากห้องน้ำ และโชว์หนังหน้าตรงหน้าเด็กชายพร้อมพูดว่า
“ลองจินตนาการเติมส่วนที่เสียหายเอง แล้วก็ลองมองดูว่าหนังหน้านี้เหมือนคนคนหนึ่งมากไหม”
…
กินมื้อดึกเสร็จแล้วร่างกายรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อย เถ้าแก่โจวบิดขี้เกียจ กะว่าจะไปเดินเล่นกับอิงอิงสักพักเพื่อย่อยอาหารสักหน่อย
โจวเจ๋อเดินข้างหน้า อิงอิงเดินตามหลัง ในมือถือโค้กไม่ค่อยเย็นที่ยังดื่มไม่หมด
เถ้าแก่โจวพยายามไม่คิดถึงยมทูตสาวบ๊องที่เพิ่งรู้จักกันก็ตายอย่างมีเกียรติเสียแล้วคนนั้น เขาเพียงแค่อยากจะเพลิดเพลินไปกับความสบายกายสบายใจเดินเล่นบนถนนในหรงเฉิงกับสาวใช้ของเขาในตอนนี้เท่านั้น
อีกพักหนึ่งค่อยเรียกรถไปสนามบิน นั่งเที่ยวบินเช้าตรู่กลับทงเฉิง แล้วชีวิตก็จะกลับมาดำเนินไปตามวิถีเดิมอีกครั้ง ยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบมาก
อิงอิงพยายามใช้ปราณพิฆาตในฝ่ามือของตัวเองทำให้โค้กครึ่งกระป๋องของเถ้าแก่เย็นขึ้นอีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยคือ โค้กที่เธอถืออยู่ในมือนั้นดันอุ่นขึ้นเรื่อยๆ
นี่ทำให้อิงอิงไม่พอใจนิดหน่อย เพราะถ้าหากเป็นเช่นนี้ละก็ พอหมดฤดูใบไม้ผลิเข้าสู่ฤดูร้อนปุ๊บ ก็จะต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องนอนของตัวเองปั๊บ
ด้านหน้า จู่ๆ ก็มีเสียงรถบิ๊กไบค์ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นรถบิ๊กไบค์สองคันกำลังวิ่งสวนทางแข่งกันมา
เดิมทีเถ้าแก่โจวแค่มองดูพฤติกรรมที่ไร้อารยธรรมประเภทนี้เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่คราวนี้เขากลับขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อบิ๊กไบค์สองคันเร่งเครื่องเสียงดังโฉบผ่านเขาไป โจวเจ๋อหันหน้ากลับมาชี้นิ้วไปทางนั้น และบอกกับสาวใช้ของตัวเองที่อยู่ด้านหลังว่า “ปา!”
อิงอิงเข้าใจทันที หมุนตัวและสะบัดแขน โค้กครึ่งกระป๋องวาดโค้งอย่างสวยงามกลางอากาศ ขณะเดียวกันก็เปี่ยมไปด้วยแรงมหาศาล กระแทกเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งอย่างจัง จนรถคันนั้นเสียหลักชนกับเพื่อนที่แว้นแข่งรถมาด้วยกัน
‘โครม! โครม!’ คนขี่บิ๊กไบค์กระเด็นออกจากรถ และกลิ้งเกลือกไปกับพื้นพลางร้องโอดโอย ส่วนรถของพวกเขากลับกระเด็นไปไกลยิ่งกว่า แม้ว่าจะนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นล้อก็ยังหมุนติ้วๆ ต่ออยู่ดี
“มารยาททราม” โจวเจ๋อพึมพำ โดยไม่เอะใจว่าการที่สาวใช้ของเขาทิ้งขยะในที่สาธารณะก็ดูเหมือนไม่ได้แสดงออกถึงการมีมารยาทด้วยซ้ำ
โจวเจ๋อเอื้อมมือไปนวดหว่างคิ้ว และบอกกับอิงอิง “เรียกรถไปสนามบินกันเถอะ”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
ผ่านไปประมาณครึ่งนาทีเห็นจะได้ รถอาวดี้สีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาด้วยความเร็วที่ไม่อาจจินตนาการได้ คนขับลดกระจกลงแล้วยิ้มเอ่ยว่า “ใช่เลขท้าย 3571 หรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ฮ่าๆ โชคดีเหมือนกันนะเนี่ย เพิ่งจะส่งลูกค้าลงตรงหัวมุมด้านหน้าเสร็จปุ๊บ ก็มีออเดอร์เข้ามาอีกปั๊บ”
สายตาของคนขับเอาแต่มองอิงอิงผ่านกระจกมองหลังไม่หยุด โชคดีที่เถ้าแก่โจวหลับตาอยู่พอดี จึงไม่ทันสังเกตเห็นฉากนี้ ไม่อย่างนั้นด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีในเวลานี้ คนขับคนนี้คงจะตกอยู่ในอันตรายแล้วละ
“เถ้าแก่ รถคันนี้มีกลิ่น” อิงอิงเอ่ยพูด
“กลิ่นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก ผมเพิ่งจะล้างรถไปเมื่อช่วงกลางวันนี้เองนะ คนสวย กรุณาอย่าพูดมั่วๆ สิครับ” คนขับกังวลว่าอิงอิงจะใช้ข้ออ้างนี้ให้คะแนนวิจารณ์แย่ๆ แก่ตัวเอง
“เถ้าแก่ เป็นกลิ่นจิ้งจอกเจ้าค่ะ!” อิงอิงมองโจวเจ๋อด้วยความสับสนระคนสงสัยเล็กน้อย และพูดต่อ “ดูเหมือนว่านางจิ้งจอกตัวนั้นก็มาด้วยเจ้าค่ะ”
“นางจิ้งจอกเหรอ ทำไมครับ พวกคุณรู้จักเหรอ ผู้หญิงที่ผมเพิ่งพามาส่งเมื่อกี้อะนะ หึ อย่าพูดไป สวยมากจริงๆ นะครับเนี่ย!”
โจวเจ๋อเปิดประตูรถด้านข้างและลงจากรถ อิงอิงก็ลงจากรถตามไป
เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้จิ้งจอกขาวเคยเปรยเรื่องนี้กับเขามาก่อน ดูเหมือนว่าเธออยากตามมาเสฉวนด้วย แต่เขาปฏิเสธไป ต่อมาก็ยังเคยเอ่ยกับทนายอันด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน
แต่ไหนแต่ไร จิ้งจอกขาวก็ไม่นับว่าเป็นคนของร้านหนังสือ ส่วนเหตุผลที่ทำให้เธอสามารถแวบไปแวบมาในร้านหนังสือได้ตลอดเวลานั้นง่ายมาก เป็นเพราะว่าเธอสวยนั่นเอง
แต่ตอนนี้ เวลานี้ ดันบังเอิญเจอร่องรอยการปรากฏตัวของเธอ มันทำให้โจวเจ๋อรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย ด้วยสัญชาตญาณแล้ว โจวเจ๋อสัมผัสได้ว่าเรื่องงิ้วเปลี่ยนหน้าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ แต่เธอเป็นปีศาจผู้ยิ่งใหญ่จากตะวันออกเฉียงเหนือจะถ่อมาสร้างปัญหาถึงหรงเฉิงไปทำไม
เธอไม่ใช่จิ้งจอกที่ไม่รู้ขอบเขตประเภทนั้น
“เฮ้ จะไปไหมเนี่ย ผมถามว่าจะไปไม่ไป!” คนขับตะโกนลงมาจากรถ
โจวเจ๋อไม่สนใจเขา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายไปหาทนายอันทันที
‘ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกอยู่ระหว่างการโทร กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ’
หือ ติดสายอยู่เหรอ
…
“โทรศัพท์เถ้าแก่ติดสายอยู่ ผมเปลี่ยนไปโทรหาโทรศัพท์มือถือของอิงอิงแล้วกัน” ทนายอันต่อสายโทรหาอิงอิง ไม่นานฝั่งนั้นก็รับสาย จากนั้นก็พบว่าเป็นเสียงของเถ้าแก่
“ฮัลโหล พวกคุณอยู่ไหนน่ะ”
“พวกเราก็ติดแหง็กอยู่ที่โรงแรมที่ส่งตำแหน่งให้ก่อนหน้านี้ไงครับ ฟังงิ้วเสฉวนทั้งคืนแล้วเนี่ย เหอะๆ เถ้าแก่ที่ที่ผมอยู่เจออะไรบางอย่าง มีบางอย่างก่อปัญหาอยู่ที่นี่
ผมจะทนได้ยังไง จะปล่อยให้พวกคนร้ายเหล่านั้นกระโดดโลดเต้นตอนกลางวันแสกๆ แสงแดดแจ่มจ้าได้ยังไงเล่า ดังนั้นผมก็เลยทำตามเวลาปกติที่เถ้าแก่มักจะสอนเราด้วยคำพูดและการกระทำ และทำตามเถ้าแก่ที่มักจะห่วงใยและให้คำแนะนำแก่พวกเราในทุกๆ วัน ผมลงมือหยุดมันแล้ว จากนั้นผมก็พบว่ามีเรื่องน่าสนใจอย่างหนึ่ง”
“อย่าลีลา”
“อืม ผมเจอหนังหน้าคนที่นี่น่ะ ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของจริงหรือว่าของปลอม แต่หลังจากที่ผมล้างๆ ขัดๆ หนังหน้านี้แล้ว ก็พบว่ามันหน้าตาละม้ายคล้ายนางจิ้งจอกในร้านหนังสือของเราเลย”
โจวเจ๋อที่อยู่ปลายสายเงียบไป ตอนแรกเขานึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่าทนายอันจะเจอเรื่องงิ้วเปลี่ยนหน้าเช่นกัน แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองเรื่องนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญ
“เธอมาหรงเฉิงแล้ว” โจวเจ๋อพูด
“งั้นเหรอครับ ก่อนหน้านี้เธอบอกผมว่าเธออยากมาด้วย คิดไม่ถึงว่าจะแอบมาเอง”
“เหล่าอัน”
“ครับ เถ้าแก่”
“ปกติผมใจกว้างเกินไปใช่ไหม”
“เถ้าแก่คุณใจดีและเห็นอกเห็นใจคนอื่นเสมอมา จริงๆ แล้วผมอยากจะเตือนคุณมาตลอดเหมือนกัน เป็นคนน่ะ อย่าใจดีและใจกว้างเกินไป เพราะจะเสียเปรียบเอาได้ง่ายๆ และอาจจะทำให้คนบางคนไม่เห็นคุณค่า”
“ดังนั้น สัตว์เดรัจฉานบางตัวถึงได้เกเรไม่เคารพกฎยังไงก็ได้สินะ”
หลังจากเจ้าแมวการ์ฟิลด์ที่มีจิตสัมผัสทรงพลังซึ่งนอนอยู่บนเตียงข้างๆ ได้ยินเสียงทางโทรศัพท์พลันขดตัวทันที เห็นได้ชัดว่ามันรู้ว่ามันเป็นหนึ่งในสัตว์เดรัจฉานที่เกเรไม่เคารพกฎเกณฑ์เหล่านั้น
“เถ้าแก่ คุณสั่งมาเลย”
“ตามหาเธอและจับมาให้ผม” โจวเจ๋อเงยหน้ามองฟ้า วันนี้อากาศไม่ดีมองไม่เห็นดาวสักดวง “ต้องสั่งสอนพวกมันให้รู้จักกฎเกณฑ์เสียบ้าง”
“รับทราบแล้วครับ คุณวางใจได้เลย ผมจะตามหาให้เจอก่อนฟ้าสาง กลิ่นตัวท่อนล่างของเธอผมคุ้นเคยดี” พูดจบทนายอันก็วางสายโทรศัพท์ พร้อมกับโยนหนังหน้าคนไปทางแมวการ์ฟิลด์ และพูดกับเด็กชายว่า “เอาละ ขาใหญ่ของเราออกคำสั่งแล้ว จี้ห้อยอย่างเราก็ต้องเคลื่อนไหวบ้างแล้วละ”
เด็กชายยังคงมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองต่อ หลังจากนั้นไม่นาน เสียงเรียกเข้าดังมาจากโทรศัพท์มือถือ ‘กริ๊งๆ กริ๊งๆ’
……………………………………………………………………