ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 81 เป็นระเบียบเรียบร้อย
ตอนที่ 81 เป็นระเบียบเรียบร้อย
เมื่อขึ้นไปชั้นสอง โจวเจ๋อเห็นครอบครัวของคุณหลิวแล้ว แต่ที่น่าแปลกก็คือ ไม่เห็นผู้ชายสักคน มีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น
คนหนึ่งผมขาวแก่มากแล้ว คนหนึ่งสง่าดูเป็นสุภาพสตรีอายุวัยกลางคน และอีกคนหนึ่งมีอายุพอๆ กับคุณหลิว
ตอนที่โจวเจ๋อเดินเข้าไป พบว่าบาทหลวงคนนั้นก็อยู่ที่นั่นด้วย และกำลังพูดคุยกับหญิงชรา เหมือนกำลังปลอบใจเธอ
หญิงชราเป็นคนฟัง ส่วนบาทหลวงก็พูดไปเรื่อยๆ ทุกคนเหมือนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จๆ ไป หากจะพูดว่าบรรยากาศเศร้าโศกเสียใจภายในห้องมีมากน้อยแค่ไหน ล้วนมีแต่ความหลอกลวง
แน่นอนว่า พวกเราไม่สามารถตำหนิคนเป็นที่เฉยชาต่อคนตายได้ เพราะปัญหาที่คนเป็นต้องเผชิญหน้าคือจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือหลิวเยี่ยนหวา คุณผู้หญิงหลิวใช่ไหมครับ” โจวเจ๋อเดินไปอยู่ตรงหน้าผู้หญิงวัยกลางคนแล้วถาม
“สวัสดีค่ะ คุณคือ”
คุณผู้หญิงหลิวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเช็ดที่มุมตา
โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังเช็ดขี้ตาไม่ได้เช็ดน้ำตาเลย เพราะมองไม่ออกเลยว่าเธอร้องไห้จริงๆ
คุณผู้หญิงมีไหปลาร้าที่ชัดเจน รูปร่างผอมเพรียว กระดูกหน้าผากโหนกนูน ให้ความรู้สึกอึกอัดไม่สบายใจเท่าไร
อันที่จริงนี่คือลักษณะหน้าตาของคนดวงกินผัว
วัฒนธรรมเป็นสื่อกลางอย่างหนึ่ง เป็นเหมือนหน่วยงานหนึ่ง และในทุกๆ ปี ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจหรือแม้กระทั่งสามลัทธิเก้าอาชีพอย่างพวกหมอดูฮวงจุ้ย ก็ยังได้รับอิทธิพลที่มาจากวัฒนธรรม
ยกตัวอย่างเช่นในสมัยโบราณมีคำกล่าวว่า ‘ดวงกินผัว’ นี่คือแบบอย่างที่เห็นได้โดยทั่วไป ในสังคมที่มองผู้หญิงเป็นสินค้า ที่อยู่ในที่พักอาศัยของสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ซึ่งไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมากและเป็นข้อสรุปที่ผิดมหันต์
โจวเจ๋อเดิมทีไม่เชื่อเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผีตนหนึ่ง
แต่พอมาคิดดู หนึ่งครอบครัวสามรุ่น ไม่มีผู้ชายสักคน คุณไม่อยากเชื่อคงจะยากไปหน่อย
โจวเจ๋ออธิบายจุดประสงค์การมาของตัวเองอย่างชัดเจน ก่อนหน้านั้นสวี่ชิงหล่างได้ติดต่อกับเธอแล้ว บรรลุเป้าหมายเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องราคาอย่างละเอียด
“คุณโจวสามารถมาร่วมงานศพของน้องสาวได้ ฉันขอเป็นตัวแทนน้องสาวขอบคุณคุณโจวค่ะ ส่วนเรื่องร้าน ในเมื่อคุณโจวชอบ เรื่องค่าเช่าคุณโจวลองกลับไปคิดตัวเลขก่อน ขอเพียงราคาไม่สุดโต่งเกินไป ฉันจะไม่ปฏิเสธค่ะ”
พูดง่ายขนาดนี้เชียวหรือ
โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย เขาชาติที่แล้วเป็นหมอ ไม่เคยค้าขาย ดังนั้นการเจรจาเรื่องราคากับคนอื่นเป็นครั้งแรกถือว่าเป็นมือใหม่ แต่คุณผู้หญิงหลิวกลับใจป้ำมาก
โจวเจ๋อพยักหน้า จากนั้นจึงพูดปลอบอย่างไร้สาระอีกสองสามประโยค แล้วจึงหมุนตัวเดินออกไปอย่างรู้กาลเทศะ ที่เหลือก็แค่ปรึกษาเรื่องราคากับสวี่ชิงหล่างแล้วค่อยแจ้งราคากลับมาก็พอ
โจวเจ๋อลงมาข้างล่าง เดินมาตรงหัวมุมอีกแล้ว เขาเดินไปที่หน้าประตูเหล็กอีกครั้ง ยื่นมือผลักประตู พบว่าประตูถูกล็อก
โจวเจ๋อยื่นมือเคาะประตู ไม่มีคนขานรับจากด้านใน
ด้วยความจนใจและสับสนเป็นอย่างมาก ในฐานะยมทูตตนหนึ่ง ประตูและกำแพงสามารถสกัดคุณไว้ได้ ดูเหมือนจะเป็นที่ขายหน้าสำหรับการเป็นยมทูตนี้
เสียดายที่โจวเจ๋อไม่สามารถทำเหมือนสาวน้อยโลลิได้ ‘วิ้ง’ แล้วก็หายตัวออกมา ‘วิ้ง’ แล้วก็หายตัวเข้าไปอีก
ประตูบานนี้ โจวเจ๋อเปิดไม่ออกจริงๆ
เมื่อกลับมาที่ห้องรับรองด้านข้าง แขกที่มาร่วมงานไว้อาลัยได้กลับไปเกือบหมดแล้ว ห้องรับรองสมควรแก่การเก็บกวาดทำความสะอาดเสียที โลงศพนั่นก็ถูกยกออกไป ส่วนคุณหลิว ในไม่ช้าก็น่าจะนำไปเผาที่เมรุ
คนตายเหมือนตะเกียงดับ ท้ายที่สุดก็เป็นแค่หลุมฝังศพ
ทุกครั้งที่มีงานศพ มักจะทำให้คนรู้สึกหดหู่เศร้าใจ
โจวเจ๋อโบกมือเรียกสาวใช้คนหนึ่ง แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่า คุณรู้จักคุณเฉินเจ๋อเซิงไหมครับ”
“อ้อ เขาเป็นเถ้าแก่คนเก่าของที่นี่ค่ะ” สาวใช้ตอบด้วยความตกใจ “เขาตายไปแล้วค่ะ งานศพจัดไปแล้วเมื่อวาน”
“อ้อ” โจวเจ๋อพยักหน้าจากนั้นจึงถามต่อ “ไม่ทราบว่าตอนนี้เถ้าแก่คนใหม่ของคุณเป็นใครครับ”
“เป็นน้องชายของเถ้าแก่คนก่อนค่ะ เมื่อครู่เขาเพิ่งลงไปชั้นใต้ดิน” สาวใช้ตอบ จากนั้นสาวใช้ก็เป็นห่วงว่าโจวเจ๋อจะฟังไม่เข้าใจ จึงอธิบายว่า “โน่น บันไดอยู่ทางโน้นค่ะ เป็นสถานที่เก็บศพและแต่งหน้าศพโดยเฉพาะ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณเกรงใจไปแล้วค่ะ”
โจวเจ๋อเดินมาหน้าประตูเหล็กบานนั้นอีกครั้ง เขาจำเป็นต้องเข้าไป จากนั้นจับตัวตลกที่ตายไม่รู้สาเหตุแถมยังยื่นนามบัตรให้ยมทูตอย่างดี๊ด๊าให้จงได้
แต่ประตูบานนี้ จะต้องเปิดอย่างไร ขนาดเคาะแรงๆ สองสามที ประตูก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว และข้างในก็ไม่มีเสียงคนขานรับ
เมื่อครู่สาวใช้บอกว่าเถ้าแก่คนใหม่ของพวกเขาเพิ่งจะเข้าไป เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ แน่นอนว่าโจวเจ๋อไม่สนใจว่าเถ้าแก่คนใหม่จะเกิดอุบัติเหตุอะไรข้างในไหม เพราะเขาไม่ได้มีจิตใจดีขนาดนั้น
ขณะที่โจวเจ๋อคิดจะหาอุปกรณ์มางัดประตู โจวเจ๋อพบว่าประตูถูกเปิดแล้ว
ข้างในมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ใส่ชุดสูทสีดำและติดดอกไม้สีขาวที่หน้าอก
“มีธุระอะไรครับ” ชายหนุ่มถาม
นี่ไม่ใช่คนนั้นที่ยื่นนามบัตรให้ตัวเองเมื่อครู่ และถ้าไม่มีอะไรขัดข้องเถ้าแก่คนใหม่น่าจะเป็นน้องชายแท้ๆ ของเฉินเจ๋อเซิง
“มีธุระ อยากจะคุยกับคุณครับ เกี่ยวกับพี่ชายของคุณ” โจวเจ๋อพูดและเขาก็มั่นใจว่า ถ้าหากไอ้หมอนี่ไม่สามารถพูดได้อย่างนั้นก็ต้องทุบเขาให้สลบก่อนแล้วค่อยตามหาเฉินเจ๋อเซิงคนนั้น
“อ้อ ครับ เชิญครับ”
ชายหนุ่มเหมือนจะพูดง่าย จากนั้นก็โบกมือเชิญให้โจวเจ๋อเข้ามา
โจวเจ๋อมองชายหนุ่มอย่างลึกซึ้งอีกที แต่ก็ยังเดินเข้าไป
เตียงเหล็กสองตัวยังคงอยู่ที่เดิม และตู้แช่เข็งก็อยู่ตรงนั้น
“ศพของพี่ชายของคุณอยู่ที่ไหนครับ” โจวเจ๋อถาม
“งานศพของพี่ชายของผม เมื่อวานจัดไปแล้วครับ คุณครับ คุณเป็นเพื่อนกับพี่ชายของผมเหรอ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ” โจวเจ๋อบอกปัดแบบขอไปที
“ศพของพี่ชายของผม ถูกเผาไปเมื่อวานแล้วครับ”
คุณโกหกผีเหรอ โจวเจ๋อพยักหน้า เพื่อบอกว่าตัวเองทราบแล้ว จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปจากที่นี่
ชายหนุ่มชุดสูทมองเงาหลังของโจวเจ๋อ เผยความครุ่นคิดลึกซึ้งออกมาจากแววตาของเขา
…
สายลมยามเย็นพัดเย็นสบาย ดอกโหยวไช่รอบๆ คฤหาสน์อยู่ภายใต้แสงจันทร์ บรรยากาศที่เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย เหมือนกับเป็นงานศพที่ยิ่งใหญ่ และทุกอย่างของที่นี่ ล้วนเป็นแค่การกรุยทางเพื่อทำให้ดูดีขึ้นเท่านั้น
พวกคนรับใช้เลิกงานกันหมดแล้ว ที่นี่ไม่มีที่พัก ถึงแม้จะเป็นบ้านหลังใหญ่และกว้างขวางมาก แน่นอนว่าพวกคนรับใช้ก็ไม่อยากพักที่นี่เหมือนกัน
ชายหนุ่มชุดสูทวางอาหารทีละจานลงบนโต๊ะกลมภายในห้องรับรองด้านข้าง ล้วนเป็นอาหารจานเย็น ไม่มีอาหารจานร้อนเลย
จากนั้นก็รินเหล้าใส่แก้วที่อยู่บนโต๊ะ ซึ่งเป็นเหล้าเหลืองเก่าแก่
ต่อจากนั้นเขาจึงเดินไปที่บันได้แล้วตะโกนขึ้นไปข้างบนว่า
“อาหารเย็นเตรียมเสร็จแล้วครับ”
ผู้หญิงทั้งสามคน เริ่มจากคนอายุน้อยเรียงไปจนถึงคนอายุมากเดินตามกันลงมา พวกเธอไม่ได้มีความเกรงใจกันแล้วนั่งลงทันที
ส่วนบาทหลวงคนนั้นก็ยังไม่กลับบ้าน และนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ
ชายหนุ่มในชุดสูทเดินไปที่ห้องใต้ดินอีกครั้ง เข็นรถพยาบาลคันหนึ่งออกมา บนรถพยาบาลถูกคลุมด้วยผ้าขาว จากนั้นก็เป็นรถคันที่สอง คันที่สามและคันที่สี่
ภายในห้องรับรอง เริ่มมีกลิ่นพลาสติกรวมทั้งกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ฉุนมาก
หญิงชราเริ่มไอ ผู้หญิงวัยกลางคนมีสีหน้าไม่ยินดี และสาววัยรุ่นเธอเอามือปิดจมูกกับโบกมือไปมา
“ทำไมคนเยอะขนาดนี้” คุณผู้หญิงหลิวถามอย่างไม่พอใจ
“ยังไงก็ต้องเรียกพ่อกับแม่มาร่วมงานด้วยถึงจะเป็นทางการ”
“บ้านของพวกคุณวิปริตกันจริงๆ” หญิงชราบ่นพึมพำ “ไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายของคุณคอยยุให้หลานสาวของฉันกระโดดตึกฆ่าตัวตายไปกับเขา”
“เรื่องนี้จะโทษพี่ชายของผมไม่ได้นะ พี่ชายของผมคอยดูแลธุรกิจของบ้านมาตลอด เขาไม่อยากตายด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะครอบครัวของคุณ ที่นิยมธรรมเนียมผู้ชายฆ่าตัวตายมาตลอด พี่สะใภ้ของผมได้รับอิทธิพลการอบรมของคนในครอบครัว ถึงได้พาพี่ชายของผมฆ่าตัวตายไปด้วยกัน”
“เชอะ” หญิงชราขี้เกียจพูดเรื่องนี้แล้ว แล้วพูดเร่งว่า “ถ้าจะทำก็รีบทำเสีย ฉันเริ่มง่วงแล้ว”
“ครับ”
ชายหนุ่มในชุดสูทเปิดผ้าคลุมสีขาวของรถพยาบาลคันแรกก่อน ข้างในเผยให้เห็นศพของคุณหลิว
จากนั้นเขาอุ้มคุณหลิวขึ้นมาวางบนเก้าอี้ แล้วใช้เชือกพลาสติกมัดคุณหลิวเพื่อรักษาท่านั่งให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและสุภาพ
ต่อจากนั้นชายหนุ่มในชุดสูทก็เปิดผ้าคลุมสีขาวของพี่ชายตัวเองอีก อุ้มพี่ชายของตัวเองขึ้นมา เพื่อให้เขานั่งติดกับตำแหน่งของคุณหลิว
แต่ท่านั่งของพี่ชายรักษาสภาพได้ดีมาก ไม่จะเป็นต้องมัดด้วยเชือก
ชายหนุ่มในชุดสูทแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก
“เด็กสองคนนี้ดวงอาภัพจริง ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
หญิงชราบีบน้ำตาออกมาสองสามหยด เพราะรู้สึกว่าลำบากจริงๆ
คุณหญิงหลิวปลอบใจแม่ของตัวเอง ลูกสาวของคุณหญิงหลิวกลับต้องมาปลอบใจแม่ของตัวเอง ทั้งสามคนนั่งเคียงไหล่กัน คอยพูดปลอบใจและระบายทุกข์ซึ่งกันและกัน
อาหารบนโต๊ะนี้เตรียมไว้ให้พวกเขา แต่การแสดงละครบนโต๊ะนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลย
“ตาลืมไม่ได้แล้ว อย่ารบกวนพวกเขาเลย”
คุณหญิงหลิวเห็นชายหนุ่มในชุดสูทกำลังจะเปิดเทปกาวที่หนังตาของศพเธอจึงพูดห้ามขึ้น
ชายหนุ่มในชุดสูทตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าตกลง
จากนั้นเขาจึงตะโกนเรียกไปที่รถพยาบาลอีกคันหนึ่งว่า
“แม่ครับ เชิญแม่ลงมาดูด้วย”
ขณะที่พูด ชายหนุ่มในชุดสูทก็เปิดผ้าคลุมสีขาวออก ข้างในเป็นศพของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
เพียงแต่เธอน่าจะตายมานานหลายปีแล้ว ถึงแม้จะใช้วิธีการป้องกันการกัดกร่อนก็ไม่สามารถคงสภาพเดิมของเธอได้อย่างสมบูรณ์
ผิวหนังส่วนลึกเริ่มมีแสงสีเขียว นี่คือร่างกายหนึ่ง และร่างกายนี้ผ่านกระบวนการพิเศษเพื่อรักษาสภาพเดิมให้ได้มากที่สุด
จากนั้นเขาจับแม่นั่งบนเก้าอี้ โดยให้แม่นั่งอยู่ข้างๆ หญิงชรา
หญิงชราตกใจตัวสั่น แต่ไม่ได้พูดอะไร
คุณหญิงหลิวมองแม่สามีของลูกสาวตัวเองหนึ่งที และไม่กล้ามองเป็นครั้งที่สอง
ในท้ายที่สุด ชายหนุ่มในชุดสูทจึงพูดกับรถพยาบาลคันสุดท้ายว่า
“พ่อ ตื่นได้แล้วครับ…”
“โอเค”
ภายใต้ผ้าคลุมสีขาว มีเสียงหนึ่งขานรับ
ชายหนุ่มในชุดสูทตัวสั่น เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา
ผู้หญิงทั้งสามคนที่อยู่บนโต๊ะก็เริ่มตกใจ ตัวสั่นงันงก ผู้หญิงอายุน้อยสุดกรีดร้องขึ้นมา แต่ไม่ช้าก็เอามือปิดปากของตัวเองไว้
แม้แต่บาทหลวงคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย เพราะไม่เข้าใจจริงๆ ว่า นี่คือจะเล่นไม้ไหน
ชายหนุ่มชุดสูทไม่กล้ายื่นมือไปเปิดผ้าคลุมสีขาว แต่คนที่อยู่ข้างในกลับเป็นฝ่ายเปิดผ้าคลุมออกเอง
โจวเจ๋อบิดขี้เกียจ ขยับคอเล็กน้อย แล้วพูดดังฟังชัดอย่างขอโทษว่า
“ขอโทษนะครับ วันนี้หมอนของผมถูกผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งยึดไป จึงขออาศัยตู้แช่แข็งของพวกคุณนอนหลับสักตื่นถือว่าไม่เลว แต่เวลาผ่านมานานเกินไป นอนในตู้แช่แข็งอีกรู้สึกว่าร่างกายแข็งทื่ออยู่บ้าง”
……………………………………………………..