ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 832 บังคับกิน!
ตอนที่ 832 บังคับกิน!
……….
เมื่อโจวเจ๋อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนสนามหญ้า เนื่องจากสนามกีฬาโอลิมปิกยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในเวลานี้จึงไม่มีหญ้าบนสนาม
หลุมดินรูปร่างวงรีขนาดใหญ่ถูกห่อหุ้มอยู่ตรงกลางรางพลาสติกวงกลม ตรงด้านหลังค่อนข้างแข็งไม่สบายเลยจริงๆ
“เถ้าแก่ ตื่นแล้วหรือ” อิงอิงนั่งยองๆ ข้างกายโจวเจ๋ออยู่ตลอด
โจวเจ๋อหยัดกายลุกขึ้น แต่จู่ๆ ก็ตระหนักได้ว่าสาเหตุที่พื้นดินแข็งมากนั้น จริงๆ แล้วมันถูกแช่แข็ง โดยเฉพาะบริเวณรอบๆ ตัวเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหนา
อิงอิงช่วยพยุงลุกขึ้นยืนและโบกไม้โบกมือให้พวกสวี่ชิงหล่างเป็นสัญญาณว่าทุกคนถอนกำลังได้เลย
แน่ล่ะว่าถอนกำลังไม่ได้หมายความว่าจะกลับไปตอนนี้ แรกๆ ก็ยากหลังๆ มาเริ่มคุ้นเคย ในเมื่อบรรลุข้อตกลงกับอิ๋งโกวในส่วนลึกของจิตวิญญาณแล้ว งั้นก็อาศัยโอกาสนี้เคี่ยวตุ๋นขาหมูไปด้วยเลยสิ
อย่างนี้จะได้ช่วยย่นระยะการฝันในค่ำคืนที่ยาวนานได้มากทีเดียว
นิสัยของเถ้าแก่โจวก็เป็นอย่างนี้ คว้าผลประโยชน์ในมือตัวเองได้ถึงจะนับว่าเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง เขาไม่ชอบวางสายเบ็ดยาวๆ เพื่อตกได้ปลาตัวใหญ่และไม่มีความปรารถนาแรงกล้าจะควบคุมระยะไกลเช่นกัน ฉะนั้นในชาติก่อนของเถ้าแก่โจวถึงได้ไม่เคยเก็งกำไรหุ้นหรือซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ
เมื่อเดินไปถึงลานด้านนอกสนามกีฬาโอลิมปิก โจวเจ๋อเห็นทนายอันทั้งสองนั้นนั่งทะเลาะปะทะฝีปากกันอยู่ตรงนั้น
“เถ้าแก่ เรียบร้อยใช่ไหม” ทนายอันยืนขึ้นและก้าวไปข้างหน้า
โจวเจ๋อพยักหน้าจากนั้นชี้ด้านหลังทนายอันพลางเอ่ย “จัดการเจ้านั่นไปด้วยเลยสิ”
“หือ” ทนายอันชะงัก
ไม่ใช่สิ นี่มันไม่เหมือนกับแผนที่ทุกคนตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้เลยนะ แม้ว่าทนายอันจะไม่พอใจเกิงเฉินมากก็ตาม แต่ก็รู้ดีว่า การจะหาต้นกำเนิดที่เหลือของหาวจื้อเจอต่อไปจะได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเกิงเฉินที่เป็นแสงสว่างนำทาง ก็เลยไม่สามารถเคลื่อนย้ายต้นกำเนิดส่วนนี้ในร่างของเขาได้ชั่วคราว
แต่ว่า ในเมื่อเถ้าแก่ปรับเปลี่ยนนโยบาย คนที่เป็นลูกน้องก็ไม่มีที่ว่างให้แสดงความคิดเห็น ตรงจุดนี้ทนายอันชัดเจนและเข้าใจดี บางทีขณะที่กลืนกินในตอนนั้นอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นส่งผลให้เถ้าแก่เปลี่ยนแผนละมั้ง
ขณะนั้นเอง ทนายอันเอื้อมมือไปปลดทารกที่แบกบนหลังของตัวเองลงมา
เกิงเฉินหรี่ตาลงและลอยขึ้นจากฝ่ามือทนายอัน เขาจ้องโจวเจ๋อและเอ่ยถาม “ต้นกำเนิดอื่นๆ เล่า”
เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มต่อต้านแล้ว เพราะเหตุผลที่เขาเต็มใจเป็น ‘เรดาร์’ นี้ก่อนหน้าจนกระทั่งตัดสินใจเสียสละตัวเองในตอนสุดท้ายโดยไม่นึกเสียดาย อยากจะกำจัดต้นกำเนิดหาวจื้อที่ถูกลักลอบออกจากนรกในครั้งนี้ให้สิ้นซาก แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วต้นกำเนิดเหล่านี้จะถูกคนกลุ่มนี้จัดการ ก็ยังดีกว่าเร่รอนอยู่ข้างนอกอย่างนี้
หลักการนี้ ก็เหมือนกับทุกประเทศมีอาวุธนิวเคลียร์แล้วจะปลอดภัย หรือถ้าอยู่ในมือของอันธพาลทั้งห้าคนจะปลอดภัยกว่ากันแน่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้การเคลื่อนไหวของโจวเจ๋อแสดงให้เห็นชัดเจน เขาไม่อยากไล่ล่าตามล้างตามเช็ดอีกต่อไป เขาแค่อยากฆ่าลามันเสียตรงนี้
อันที่จริง เกิงเฉินก็เดาถูกแล้ว
หาวจื้อสารภาพแล้วว่าต้นกำเนิดของมันถูกใครบางคนแทนที่ไปสองส่วน สวรรค์รู้ว่าทั้งสองส่วนนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่ อีกทั้ง เมื่อตกอยู่ในสถานกาณ์นั้นหาวจื้อก็ไม่น่าจะโกหกอะไรได้ อีกฝ่ายหวาดกลัวเจ้าโง่จนถึงกับทำการแสดงตุ๋นตัวเองในหม้อ ยังจำเป็นต้องโกหกอีกหรือ
มันเหมือนกับการเล่นเกมทุ่งกับระเบิด เถ้าแก่โจวไม่อยากเสี่ยงโชค ส่วนต้นกำเนิดเร่ร่อนด้านนอกเหล่านั้นจะสร้างหายนะหรือไม่ ตราบใดที่ไม่ระเบิดในทงเฉิง อยากจะระเบิดในเมืองอื่นๆ ที่เหลือก็ตามแต่ใจเลย
“คุยกันก่อนไม่ได้หรือ” เกิงเฉินถาม
“ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของแกกับอันปู้ฉี ฉันจะไม่ฆ่าแกก็ได้ ฉันแค่ต้องการต้นกำเนิดหาวจื้อในตัวแก แค่ส่งมันให้ฉันแกก็จะเป็นอิสระ”
“ถ้าข้าปฏิเสธเล่า”
หากไร้ต้นกำเนิดนี้ ต่อให้เกิงเฉินอยากไปตามหาคนอื่นๆ เองหรือรายงานข้อมูลให้ใครในยมโลกทราบก็ทำไม่ได้แล้วเช่นกัน
“เจ้าเข้าใจอะไรบางอย่างผิดแล้ว”
โจวเจ๋อส่ายหน้าและพูดต่อ “ฉันแค่มาบอกแก ไม่ได้มาถามความเห็นของแก”
พูดจบ โจวเจ๋อก็เอื้อมมือไปคว้าทารกที่อยู่ตรงหน้าเขา ตัดสินใจแก้ไขปัญหาฉับพลัน ตุ๋นขาหมูให้เจ้าโง่อีกตัว บำรุงให้เขาหน่อย จากนั้นเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว ต่อไปก็พักผ่อนสองสามวันก็ไปหาอาจารย์ของสวี่ชิงหล่างได้แล้ว มอบความตายให้อาจารย์ของเขา ยุติความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์
ทันใดนั้นร่างของทารกก็กระโดดออกไป และในขณะเดียวกัน สายสีดำอัดแน่นปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของโจวเจ๋อ
“ซี๊ด…” ฝามือโจวเจ๋อชาวาบ
ครู่หนึ่ง เขาดันปล่อยให้ทารกหนีผ่านหน้าเขาไปจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจร่วมมือแล้ว
ที่จริง โจวเจ๋อก็ค่อนข้างเข้าใจเขา แต่ในโลกนี้ ความถูกผิดที่แท้จริงมีน้อยมาก คนส่วนใหญ่ชั่งความถูกผิดโดยตัดสินจากตำแหน่งที่ตนเองนั่ง เถ้าแก่โจวก็เป็นคนหยาบคายเช่นกัน และไม่อาจละจากความหยาบคายไปได้
ทนายอันอ้าปาก เขาอยากเอ่ยเรียกเกิงเฉิน อย่าหนีเลย เป็นเด็กดีเชื่อฟังเถอะ ครั้งนี้เถ้าแก่เด็ดขาดมาก แถมครั้งนี้เถ้าแก่จะออกโรงเองซึ่งมันต่างกับการจับหัวหมูก่อนหน้านี้
แต่ทว่า เมื่อคำพูดมาจุกที่ปากก็กลืนมันลงไปอีกครั้ง
จะว่ายังไงดีล่ะ พูดไม่ออกนี่นา
นี่มันฟังดูเหมือนนักแปลกองทัพหุ่นเชิดในหนังต่อต้านญี่ปุ่นที่ไปชักชวนกองทัพลู่ที่แปดให้ยอมจำนน กองทัพจักรวรรดิขอให้ข้าฝากข้อความถึงเจ้า…จากนั้นก็ถูกปฏิเสธตัดบทและถูกปิดโมเสกเบลอ ‘ความอับอาย’ บนหน้าตัวเอง ตื่นเต้นดีไหมล่ะ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่นี่ ทำให้อิงอิง สวี่ชิงหล่างและคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนั้นรับมือไม่ทันเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้โจวเจ๋อบอกแค่ว่าจะไป ไม่ได้พูดเรื่องอื่น ทุกคนจึงไม่คาดคิดว่าจะลงมือต่ออีก
สวี่ชิงหล่างเริ่มจัดวางค่ายกลใหม่ เดดพูลก็เตรียมหว่านเถาวัลย์ใต้ดินอีกรอบ แม้แต่พวกสาวน้อยโลลิก็ยังพากันหยิบธงค่ายกลขึ้นมา
แต่ทว่า ทันทีที่เริ่มทำงาน แผงขายของเพิ่งตั้งขาย ทุกคนอดหยุดสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ไม่ได้ เพราะเถ้าแก่พุ่งออกไปแล้ว
ปลาเค็มตัวหนึ่งสามารถนั่งตำแหน่งเถ้าแก่อย่างโดดเด่นโดยไม่ขยับตัว นอกจากจะละทิ้งสิ่งที่เรียกว่าเสน่ห์เฉพาะตัวและเหตุผลการประจบประแจงอย่างนี้แล้ว สาเหตุพื้นฐานที่สุดและเลี่ยงไม่ได้อย่างหนึ่งคือเพราะไม่มีใครเอาชนะเขาได้
แต่ตอนนี้ ในเมื่อเถ้าแก่ออกโรงเองแล้ว คนอื่นก็ไม่ต้องทำงานแล้วนะสิ
เมื่อทารกเห็นโจวเจ๋อกระโจนเข้ามา มือน้อยนุ่มนิ่มเริ่มประสานผนึก ในชั่วขณะหนึ่ง กำแพงอากาศก่อตัวขึ้น เพียงแต่ เมื่อกำแพงอากาศอยู่ต่อหน้าโจวเจ๋อมันดันใช้การไม่ได้ เพียงพริบตาเดียวก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว
การปะทะก่อนหน้านี้ เกิงเฉินเสียหุ่นเชิดที่ตัวเองสร้างไว้หลายตัวตั้งแต่กลับคืนสู่แดนมนุษย์ ทำให้ตอนนี้ต่อให้เขาอยากจะใช้พลังของตัวเองทำอะไรสักอย่าง ถ้าไม่มีพาหนะดีๆ ก็ไม่อาจที่จะทำงานให้ดีได้
เขาถอนหายใจเฮือก ดูเหมือนจะลังเลอยู่ แต่เมื่อเห็นโจวเจ๋อใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ยกนิ้วขึ้นอีกครั้ง รัศมีสีดำปรากฏขึ้น เป็นสัญญาณว่าจะเรียกหาวจื้อออกมาอีกรอบ
โจวเจ๋อหยุดและจ้องมองไปที่ทารกที่อยู่ตรงหน้า
“ปล่อยข้าไป!” ไม่เช่นนั้นจะสู้ให้ตกตายตามกันไป!
ในมุมมองของเกิงเฉิน หัวหมูหาวจื้อก่อนหน้านี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด พอมันตกอยู่ภายใต้วงล้อมของทุกคนในร้านหนังสือแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าต้นกำเนิดส่วนนี้ของเขาจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้จริงๆ แม้ว่าจะฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายมีคนได้รับบาดเจ็บตอนนี้ก็ตาม แต่อย่างน้อยๆ มันก็เป็นชัยชนะที่น่าละอาย
แต่เขาก็ยังรู้สึกว่า เขาสามารถอาศัยพลังของหาวจื้อหนีไปได้ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้วางค่ายกลก็ขังเขาเอาไว้ไม่ได้!
เหตุผลที่เขายังคงลังเลก็เพราะไม่อยากให้ส่วนต้นกำเนิดที่ถูกเขาปิดผนึกไว้ตื่นขึ้นจนสูญเสียการควบคุมในท้ายที่สุดโดยสิ้นเชิง จนถึงตอนนั้นจากที่เขาอยากจะขจัดภัยพิบัติจะกลายเป็นผู้เริ่มภัยพิบัติเสียเอง
โจวเจ๋อส่ายหัวโดยไม่ลังเลและพูดขึ้น “ขอโทษ”
แกไปได้ แต่ต้นกำเนิดส่วนนั้นในร่างแกต้องอยู่!
ดังนั้นในเวลานี้ โจวเจ๋อก็ยังตระหนักได้ชัดเจนว่าเหมือนคนอย่างทนายอันจะดูน่ารักกว่าทารกที่อยู่ตรงหน้า น่านับถือ แต่ก็น่ารำคาญนิดหน่อยเหมือนมันเหนียวเคี้ยวไม่ขาดจริงๆ
“ข้าจะพยายามควบคุมมันอย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยให้มันหลุดจากพันธนาการของข้าไป แล้วข้าก็จะอยากจะเห็นว่าเจ้าจะขัดขวางข้าได้หรือไม่”
รัศมีสีดำเหนือศีรษะเด็กชายเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายของหาวจื้อกลับมาอีกครั้ง!
โจวเจ๋อก็หลับตาลงเช่นกัน มาเลย ทุกคนมาเล่นเรียกอสูรด้วยกัน ทุกคนล้วนเป็นผู้เรียกอสูร
“สามารถตัดการเชื่อมต่อระหว่างต้นกำเนิดนี้กับโลกภายนอกได้ไหม” โจวเจ๋อถามในใจ
“ได้…”
“แล้วทำไมเมื่อก่อนแกถึงบอกว่าเปิดเผยตัวตนไม่ได้” โจวเจ๋อถาม
จำได้ว่าตอนแรกที่ให้เจ้าโง่นี่ออกโรง เจ้าโง่ยังบอกว่าตัวตนอาจจะถูกเปิดเผยเพราะเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
“เมื่อ…ก่อน…ไม่…ได้…”
โจวเจ๋อเข้าใจว่าหลังจากกลืนหัวหมูแล้ว บางทีอาจจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าอกเจ้าโง่ดูผายขึ้นเช่นกัน เมื่อก่อนเรื่องที่ทำไม่ได้ ตอนนี้มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถทำได้แล้ว
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ โจวเจ๋อก็โล่งใจและพูดตรงๆ “งั้นต่อไปก็ส่งต่อให้แกนะ แกไม่ใช่เด็กน้อยแล้วก็ต้องเรียนรู้หยิบเอาอาหารด้วยตัวเอง”
เจ้าโง่ไม่ตอบ แต่โจวเจ๋อกลับรู้สึกถึงพลังที่คุ้นเคยค่อยๆ ผุดออกมา แม้แต่จิตสำนึกของตัวเองก็กำลังถูกบีบรัด โจวเจ๋อไม่ขัดขืน เลือกถอยและส่งต่อร่างตัวเองให้อิ๋งโกวทันที
ครู่ต่อมา
โจวเจ๋อลืมตาขึ้น แสงแวววาวสีแดงกระพริบ ความกดดันอันน่าเกรงขามทะลักออกมา!
ทนายอันประสานนิ้วและรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยพลางพึมพำกับตัวเอง “ทุกครั้งที่เถ้าแก่ใหญ่ปรากฏตัว มันน่าตื่นเต้นมาก รู้สึกเหมือนชีวิตมีอนาคตสดใสในทันใด”
ร่างเด็กชายเริ่มสั่นสะท้านและพึมพำ “บรรพบุรุษ”
คนที่ตกใจที่สุดคือเกิงเฉิน เมื่อกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนี้ปรากฏขึ้น เกิงเฉินรู้สึกราวกับว่าโลกทัศน์ของเขาพังทลายลง สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวแบบไหนที่สามารถครอบครองแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวได้เช่นนี้!
เสียดาย เมื่อครึ่งปีก่อนตอนที่โจวเจ๋อและเจ้าโง่ฝ่านรกไปด้วยกัน เขาดันถูกส่งไปดินแดนผนึกสุดตะวันตกก็เลยไม่ทันได้ดูการแสดงดีๆ
โจวเจ๋อขยับตัวแล้ว ตรงไปตรงมาและเรียบง่ายมาก ไม่มีสงครามชักเย่อไปมาเหมือนตอนที่ทุกคนในร้านหนังสือตระเตรียมค่ายกลก่อนหน้านี้ แต่กลับเดินเข้าไปใกล้ด้านหน้าเกิงเฉินแทน ขณะเดียวกัน แหวนทองสัมฤทธิ์จากหมู่บ้านซานเซียงที่โจวเจ๋อสวมอยู่บนปลายนิ้วพลันเปล่งประกายออกมา ปกคลุมสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างสมบูรณ์!
แยกตัว ปิดบังหลบซ่อนกลิ่นอายของตัวเอง เหมือนสวมหน้ากากไว้ ต่อมาก็ทำตามอำเภอใจโดยไม่ต้องเกรงกลัวใครแล้ว และมันก็ทำได้จริงๆ ก่อนหน้านี้เกิงเฉินเพียงแค่เปิดแสงรัศมีขนาดเล็กๆ แต่โจวเจ๋อกลับจับขอบแสงรัศมีด้วยมือเดียวและกระชากมันออกอย่างรุนแรง!
‘แควก!’
แสงรัศมีฉีกทึ้งออกทันที จากนั้นกีบหมูขนปุกปุยตัวใหญ่มุดออกมาจากข้างใน ตรงกลางขาหมูมีตาข้างเดียวและปากเล็กกระจิดริดมาก ดูตลกและแปลกประหลาดสุดๆ
เกิงเฉินเย็นวาบในใจ แย่แล้ว มันออกมาแล้ว ความหายนะกำลังจะเกิดขึ้น…
แต่ทว่า ฉากต่อมาทำให้เกิงเฉินพลันตกตะลึงทันที ในสายตาของเขา มือขนปุกปุยข้างนั้นของร่างแปลงความหายนะถูกเถ้าแก่ร้านหนังสือตรงหน้าคนนี้รีบจับเอาไว้อย่างอดทนรอไม่ไหว จากนั้นกัดมันลงไปไม่ชักช้าแม้แต่วินาทีเดียว
‘กึด!’
จิตวิญญาณฉีกขาด เนื้อเลือดสาดกระเซ็น ฉากนี้นองเลือดและรุนแรงมาก
“อ๊ากกกกกก ท่านเองหรือ!!!!!”
เสียงคำรามน่าสะพรึงกลัวดังมาจากขาหมูตัวใหญ่ เห็นชัดว่าต้นกำเนิดนี้เหมือนกับหัวหมูก่อนหน้านี้และจำตัวตนที่แท้จริงของโจวเจ๋อได้อย่างรวดเร็ว!
‘กึด!’
กลืนคำที่สองลงไปอย่างไม่ลังเล!
ไกลออกไป
เมื่อทนายอันเห็นฉากนี้ก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวและพูดกับสวี่ชิงหล่างข้างกาย “หรือว่าเย็นนี้จะกินขาหมูกันดีไหม จู่ๆ ก็อยากกินน่ะ”
สวี่ชิงหล่างพยักหน้าและพูดว่า “ได้”
ตอนที่เกิงเฉินตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นั้น เสียงร้องคำรามจากขาหมูดังคมชัดขึ้นอีกครั้งโดยไร้ซึ่งความโกรธหรือโมโหรุนแรง โดยคาดไม่ถึงว่ามีแม้กระทั่งคำสอพลอฉอเลาะ
“ท่านกินช้าๆ หน่อย อย่าสำลักเชียว อย่าสำลัก…”