ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 837 ลอบฆ่า!
ตอนที่ 837 ลอบฆ่า!
……….
“ตำแหน่งนี้เงียบสงบทีเดียว” เจิ้งเฉิงปิดประตูรถ มองเรือนสี่ประสานหลังเล็กๆ ด้านหน้าพลางทอดถอนใจ
ทนายอันลงรถเช่นกัน โยนก้นบุหรี่ลงพื้นและใช้เท้าขยี้ “คนตายไปก็ไม่สงบสุขแล้ว”
“คุณพูดผิดแล้ว คนไม่ตายต่างหากที่โหกเหวกส่งเสียงดัง คนตายสิถึงจะได้อารมณ์” เจิ้งเฉียงพูดแย้ง
เจิ้งเฉียงใช้คำพูดสุภาพกับทนายอัน จริงๆ แล้วเหตุผล นั้นง่ายมาก ตอนแรกเริ่มทนายอันช่วยโจวเจ๋อเก็บน้องๆ พวกเขาล้วนเคยโดนเขาซ้อมน่วมมาก่อน
ทนายอันชำเลืองมองเจิ้งเฉียง แอบคิดว่าเจ้าหมอนี่วางตัวดีมาก และไม่เคยมองว่าตัวเขาเองมีชีวิตเลย มิน่าจะอยู่มาจนถึงตอนนี้ถึงได้เป็นแค่ยมทูตตัวกระจ้อย
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทลุ่มเมืองหรูเกา แต่ไม่ถึงกับห่างไกล พื้นที่ชนบทฝั่งทงเฉิงก็มีการคมนาคมที่สะดวกมากเช่นกัน หากขับรถออกไป สถานที่ส่วนใหญ่จะไปถึงกลางเมืองที่ใกล้ที่สุดได้ภายในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่สิ่งที่อยู่ด้านหน้าทุกคนในเวลานี้คือเรือนสี่ประสานเล็กๆ หลังหนึ่ง เมื่อเทียบกับเรือนสี่ประสานเมืองเก่าปักกิ่งมันก็ดูเล็กไปถนัดตาจริงๆ
ด้านหน้าเป็นกำแพงและประตูเหล็ก ส่วนสองฝั่งน่าจะเป็นห้องนอน ตรงกลางเป็นห้องรับแขก เทียบเท่ากับรูปแบบบ้านที่มีขนาดสองห้องนอนกับหนึ่งห้องรับแขกแบบชนบทดั้งเดิมที่ล้อมรอบเป็นวงกลม
ทนายอันไม่ได้เคาะประตู แต่โบกมือให้เยว่หยาที่อยู่ข้างๆ เปิดประตูแทน
เยว่หยาคายเข็มเงินจากปาก คลิกไม่กี่ครั้งก็ปลดล็อกประตูเหล็กได้และผลักประตูเข้าไป มีต้นผลไม้สองต้นปลูกอยู่ข้างใน แต่ในฤดูกาลนี้ไม่มีสีเขียวอะไรให้เห็นจึงเป็นกิ่งไม้ล้วนๆ
มีศาลาเล็กๆ กลางลานบ้าน สองฝั่งข้างศาลามีสระอาบน้ำ โต๊ะและเก้าอี้หินสร้างไว้ในสระ
สามารถจินตนาการได้ว่าแช่ตัวในสระน้ำพุร้อนใต้ต้นผลไม้ ดื่มชา และฟังเพลงในปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อนจะน่ารื่นรมย์แค่ไหน พร้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์และการจัดตกแต่งอื่นๆ ของที่นี่ล้วนประณีตและคลาสสิก สะท้อนความสำเร็จรสนิยมด้านสุนทรียศาสตร์ระดับสูงมากๆ ของเจ้าของบ้าน
“สถานที่เล็กๆ แห่งนี้ดีจริงๆ” เจิ้งเฉียงกล่าวชม “อันที่จริงพูดจากใจ ในฐานะเป็นคนธรรมดาแล้ว หากไม่มีบ้านในพื้นที่โรงเรียน ไม่มีความกดดันด้านอื่นๆ การใช้ชีวิตในกรงนกในเมืองไม่สะดวกสบายเท่าอาศัยในบ้านสร้างขึ้นเองในชนบทด้วยซ้ำ เอาเป็นว่า ถ้าผมอยู่คนเดียวละก็ ว่างๆ เบื่อๆ ก็เรียกสาวๆ มาสักสองคน แช่น้ำด้วยกัน คุยกันเรื่องสัพเพเหระด้วยกัน เหอะๆ ใช้ชีวิตน้อยๆ ได้สุขสมจริงๆ”
“ก็ไม่แน่นะ”
เยว่หยาเปิดประตูบานเลื่อนในห้องนอนห้องข้างๆ พลางชี้ไม้แขวนเสื้อข้างกายและพูด “ผู้ชายก็มีศีลธรรมเหมือนกันหมดไม่ใช่หรือไง”
บนไม้แขวนเสื้อแขวนไปด้วยเสื้อผ้าเซ็กซี่หลากหลายชนิดแถมแบ่งออกเป็นหลากหลายอาชีพอีกต่างหาก
ทนายอันตบหน้าผากตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ เขาก็ไม่คิดว่าชายที่สุขุม จิตใจสะอาดผ่องใสมาโดยตลอดจะเล่นสนุกลับหลังขนาดนี้เลยจริงๆ
ทุกครั้งมักจะชอบพูดแรงบันดาลใจของชีวิตกับเขา ชาติก่อนผู้ชายคนนี้เป็นนักการศึกษาสาธารณรัฐจีน ไม่ใช่คนมีชื่อเสียงมาก แต่ก็นับว่าเคยอยู่ในแวดวงเดียวกับคนมีชื่อเสียงพวกนั้น
ดูเหมือนสันดอนขุดได้ แต่สันดานขุดยากสินะ
หลิวฉู่อวี่เดินออกมาจากห้องนอนอีกฝั่งและส่ายหน้าบ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่ข้างใน
ห้องนั่งเล่นหันหน้าไปทางประตู เป็นหน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานทั้งหมด สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในจากสนามได้ชัดเจน
“หรือว่าไม่อยู่บ้าน” เจิ้งเฉียงถาม
ทนายอันส่ายหน้าพูด “เมื่อชีวิตตกอยู่ในอันตราย ที่ไหนจะปลอดภัยกว่าบ้านตัวเองล่ะ” ขณะที่พูด ทนายอันก็โบกโทรศัพท์มือถือตัวเองแล้วบอก “เขาส่งข้อความให้ผมก่อนหน้านี้ บอกว่ามีคนต้องการฆ่าเขา”
ได้รับข้อความนี้ช่วงเย็นๆ แต่พอทนายอันโทรกลับ ดันโทรไม่ติดนี่สิ
ส่วนที่รีบขับรถมาตลอดทาง จริงๆ แล้วทนายอันไม่ได้หอบความหวังมากมายว่าจะช่วยชีวิตได้ทันเวลาหรอก แต่อยากรู้ว่าลักษณะของเรื่องนี้เป็นอย่างไรเสียมากกว่า
“หา ตามหาให้ละเอียด ตามหาทุกซอกทุกมุม อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องพบศพ!”
เยว่หยาและยมทูตทั้งสามพยักหน้าและเริ่มรื้อค้นหาใหม่อีกครั้ง
ส่วนทนายอันเดินเข้าไปยืนในศาลา ไม่ใช่เพราะเขาแอบขี้เกียจ แต่รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าศาลาหลังนี้ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย
แต่ทว่า เขายืนสังเกตโดยละเอียดอยู่ข้างใน กลับไม่พบสิ่งใดเป็นพิเศษ
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที พวกเยว่หยาก็ออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่พบอะไรเลย
“ผมเอาไม้แขวนเสื้อล้วงกระซวกชักโครกดูแล้ว ก็ไม่มีอะไรติดออกมา” เจิ้งเฉียงพูด
“ลูกค้าของคุณมีความสามารถระดับไหน” เจิ้งเฉียงถาม
ความสามารถของลูกค้าที่ลักลอบหนีจัดว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง บางคนก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา กระทั่งอ่อนแอและป่วยง่ายยิ่งกว่าคนธรรมดา บางคนก็แข็งแกร่งและน่ากลัวยิ่งกว่ายมทูตเสียอีก
แน่นอนว่าอย่างหลังเป็นส่วนน้อย อย่างแรกถึงจะเป็นส่วนใหญ่น่ะ ถึงอย่างไร สำหรับวิญญาณมากมายในนรกแล้ว แม้ว่าจะต้องเอาตัวรอดอยู่ในแดนมนุษย์ต่อไป แต่ก็ยังดีกว่าการอยู่ในความมืดมิดของนรก กระทั่งยินดีจ่ายราคามหาศาลเพื่อมันด้วยซ้ำ
หลังจากผู้ลักลอบหนีเหล่านั้นเข้าสิงร่างแล้วจะมีความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวมาก มักจะมีความผิดแผกกว่าปกติในหมู่มนุษย์ด้วยกัน
“เมื่อกี้ผมก็พูดไปแล้วนี่ ผมเจอ เอ่อ…” ทนายอันชี้ไปที่แถวๆ เสื้อผ้าอาชีพต่างๆ ที่แขวนอยู่ในห้องตรงนั้น “หมอนี่น่ะ พูดมากหน่อยก็เหนื่อยหอบและไอเป็นเลือดด้วยซ้ำ ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะ…”
“ชีวิตสั้นเลยหาความสุขใส่ตัวน่ะสิ” เยว่หยาพูดอย่างขอไปที
มีแค่คนที่เคยประสบความเจ็บปวดทรมานจากนรกจริงๆ เท่านั้น ถึงจะเข้าใจความหมายที่ว่า ‘ชีวิตมันสั้น มีความสุขดีกว่า’ ได้อย่างแท้จริง เพราะพวกเขาตระหนักว่าความตาย ไม่ใช่การบรรเทาทุกข์และการสิ้นสุดอีกต่อไป แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการทรมานรอบใหม่
“เอาล่ะ ไม่รู้ว่าเขาตายอยู่ตรงไหนเหมือนกัน สรุปว่า ระยะนี้ไม่ค่อยสงบสุขนัก ช่วงปกติพวกคุณก็อยู่ใกล้ๆ ร้านหนังสือเข้าไว้อย่าเตลิดไปไกล”
การพังทลายของกฎระเบียบยมโลก ไม่ได้หมายความว่าพวกยมทูต ผู้จับกุม ผู้ตรวจสอบที่อยู่ภายใต้ในระเบียบนี้แต่เดิมจะได้รับอิสระมากขึ้น ขณะเดียวกันยังหมายความว่า ‘ภายใต้รังที่พลิกคว่ำใช่ว่าไข่ทั้งหมดจะแตก’
ทุกคนเดินกลับ ขณะที่กำลังจะออกประตูไป ทนายอันก็หยุดชะงักฝีเท้าอีกครั้งและหันหน้ากลับไปมองศาลาข้างหลังพลางชี้แล้วพูดกับยมทูตทั้งสามข้างๆ เขาว่า “พวกคุณไม่รู้สึกว่าศาลานี้มันมีอะไรพิเศษเหรอ”
ยมทูตทั้งสามมองศาลาอย่างพิจารณาพร้อมกันและไม่มีใครพูดอะไร
ครู่หนึ่ง เยว่หยาขมวดคิ้วและพูด “นอกจากดูใหม่นิดหน่อยแล้ว ก็ไม่มีอะไรพิเศษนะคะ”
“ใหม่เหรอ” ทนายอันอึ้งไป จากนั้นเข้าใจในทันที จึงรีบเดินกลับเข้าข้างในศาลาอีกครั้งพลางเอื้อมมือออกไปแตะเสาไม้
สีแดงดูสดใหม่มากจริงๆ แต่ดันไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบๆ เลยสักนิด เมื่อเทียบดูจากความประณีตของเรือนสี่ประสานแห่งนี้แล้ว แบบร่างจะต้องแก้ไขปรับเปลี่ยนอย่างดีมากๆ ก่อนก่อสร้าง และไม่น่าจะมีอาคารก่อสร้างใหม่เพิ่มเข้ามาในภายหลัง
ทนายอันวางมือบนเสา
‘พรวด’
ลื่นมาก!
ทนายอันเงยหน้าขึ้นทันใด เอามือวางบนเสาอีกครั้งและเริ่มถูไถ
เจิ้งเฉียงก็เอื้อมมือออกไปและเลียนแบบท่าทางของทนายอันแตะเสาอีกต้นหนึ่งแล้วอุทาน “เป็นขี้ผึ้งชนิดไหนกันถึงได้ลื่นกว่าขาสาวๆ อีกเนี่ย”
ทนายอันชักมือกลับและหันมา เอานิ้วโป้งเข้าปากและดูดมัน
เจิ้งเฉียงก็เลียนแบบการกระทำนี้เช่นกัน เอานิ้วเข้าปากแล้วดูด กลิ่นหอมฉุนฟุ้งไปทั่วทั้งปากทันที
หอมมาก อร่อยมาก ไม่เลี่ยนเลยสักนิด
“รสชาติเป็นไง” ทนายอันถามเจิ้งเฉียง
“หอมมาก กลิ่นหอมน่ากินมาก”
ทนายอันเอานิ้วเข้าปากแล้วดูดนิ้วอีกรอบ เจิ้งเฉียงทำตามเช่นกัน
ครู่หนึ่ง
ทนายอันถามอีกครั้ง “ยังมีกลิ่นอะไรอีกไหม”
“ไม่มีแล้ว นี่ขี้ผึ้งร้านไหน”
เจิ้งเฉียงคิดว่า น่าเสียดายที่บริษัททำขี้ผึ้งไม่เปลี่ยนมาทำรสน้ำมันสลัดหรือข้าวไก่ตุ๋น
“ฮู่ว…” ทนายอันถอนหายใจโล่งอก แล้วชี้หลิวฉู่อวี่สลับกับชี้หลังคาและพูด “คุณขึ้นไปดูหน่อยสิ”
หลิวฉู่อวี่พยักหน้า ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถอยออกไปนอกศาลา จากนั้นมือเท้ารีบปีนป่ายขึ้นไปบนยอดศาลาอย่างรวดเร็ว
“ทักษะนี้ทำไมถึงไม่ไปคณะละครสัตว์เนี่ย” เจิ้งเฉียงพูดเหน็บแนม
ทนายอันเหลือบมองเขาแล้วรู้สึกว่าเขาคิดผิดเกี่ยวกับเจ้าหมอนี่ในตอนแรก ทำไมไอคิวต่ำขนาดนี้กันนะ
เฮ้อ
ตอนนั้นในหมู่ลูกน้องของเขายังมีเฝิงซื่อเอ๋อร์หนึ่งคน
แต่ลูกน้องของเถ้าแก่นี่…
ดูเหมือนจะไม่ถูกนะ
ร่างเฝิงซื่อเอ๋อร์ผุดขึ้นในหัวของทนายอัน จากนั้นก็ผุดร่างของสาวน้อยโลลิข้างๆ ที่ข้างกายสาวน้อยโลลิยังจูงร่างของเด็กชายไว้ด้วย เฝิงซื่อเอ๋อร์เริ่มต่อสู้ปะทะกับเด็กชาย จากนั้นเฝิงซื่อเอ๋อร์ก็เริ่มได้เปรียบช้าๆ
ทนายอันหัวเราะ ก็ยังเป็นเฝิงซื่อเอ๋อร์ที่เยี่ยมยอดอยู่ดี!
แต่ไม่นานนัก ร่างเหล่าจางผุดขึ้นในหัวทนายอัน ต่อยเฝิงซื่อเอ๋อร์กระเด็นออกไปทันที…
ฮู่ว…
ทนายอันยอมแล้ว จับห้ารางวัลในนั้น มีสามเหรียญทองแดง หนึ่งเหรียญเงิน ลูกเขยเต่าทองคำ บวกกับเหรียญราชาอีก ไม่ว่าจะคำนวณยังไงก็ไม่ขาดทุนใช่ไหมล่ะ
“บ้าฉิบ!” เสียงอุทานของหลิวฉู่อวี่ดังมาจากด้านบนศาลา
ทนายอัน เยว่หยาและเจิ้งเฉียงทั้งสามคนรีบเดินออกไปนอกศาลาและมองขึ้นไป
การออกแบบยอดศาลาสไตล์จีนเป็นชายคาโค้งขึ้นยื่นออกไปทุกด้าน อีกอย่างที่นี่เป็นเรือนสี่ประสานราบเรียบ ดังนั้นในลานนี้จึงมีพื้นที่ส่วนกลางของยอดศาลาจึงเป็นจุดบอด
“มีอะไร” ทนายอันถาม
หลิวฉู่อวี่หายใจเข้าลึกๆ เขาชูศีรษะมนุษย์ที่เหลืออยู่หนึ่งในสามในมือขึ้นสูงและพูด “ตรงนี้ยังมีเสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้าและหัวคนอีกนิดหน่อย
“หัวคนเหรอ” ทนายอันถาม
“ใช่ครับ ดูเหมือนศพเกือบละลายจนหมดแล้ว เหลือแค่นิดเดียวเอง”
ศพละลายหรือ
เสาเรียบลื่นหรือ
หอมหวานหรือ
จู่ๆ เจิ้งเฉียงก็รู้สึกกระตุกในท้อง แทบทนไม่ไหวจะอ้วกออกมา จากนั้นหันมามองทนายอันด้วยสีหน้าเศร้าสลด เขาอยากได้คำปลอบใจจากทนายอันว่า ‘หัวอกเดียวกัน’ เหล่านั้น
เมื่อกี้ตัวเองเพิ่งเลียกิน…น้ำมันศพไป!
“คุณมองผมทำไม” ทนายอันมองเจิ้งเฉียงแปลกๆ เล็กน้อยพร้อมกับสีหน้ารังเกียจ
อี๋ เมื่อกี้หมอนี่กินไอ้นั่นจริงๆ ด้วย หนีให้ห่างหน่อย!
“คุณก็กินด้วยสิ…”
ทนายอันได้ยินดังนั้นก็ยักไหล่และแบมือออกพลางเอ่ย “อ๋อ ผมใช้มือซ้ายลูบและดูดนิ้วขวาน่ะ”
“…” เจิ้งเฉียง
…………………………………………………………………..