ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 844 จมดิ่งถลำลึก
ตอนที่ 844 จมดิ่งถลำลึก
……….
สำหรับทนายอันแล้ว หากต่อสู้ละก็ การลุยเดี่ยวไม่มีอยู่จริง สู้เป็นกลุ่มได้ถึงจะดีที่สุด หากสู้เป็นกลุ่มไม่ได้ก็ต้องสร้างเงื่อนไขให้สามารถต่อสู้แบบกลุ่มให้ได้
อันที่จริง ตอนนี้มันค่อนข้างรังแกคนอื่นอยู่หน่อยๆ การปะทะในด้านพลังจิตลวงตา ทุกคนล้วนตกอยู่ในสภาวะจนมุมไม่ต่างกัน
แต่ทว่า ทนายอันกลืนยาอายุวัฒนะของจิ้งจอกขาวไป ในร่างกายจึงเหลือจิตสำนึกส่วนหนึ่งของจิ้งจอกขาวอยู่บ้าง เดิมทีต้องขัดเกลาจิตสำนึกเหล่านี้ก่อนเพราะถือเป็นปัจจัยที่ไม่มั่นคงและต้องกำจัดมันก่อน ถึงจะเป็นการดำเนินการขั้นพื้นฐาน แต่ทนายอันไม่ได้ทำอย่างนั้น ในแง่หนึ่ง ทำอย่างนี้มันเสียเวลานิดหน่อย เขาทำใจไม่ได้ เขาที่เชี่ยวชาญพลังจิตมีจิตสำนึกจิ้งจอกขาวหลงเหลืออยู่ในร่างกาย เป็นดั่งเสือติดปีก
ส่วนอีกแง่หนึ่ง เป็นเพราะจิ้งจอกขาวก็อยู่ในร้านหนังสือเช่นกัน อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้นๆ เว้นแต่เถ้าแก่จะตายกะทันหัน ไม่อย่างนั้นจิ้งจอกขาวจะไม่ตกอยู่ในอันตรายซ้ำแล้วซ้ำอีก จิตสำนึกส่วนหนึ่งของนางเหลืออยู่ในร่างกายเขา ปัจจัยเสี่ยงไม่สูงนัก ทั้งยังสามารถเป็นผู้ช่วยของเขาอีก เยี่ยมทีเดียว
ขณะนี้เอง เงาของจิ้งจอกขาวคำรามแผดเสียงคำรามกระโจนไปข้างหน้าสร้างแรงกดดันมหาศาล
อาเผิงแยกจิตสำนึกส่วนหนึ่งไปสกัดกั้น แต่ทว่า ทนายอันฉวยโอกาสนี้รุกโจมตีอีกครั้ง การปะทะทางจิตกำลังรอช่องโหว่นี้อยู่จริงๆ
‘วืด!’ ด้านหน้าอาเผิงพลันดำมืด จากนั้นสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง
เขาในเวลานี้อยู่บนถนนสายเก่า เสื้อผ้าที่คนรอบตัวสวมใส่ล้วนเป็นสไตล์สมัยสาธารณรัฐจีนจัดจ้าน ด้านหน้าเป็นหอหมื่นบุบผา มีผู้หญิงจำนวนมากมายออกมารายล้อมยืนเรียกลูกค้าหน้าประตูทางเข้า
ที่นี่ไม่นับว่าเป็นสถานที่ระดับสูง อันที่จริงแม้ว่าจะใช้เวลาราวหลายร้อยปี สถานที่แห่งนี้กำหนดสูงต่ำอย่างชัดเจน
ในสมัยโบราณมีหญิงโสเภณีขายตัวไม่ได้ขายงานศิลปะ หลังจากได้รับความนิยมและดึงดูดสายตามากพอแล้ว ยังมีหญิงโสเภณีในซ่องเปลื้องผ้าเปลือยกายพิงราวประตูโพสท่ายั่วยวน
ปัจจุบันนี้ก็ยังมีหินสลักอีกมากมายในสวนสาธารณะประชาชนหรือตรอกซอกซอยเก่าแก่ ขณะเดียวกันยังมีสิ่งที่เรียกว่าวงแหวนชั้นนอกในสถานที่ระดับสูงอีกด้วย
สีหน้าอาเผิงพลันขรึมลงถนัดตา เขาจดจำที่แห่งนี้ได้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางลืมสถานที่แห่งนี้ได้ลง สมัยนั้นเขาติดหนี้การพนันจึงขายภรรยาของตัวเองให้ที่นี่
เขารู้ว่าตัวเองเสียเปรียบและติดกับดักที่ทนายอันวางไว้เรียบร้อย เขาไม่ตื่นตระหนก ในทางตรงกันข้ามกลับดูนิ่งมาก
สิ่งแรกที่ต้องทำคือรักษาอารมณ์ตัวเองให้คงที่ ห้ามปล่อยให้จุดบกพร่องของตัวเองขยายเพิ่มขึ้น เนื่องจากคู่ต่อสู้คืออันปู้ฉี อาเผิงยิ่งไม่กล้าเสี่ยงใดๆ สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือรอโอกาสทำลายภาพลวงตานี้ ขอแค่ตามหาก็จะต้องหาเจอแน่ๆ
ของปลอมอย่างไรก็คือของปลอม ในโลกนี้ ไม่มีภาพลวงตาของความสมบูรณ์แบบที่สมบูรณ์จนสับสนเข้าใจผิดกับของจริงได้!
รถลากสีเหลืองจอดที่ทางเข้าหอหมื่นบุบผา ทนายอันแต่งกายด้วยชุดชายหนุ่มมั่งคั่งลงจากรถลาก อาเผิงจ้องทนายอันตรงหน้าเขม็ง ทนายอันเอื้อมมือไปทักทายและขยิบตาให้เขา
“เหอะๆ”
อาเผิงแค่นหัวเราะในใจ เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงปล่อยให้ทนายอันใช้รูปลักษณ์ของเขาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้ ภาพลวงตาก็เหมือนกับความฝัน ต้องการความรู้สึกสะท้อนและความเข้าอกเข้าใจ และในตอนนี้เอง ในภาพลวงตานี้ ทนายอันปรากฏตัวเป็นตัวเขาเองซึ่งเป็นทางเลือกที่ทำลายความรู้สึกทดแทนสุดๆ
จริงๆ มันก็เหมือนกับการโกง หากโพล่งไปตรงๆ ว่าคนตรงหน้าเป็นคนโกหก ตามหลักการความน่าจะเป็นที่จะถูกโกงก็จะลดลงไปมาก
ในเวลานี้เอง หญิงสาวสวมชุดกี่เพ้าแหวกเดินออกมาจากประตูหอหมื่นบุบผา หญิงสาวทาแก้มแดงดูเหมือนขี้อายเล็กน้อย ระมัดระวังตัวและไม่ชินกับมันมาก มองปราดเดียวก็รู้ว่ามาใหม่ ยังปล่อยตัวตามสบายไม่ได้
อาเผิงกวาดตามองอย่างไม่สะทกสะท้าน
นี่เป็นภรรยาของเขา
ใช่แล้ว
นางเป็นตัวละครเอกในภาพลวงตานี้ ทุกสิ่งในที่นี้ จริงๆ แล้วออกแบบมาเพื่อนาง
“อันปู้ฉี เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป” อาเผิงตะโกนอย่างราบเรียบ
อันปู้ฉีโบกมือ “ใช่ที่ไหนกันล่ะ ข้าไม่ได้คิดจะใช้ภาพลวงตานี้ฆ่าเจ้าสักหน่อย เจ้าตายแล้ว เงินสักแดงก็ไม่เข้าบัญชีข้า ไร้ประโยชน์”
“ท่านชาย ท่านมาแล้วหรือ” แม่เล้าเข้ามาทักทายทนายอัน
จริงๆ แล้ว ทนายอันแสดงตามลักษณะนิสัยที่แท้จริงของเขา ชาติก่อนของเขาก็เป็นชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยในสมัยสาธารณรัฐจีนในอดีตแต่ครอบครัวล้มละลายมันเป็นเรื่องของอนาคต อย่างน้อยจนกระทั่งทนายอันอายุสามสิบมีชีวิตที่เรียกว่าสะดวกสบายและเพียบพร้อม
“เอาล่ะ ตรงนี้แหละ” ทนายอันชี้เท้าของเขา
จู่ๆ เด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งพรวดพราดออกมาจากด้านหลังรถลาก แบกเตียงและมุ้งลวดมาตั้งไว้บนถนน
อาเผิงหรี่ตาลงและหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ
“มาสิ เจ้านั่นแหละ มาเล่นกับข้าหน่อย ข้าจะร่วมรักเจ้าอย่างดีเลย” ทนายอันชี้หญิงสาวที่ระมัดระวังตัวตรงหน้าคนนั้น
ด้านหลังกี่เพ้าของหญิงสาวมีหางสีขาวโผล่มา แต่ยังรู้สึกลำบากใจและไม่เต็มใจก้าวไปข้างหน้าดังเดิม จนสุดท้ายถูกแม่เล้าและคนคุมซ่องผลักไปพร้อมกัน
“ญาติพี่น้องบ้านเกิด ท่านชายทั้งหนุ่มทั้งสูงวัย อย่าตะโกน อย่าร้อง อย่าโวยวาย พวกเจ้าทุกคนเป็นตัวปลอม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภาพลวงตา ของปลอมอย่าพากันเอะอะโวยวาย” ทนายอันท้าวสะเอวและตะโกน “แต่ข้าอยากเล่นด้วย คือว่าจังหวะทำนองนี้มันไม่ถูก วันนี้ข้าจะสอนให้พวกเจ้าที่นี่เอง!”
“อันปู้ฉี…” อาเผิงลืมตา เขาไม่โกรธและไม่โมโห เพียงแต่รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าแค่อยากทำให้ข้ารังเกียจขยะแขยงหรือ”
ทนายอันยืนเท้าสะเอวใส่อาเผิงและพูด “น่าเสียดาย ในสมัยนี้ข้าแปลงวิดีโอดิจิทัลไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงแตกตื่นกันหมดแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงให้เจ้าช่วยถือมันไว้ข้างๆ ช่วยข้าอัดถ่าย”
“ได้ ข้าจะร่วมมือกับเจ้า” อาเผิงพูดอย่างเรียบง่าย
“จุ๊ๆ” ทนายอันยื่นมือไปชี้อาเผิง “เรามาร่วมมือกันหน่อยไหม”
ขณะที่พูดทนายอันก็เอื้อมมือไปผลักหญิงสาว ผลักหญิงสาวไปอยู่ตรงหน้าอาเผิง อาเผิงเอื้อมมือไปโอบหญิงสาว จากนั้นใช้มืออีกข้างบีบคอหญิงสาว ขณะเดียวกัน ยังมองทนายอันต่อไปราวกับไม่มีอะไร “ข้าไม่สนใจแล้วจริงๆ มันผ่านไปตั้งกี่ปีมาแล้ว”
หญิงสาวหายใจไม่ออก เท้าเริ่มเตะสะเปะสะปะ แต่การดิ้นรนของนางดูไร้เรี่ยวแรง นิ้วของชายหนุ่มไม่เพียงแต่ไม่ผ่อนแรง ตรงกันข้ามกลับออกแรงมากขึ้นอีก
ทนายอันแหงนหน้ากางแขนออก บิดขี้เกียจอย่างไม่ใยดี จากนั้นก็ก้มหน้ามองอาเผิงและพูด “จริงๆ แล้ว ข้ารู้สึกว่าสภาพแวดล้อมของหน่วยบังคับใช้กฎหมายเป็นทางตันสำหรับคนที่เดินเส้นทางพลังจิตภาพลวงตาอย่างพวกเรา เพราะมันมักจะง่ายต่อการกดดันตัวพวกเราเองมากเกินไป”
อาเผิงส่ายหน้าพูด “ภาพลวงตาของเจ้าตอนนี้ หรือว่ากำลังใช้ประโยชน์จากความชำนาญงั้นหรือ”
“เราไม่เหมือนกันจริงๆ เจ้าเคยได้กลิ่นแสงแดดสาดส่องผ่านกระจกในตอนเช้าในช่วงสิบปีที่ผ่านมาหรือไม่ ข้าสูดดมมันเป็นประจำ แสงแดดที่สาดส่องลงมาบนตัว อบอุ่นมากแถมรสเค็มนิดหน่อย”
ระหว่างที่พูด หญิงสาวเสียชีวิตแล้ว อาเผิงจึงคลายมือ ศพของหญิงสาวล้มลงพื้น ผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดบนถนนรอบๆ ต่างเงียบงัน ราวกับมีสปอตไลท์ส่องไปหาตัวเอกที่แท้จริง ส่วนตัวประกอบคนอื่นๆ พากันถอยออกไป
ทนายอันหยิบบุหรี่ม้วนขึ้นมา ใช้ไม้ขีดไฟจุดมันและสูบอัดเข้าปอด “คิดถึงกลิ่นนี้อยู่บ้างจริงๆ”
“ต่อไปเล่า” อาเผิงถาม
“อะไร”
“ข้าถามว่าต่อไปเล่า” อาเผิงชี้ศพหญิงสาวบนพื้น “นางตายแล้ว เจ้าทำให้นางฟื้นกลับมาอีกครั้งก็ได้ หรือแม้กระทั่งเจ้าก็แค่ตายๆ ไปก็ได้!”
จากนั้นอาเผิงก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “มันใกล้จบแล้ว เจ้าน่าจะเล่นภาพลวงตานี้ต่อไปอีกสักพัก”
“ไม่เป็นไร เวลาอันน้อยนิดนี้ก็เพียงพอแล้ว” ทนายอันเหยียดเท้าเตะฉากตรงหน้า ฉากพลันพลังทลายลง ด้านในเป็นเตียงไม้ย้อนยุค มีหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนนั้น หญิงชราสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีน้ำตาลนั่งสูบบุหรี่ด้วยนิ้วที่สั่นเทา ส่วนทนายอันสวมชุดสูทเก่าแก่ผมมันเรียบแปล้นั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้เตียง
“อ้อ เจ้าหมายถึงเฟิ่งเฟิ่งสินะ นางแซ่เหมียวใช่หรือไม่” หญิงชราดูดบุหรี่แล้วถามขึ้น
“ใช่แล้ว แซ่เหมียว”
อาเผิงจ้องมองฉากนี้พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อ๋อ ข้ายังจำได้จริงๆ ว่านางถูกขายให้หอหมื่นบุบผาวันเดียวกับข้า ข้าถูกพ่อข้าขายและนางก็ถูกสามีของนางขายเข้ามา ตอนแรกเริ่มข้าอาศัยอยู่ห้องเดียวกับนาง นางบอกว่าสามีนางสัญญากับนางไว้ว่าถ้าหาเงินได้จะมาไถ่นางกลับบ้าน ข้าหัวเราะใส่นางบอกว่าพ่อข้าก็เคยพูดไว้ แต่ข้าไม่เชื่อ”
“จากนั้นเล่า” ทนายอันถามด้วยความเคารพ
“จากนั้นหรือ นางตายแล้ว”
“ตายได้อย่างไร”
“ถูกจับได้ว่าตั้งครรภ์ คำนวณเวลาดูแล้วจะต้องเป็นผู้ชายของนางแน่ ตั้งครรภ์ก่อนเข้าหอหมื่นบุบผาเสียอีก” สีหน้าหวนนึกถึงความทรงจำเผยบนหน้าหญิงชรา “แม่เล้าให้นางทำแท้ง ใครในหอหมื่นบุบผาจะยอมให้นางคลอดลูกกัน ผู้หญิงในหอหมื่นบุบผาแต่ละวันแทบไม่มีเวลา เอาแต่หาเงิน หาเงินให้หอหมื่นบุบผา
นางปฏิเสธ ต่อมาถูกแม่เล้าวางยาในอาหารจึงแท้งลูก วันต่อมานางก็โดดบ่อน้ำฆ่าตัวตายแล้ว
ข้าจำได้ชัดเจน เพราะเอาแต่รอจนสร้างบ่อน้ำที่สองในหอหมื่นบุบผาเสร็จ ในช่วงเดือนนั้น ไม่ว่าจะกินข้าวซักผ้า ทุกคนยอมถ่อไปตักน้ำจากบ่อข้างนอกดีกว่าใช้บ่อน้ำนั่นในสวน ทำเอาข้าเหนื่อยแทบตาย
ชะตาชีวิตนางย่ำแย่กว่าข้า ข้าอยู่หอหมื่นบุบผามาเจ็ดปี ต่อมาถูกนายทหารชั้นต้นรับเอาไปเป็นเมียน้อย ยังสามารถติดสอยห้อยตามเขาไปถึงฮ่องกง แม้ว่าชีวิตตอนนี้จะไม่ได้ดีนัก แต่ในที่สุดก็ลุ่มๆ ดอนๆ จนผ่านมันมาได้ไม่ใช่หรือ”
“ใช่แล้ว จริงสิ เด็กมีชื่อหรือไม่”
“ไม่มีชื่อ ไม่ทันได้ตั้งน่ะ แต่ว่าเคยได้ยินนางบอกว่าสามีนางแซ่เฉิน”
ดวงตาอาเผิงเริ่มแดงรื้น เขาจ้องทนายอันด้วยความโกรธ และพูดอย่างมาดร้าย “เจ้าช่างไร้ยางอายไม่เลือกวิธีจริงๆ”
“ไม่ เพียงแต่เมื่อสามสิบปีก่อนบังเอิญหวนสู่แดนมนุษย์ไปทำธุระที่ฮ่องกงพอดีก็เลยช่วยแวะสืบหาข้อมูลให้เจ้า เจ้าก็รู้ว่าเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย แต่น่าเสียดายนะ หลังจากที่เจ้าขายภรรยาก็ไม่ได้ใช้หนี้พนัน แต่กลับหนีหายไปจากเขตนั้นดื้อๆ ก็เลยไม่รู้เรื่องพวกนั้นที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา อืม บางทีเจ้าอาจจะไม่อยากรู้ก็ได้
จะว่าไป คนประเภทเจ้า เดิมทีคงเป็นเรื่องยากที่จะผ่านการพิจารณาคดีทางการเมืองของยมโลก เป็นเพราะว่าตระกูลของเจ้าสะสมบุญบารมีเอาไว้ไม่น้อยจริงๆ ถึงได้หลับหูหลับตาให้มันผ่านๆ ไป นี่เป็นสิ่งที่ผู้พิพากษาผู้นั้นบอกข้าในภายหลัง”
“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ กลอุบายของเจ้าสั่นคลอนข้าไม่ได้!” เฉินอาเผิงแผดเสียง
แต่ทว่า ในเวลานี้ เขาเห็นหญิงสาวที่เพิ่งถูกตัวเองบีบคอตายบนพื้น ตรงหน้าของนางค่อยๆ นูนขึ้น ราวกับว่ายังมีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายใน เต้นตุบๆ มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง!
และแล้วฉากนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่บดขยี้อูฐหลังหัก!
เฉินอาเผิงอ้าปาก “อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!”
เขาคุกเข่าลงมาจนเสียงดัง ‘ตุ้บ’
ทันทีที่การป้องกันภายในใจของเขาคลายตัวลง จึงถูกทนายอันโจมตีด้วยภาพลวงตาเข้าไปเรื่อยๆ
ได้ มาจมดิ่งถลำลึกกันเถอะ
ครั้งนี้เจ้าแพ้ราบคาบแล้ว
แสงสว่างรอบๆ ดับลง ก่อนที่ทนายอันจะเปิดไฟอีกครั้ง จิ้งจอกขาวปรากฏด้านหน้าทนายอัน นางถามขึ้น “เจ้าไปสืบหาจริงๆ หรือ”
ทนายอันหันกลับมามองในความมืดมิด เฉินอาเผิงกำลังคุกเข่าบนพื้นสายตาเลื่อนลอย และหญิงชราก็นั่งอยู่บนเตียงและสูบหรี่ต่อไปและตอบว่า “ไปมาจริงๆ แต่ว่า ภรรยาของเขาดวงดีมาก เข้าไปได้ไม่นานก็เจอแขกขุนศึกยศเล็กคนหนึ่งจะซื้อตัวนางไป ตอนนั้นนางพบว่าตัวเองตั้งครรภ์จึงรีบทำแท้งและไปกับขุนศึกยศเล็ก จากนั้นก็ติดสอยห้อยตามจนสุดท้ายนางก็ไปถึงฮ่องกง”
หญิงชราบนเตียงไม้มองเฉินอาเผิงตรงหน้า และเอาแต่สูบบุหรี่อยู่อย่างนั้น…
……………………………………………………………