ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 846 เล่นจนเลยเถิด
ตอนที่ 846 เล่นจนเลยเถิด
……….
ทนายอันเคยได้ยินผู้ตรวจสอบอาวุโสพูดว่า สิ่งที่ว่างเปล่าที่สุดในโลกคือการฆ่าคน
ในสายตาของพวกเขากลุ่มนี้ การฆ่าไม่เพียงแต่หมายถึงการฆ่าคนและไม่ใช่แค่การทำลายร่างกายเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการลบล้างจิตวิญญาณไปด้วย
คนที่ถูกฆ่า หมายความว่าจะไม่มีอยู่จริงอีกต่อไป
ในทำนองเดียวกัน ยิ่งฆ่าคนมากเท่าไรก็ยิ่งน่าเบื่อ ก็เหมือนกับการอยู่ในห้อง หากโยนสิ่งที่ขัดหูขัดตาทิ้งออกไป ห้องนั้นก็จะค่อยๆ ว่างเปล่า
ทนายอันคิดเช่นนั้น
ต่อมา ผู้ตรวจสอบอาวุโสนี้ก่อเหตุ หลังจากแอบสนับสนุนสหายเก่าลับๆ อันที่จริงนี่ไม่นับว่าเรื่องใหญ่อะไร บางทีเจ้าหน้าที่ระดับยมทูตผู้จับกุมให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง แต่พอมาถึงระดับผู้ตรวจสอบกฎบางข้อกลับเลือนหายไม่ชัดเจน ตราบใดที่ไม่เลยเถิดจนเกินไป โดยทั่วไปก็ไม่นับเรื่องใหญ่อะไร
ทว่าแม้แต่พระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่มีเมตตาในตำนานยังไม่กล้าแทรกแซงเรื่องโลกมนุษย์อย่างโจ่งแจ้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียด้วยซ้ำ จะเรียนคัมภีร์ตะวันตกก็ต้องเดินในรูปแบบนี้ ไม่เช่นนั้นอาจจะยิ่งซับซ้อนและต้องห้ามสำหรับผู้ที่อยู่ในยมโลกยิ่งกว่าและยิ่งจำเป็นต้องให้ความสนใจกับมันมากขึ้น
แต่เหตุที่ไม่บังเอิญคือ หลังจากผู้ตรวจสอบอาวุโสผู้นั้นช่วยสหายเก่า ภายหลังเขาก็กลายเป็นผู้ลักลอบขนคนเข้าเมืองรายใหญ่ พวกค้าของเถื่อนหรือว่าเป็นผู้ลักลอบอยู่ดี
ในยุคสมัยนั้นเป็นช่วงที่พระจันทร์ต่างแดนกลมโตและส่องสว่างที่สุด มีคนจำนวนมากใฝ่ฝันจะไปต่างแดนเพื่อไล่ตามความฝัน
แต่ในระหว่างศุลกากรต่างแดนบุกจู่โจมตรวจสอบครั้งนั้น สหายผู้นั้นได้สั่งหีบกระสุน ตู้คอนเทนเนอร์พร้อมบรรจุผู้ลักลอบเต็มทั้งสองใบทิ้งให้จมดิ่งลงทะเลโดยตรง หลายร้อยชีวิตกลายเป็นผีไร้ญาติใต้ท้องทะเล ต่อมาเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรง เกิดปฏิกิริยาตามกันมาเป็นลูกโซ่อีกหลายระลอก อย่างเช่น เหตุใดชะตากรรมสหายที่เดิมทีควรจะสละชีวิตถึงได้เปลี่ยนไป ถูกยมโลกไล่บี้สอบสวนต่อไปตามระเบียบ
ผู้ตรวจสอบอาวุโสผู้นั้นหลบหนีไป จากนั้นเขาถูกพวกทนายอันและเฝิงซื่อเอ๋อร์ล้อมปิดทางเอาไว้ด้วยกัน
ก่อนที่ทนายอันจะฆ่าเขาพลางคร่ำครวญ ‘บ้านของข้ามีของตกแต่งลดลงไปอีกหนึ่งชิ้น’
เหงา โดดเดี่ยว เดียวดายจริงๆ
แต่ปรากฏว่าผู้ตรวจสอบอาวุโสตะโกนด่ากราด “ทิ้งแล้วก็ซื้อใหม่สิ!”
แต่เขาก็ยังถูกทนายอัน ‘กำจัด’ อยู่ดี
จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ทนายอันถึงเริ่มรู้สึกแบบนี้ ฆ่าคนมากจนเกินไปจนรู้สึกว่าก้นบึ้งหัวใจฉีกขาด คุณธรรมในอดีตกับคุณในปัจจุบันดูเหมือนกำลังแยกจากกันช้าๆ
หนึ่งคือผู้ตรวจสอบแผ่นป้ายทองแสนรุ่งโรจน์
หนึ่งคือทนายอันสุนัขรับใช้ในร้านหนังสือ
รูปลักษณ์ทั้งสองต่างกันอย่างสิ้นเชิงกำลังถูกแยกออกจากกันอย่างช้าๆ
“เฮ้อ…หน่อมแน้มจัง”
ทนายอันยื่นมือไปล้วงคลำ คิดไม่ถึงว่าจะล้วงได้แผ่นป้ายสีเงินในกระเป๋าของเฉินอาเผิง
นี่เป็นอาวุธวิเศษระดับต่ำช่วยแผ่ซ่านกระจายพลังจิต
ที่จริงแล้วของพรรค์นี้ค่อนข้างไร้ประโยชน์ ที่นรกควรจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ในการรับส่งข้อมูล แต่ในยุคที่ระบบสื่อสารในโลกก้าวหน้าไปมาก กลับไม่มีแม้แต่เครื่องส่งรับวิทยุขนาดเล็กที่ใช้งานได้ แถมความแตกต่างของสัญญาณของพรรค์นี้ มากพอที่จะทำให้ไชน่าโมบายยืดอกอย่างภาคภูมิใจ!
ทนายอันกำสิ่งนี้ไว้ในมือแล้วปล่อยพลังจิตลงไป
จุ๊ๆ ดูเหมือนเจอของเล่นเก่าๆ จากอดีต
…
‘โครม!’
เหล่าจางถูกเตะลอยกระเด็นอีกครั้ง จากนั้นก็คลานลุกขึ้นอีกครั้ง
ฉากที่น่าสนใจมากก็คือ ทั้งๆ ที่อาเฟิงเอาแต่โจมตีเขา แต่กลับยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อ ในสนามรบทำให้เขารู้สึกแย่ แต่น่าเสียดายที่บริเวณนี้ถูกแหวนทองสัมฤทธิ์ของโจวเจ๋อกั้นเอาไว้นานแล้ว อาเฟิงจึงสัมผัสไม่ได้ว่าสหายคนหนึ่งของตัวเองซี้แหงแก๋ไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น
“เหล่าจาง อย่าแต่ปล่อยวางไม่ได้สิ” จู่ๆ เสียงทนายอันกระซิบข้างหูของเหล่าจาง
เหล่าจางชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาสอดส่องรอบตัว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของทนายอัน
“โดนโจมตีนานขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีความมั่นใจอีกเหรอ” เหล่าจางไม่รู้จะตอบอย่างไร
โดนซ้อมมานานขนาดนี้ ยังตั้งมั่นอยู่ได้
“หากอีกฝ่ายฆ่าคุณได้ คุณตายไปนานแล้ว ผมเดาว่าตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มเหนื่อยแล้ว อีกฝ่ายล้มคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ คุณยังไม่มั่นใจอีกเหรอ”
ทันใดนั้นเหล่าจางก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทนายอันพูดนั้นสมเหตุสมผล
“อย่าเอาแต่ป้องกัน ในตัวคุณยังมีเซี่ยจื้อ ครอบครองตัวเสริมที่ตัวเล็กกว่าเถ้าแก่ไซส์หนึ่งแต่ดันสู้ออกมาเป็นอย่างนี้ คุณไม่รู้สึกขายหน้าบ้างเหรอ”
“งั้นจะทำยังไง” เหล่าจางถาม
ในเวลานี้เอง อาเฟิงย่างสามขุมมาทางนี้อีกครั้ง
“ปล่อยวางให้หมดแล้วจินตนาการว่าตัวเองเป็นหมาบ้า เป็นตัวแทนดวงจันทร์ลงทัณฑ์คนตรงหน้าซะ!”
“เอ่อ…” เหล่าจาง
“น้องสาวโปรดก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ก้าวไปข้างหน้าอย่าหันกลับมามอง…” ทนายอันเริ่มร้องเพลง
เหล่าจางก็ยืนขึ้นและเริ่มก้าวไปข้างหน้า จากนั้นเริ่มวิ่ง จากนั้นลืมสิ้นทุกการเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง แค่พุ่งไปข้างหน้า!
อาเฟิงลังเลครู่หนึ่ง หายตัววาบและอ้อมไปโผล่ด้านหลังของเหล่าจางอย่างรวดเร็วและจ่อมีดไปที่คอของเหล่าจาง
หากเป็นก่อนหน้านี้ เหล่าจางจะต้องระวังการเคลื่อนไหวนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะโดนตีหมอบก็จะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองโดนโจมตีถึงจุดอันตรายแท้จริง แต่หลังจากได้รับกำลังใจจากทนายอันแล้ว เหล่าจางก็ปลดปล่อยตัวเอง
‘แซ่ด!’
ร่างกายเหล่าจางเหมือนถูกไฟช็อต อ้าปากกว้าง แสงสีขาวปรากฏขึ้น แต่ครั้งนี้กลับไม่อาจหักล้างการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์
‘ตุ้บ!’ เหล่าจางล้มหงายตึงบนพื้น สลบเหมือด หอบหายใจเข้าถี่มากกว่าหายใจออกเสียอีก
“…” ทนายอัน
โจวเจ๋อสังเกตเห็นสถานการณ์ด้านนี้เช่นกัน เข้าไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่นี้เหล่าจางถูกโจมตีอยู่ดีๆ และยืนหยัดอยู่นานทีเดียว ทำไมจู่ๆ ถึงได้หมอบลงไปง่ายๆ แบบนั้นได้
ทนายอันที่อยู่บนชั้นสองดึงพลังจิตของตัวเองออกมาจากแผ่นป้ายสีทองอย่างเงียบๆ พลางลูบจมูกตัวเองและเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
วันนี้ดาวสวยจริงๆ
เขาย่ามใจ ลำพองใจแล้วจริงๆ ถึงได้ไปสอนอสูรวิเศษให้รู้จักวิธีใช้พลังอสูรวิเศษเดินเหินในโลกมนุษย์ นี่มันเหมือนกับนักเรียนโยธาที่ยังเรียนไม่จบชั้นประถมศึกษาแล้วไปสอนหัวหน้านักออกแบบวิศวกรรมการบินแห่งชาติให้รู้วิธีลงจอดบนดวงจันทร์
“โฮก!”
ในขณะที่อาเฟิงรู้สึกว่าตัวเองสามารถยุติการดวลที่ทำให้เขาทั้งกลัวและเบื่อหน่ายได้ในที่สุด ทันใดนั้นเสียงคำรามดังมาจากด้านหลัง
อาเฟิงหันกลับไป เขามองเห็นดวงตาสีดำรัติกาลคู่หนึ่ง สีดำนี้ดูเหมือนจะชะโลมไปด้วยความแวววาวที่ทำให้ผู้คนรู้สิ้นหวังตลอดกาล
หน่วยบังคับใช้กฎหมายถูกปล่อยตัวออกมาได้ไม่นาน เป็นธรรมดาที่จะไม่เคยประสบกับการเปลี่ยนแปลงอันเลวร้ายของนรกเมื่อครึ่งปีก่อน แน่นอนว่า ต่อให้จะเคยประสบก็ตามที ก็ยังยากที่จะเชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถเรียกพระจันทร์สีเลือดเหมือนขนอิฐในนรกกับเจ้าของร้านหนังสือในโลกมนุษย์ได้
อาเฟิงถอยกลับโดยสัญชาตญาณ แต่เถ้าแก่โจวเร็วยิ่งกว่าเขา หลังจากเปิดโหมดบุคลิกเจ้าครึ่งหน้า พลังงานชั่วร้ายในร่างกายเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ความเร็วและพลังถึงขีดสุดในทันที
‘พึ่บ!’
ต่อให้อาเฟิงจะหลบได้ทันท่วงที แต่เล็บของโจวเจ๋อก็ยังแทงทะลุหน้าอกของเขา หวดเป็นทางจนอาเฟิงกลิ้งตลบไปกับพื้น
อาเฟิงรู้ว่าเขาไม่อาจเอาชนะสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ตรงหน้าได้
ทันใดนั้นเงาดำพุ่งไปข้างหน้า โจวเจ๋อหันกลับมาเผชิญหน้า แต่ทันใดนั้นเงาดำเลี้ยวโค้ง อ้อมโจวเจ๋อ พุ่งใส่อาเฟิง
อาเหยาเร็วมากจริงๆ แต่ทว่า หลังจากเหล่าจางจู่ๆ ก็เครื่องค้างไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เถ้าแก่โจวตัดสินใจจบเกมนี้และไม่ให้โอกาสพวกเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
เพียงแต่ถึงกระนั้นก็ตามที ในเวลานี้เองหน่วยบังคับใช้กฎหมายแสดงรูปแบบวิถีของพวกเขาทันที
อาเหยาไม่ได้มาเพื่อช่วยอาเฟิง เมื่อเงาสีดำปรากฏขึ้นข้างกายอาเฟิง ทันใดนั้นจุดสีแดงระหว่างคิ้วอาเฟิงก่อตัวรวมกัน กริชของอาเหยาเฉือนคออาเฟิงในชั่วพริบตา
ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเข้าขากันได้ดีอย่างเงียบงันในเวลาเพียงชั่วครู่
‘ฟุ่บ!’
ศีรษะถูกตัด แม้แต่วิญญาณของอาเฟิงจะยังอัดแน่นอยู่ในศีรษะก็ตามที
‘ฉึก!’
กริชเคลื่อนจากบนลงล่าง และแทงเข้าไประหว่างคิ้วของอาเฟิงโดยตรง
อาเฟิงไม่ดิ้นรนและอ้าปากจนแสงสีแดงพุ่งออกมาจากปากของเขา
โจวเจ๋อจ้องเขม็ง พวกเขาต้องการฝืนส่งข่าว แม้ว่าสหายคนหนึ่งจะถูกสังเวยก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนที่ฆ่าสหายหรือสหายที่ถูกฆ่าก็ดูเหมือนจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
นี่คือกลุ่มคนที่โหดเหี้ยม โหดเหี้ยมยิ่งกว่ายมทูตและผู้ตรวจสอบใดๆ ที่โจวเจ๋อเคยเจอมาเสียอีก โหดร้ายยิ่งกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า!
กระทั่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมิติแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าโง่!” โจวเจ๋อตะโกนเรียก
เขาสัมผัสได้ถึงวิกฤตโดยสัญชาตญาณ ช่วยทนายอันล้างแค้นหรือช่วยเขาระบายความโกรธ ที่จริงมันไม่ใช่ปัญหา การรับมือกับสมาชิกหน่วยบังคับใช้กฎหมายก็ไม่ใช่ปัญหา
วิกฤติที่แท้จริงคือต่อจากนี้ จะทำให้เงียบไร้ซุ่มเสียงได้อย่างไรต่างหาก
จงรู้ไว้ว่ายังมีหน่วยบังคับใช้กฎหมายเคลื่อนไหวอยู่ในโลกมนุษย์อีกมาก เมื่อไรที่ข่าวสารรั่วไหลออกไป สิ่งที่ต้องเผชิญคือการแก้แค้นที่น่ากลัวยิ่งกว่า กระทั่งได้รับความสนใจจากยมโลกด้วย!
‘โครม!’
ลำแสงสีแดงกระทบกับแดนอาคมที่สร้างจากแหวนทองสัมฤทธิ์ เก้าส่วนของแสงสว่างกระจายไปทันที แต่ทว่ากลับมีร่องรอยทะลุผ่านแดนอาคมโดยตรง เหาะกระจายออกไปข้างนอก
ทนายอันที่อยู่บนระเบียงชั้นสองตะลึงงัน โจวเจ๋อที่ยืนอยู่ที่เดิมก็ตกตะลึงเช่นกัน
‘เผละ!’ ศีรษะอาเฟิงหล่นลงพื้น
แม้ว่าจะเสียสละสหายร่วมหน่วยเพราะสิ่งนี้ก็ไม่สำคัญ ถึงอย่างไรทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี อาเฟิงก็รู้ในจุดนี้ดี ดังนั้นเขาจึงเลือกร่วมมือแต่โดยดี
นี่คือหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ไข่ถูกตัดได้ไม่เป็นไร หากยังใช้การได้!
ตัวเองตายไม่เป็นไร ตราบใดที่ลากคนที่ฆ่านางลงไปฝังพร้อมกันได้ ก็ถือว่าได้กำไร!
ไม่นาน เสียงตอบรับดังมาจากในใจโจวเจ๋อ “อืม…มี…อะ…ไร…”
คล้ายกับเพิ่งตื่นนอนอย่างไรอย่างนั้น
เถ้าแก่โจวเลียริมฝีปากและพูด “ดูเหมือนฉันจะเล่นจนเลยเถิดแล้ว พวกเราจบเห่แน่ นางส่งข่าวออกไปแล้ว”
เจ้าโง่เงียบ ผ่านไปนานพอสมควร “อ้อ…”
ในเวลานี้เอง เอาเหยายกกริชขึ้นแล้ววางไว้ด้านหน้าตัวเอง พลางแลบลิ้นเลียเลือดบนกริชและพูดอย่างดุร้าย
“เกิงเฉิน เจ้าจบสิ้นแล้ว!”
……………………………………………………………………………….