ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 0 การเกิดใหม่ของสีดำ - Prologue
- Home
- ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 0 การเกิดใหม่ของสีดำ - Prologue
โน้ตจากผู้แต่ง : เรื่องนี้เป็นแนวยูริยูริแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยหัวใจนุ่มฟู ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะ
กลิ่นเหม็นไหม้โชยมา
จากทิศทางของลมแล้ว กลิ่นของเวทมนตร์สายอัคคีเหมือนจะลอยมาถึงตรงนี้เลย
ภายใต้กลิ่นนี้ จะมีคนต้องตายไปซักกี่คนกันนะ
แต่ ก็ช่วยไม่ได้หรอก ก็นี่มันสงครามนี่นะ เผลอๆ คำอธิบายนี่อาจจะตัดห้วนไปหน่อยล่ะมั้ง
แต่ไหนแต่ไร พลังที่พระเจ้าประทานมาให้ฉัน มันก็เป็นพลังในการพรากชีวิตคนอื่นอยู่แล้ว
คิดแบบนั้นแล้วเนี่ย บางที การเป็นสิ่งที่โลกนี้เคยเรียกกันว่า ‘จอมมาร’ ก็อาจจะเหมาะกับฉันกว่าแล้วก็ได้
แต่ คำแนะนำพรรค์นั้นน่ะมันเปล่าประโยชน์สิ้นดี ต่อให้พระเจ้าจะเสด็จลงมาเอง แล้วมาชี้นิ้วสั่งให้ฉันเป็นจอมมาร ฉันก็ไม่สนใจจะฟังหรอก
เพราะฉันมีคนที่สำคัญยิ่งกว่าพระเจ้าแล้วไงล่ะ
“คุโระ”
พอฉันหันไปมองตามต้นเสียงที่เรียกชื่อของฉัน เพื่อนพ้องคนสำคัญของฉันก็ยืนอยู่ตรงนั้น
“สแต มีอะไรหรือเปล่า?”
“อือ คุณหนูเรียก”
อีกแล้วเหรอ ถึงฉันจะรู้สึกอิดออดก็เถอะ แต่ถ้าเกิดคนที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของฉันเรียกตัวแบบนี้ ฉันก็มีแต่ต้องไปล่ะนะ
ให้ตาย นี่จะมีคำสั่งท้าทายหลุดโลกแบบไหนถูกโยนมาหาฉันอีกล่ะเนี่ย
ฉันหันหลังให้กับดวงจันทร์ที่ยืนมองอยู่จนถึงเมื่อกี้ ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปหาเจ้านายของฉัน
ท่ามกลางเต็นท์ที่เรียงรายกันอยู่ นายท่านก็อยู่ในเต็นท์ที่ใหญ่โตหรูหราที่สุดเลย
“เรียกฉันมา ต้องการอะไรอย่างนั้นเหรอคะ ท่านโนอะ?”
“อาระ ทำหน้าอะไรแบบนั้นเล่า ไม่พอใจที่ถูกเรียกตัวหรือไง?”
“หากให้พูดตามตรงแล้ว ฉันก็ไม่พอใจจริงๆ นั่นแหละค่ะ คิดว่ายังไงซะ ท่านก็คงพูดเรื่องอะไรที่ไร้เหตุผลกับฉันอยู่แล้ว”
“คำพูดที่เธอเลือกใช้กับนายเหนือหัวนี่ ปากคอเราะร้ายจังเลยนะ”
“ถ้าท่านโนอะเป็นเจ้านายที่อ่อนโน้มกว่านี้ สุขุมกว่านี้ ฉันคิดว่าฉันก็คงจะเป็นข้ารับใช้ของท่านที่ว่าง่ายกว่านี้แล้วล่ะค่ะ”
จากนั้น นายท่านของฉัน ท่านโนอะ ก็ทำแค่ยิ้มออกมา ไม่ต่อปากต่อคำอะไรต่อแล้ว
“แล้ว ท่านต้องการอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อ้า นั่นสินะ คุโระ เธอแค่ไปตรงจุดรวมพลทัพแยกของศัตรู ไปกับสแตด้วยนะ แล้วก็ไปกวาดล้างพวกมันให้หมดเลยก็พอ”
“ม- ไม่ไหวหรอกค่ะ อีกฝ่ายมีอยู่ตั้ง 500 คน จะให้คนแค่ 2 คนไปทำอะไรได้ล่ะคะ?”
“สแตยังไม่โวยวายอะไรเลยนะ?”
“เด็กคนนั้นก็แค่ยอมฟังท่านทุกอย่างเท่านั้นเองแหละค่ะ”
นี่แหละ ปัญหาของท่านโนอะล่ะ
เป็นคนที่มีแต่ความขี้เกียจล้วนๆ เลย รออยู่แต่ในแนวหลัง ออกคำสั่งกับฉันกับสแต พรรคพวกคนอื่นๆ แล้วก็พวกทหารรับจ้าง แล้วตัวท่านเองอยากจะทำอะไรก็ไปทำตามอำเภอใจ
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเธอจัดการได้อยู่แล้ว หรือว่า มีอะไรที่เธอต้องกลัวอย่างนั้นเหรอ?”
“กลัวสิคะ! ฉันไม่ได้ประสาทแข็งเหมือนอย่างท่านโนอะซักหน่อย! ถึงฉันจะได้สแตไปช่วยด้วยก็เถอะ แต่ท่านช่วยคิดถึงความรู้สึกของฉัน ตอนที่ถูกท่านสั่งให้ไปฆ่าคน 500 คนเหมือนกับสั่งให้ ‘ช่วยไปซื้อชาให้ทีสิ’ แบบนั้นน่ะค่ะ!”
“‘ฉันดีใจมากเลยค่ะที่ได้รับใช้ท่านโนอะ เจ้านายของฉัน ผู้ที่ทั้งน่ารัก งดงาม จิตใจบริสุทธิ์ และฉลาดเฉลียวเลยค่ะ เนี้ยว เนี้ยว’ งั้นเหรอ?”
“…ตั้งแต่ที่ฉันได้พบท่านมา 10 ปีแล้วเนี่ย แค่ตอนที่เราเจอกันไม่นาน เรื่องที่ฉันคิดว่าท่านมีจิตใจบริสุทธิ์มันก็สาบสูญไปนานแล้วล่ะค่ะ”
“อาระ ไม่ปฏิเสธเรื่องที่ฉันน่ารัก งดงาม และฉลาดเฉลียวเลยสินะ”
“อึก…”
มันเจ็บตรงที่จี้ใจดำเนี่ยแหละ
เป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ท่านโนอะน่ะสวยมากเลย ผมบลอนด์ทองสลวย (ฉันเป็นคนช่วยดูแลเองแหละ), ผิวขาวสวย (ฉันคอยช่วยป้องกันแสงแดดให้ท่านเองนั่นแหละ), ดวงตาน่ารักเหมือนแมว, ใบหน้างดงามโดยไม่ต้องใช้เครื่องแต่งหน้าเลย (แต่ว่า ท่านก็แต่งหน้าบางๆ ทุกเช้าด้วยแหละนะ ก็จากฉันเองอีกนั่นแหละ) พอองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบเหล่านั้นมารวมเข้าด้วยกันแล้ว การสู่ขอจากทั่วทั้งอาณาจักรถึงได้เข้ามาได้ไม่หยุดไม่หย่อนเลย ถึงส่วนสูงของท่านจะตัวเล็กนิดหน่อยก็เถอะนะ
องค์ความรู้ด้านเวทมนตร์ของท่านนั้นมากมายจนผิดปกติเลย แล้วท่านก็ยังครอบครององค์ความรู้ทางเวทมนตร์ที่โลกใบนี้ไม่รู้อยู่ด้วย
เพราะท่านนี่แหละ ที่ทำให้ฉันสามารถใช้เวทมนตร์เพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ได้
ถ้าท่านโนอะไม่เก็บฉันมาวันนั้นล่ะก็ บางทีฉันอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ ไม่ก็ต้องใช้ชีวิตเป็นทาส ที่ทุกวันเหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่แบบนั้นก็ได้
อือ เพราะแบบนั้นแหละ ฉันถึงได้ซาบซึ้งกับเรื่องนี้มากเลยล่ะ ฉันกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณต่อท่านแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางเกลียดท่านได้ลงหรอก
แต่ว่า ถ้าถามว่าเพราะเรื่องนี้ จะนำไปสู่เรื่องที่ว่าฉันจะไม่บ่นอะไรนายเหนือหัวผู้เกียจคร้านคนนี้เลยมั้ยล่ะก็ ฉันจะส่ายหัวรัวๆ เลย
“ไม่เลย เธอเข้าใจหรือเปล่า? ก็แค่เพราะว่าคุโระน่ะรักฉันเท่านั้นเองนี่ ไม่เป็นไรนะ ไว้กลับถึงอาณาจักรของเราแล้ว ฉันจะดูแลเธอเอง เพราะฉะนั้นตอนนี้ ก็ทำงานเสียก่อนนะ เธออย่าเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกันสิ”
“คนที่เหมือนเด็กที่เอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวปนเปมั่วไปหมดอย่างท่านโนอะพูดอะไรกันนะคะ! อ๊า โธ่ เข้าใจแล้วค่ะ! ฉันจะทำค่ะ! ฉันจะทำตามคำสั่งนั้นค่ะ!”
อ๊า ไม่ไหว ไม่ว่ายังไงก็ปฏิเสธคำสั่งของท่านโนอะไม่ได้เลย
ฉันรับใช้เจ้านายคนนี้มามากกว่า 10 ปีแล้ว แต่ฉันก็ไม่เคยขัดคำสั่งของท่านเลยซักครั้ง
แน่นอนว่า หลายครั้งมันก็เป็นเรื่องที่ว่าคำสั่งของนายเหนือหัวนั้นเป็นคำขาดนั่นแหละ แต่เรื่องที่ยุ่งยากของเจ้านายคนนี้ก็คือเรื่องที่ว่า ‘ช่วยอย่าสั่งอะไรที่ท่านทำไม่ได้ หรือไม่อยากจะทำจริงๆ’ น่ะนะ
ก็เหมือนกับคำสั่งก่อนหน้านี้ ก็จริงอยู่ที่ฉันไม่ชอบใจเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นกลุ่มกองกำลังของคนที่หมายจะเอาชีวิตของท่านโนอะน่ะนะ พวกไร้ยางอายที่บังอาจคิดจะมาสังหารท่านโนอะน่ะ
ถ้างั้น ก็ฆ่ามันซะ ฆ่าพวกมันทั้งหมดนั่นแหละ
ฉันไม่ได้ชอบฆ่าคนหรอก แต่ใครก็ตามที่มันพยายามจะเอาตัวท่านโนอะไปจากพวกเรา ฉันจะฆ่าพวกมันทั้งหมดไม่ให้เหลือแน่
“ถ้างั้น ไปก่อนนะคะ ได้โปรด อย่าออกไปจากตรงนี้ด้วยนะคะ”
“ต่อให้เธอไม่บอก ฉันก็ไม่ออกไปไหนอยู่แล้วล่ะ ยุ่งยากจะตาย”
ก็กะไว้แล้วล่ะนะ
“อ่า คุโระ”
“อะไรเหรอคะ?”
“ถ้าเธอตายล่ะก็ ฉันไม่ยกโทษให้เธอแน่”
คำพูดนั่น เป็นคำอวยพรที่มอบพลังให้ หรือเป็นคำสาปที่ผูกมัดฉันเอาไว้กับท่านต่อไปกันแน่เนี่ย
แต่แค่ท่านบอกว่า ‘อย่าตายนะ’ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าท่านต้องการฉันแล้วล่ะ
เพราะงั้น ฉันก็เลยตอบท่านกลับไป เหมือนอย่างทุกที
“ไม่ต้องห่วงค่ะ โปรดวางใจในตัวฉันได้เลย”
พอฉันออกมาจากเต็นท์ สแตก็ยืนรออยู่ตรงนั้นแล้ว
“สแต ได้ยินแล้วนะ? เธอกับฉัน พวกเราจะไปจัดการกองกำลัง 500 นายกัน ฉันคิดว่าเธอน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าตายขึ้นมาล่ะก็ ท่านโนอะต้องเสียใจแน่ๆ เพราะงั้น ไม่ว่ายังไงก็ตาม ห้ามตายเด็ดขาด”
“อื้ม”
“แล้วก็ ระวังอย่าโดนเวทมนตร์ของพวกเรากันเองด้วยล่ะ”
“อื้ม”
“จัดการพวกมันทั้งหมดอย่าให้เหลือซักคนล่ะ เจ้าพวกไร้สมองที่จ้องเอาชีวิตของท่านโนอะ”
“เข้าใจแล้ว”
สแตนี่เป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะ
เธอเด็กกว่าฉันกับท่านโนอะอยู่ 4 ปี แล้วฉันก็รักเธอมากเหมือนน้องสาวของตัวเองเลย
เธอมีผมสีฟ้า เป็นเด็กน่ารักที่เหมือนตุ๊กตา กับภาพลักษณ์ที่เธออุ้มตุ๊กตาแมนดราโกราที่ท่านโนอะให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด (หน้าตาดูน่ากลัวอยู่หน่อยๆ นะ อ้อ มันชื่อว่า [โกราสึเกะ] ด้วย) เอาไว้ตลอดเวลา ยิ่งทำให้รู้สึกอยากปกป้องเธอเข้าไปอีก
TN: Mandragora หรือที่คนอาจจะรู้จักกันมากกว่าในชื่อว่า Mandrake (แมนเดรก) คือสมุนไพรสีคล้ายโคลน เอกลักษณ์คือรากที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเด็กทารกหน้าตาบูดเบี้ยว และเมื่อถูกถอนขึ้นมาจากดิน จะกรีดร้องจนทำให้ผู้ที่ได้ยินเสียสติ หรืออาจถึงขึ้นเสียชีวิตได้เลย หน้าตาก็แบบนี้นะครับ
ข้อเสียแค่ข้อเดียวคือ เธอฟังทุกอย่างที่ท่านโนอะพูดหมดเลยเนี่ยสิ
แล้วก็ เพราะเด็กคนนี้เรียกท่านโนอะว่า ‘คุณหนู’ ด้วย ก็ชวนให้นึกถึงว่าท่านเป็นลูกสาวของหัวหน้าแก๊ง หรือยากูซ่าเลยนะ
“นี่ คุโระ”
“อะไรเหรอ?”
“ถ้ากำจัดพวกนั้นทิ้งไปแล้ว คุณหนูจะดีใจมั้ย?”
“ก็ คงงั้นนะ”
“จะลูบหัวให้มั้ย?”
“ก็อาจจะ”
“คุโระจะลูบให้ด้วยมั้ย?”
“เอ แบบนั้นก็ได้นะ”
“งั้น จะพยายามเต็มที่”
น่ารักอะไรแบบนี้เนี่ย
ไว้หลังจากนี้ มาลูบหัวเธอเยอะๆ เลยดีกว่า
ทั้งฉันทั้งสแต พวกเราเป็นทหารยศสูงเลยล่ะที่อยู่ตรงนี้
บริวารที่รับคำสั่งโดยตรงจากท่านโนอะ มีอยู่แค่ 5 คน
โดยเฉพาะฉันที่เป็นหัวหน้าของกลุ่ม อาจจะได้รับมอบหมายให้นำกองกำลังประมาณนึงแทนท่านโนอะได้เลย
น่าทึ่งจริงๆ เลยนะ ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงเกิดขึ้นได้กันแน่เนี่ย
ในอดีต ฉันสิ้นหวังกับโลกๆ นี้ แล้วก็มีช่วงเวลาที่ฉันคิดอยากจะทำลายโลกนี้ให้มันสิ้นซากไปซะ แต่ตอนนี้ ฉันเป็นข้ารับใช้ เป็นผู้คุ้มกัน แล้วก็เป็นกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของขุนนางที่อายุเท่ากับฉันเพียงหนึ่งเดียวไปแล้ว
“คุโระ?”
“เอ๊ะ? อ่า ขอโทษทีนะ ไปกันเถอะ สแต”
“อื้ม”
ระหว่างที่เดินกัน ฉันก็คิดไปด้วย เมื่อตอนนั้น ก่อนที่จะได้เจอกับเจ้านายของฉัน ฉันสุดจะทนกับโชคชะตาของตัวเองจนสะอิดสะเอียนแล้ว
ไม่สิ ก่อนหน้านั้นอีกด้วยซ้ำ อาจจะต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ความทรงจำในชาติก่อนของฉันเลย―――
TN: ขอฝากอีก 1 ผลงานแปลไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคร้าบ~ พี่ๆ นักอ่านชาวเว็บแมวทุกท่าน ^^