ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 8
ถ้ามันผิดล่ะก็ ช่วยบอกทีว่ามันผิด
ถ้าฉันได้คิดมันใหม่ทั้งหมดล่ะก็ คงจะดีมากเลย
ขอร้อง ช่วยปฏิเสธเรื่องที่ฉันพูดออกไปที
*―――ปึก*
“เอ๊ะ?”
ฉันรู้สึกเจ็บที่แขนนิดๆ พอก้มลงไปมองก็เห็นเข็มเล่มเล็กๆ ปักอยู่
แทบจะทันทีที่ฉันเห็นมัน ฉันจะเข่าทรุดลงไปตรงนั้นเลย
“…ตกใจเลยนะเนี่ย ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะสังเกตเห็นได้ หนูนี่ ฉลาดมากจริงๆ เลยนะ”
ฉันพยายามขยับร่างกายตัวเองแบบสุดชีวิต แต่ก็ขยับไม่ได้ ยังกับว่าเป็นอัมพาตไปทั้งตัวเลย
มันมีอะไรอยู่ที่เข็มด้วยงั้นเหรอ?
“ขอโทษด้วยนะ พวกเราหลอกหนูนั่นแหละ แต่ มีแต่ต้องทำแบบนี้น่ะ”
“หนูพูดถูกแล้วล่ะ พวกข้าหลอกหนูมาที่นี่จริง ต้องขอโทษด้วย แต่ว่า…”
ลุงยักษ์ยกตัวฉันขึ้นมา
เขาอุ้มฉันไว้แบบนั้น แล้วก็เดินหน้ากันไปต่อ
“ทำมัย ทัม แบบ นี้หล่ะ?”
ฉันถามออกไป ด้วยลิ้นที่แค่พอจะขยับได้บ้าง
“เพื่อจะช่วย เพื่อนของพวกผมน่ะ”
“เพื่อจะช่วยเพื่อนพ้องของพวกข้า ต่อให้จะต้องเป็นยักษ์หรืออสูรก็ไม่เป็นไร เพราะแบบนั้นแหละ พวกข้าถึงตัดสินใจทำขนาดนี้”
ไม่เข้าใจเลย
ทำไมการจะช่วยเพื่อนของพวกเขามันถึงเกี่ยวกับการพาฉันมาที่นี่ด้วยล่ะเนี่ย
“พวกผมมีพวกพ้องอยู่อีกคนนึง เพื่อนของพวกผมคนนี้ เขาเก่งเกินไปสำหรับปาร์ตี้ของพวกผมด้วยซ้ำ แต่ไม่กี่วันก่อน ตอนที่พวกผมไปทำภารกิจช่วยเหลือกลุ่มคนที่ถูกกลุ่มโจรลักพาตัวไป เพื่อนของผมคนนั้นก็ถูกพวกโจรโจมตีใส่ในวินาทีสุดท้าย แล้วก็โดนยาพิษเข้า”
“มันเป็นยาพิษที่ทั้งหายาก ทั้งฤทธิ์รุนแรง เพราะแบบนั้น ยาถอนพิษมันก็แพงตาม แพงขนาดที่ทหารรับจ้างอย่างพวกเราซื้อไม่ไหวหรอก ถ้าไม่ทำงานเก็บเงินซักเดือนนึง แต่เพื่อนของฉันบอกว่า ถ้าปล่อยเขาไว้แบบนี้ พวกพ้องของพวกเราคงจะตายภายในอาทิตย์เดียว”
“เพราะแบบนั้นแหละ พวกข้าถึงต้องรับภารกิจนี้มา ไข่ของคิลลิงเซอเพนท์ ว่ากันว่าเป็นอาหารชั้นเลิศที่มีราคาแพงสุดๆ ไข่แค่ใบเดียวก็มีมูลค่าสูงลิ่วแล้ว ขอแค่พวกข้าเอาไข่ซักฟองนึงกลับไปได้ พวกข้าก็ช่วยเพื่อนพ้องคนนั้นได้แน่นอน”
ถึงจะฟังภูมิหลังสาเหตุของภารกิจครั้งนี้จนจบแล้ว ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้างั้นแล้วทำไมฉันถึงถูกพามาที่นี่ด้วย
นี่สมองของฉันมันชาตามไปด้วย หรือฉันแค่ไม่อยากจะคิดถึงมันเองกันแน่เนี่ย
“แต่ว่า มันก็ยังมีปัญหาอยู่ข้อนึง คิลลิงเซอเพนท์น่ะเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันอาศัยอยู่แถวนี้ แม้แต่ทหารรับจ้างมืออาชีพก็ยังรับมือลำบากเลย พวกผมไม่มีทางล้มมันได้แน่นอน อีกอย่าง เพราะพิทออร์แกนของคิลลิงเซอเพนท์นี่แหละ แทบจะเป็นที่แน่นอนเลยว่ามันจะรู้สึกถึงพวกเราได้ก่อนที่เราจะทันเข้าใกล้ไข่ในรังของมันซะอีก แล้วพวกผมทั้งหมดก็คงโดนมันกลืนลงไปทั้งตัวแบบไม่ต้องเคี้ยวเลย
TN: Pit’s organ (พิทออร์แกน) คือรูบริเวณใบหน้าและขอบปากของงูบางสายพันธุ์ ซึ่งจะช่วยให้งูสามารถรับรู้อุณหภูมิ ระบุขนาด และระยะทางของวัตถุตามความร้อนของวัตถุได้
ในตอนที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงต่อ พวกผมก็ได้เจอหนูพอดี เด็กผมสีดำที่ถูกผู้คนจงเกลียดจงชัง แล้วต้องเหงาหงอยตัวคนเดียวมาทั้งชีวิต เป็นตอนนั้นแหละ ที่ผมนึกถึงนิสัยของคิลลิงเซอเพนท์ขึ้นมาได้”
ถ้าฟังมาจนถึงตรงนี้ ฉันก็เข้าใจได้ประมาณนึงแล้วล่ะ
ฉันพยายามดิ้นรนขยับร่างกายตัวเองสุดฤทธิ์ แต่มันก็ไม่กระดิกเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าฉันจะอยากขยับตัวมากขนาดไหนก็ตาม
“คิลลิงเซอเพนท์น่ะ… ชอบเนื้อของสัตว์อายุน้อยๆ มาก มากขนาดที่ยอมทิ้งไข่เพื่อจะไปลองลิ้มรสเลยล่ะ”
“―――!!”
หมายความว่า พวกเขา
พวกเขาคิดจะใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อ แล้วก็ใช้โอกาสนั้นเข้าไปเอาไข่งั้นเหรอ
ฉันถูกขายไปเป็นทาส ไม่เหลือครอบครัวหรือญาติที่ไหน แล้วต่อให้ฉันจะหายสาบสูญไปก็ไม่มีใครมาใส่ใจอยู่แล้ว
“ขอโทษด้วยจริงๆ งานนี้พวกผมต้องโดนนรกจองตัวเอาไว้แล้วแน่ๆ แต่ว่า ถึงยังงั้น พวกผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องช่วยพวกพ้องเอาไว้ให้ได้”
“จะเกลียดจะแค้นพวกฉันก็ได้ ไม่เป็นไร”
“…ขอโทษด้วย”
พวกเขาเป็นคนดีนะ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
แต่ว่านั่นแหละ นี่ก็คือคำตอบของพวกเขาล่ะ
ตัดสินใจสละชีวิตใครซักคนเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของพวกเขา
คงเลือกได้ในตอนที่ฉัน คนที่น่าจะเป็นเหยื่อสังเวยที่ใช้ได้ง่ายที่สุดแล้วในโลกนี้ โผล่มาตรงหน้าพวกเขาพอดีก็ได้ล่ะมั้ง
ถ้านี่เป็นนิทานซักเรื่องนึง พวกเขา 3 คนก็คงจะใช้กำลัง มันสมอง และความกล้าเข้าเผชิญหน้ากับงูยักษ์ จัดการมันลงได้ไปแบบเฉียดฉิว เอาไข่กลับออกมาได้ และช่วยเพื่อนพ้องของพวกเขาได้ในที่สุด
แต่ความเป็นจริงน่ะ ปาฏิหาริย์พรรค์นั้นไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก
พยายามสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด นั่นน่ะมันไม่ใช่ความกล้า แต่เป็นความบ้าบิ่นมุทะลุต่างหาก
ถ้าพวกเขาไม่ใช้ชีวิตของฉันเป็นเหยื่อผู้เสียสละ พวกเขาก็ไม่มีทางช่วยเพื่อนของพวกเขาได้เลย
แต่ว่า
“ไม่ เอา…”
ไม่เอาด้วยหรอก
ต้องลำบากขนาดไหน ฉันถึงหนีออกมาจากชีวิตที่ไร้ความหวังในชาติของตัวเองมาได้ซักที
ต้องลำบากขนาดไหน ฉันถึงหนีออกมาจากชีวิตที่เกือบจะต้องกลายเป็นทาสไปตลอดชีวิตมาได้
นี่อิสระของฉันจะหมดลงในเวลาแค่ไม่กี่วัน แล้วชาติที่ 2 ของฉันก็ต้องจบลงด้วยการเป็นอาหารงูน่ะเหรอ?
อย่ามาล้อเล่นน่า ทั้งชาติก่อนทั้งชาตินี้ ชีวิตของฉันมันถูกมัดตรึงเอาไว้ทุกทาง แล้วอิสรภาพที่ฉันอุตส่าห์ได้มาก็อยู่ได้แค่ไม่กี่วันเองเนี่ยนะ?
ถ้างั้น ฉันจะเกิดมาเพื่ออะไรกัน?
ฉันเพิ่งตัดสินใจเองนะว่าจะหาความหมายในการมีชีวิตของตัวเอง
แล้วนี่ชีวิตในชาติที่ 2 ของฉันจะต้องมาจบลงเพื่อเป็นเหยื่อสังเวยให้มนุษย์คนนึงที่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำหน้าตาเป็นยังไงเนี่ยนะ?
“อย่ามา พูด บ้าบ้า…!”
ถึงในใจฉันมันจะอยากขัดขืนแค่ไหน แต่ร่างกายมันก็ไม่ยอมขยับเลย
ถึงจะเป็นสถานการณ์ที่ฉันทั้งดิ้นรนทั้งสิ้นหวัง พวกเขาก็ยังเดินกันไม่หยุด
“…แถวนี้แหละ”
พวกคณะทหารรับจ้างหยุดเดินกันแล้ว ก่อนที่ผู้ชายผมแดงจะยิงเวทไฟออกไปตรงนู้นตรงนี้
อาจจะเพื่อสร้างแสงก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไง เจ้างูนั่นก็ต้องหาเจออยู่แล้ว
แล้ว มันก็โผล่ออกมาตรงหน้าฉัน
“โอ้โห!?”
“อื้อ…!”
คิลลิงเซอเพนท์
สัตว์ประหลาดที่โดนเรียกมานั่น จ้องมาที่ฉันเขม้งเลย
ผิวของมันเป็นสีลายสีเหลืองกับสีดำ ตาของมันเปล่งแสงสว่างสีแดง และลิ้นของก็แลบออกมาแผลบๆ
ตัวมันยาวได้เกือบๆ 20 เมตรเลยมั้ง การโดนกลืนเข้าไปทั้งตัวในคำเดียวเนี่ยเรื่องกลัวๆ เลย
“ซ―――ซี่”
“ต- ตัวใหญ่ชะมัด…!”
“ใจเย็นกันก่อน! เป้าหมายไม่ใช่เจ้านี่! ไข่มันต่างหาก!”
เจ้างูเหมือนจะพุ่งเข้ามาได้ตลอดเวลาเลย แต่มันก็หยุดสายตาไปที่จุดๆ นึง แล้วมันก็นิ่งไปไม่ขยับตัวเลย
ใช่ มันมองเข้ามาที่ตาฉันเลยนี่แหละ
“วางเด็กคนนั้นลงมาได้แล้ว”
“น- นี่ เราพอแค่นี้ดีกว่านะ”
“ถ้างั้น! เราจะช่วยเจ้านั่นได้ยังไงล่ะฮะ!”
“อุก…”
“ชีวิตของเจ้านั่น สำคัญกับผมมากกว่าเด็กแปลกหน้าคนนึงนะ พวกนายล่ะว่าไง”
ลุงยักษ์กับผู้หญิงคนนั้นลังเลอยู่แวบนึง ก่อนที่ในที่สุดจะวางตัวฉันลง
ก่อนจะจิ้มเข็มใส่ฉันอีกรอบนึง
“นี่ยาแก้ของพิษเหน็บชานะ ถ้าหนูโชคดี ก็อาจจะรอดไปได้อยู่… ขอโทษด้วยจริงๆ”
พูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แล้วพวกทหารรับจ้างก็มุ่งหน้าไปเอาไข่กันทันทีเลย
แต่ว่า ก็เหมือนกับพวกทหารรับจ้างที่ไม่ได้สนใจแล้ว คิลลิงเซอเพนท์ก็กำลังจ้องฉันอยู่
เจ้านั่นคงน้ำลายไหล แล้วดูเหมือนจะหัวเราะอยู่ในใจแหงๆ
“อูว…”
“ซ―――ซี่”
ไม่เอานะ ฉันยังไม่อยากโดนกินนะ
ตอนนี้ขยับตัวได้แล้ว ถ้าแบบนี้ล่ะก็―――
“ช่าาาาาาาาา!”
“คิย้าาา!”
งูนั่นที่พยายามจะกินฉัน มันเร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลย
ฉันหลบมันได้แบบเฉียดฉิว แบบเฉียดฉิวจริงๆ แต่เจ้างูมันก็บิดตัวแทบจะทันที แล้วก็พุ่งเข้ามาหาฉันต่อเลย
“กรี๊ดด!”
ฉันใช้ประโยชน์จากร่างกายเล็กๆ ของตัวเองไปซ่อนตรงรอยแยกของช่องหิน
แต่คิลลิงเซอเพนท์ก็ยังพุ่งตรงเข้ามาอย่างไม่ลังเลเลยซักนิด เข้าซัดใส่ฉันพร้อมๆ กับทุบหินข้างๆ ไปพร้อมกันเลย
ฉันบิดตัวไหลผ่านทางคางของงูยักษ์ แล้วก็หนีออกมาได้พอดี แต่ในตอนนั้น น้ำลายของเจ้างูนั่นก็หยดลงมาโดนนิ้วของฉันนิดนึง
“กรี๊ด!?”
“ซ―――ซี่”
มันเจ็บที่นิ้วก้อยซ้ายมากๆ แถมยังแสบไปทั่วจนไม่อยากจะเชื่อเลย
ฉันคุ้นเคยกับการเจ็บตัวอยู่แล้วด้วย ฉันก็เลยยังพอเดินไหว แต่พอมันแสบขนาดนี้มันก็ทำให้ฉันน้ำตาคลอเบ้าเลย
พอฉันก้มลงไปมองดูที่นิ้วของตัวเอง ก็เห็นว่านิ้วก้อยของฉันมันเหลวเละเป็นโจ๊ก ยังกับว่ามันโดนกรดกัดจนยุ่ย ดูแล้วเหมือนกับว่านิ้วมันจะหลุดออกไปตอนไหนก็ได้เลย
“พ- พิษ…”
“ช่าาาาาาาาา!”
ถึงน้ำตามันจะทำให้ภาพตรงหน้ามัวไปหมด แต่ฉันก็ยังวิ่งไหวอยู่
แต่ ก็แหงล่ะ แป๊บเดียวฉันก็โดนไล่ทันได้อยู่แล้ว
“ช่าาา!”
“กัก!”
ฉันโดนท้องงูกระแทกใส่ จนได้ยินเสียงเปาะเหมือนกระดูกแตกที่ไหนซักที่ในร่างกาย ตามมาด้วยความเจ็บปวดมหาศาลวิ่งพล่านไปทั่วตัวด้วย
ต่อให้อยากจะกรี๊ดออกมา แต่ปอดของฉันมันโดนอัดจนหายใจได้ไม่ทั่วท้องเลย แค่พูดก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“อะ กิ…”
“ชรรรรรรู”
เจ้างูส่งเสียงดีใจ ก่อนจะละออกมาจากตัวฉัน
อาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ว่าฉันขยับตัวไม่ไหวแล้ว
พอฉันเหลือบสายตาขึ้นมามอง ฉันก็เห็นพวกทหารรับจ้างอยู่ตรงนั้นด้วย
พวกเขา 3 คนอุ้มไข่ใบใหญ่ใบนึงอยู่ด้วย แล้วก็รีบวิ่งเผ่นแน่บกันไปแบบสุดชีวิตเลย
แวบนึง ฉันสบตากับผู้ชายผมแดงคนนั้นด้วย
แต่เขาก็แค่ทำสีหน้าขอโทษ แล้วก็ไม่ได้หยุดฝีเท้าตัวเองลงเลย
TN: เออ… ไม่รู้ว่าควรจะเห็นด้วย หรือเห็นแย้งดีล่ะเนี่ย