ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 9
ถึงฉันจะยังสิ้นหวังอยู่แบบนี้ เจ้างูนั่นมันก็ไม่ได้คิดจะรอหรอก
พอมันคิดว่าการเคลื่อนไหวของฉันมันหยุดไปแล้ว เจ้างูก็อ้าปากกว้าง แล้วพุ่งเข้ามาใส่ฉันเลย
“กรี๊ด!”
ฉันขว้างหินก้อนใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ใส่เจ้างูนั่นที่พยายามจะกินฉันเต็มที่เลยอย่างสิ้นหวัง
แต่ก็นะ แค่แรงของเด็ก พลังมันก็มีอยู่แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง
หินก้อนนั้นมันก็ลอยเข้าไปในปากงู แถมดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรเลยซักอย่าง
“ชุแอ๊ก!”
ผิดจากที่คาดแฮะ เจ้างูนั่นหยุดเคลื่อนไหวไปแล้ว แถมพ่นหินออกมาจากปากด้วยท่าทางเหมือนกับว่ามันสำลักเลย
ตามปกตินี่ ถ้าเกิดมีอะไรซักอย่างเข้าไปในปาก ก็คงต้องอยากไอออกมานั่นแหละ
แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็แปลว่าเจ้างูนี่ไม่ได้มองฉันเป็นอะไรไปมากกว่าอาหารเลยสินะ
“ต้อง หนี”
ต่อให้ต้องคลานออกไปก็เถอะ ถ้าไม่หนีตอนนี้ล่ะก็ แค่ไม่กี่วิฉันก็ต้องโดนกินแน่ๆ
ขาขวาของฉันก็ใช้ไม่ได้แล้ว แต่ขาซ้ายของฉันยังพอจะใช้ได้อยู่
ต้องใช้ร่างกายของตัวเอง ลากสังขารของตัวเองออกไปจากที่นี่ให้ได้
“ช่าาาาาา!”
“กรี๊ด!”
เจ้างูนั่นสะบัดหางของมันเหมือนกับว่าจะหงุดหงิดที่เหยื่อของมันเองเอาแต่ขัดขืนอยู่ดี แล้วหางนั่นก็เฉี่ยวฉันไป
แค่นั้นก็กระแทกฉันจนกระเด็น ลอยไปจนตกกลับมากระแทกกับพื้นแล้ว
“อุก…”
“ช่าาาา”
เจ็บ
เจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บ
ไม่เอาแล้ว ฉันไปทำอะไรให้นักหนาหรือไง?
ตั้งแต่เกิดมาที่โลกนี้ หรือจะในชาติก่อน ฉันก็ไม่เคยไปพรากอะไรมาจากใครเลยซักครั้งด้วยซ้ำไปนะ
พอได้แล้วมั้ง ฉันผ่านนรกมาจากที่โลกนั้นมาแล้วนะ ถ้าได้รางวัลตอบแทนนิดๆ หน่อยๆ ก็คงดี
ทำไมถึงมีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
โดนคนหลอกใช้ โดนคนทำร้าย โดนคนหักหลัง
แล้วสุดท้าย ก็ยังต้องโดนงูยักษ์ตัวนี้กินอีกเหรอ…?
“ช่าาาาาาา!!”
ไม่เอานะ
ไม่เอานะ ไม่เอานะ ไม่เอานะ ไม่เอานะ
ฉันไม่อยากมาตายอยู่ในที่แบบนี้นะ
“ช- ช่วย ด้วย…”
“ช่าาาาาาา!!”
“ม่ายยยย!!”
ฉันยังไม่อยากตาย แต่ความตายก็มาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว
ทำไมต้องเป็นฉันด้วย
ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรใครให้มามีสภาพแบบนี้เลยนะ
ทำไมทำไมทำไมทำไมทำไมทำไมทำไมทำไมทำไมทำไมทำไมทำไม!!
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!”
ฉันร้องออกมาสุดเสียง
สติหลุดแทบบ้า ใช้ร้องทั้งหมดที่มี กรีดร้องออกมาเสียงดังแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
และแล้ว
คิลลิงเซอเพนท์ก็ลงไปนอนราบอยู่ตรงนั้น นิ่งไม่ไหวติงเลย
“ฮะ…… ฮะ……”
ไม่รู้เลย มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันเหรอ หรือว่าฉันทำอะไรลงไป
แต่มันเจ็บมาก จนหมดสติไปเลย
“อ- อือ… โอ๊ย!”
ทันทีที่ตื่นขึ้นมา สติของฉันก็ตื่นเต็มตาด้วยความเจ็บปวดที่วิ่งพล่านไปทั่วตัวเลย
ถึงยังงั้น ฉันก็ใช้อวัยวะในส่วนที่ยังพอจะขยับได้บ้าง พยุงร่างกายท่อนบนของฉันขึ้นมา
โชคดีจังที่เลือดไม่ได้ออกเยอะอะไร หัวก็ไม่ได้กระแทกแรงขนาดนั้นด้วย
ฉันเจ็บฟกช้ำไปทั่วทั้งตัว กระดูกหักหลายส่วน ตาขวาก็มองไม่เห็นด้วย เหมือนกับว่าโดนอะไรกระแทกใส่ซักอย่าง
แต่ว่า ก็ยังมีชีวิตอยู่ เพราะอะไรซักอย่าง
“ฮะ…… ฮะ…… จริงสิ เจ้านั่น”
ถ้าฉันยังไม่ตาย แล้วเจ้างูนั่นล่ะ?
ฉันใช้สายตาที่มองเห็นได้ในที่มืด ที่ถึงตาข้างนึงจะปิดอยู่ก็ยังมองเห็นได้ พร้อมๆ กับฝืนร่างกายที่เจ็บไปหมดหันกลับไปข้างหลัง แล้วเจ้างูก็อยู่ตรงนั้นนั่นแหละ
“คิย้า!?”
ตรงนั้นมีร่างของคิลลิงเซอเพนท์ นอนนิ่งไม่กระดิกกระดุกอยู่ด้วย
แสงในตาของมันหายวับไป แค่บิดตัวก็ยังทำไม่ได้ ระยะขนาดนี้ ฉันก็ยังรู้สึกได้เลยว่ามันตายแล้ว
“นี่มัน อะไรกันเนี่ย……”
ไม่เข้าใจเลย
ฉันไม่คิดว่าพวกทหารรับจ้างพวกนั้นจะทำอะไรได้หรอก อีกอย่าง ไม่มีร่องรอยของแผลเลยด้วยซ้ำ
งั้น หมดอายุขัยงั้นเหรอ?
แต่ เจ้างูยักษ์ที่เพิ่งจะไล่ล่าฉันแบบคึกคักเมื่อกี้น่ะนะ? เป็นไปไม่ได้หรอก
ฉันลากร่างของตัวเองไปรอบๆ เพื่อจะมองหาแผลสาหัสที่อาจจะอยู่ด้านหลังของตัวงู แต่ตรงนั้นก็ไม่มีแผลเหมือนกัน แบบนี้ฉันก็ไม่รู้แล้วล่ะว่างูตัวนี้มันตายได้ยังไงกันแน่
นี่มันอะไรก―――
“เอ๊ะ?”
ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่ามีอะไรไม่รู้ดิ้นไปมาอยู่ในตัวฉันเลย
แต่ก็ ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรนะ มันรู้สึก สงบ เหมือนกับว่าเป็นอะไรซักอย่างที่อยู่กับตัวมานานแล้ว
ก่อนที่ฉันจะทันรู้ตัว ฉันก็รู้วิธีจะใช้พลังนี่แล้ว
จากในร่างกาย ตั้งสมาธิเอาไว้ให้ใกล้กับมือ แล้วก็ปล่อยมันออกไปด้วยความรู้สึกเหมือนกับปล่อยมันให้ออกไปนอกตัว
จากนั้น ก็มีก้อนเล็กๆ กลมๆ ดำๆ อะไรไม่รู้ออกมาจากฝ่ามือของฉัน
มันลอยออกไปเอื่อยๆ เข้าไปโดนวัชพืชกอนึงตรงมุมๆ นึงของถ้ำ
จากตรงนี้แหละ ที่เรื่องน่าเหลือเชื่อมันเกิดขึ้น
กอวัชพืชตรงนั้นก็เฉา แบบทันทีเลยด้วย
“นี่มัน อะไรน่ะ”
ฉันไม่รู้เลยว่าพลังนี่มันคืออะไรกันแน่
เป็นเวทมนตร์เหรอ หรือว่าเป็นพลังอื่นที่ต่างออกไปเลย
แต่ มีสมมติฐานอย่างนึงที่ดูจะเป็นจริงอยู่นะ
“หรือว่า คนที่จัดการงูตัวนี้คือ… ฉันเอง?”
ทำให้ต้นไม้เฉาลงไปในพริบตา ถ้าจะสรุปเอาว่ามันลบพลังชีวิตออกไปก็สมเหตุสมผลอยู่นะ
หรือก็คือ ตอนที่ฉันโดนเจ้างูพุ่งเข้าใส่ ความสามารถอันนี้ก็ระเบิดออกมาเหมือนพลังแฝงที่เรายกตู้เย็นได้ตอนที่บ้านไฟไหม้งั้นสินะ
พลังในการ [พรากชีวิตจากสิ่งมีชีวิต] น่ะ
“ฮะ ฮะฮะ ฮะฮะฮะ… นี่มันยอดไปเลย”
พลังที่แฝงอยู่ในตัวฉันจนถึงตอนนี้ ฉันที่ถูกพรากเอาไปทุกสิ่งทุกอย่าง คือพลังในการพรากชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดของทุกคนงั้นเหรอ
น่าตลกดีนะ แต่ก็ไม่เลวเลย
เฮ้อ เหนื่อยจังเลย
เหนื่อยแล้วกับการเชื่อใจผู้คน เหนื่อยแล้วกับการเชื่อฟังคนอื่น เหนื่อยแล้วกับการคิดหาความหมายในการมีชีวิต
พอกันที ไม่ว่าจะพยายามทำอะไร ฉันก็ทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่าง
เพราะอะไรล่ะ? ในชาติก่อน ฉันตกจมอยู่ในก้นเหวของความสิ้นหวังในชีวิต แล้วตอนนี้ก็ยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก
ขนาดคนพวกนั้นที่ใจดีกับฉัน ก็แค่ทำเพื่อหลอกใช้ฉันเท่านั้นเอง
ฉันเหนื่อยแล้วล่ะกับการถูกหลอกใช้
เพราะงั้น ก็หยุดคิดมันไปซะเลยดีกว่า
ทำอะไรก็ช่างตามที่ใจอยากไปเลย ฉันไม่สนอะไรอีกแล้ว
นั่นสินะ ในเมื่อมีพลังแบบนี้อยู่แล้ว ทำไมไม่เป็นฆาตกรสังหารหมู่มันไปซะเลยล่ะ
ฉันที่ถูกพรากทุกอย่างไป จะขอมาเป็นฝ่ายพรากทุกอย่างบ้างก็แล้วกัน ต้องรู้สึกดีมากแน่ๆ
ดีล่ะ เอาแบบนั้นเลยแล้วกัน
เริ่มจาก เจ้า 3 คนนั่นก่อนเลย
น่าสนุกดีนะ กับการฆ่าเจ้าพวกนั้นที่ผลักฉันจนมาอยู่ในจุดนี้น่ะ
ฉันวางมือของตัวเองบนกำแพง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปที่ทางออกของถ้ำ พร้อมๆ กับที่คอยระวังขาที่หักของตัวเองอยู่ด้วย
กับโลกเวรตะไลแบบนี้ มาใส่แรงกระตุ้นลงไปซักนิดนึงก็แล้วกัน
TN: “ฉันก็คิดว่าชีวิตของฉันมันเป็นโศกนาฏกรรม แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องตลก”
ปรบมือสิครับ สังคมได้หล่อหลอม และสร้างโจ๊กเกอร์ขึ้นมาอีกคนนึงแล้ว