ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 115 เหตุใดจึงชอบคอของข้านักหนา?
บทที่ 115 เหตุใดจึงชอบคอของข้านักหนา?
บทที่ 115 เหตุใดจึงชอบคอของข้านักหนา?
หญิงสาววิ่งไปได้ครึ่งทาง พลันนึกขึ้นได้ว่าต้องทำภารกิจคุ้มกันท่านรองเจ้าเมือง นางจึงต้องหันกลับมาแบกหลิงเยว่ที่วิ่งช้ากว่าเสียยิ่งกว่าหอยทากไปด้วย
น่าเสียดายที่ไม่ว่าทั้งสองจะวิ่งอย่างไร เจ้าศพแห้งสีทองก็ตามมาราวกับเงาตามติด แล้วยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาจ้องมองมายังพวกนางด้วยแววตาลึกล้ำ ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนแสงเทียนสลัว ก่อนที่มุมปากของร่างนั้นจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชวนขนลุก
“ข้าศึกบุกแล้ว ข้าศึกบุกแล้ว!”
เสียงนั้นปลุกให้ทั้งเมืองที่เคยมีเพียงเสียงลมหายใจในยามค่ำคืนตื่นขึ้น
จากนั้น เสียงดังเอ็ดอึงก็เกิดขึ้นทั่วเมือง
“อ๊าก! สิ่งนี้คืออะไรกัน!”
“แหวะ เหม็นเหลือเกิน อ๊าก! มันไล่ตามมาแล้ว ทุกคนวิ่งเร็ว!”
“ฮือ… ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย!”
…
นอกจากจวนเจ้าเมืองแล้ว มีแสงสว่างลุกโชนไปทั่วเมือง คละเคล้าไปกับเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ หลิงเยว่และหญิงสาวนางนั้นหยุดอยู่ห่างจากซากศพสีทองเพียงไม่กี่ก้าว
“อย่าได้ทำร้ายพวกเขา ข้าจะไปกับเจ้าเอง”
แม้หลิงเยว่จะหวาดกลัว แต่นางไม่ยอมให้ผู้อื่นต้องตายเพราะตนเองเป็นอันขาด
หลิงเยว่รู้สึกได้ว่าเจ้าซากศพสีทองนี้ ไม่ได้หวังเอาชีวิตนาง ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ การหลบหนีก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องแบกรับภาระมากมาย
“ช่างเป็นคนใจบุญเสียจริง…”
ซากศพสีทองจัดแจงเสื้อผ้าอันหลวมโคร่งบนร่างของมันช้า ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น ทุกย่างก้าวของอีกฝ่ายนั้นราวกับเหยียบย่ำลงบนหัวใจหลิงเยว่
เสียงกรีดร้องจากภายนอกยังคงดังระงม ส่วนลมหายใจของหลิงเยว่ก็เริ่มติดขัด
“ข้าบอกให้เจ้าสั่งพวกซากศพเหล่านั้นหยุดเสีย มิฉะนั้นสิ่งที่เจ้าจะได้คือร่างไร้วิญญาณของข้าเพียงเท่านั้น!”
หลิงเยว่ชักมีดสั้นออกมาจ่อที่ลำคอของตนเอง มีดอันคมกริบถูกกรีดลงบนลำคอ เกิดเลือดสีแดงสดไหลลงมาตามคมมีด หยดเลือดแต่ละหยดราวกับดอกเหมยที่บานสะพรั่งกำลังร่วงลงสู่พื้น
นางได้แต่เดิมพันว่าเจ้าซากศพสีทองจะไม่ต้องการเพียงร่างไร้วิญญาณของนาง…
หากต้องการเพียงร่างไร้วิญญาณจริง หลิงเยว่คงกลายเป็นซากศพสมใจอีกฝ่ายเป็นแน่ แต่นางยังรักชีวิตยิ่งนัก!
ซากศพสีทองจ้องมองเลือดที่หยดลงบนพื้น ก่อนดวงตาสีดำจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ริมฝีปากนั้นยกยิ้มสูงยิ่งกว่าเดิม
เลือดของเด็กสาวหอมยิ่งนัก…
ลิ้นยาวสีดำกำลังเลียริมฝีปาก พร้อมแววตาแห่งความโลภ
เสียงร้องตะโกนด้านนอกจวนเจ้าเมืองแผ่วลงแล้ว…
แสงสีเขียวมรกตพุ่งทะลุฟากฟ้ายามค่ำคืน เจาะทะลุลงไปยังร่างของซากศพสีทอง
เมื่อหลิงเยว่เห็นเช่นนั้น ร่างของเธอก็ล้มลงตามซากศพสีทองไปด้วย ในที่สุด อาจารย์ของนางก็กลับมาเสียที หลิงเยว่ร้องไห้โฮด้วยความหวาดกลัว นางไม่เคยทำสิ่งใดให้ใครขุ่นเคือง แล้วเหตุใดชีวิตที่สงบสุขจึงไม่ย่างกรายเข้าหาเด็กสาวเลยนับตั้งแต่ที่ออกจากสำนักมา
หรือว่านางควรกลับสำนัก แล้วไปซ่อนตัวเป็นร้อย ๆ ปี จากนั้นจึงค่อยออกมา ด้วยตั้งแต่ที่ก้าวออกมาจากสำนัก ก็ไม่พ้นต้องหลบหนีหรืออยู่ระหว่างการถูกไล่ล่า
ชีวิตช่างเหนื่อยล้านัก!
ซากศพสีทองล้มลง แต่หญิงที่ยืนเฝ้าหลิงเยว่อยู่นั้นยังคงระมัดระวังเป็นพิเศษ พวกคนจากนิกายอสุภะและซากศพสีทองช่างแปลกประหลาดนัก บ่อยครั้งที่พวกมันฟื้นคืนชีพในร่างของผู้อื่น อาจเป็นไปได้ว่าตอนนี้มันกำลังมองหาร่างใหม่อยู่…
“หืม…”
ลมพัดโคมไฟจนแสงสลัวนั้นมืดลงในพริบตา ทำให้จวนเจ้าเมืองทั้งหลังจมดิ่งสู่ความมืดมิด
หลิงเยว่ที่ล้มลงกับพื้นรู้สึกหลังเย็นวาบ นางหันขวับด้วยความระแวดระวัง แต่เบื้องหลังกลับว่างเปล่า มีเพียงสิ่งเหนียวเหนอะหนะและเย็นยะเยือกพันอยู่รอบคอ โดยเฉพาะบริเวณที่ถูกแทง คล้ายกับถูกดูดกลืนจากอะไรบางอย่างอยู่!
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เหนียวเหนอะหนะตรงคอว่าอาจเป็นลิ้นของเจ้านั่น หลิงเยว่ก็พยายามกลั้นความรู้สึกคลื่นไส้เอาไว้ แล้วถามระบบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“มีสิ่งใดที่สามารถฆ่ามันได้บ้าง?”
ลิ้นนั้นยังคงเลื้อยไล้ไม่หยุด น้ำลายไหลซึมเหนอะหนะ ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจและคลื่นไส้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลิ่นเน่าเหม็นที่ลอยมาเตะจมูก หลิงเยว่สั่นเทาไปทั้งร่างโดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้
ลิ้นเริ่มพันแน่นขึ้น หลิงเยว่หน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด นางคิดจะยื่นมือไปจับลิ้น ทว่าสองมือนั้นกลับไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย
อาจารย์ไม่ได้มาถึงแล้วหรือ เหตุใดจึงยังไม่ออกมาช่วย นางจะทนไม่ไหวแล้ว…
[วิญญาณสังหารอสูรสุดพิเศษ: สามารถฆ่าวิญญาณได้ทันที ราคา : หนึ่งร้อยล้านค่าพลังวิญญาณ]
หลิงเยว่ตกใจพลางสูดหายใจเข้าลึก หนึ่งร้อยล้าน!
ค่าพลังวิญญาณจากภารกิจหนึ่งปีของนางได้เพียงล้านเดียวเท่านั้น
“ข้าขอยืม…”
หลิงเยว่ยังพูดไม่ทันจบ ลิ้นที่คอก็แข็งทื่อแล้วถูกกระชากออกไป ความรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อครู่พลันหายไปเช่นกัน
หลิงเยว่ล้มลงบนพื้นพลางหายใจหอบใหญ่ นางเกือบจะต้องเป็นหนี้เพิ่มแล้ว
“เลือดของลูกศิษย์ข้าอร่อยหรือไม่?”
ชิงยวนกำลิ้นสีดำนั้นด้วยสีหน้ารังเกียจ นางเพียงบีบมือเล็กน้อย ลิ้นนั่นก็ดิ้นพล่าน ทว่าดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด
“หากจับเจ้าไปทำเป็นโอสถพิษ จะเป็นผลดีหรือไม่นะ?”
ลิ้นสีดำนั้นชะงักนิ่งไป
หลิงเยว่เริ่มขยับตัวได้เพียงไม่นาน นางก็ล้มลงไปอีกครั้ง สาเหตุที่นางสลบไปนั้น เป็นเพราะหลิงเยว่ทั้งเสียเลือดมาก อากาศหนาวเย็นและความตกใจกลัว
“จับได้แล้วหรือ?”
ซูซวงเดินถือคันธนูสีทองเข้ามา โดยไม่ละสายตาจากลิ้นสีดำนั้นแม้เพียงนิด
“น่าขยะแขยงสิ้นดี ใครจะไปคิดว่าผู้ควบคุมนิกายอสุภะจะกลายเป็นเพียงลิ้นเน่า ๆ เช่นนี้”
ชิงยวนฮึดฮัดแล้วแปะยันต์ลงบนลิ้นสีดำ ก่อนจะยัดใส่ขวดเล็ก ๆ เพื่อนำไปทำโอสถพิษ
ในที่สุด ราชานิกายอสุภะและซากศพสีทองก็ตกอยู่ในมือของสำนักหลานเทียน ราชานิกายอสุภะอยู่กับบรรพจารย์เล่อเหอ ส่วนซากศพสีทองอีกตนอยู่กับชิงยวน
สำนักมารชั่วร้ายอันดับหนึ่งแห่งทะเลทรายตอนเหนือได้หายสาบสูญไปแล้ว
หลิงเยว่สลบไปถึงสามวันสามคืน เมื่อนางตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ทำคือจับคอของตนเอง สัมผัสเหนียว ๆ นั่นหายไปแล้ว ส่วนร่องรอยของบาดแผลก็ไม่หลงเหลือ
ร่างกายของนางฟื้นฟูดีแล้ว แต่บาดแผลทางจิตใจยังคงอยู่ ครั้งก่อนที่ถูกงูเหลือมรัดคอ ครั้งนี้ยังจะโดนซากศพเลียคออีก คออันบอบบางของนางจะต้องได้รับการดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี ครั้นว่างเมื่อใดนางต้องกลับสำนัก เพื่อขอให้ผู้อาวุโสช่วยสร้างเครื่องรางปกป้องคอบ้างเสียแล้ว
หลิงเยว่ขัดถูคอจนหนังถลอก ความรู้สึกในใจถึงจะดีขึ้นมาบ้าง
หลังจากอาบน้ำเสร็จ นางก็เปิดประตูห้อง แสงแดดด้านนอกสาดส่องทำให้อากาศร้อนจัด เขตทะเลทรายมีความต่างของอากาศในแต่ละช่วงเวลามาก โชคดีที่มีพลังวิญญาณปกป้องร่าง มิเช่นนั้นหลิงเยว่คงร้อนจนละลายไปแล้ว
“ท่านรองเจ้าเมืองตื่นแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปแจ้งต่อท่านเจ้าเมือง” ผู้คุ้มกันที่ประจำอยู่หน้าประตูก็ประหลาดใจที่เห็นหลิงเยว่ฟื้นแล้ว
“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”
มีคนมากมายอยู่ด้านนอกจวนท่านเจ้าเมือง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยละล่องไปในอากาศ ชาวเมืองที่เดินผ่านไปมามีรอยยิ้มบนใบหน้า ทักทายหลิงเยว่อย่างอบอุ่น ราวกับว่าคืนที่ซากศพเข้ามารุกรานนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน
เป็นความฝันอย่างนั้นหรือ?
หลิงเยว่ยื่นมือไปลูบคอด้วยความงุนงง นั่นจะเป็นเพียงความฝันได้อย่างไร?
“ข้าหมดสติไปกี่วันหรือเจ้าคะ?” หลิงเยว่คว้าตัวหญิงสาวผู้หนึ่งที่แสร้งทำทีจะเดินผ่านนางไป
“สามวัน”
“มีผู้คนล้มตายไปกี่คนหรือ?”
“ไม่มีผู้ใดตาย มีบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางคิดว่าจะมีคนตายไปจำนวนมากเสียอีก นางจึงไม่ค่อยกล้าเอ่ยถาม เพราะบรรดากองทัพซากศพนั้นมีจำนวนมากเหลือเกิน
แต่ไม่คาดคิดว่ากองทัพซากศพจะน่ากลัวเพียงเปลือกนอก แท้จริงแล้วเพียงจะข่มขู่ชาวเมืองเท่านั้น อีกทั้งกองทหารชุดแดงยังสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าอาคารบ้านเรือนในเมืองจะถูกทำลายไปจำนวนมาก แต่ในช่วงเวลาที่หลิงเยว่หมดสติ ก็ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมไปบ้างแล้ว
ทันใดนั้น หลิงเยว่ก็นึกถึงเรื่องที่ท่านรองเจ้าเมืองอี้เหิงเอ่ยปากฝากฝังไว้ จึงรีบใช้แผ่นหยกสื่อสาร ถามตำแหน่งกับชิงยวนผู้เป็นอาจารย์ของนาง
เมื่อได้รับการตอบกลับ หลิงเยว่ก็รีบมุ่งหน้าไปยังสวนสมุนไพรวิญญาณทันที นางรู้สึกประหลาดใจว่าอาจารย์… ไปที่นั่นด้วยเหตุอันใด หรือไปช่วยเร่งให้สมุนไพรวิญญาณทั้งสวนนั้นเจริญงอกงามทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?
ช่างเป็นอาจารย์ที่เยี่ยมยอดนัก!