ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 116 ความรักนั้นจางหาย
บทที่ 116 ความรักนั้นจางหาย
หลิงเยว่รีบวิ่งไปยังที่หมายด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อเห็นสวนสมุนไพรวิญญาณที่ยังคงสภาพเดิม รอยยิ้มของนางก็ค่อย ๆ จางหายไป
ชิงยวนคล้ายจะเดาใจหลิงเยว่ได้ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันปรากฏขึ้น
“ศิษย์ตัวน้อยของข้า เจ้าคิดว่าอาจารย์กำลังช่วยเจ้าเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรวิญญาณอยู่หรือ?”
“ไม่ได้คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ” หลิงเยว่ปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะตรงเข้าประเด็นทันที
“เขาจ่ายไหวหรือ?”
ชิงยวนพึมพำ เมืองฮั่วหยางนี้ ผู้คนล้วนยากจนแสนเข็ญ หากให้หยิบยืมออกไป ไม่รู้ว่าจะได้คืนเมื่อใดกัน?
หลิงเยว่ไม่กล้าตอบ อย่างน้อยในช่วงเวลาอันสั้นนี้ คงไม่มีผู้ใดใช้หนี้ได้อย่างแน่นอน ผู้คนที่นี่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมืองหรือรองเจ้าเมือง ต่างมีความยากจนติดตัวมาทั้งนั้น
ชิงยวนมอบโอสถบำรุงกำลังขั้นกลางและโอสถล้างพิษให้แก่หลิงเยว่
อย่างไรก็ตาม เพียงให้ลูกศิษย์เอาไปให้เป็นน้ำใจก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว อย่างน้อยจากนี้ไปเขาจะได้ไม่กล้าทำสิ่งใดต่อนางอีก
หลิงเยว่เพิ่งได้รับโอสถมา และกำลังจะนำไปให้ท่านรองเจ้าเมืองอี้เหิง แต่กลับถูกชิงยวนคว้าคอเสื้อไว้ได้เสียก่อน ชิงยวนชี้ไปที่แปลงดินกว้างเกือบสามไร่ที่ดูแตกต่างจากสมุนไพรวิญญาณอื่น ๆ ก่อนเอ่ย “ได้ยินมาว่า แปลงดินผืนนี้เจ้าเป็นคนเร่งปลูกให้มันงอกงามข้ามวันข้ามคืนจริงหรือ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
หลิงเยว่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา แปลงดินกว่าสามไร่ตรงนี้ เกิดจากการที่นางใช้วิชาหมื่นชีวางอกเงยเร่งแปลงดินผืนนี้ให้งอกงามขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าย่อมแตกต่างจากสมุนไพรวิญญาณอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบอย่างชัดเจน
นอกจากการเจริญเติบโตแล้ว พลังวิญญาณที่แผ่ออกมาก็เข้มข้นกว่าด้วย แปลงสมุนไพรวิญญาณสองแปลงที่อยู่ใกล้แปลงนี้มากที่สุด เติบโตได้ดีกว่าแปลงอื่น ๆ หลิงเยว่คาดเดาว่าน่าจะเป็นเพราะแปลงนี้เคยปลูกหญ้าเปลี่ยนวิญญาณมาก่อน
คงจะไม่มีสิ่งใดผิดปกติใช่หรือไม่?
ทว่า เมื่อเห็นชิงยวนเหม่อมองดินแปลงนี้อยู่ หลิงเยว่ก็ถามขึ้น
“อาจารย์ วิธีที่ข้าปลูกมันมีปัญหาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”
“ไม่มี” ชิงยวนชี้นิ้วไปยังหญ้าโลหิตที่อยู่ห่างออกไปจากหญ้าเปลี่ยนวิญญาณ “เจ้าลองไปปลูกต้นนั้นดูหน่อยเถิด”
นางเพียงต้องการตรวจสอบเสียหน่อย
หลิงเยว่ไม่ปฏิเสธ นางเดินเข้าไปนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าของหญ้าโลหิต ก่อนทำมุทราและเริ่มร่ายคาถาเบา ๆ จากนั้นต้นกล้าเล็กที่เพิ่งโผล่พ้นดินก็ค่อย ๆ สูงขึ้น ด้วยการหล่อเลี้ยงของเคล็ดวิชาและพลังวิญญาณ
ปราณทั้งห้าในอากาศกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิต ชิงยวนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นเช่นนี้เอง… ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงใช้เวลาปลูกเพียงสามเดือนก็จะโตเต็มที่แล้ว
หญ้าเปลี่ยนวิญญาณ ปกติแล้วต้องใช้เวลาสองถึงสามปีกว่าจะเจริญ เติบโตเต็มที่ แม้จะใช้ปราณเร่งการเจริญเติบโต ก็ยังต้องใช้เวลาเกือบครึ่งปี แต่ลูกศิษย์ตัวน้อยของนางกลับใช้เวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น!
ไม่เพียงย่นระยะเวลาการเจริญเติบโต แต่ยังยกระดับมันจากระดับต่ำให้สูงขึ้นอีกด้วย จากที่เดิมทีเป็นเพียงหญ้าวิญญาณระดับต่ำ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าอยู่ก้ำกึ่งระหว่างระดับต่ำกับระดับสอง
นั่นหมายความว่า เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วอาจจะอยู่ที่ระดับสองอย่างนั้นหรือ?
ถึงแม้ยังเป็นระดับต่ำ แต่ก็สามารถนำไปทำโอสถฟื้นปราณที่มีปริมาณการกลั่นโอสถออกมาได้สูงกว่าด้วย
นักกลั่นโอสถคนอื่น ๆ ใช้เพียงปราณธาตุไม้ในการเร่งการเจริญเติบโต แต่ลูกศิษย์ตัวน้อยของนางกลับใช้ปราณทั้งห้าธาตุ อาจเป็นเพราะเหตุนี้ด้วยหรือไม่?
หลิงเยว่ที่กำลังเร่งการเจริญเติบโตของหญ้าโลหิตซึ่งใช้ทำโอสถห้ามเลือดอยู่นั้น สีหน้าของนางเริ่มซีด พลังวิญญาณหมดไปแล้วถึงสองในสาม อาจารย์จะให้ข้าทำงานหนักจนหมดแรงเช่นนี้หรือ?
ชิงยวนเหลือบมองหลิงเยว่พอดี สายตาของนางแฝงไปด้วยความคาดหวัง ไม่นานนัก โอสถฟื้นปราณระดับกลางก็ถูกยัดเข้าปากของหลิงเยว่ทันที
“ทำต่อไป เร่งให้มันเติบโตเต็มที่ซะ”
หลิงเยว่ “…”
ที่แท้ความรักนั้นก็สามารถจางหายไปจากใจคนได้จริง ๆ
หากหลิงเยว่ทนไม่ไหว ชิงยวนก็จะหยิบโอสถระดับกลางออกมาป้อนใส่ปากนางทันที
โอสถฟื้นปราณระดับกลางมีค่ามากกว่าพืชสมุนไพรวิญญาณระดับต่ำตรงหน้านางนัก หลิงเยว่จึงรู้สึกเสียดายที่ต้องกินเข้าไป ทั้งยังไม่รู้ว่าอาจารย์หวังจะทำสิ่งใดกันแน่
การเร่งการเจริญเติบโตของหญ้าโลหิตจำนวนสามไร่นั้นต้องใช้โอสถฟื้นปราณระดับกลางถึงสามเม็ด ซึ่งจะย่นระยะเวลาเหลือเพียงหกวัน
แม้แต่หญ้าโลหิตระดับต่ำก็ยังถูกเร่งการเจริญเติบโตให้กลายเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับสาม ชิงยวนรู้สึกประหลาดใจนัก ราวกับว่าเวลาที่เร่งให้เจริญเติบโตนั้นยิ่งสั้นเท่าใด สมุนไพรวิญญาณระดับต่ำก็จะมีคุณภาพสูงขึ้นเท่านั้น
หัวใจของชิงยวนพลันร้อนรุ่ม หากในวันข้างหน้า…
ในระหว่างที่หลิงเยว่เตรียมจะทดลองอีกครั้ง ทั้งยังหยิบโอสถฟื้นปราณออกมาเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ทว่าดวงตาของนางกลับปิดลง ก่อนจะล้มลงหมดสติไป เดิมทีหลิงเยว่มีร่างกายที่แข็งแรง เพียงแต่สภาพจิตใจในตอนนี้ถูกบีบจนเหือดแห้ง สาเหตุที่นางสลบไปถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรน่ากังวลนัก
นับว่ายังโชคดี ระหว่างที่เร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรวิญญาณตลอดระยะเวลาหกวันนั้น หลิงเยว่ได้บอกให้อี้เหิงมารับโอสถก่อนวันนัดหมาย เพราะหากรอต่อไป นางอาจทนไม่ไหวเป็นแน่
ชิงยวนเห็นสภาพเช่นนั้น จึงทำได้เพียงหิ้วร่างนางออกไป โดยไม่ลืมเก็บเกี่ยวหญ้าโลหิตที่โตเต็มที่ไปทั้งหมดด้วย
เมื่อพวกนางออกไปแล้ว พื้นที่ปลูกพืชสมุนไพรวิญญาณที่ถูกปิดตายก็เปิดให้เข้าออกได้อย่างอิสระ สร้างความวิตกให้กับเหล่านักโทษที่ถูกกักขังอยู่เป็นเวลาถึงหกวัน โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นแปลงหญ้าโลหิตที่ตอนนี้กลับว่างเปล่า พวกเขาถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
แล้วจะแจ้งท่านรองเจ้าเมืองถึงเรื่องนี้อย่างไร?
“อย่าตื่นตระหนกไป ท่านผู้นั้นคืออาจารย์ของท่านรองเจ้าเมืองน้อย หญ้าโลหิตคงถูกเอาไปโดยท่านผู้นั้นเป็นแน่” หญิงชรากล่าว
ในตอนนี้ ใบหน้าของนางดูอ่อนเยาว์ลงไปมากนัก ชุดนักโทษที่สวมมานานเกือบสิบปีก็เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมธรรมดา ชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างนางก็เช่นกัน
การปรากฏตัวของบุคคลทั้งสามนี้ยิ่งจุดประกายความกระตือรือร้นให้กับเหล่านักโทษผู้ดูแลสวนสมุนไพรวิญญาณเป็นอย่างยิ่ง!
พวกเขาต่างคิดว่าอยากทำงานให้ดี จะได้ไม่ต้องให้ใครมาคอยควบคุมอีก
หลังจากที่ชิงยวนโยนหลิงเยว่กลับเข้าห้องแล้ว นางจึงหยิบหญ้าโลหิตระดับสามมาเทียบกับหญ้าโลหิตที่เติบโตเองตามปกติ เพียงไม่นานก็ได้พบความแตกต่าง ต้นที่ลูกศิษย์น้อยเร่งการเจริญเติบโตให้เมื่อหกวันก่อน ดูสดและ… แดงกว่า
หญ้าโลหิตปกตินั้นทั้งต้นจะมีสีแดงเข้ม ส่วนต้นที่เร่งการเจริญเติบโตมักจะมีสีแดงสด
เมื่อซูซวงก้าวเข้าไปในจวนเจ้าเมือง กลิ่นหอมของโอสถก็โชยมาเตะจมูก ครั้นเห็นว่าชิงยวนสามารถควบคุมเตากลั่นโอสถได้พร้อมกันถึงสองเตา นางก็อดแปลกใจไม่ได้
อีกทั้งกลิ่นของโอสถที่ลอยมานั้น คงเป็นโอสถห้ามเลือดระดับต่ำอย่างแน่นอน
อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่กำลังกลั่นโอสถห้ามเลือดระดับต่ำอยู่ ซูซวงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ในขณะที่นางเงยหน้าขึ้น เปลวไฟในเตากลั่นโอสถก็ดับลง พร้อมฝาเตาที่ถูกเปิดออก
โอสถจำนวนมากลอยอยู่ในอากาศ เพียงไม่นานกลิ่นหอมของโอสถที่ลอยออกมาก็หายวับไปทันที ราวกับถูกกักเก็บไว้จนหมดสิ้น
โอสถห้ามเลือดสองชนิดนี้มีความแตกต่างของสีค่อนข้างมาก ซูซวงอดใจไม่ได้ จึงหยิบโอสถห้ามเลือดสีแดงสดใสเม็ดหนึ่งออกมาวางบนฝ่ามือ เทียบกับโอสถอีกเม็ดหนึ่ง
ขณะที่ซูซวงกำลังจะตรวจสอบอยู่นั้น โอสถห้ามเลือดที่อยู่ในมือก็ถูกหยิบไปเสียก่อน โอสถอีกสองกองใหญ่ในอากาศพลันหายไป แม้แต่ผู้ที่กำลังกลั่นโอสถก็หายไปด้วยเช่นกัน
ซูซวงเบ้ปากไม่พอใจเท่าใดนัก
แต่ตอนนี้ที่เมืองฮั่วหยางมีเงินทุนเพียงพอ ล้วนเป็นเพราะผู้หญิงอารมณ์แปรปรวนผู้นี้ นางยอมอดทน!
มีหินวิญญาณเพียงพอแล้ว แต่กำลังคนกลับขาดแคลนอย่างมาก ในช่วงไม่กี่วันมานี้ นางได้แพร่ข่าวเรื่องการรับคนเพิ่มแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีคนมาสักกี่คน
เมื่อหลิงเยว่ออกมา ก็ได้พบกับซูซวงที่กำลังก้มหน้าด้วยความท้อแท้
ไม่ใช่ว่าปัญหาใหญ่ที่สุดได้รับการแก้ไขแล้วหรือ ยังมีสิ่งใดทำให้นางท้อแท้อีก?
“เหตุใดจึงมีคนไม่เพียงพอล่ะเจ้าคะ?”
“มีหินวิญญาณแล้ว ยังกลัวว่าจะไม่มีคนมาอีกหรือ?”
เมื่อซูซวงได้ยินเช่นนั้น จิตใจที่ห่อเหี่ยวพลันดีขึ้นในทันที ไม่ผิดหวังจริง ๆ ที่นางตัดสินใจมาหารองเจ้าเมืองน้อยผู้นี้
“มีสำนักที่ยากจนอยู่ไม่น้อย หากพวกเรานำหินวิญญาณและอาหารวิญญาณพิเศษไปแลกเปลี่ยน คิดว่าพวกเขาคงไม่ปฏิเสธเป็นแน่”
เพียงแค่มาช่วยซ่อมบ้านซ่อมถนนเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องพวกสัตว์อสูรก็ไม่ได้ให้พวกเขามาออกแรงสู้รบด้วยเสียหน่อย
“หากมิใช่เพราะเจ้าอายุน้อยและยังมีพลังไม่เพียงพอ…”
ซูซวงถอนหายใจ หญิงสาวผู้นี้หากได้เป็นเจ้าเมืองฮั่วหยาง เมืองนี้คงรุ่งเรืองไปนานแล้ว มีทั้งทรัพย์สมบัติ ความสามารถ มีไหวพริบและผู้สนับสนุน ครบถ้วนสมบูรณ์ในแบบที่ผู้ปกครองเมืองพึงมี
ซูซวงนั้นอยากจะสละตำแหน่งเจ้าเมืองเสียเดี๋ยวนี้เลย!