ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 117 สัตว์เทพจุติแล้ว!
บทที่ 117 สัตว์เทพจุติแล้ว!
ด้วยการสนับสนุนจากผู้มั่งคั่งและมีความเฉลียวฉลาด เมืองฮั่วหยางที่เงียบสงบจึงต้อนรับศิษย์จากสำนักต่าง ๆ มากมาย
ทั้งเมืองเปลี่ยนไปแทบทุกวัน จนคาดว่าจะสามารถซ่อมแซมและขยายเมืองให้เสร็จสิ้นได้ภายในครึ่งปี
หลิงเยว่ก็เร่งฝึกสอนผู้บำเพ็ญให้เรียนรู้ตำราอาหารวิญญาณพิเศษมากขึ้นด้วย
ชิงยวนรู้สึกสิ้นหวังกับศิษย์ผู้นี้ ทั้งที่นางเป็นศิษย์ของอาจารย์ด้านการกลั่นโอสถแต่กลับไม่ได้ทำหน้าที่หลักอยู่ทั้งวัน เมื่อเรื่องราวนี้จบลงนางจะต้องสอนหลิงเยว่กลั่นโอสถด้วยตนเอง!
บำเพ็ญเพียรมาถึงขั้นเก้าแล้ว แต่ยังไม่สามารถกลั่นโอสถได้สักเม็ด แบบนี้มันสมควรแล้วหรือ?
ชิงยวนไม่ต้องการทำลายความตั้งใจของศิษย์น้อย จึงจิบน้ำชายามบ่ายที่หลิงเยว่ส่งมาพลางเฝ้ามองผืนทรายที่ฟุ้งอยู่ทั่วฟ้า เพื่อมิให้ตนเองเปื้อนสิ่งสกปรกในช่วงเวลานี้ นางได้เชิญผู้ฝึกวัจนะของสำนักมาสร้างม่านพลัง และอีกประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนี้ บริเวณนี้จะไม่ถูกพายุทรายพัดผ่านอีกต่อไป
“ท่านผู้วิเศษ โปรดลิ้มลอมของหวานพิเศษที่ข้าทำด้วยเถิด”
“และของข้าด้วย”
“ขนมชิ้นนี้ ท่านรองเจ้าเมืองน้อยยังชมเมื่อครู่อยู่เลย”
ไม่นาน ของว่างพิเศษนานาชนิดก็กองอยู่เต็มโต๊ะเล็กของชิงยวน ทั้งคาว หวาน เผ็ด เปรี้ยว ขม…
แต่ละอย่างล้วนงดงามไม่แพ้กัน กลิ่นหอมที่ส่งออกมานั้นแม้อาจจะยังมีช่องว่างอยู่บ้างเมื่อเปรียบเทียบกับของที่ศิษย์น้อยทำ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายสามารถออกไปเผชิญโลกได้แล้วมิใช่หรือ?
นี่เป็นหนทางที่ผู้บำเพ็ญเหล่านี้แสดงความขอบคุณต่อชิงยวน นับตั้งแต่ที่รู้ว่าเป็นนางเป็นผู้นำหินวิญญาณมาให้เพียงพอแล้ว นางยังได้เชิญอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดวางผังมาวางผังป้องกันให้กับเมืองฮั่วหยางอีก ผู้คนในเมืองแห่งนี้ต่างซาบซึ้งใจในตัวนางจนกล่าวออกมาไม่ขาดสาย ความรู้สึกขอบคุณนั้นมีมากมายราวกับว่าอยากจะยกของดีที่สุดที่ตนมีให้แก่ท่านผู้มีพระคุณ
ถึงแม้ว่าสิ่งของที่พวกเขาคิดว่าดีนั้น ท่านผู้วิเศษจะไม่สนใจก็ตาม
ชิงยวนกวาดสายตามองถุงเก็บของที่ใช้ใส่ของกินพิเศษโดยเฉพาะซึ่งตอนนี้เต็มโต๊ะ นางคงกินไม่หมดแน่ ๆ
“ท่านอาจารย์ หากท่านไม่สามารถรับของที่มีเมตตาจิตเหล่านี้ได้ ข้าสามารถช่วยท่านได้นะ!” หลิงเยว่มองไปที่ถุงเก็บของของชิงยวน ของมากมายขนาดนี้ ขายออกไปคงได้หินวิญญาณไม่น้อย
โอ๊ะ ไม่ใช่สิ ได้ใจคนไม่ใช่น้อย… ไม่ใช่เสียหน่อย…
“อย่าคิดไปเอง” ชิงยวนนั้นรู้แผนการแอบแฝงของหลิงเยว่ดี นางวางอาหารวิญญาณพิเศษบนโต๊ะลงในถุงเก็บของใบอื่น จากนั้นโยนเข้าไปในแหวนมิติ
หลิงเยว่เพียงกะพริบตา ของกินบนโต๊ะก็หายวับไปสิ้น
หึ ชัดเจนนักแลว่าแอบรังเกียจกันอยู่ แต่เหตุใดถึงได้เก็บของได้รวดเร็วปานนี้ หลิงเยว่รู้สึกผิดหวัง
กาลเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งปีได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เมืองฮั่วหยางทั้งเมืองเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้แล้ว ลมและพายุทรายสงบลง อาคารบ้านเรือนผุดขึ้นคล้ายหน่อไม้หลังฝน กำแพงเมืองก็แข็งแกร่งมั่นคงยิ่งขึ้น ใบหน้าทุกคนเปื้อนไปด้วยความหวังในชีวิต
[ภารกิจหลักที่ 12 สำเร็จ! หาปลามาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับปลาให้ ได้รับรางวัล ค่าพลังวิญญาณ +1,000,0000 แต้ม อายุขัย +10,000 ค่าพลังวิญญาณคงเหลือ 3,003,252 แต้ม อายุขัยคงเหลือ 100,217 วัน]
เมื่อระบบประกาศเสร็จสิ้นภารกิจ ทำให้หลิงเยว่ยิ้มอย่างมีความสุข
ช่วงครึ่งปีมานี้ นางให้ผู้บำเพ็ญฝึกฝนการทำอาหารวิญญาณพิเศษอย่างชำนาญเฉพาะด้าน ทำให้ได้ผลอย่างเห็นได้ชัด จำนวนของผู้ปรุงอาหารก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน เพียงพอที่จะค้ำจุนเมืองฮั่วหยางอันใหญ่โตได้แล้ว!
ตอนนี้ภารกิจของนางสำเร็จลุล่วงแล้ว สิ่งที่เหลือต้องขึ้นอยู่กับซูซวง
แผนการ ‘สัตว์เทพจุติ’ ไม่รู้ว่านางเตรียมการเสร็จหรือยัง
“ยัง แต่คงอีกไม่นาน”
การจะสร้างภาพลวงตาที่แนบเนียนนั้น ยากที่จะทำสำเร็จภายในเวลาเพียงหกเดือน
ซูซวงดูแก่กว่าวัยไปมาก แต่เมื่อนางได้เห็นเมืองฮั่วหยางที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แม้จะแก่กว่าวัยเพียงใดนางก็ยอมรับได้!
“จำนวนนักปรุงอาหารวิญญาณพิเศษนั้นยังน้อยเกินไป เจ้าต้องพยายามอีกเท่าตัวของตอนนี้ แผนการก็ดำเนินการได้แล้ว”
ก็คือยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยหนึ่งปีใช่หรือไม่?
หัวใจที่ร้อนรุ่มของหลิงเยว่เย็นเฉียบลงในทันที นางเคยคาดหวังอย่างมากว่าเมืองฮั่วหยางจะสร้างความฮือฮาและโด่งดังขึ้นมา
ช่างเถิด ปีหน้าการแข่งขันประลองของสำนักใหญ่ก็จะจบลงแล้ว เหล่าพวกพ้องก็จะมาทันพอดี
กล่าวไว้ว่าเวลาหนึ่งปี แต่ทว่าแท้จริงแล้วลากยาวถึงปีที่สาม
วันนี้เมืองฮั่วหยางก็เหมือนดั่งเคย หลิงเยว่ในตอนนี้เป็นผู้บำเพ็ญอยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสิบแล้ว นางเดินห่อไหล่มาถึงใจกลางเมืองด้วยอาการง่วงงุน
ใจกลางเมืองนำเอาคำแนะนำของหลิงเยว่มาใช้ สร้างร้านขายของชำขนาดใหญ่ รูปแบบการก่อสร้างสิ่งร้านค้าโบราณ ล้อมรอบไปด้วยโรงเตี๊ยม ร้านอาหาร รวมถึงอยู่ในร้านรวงสองสามชั้น บนถนนไม่เพียงแต่ขายอาหารทั่วไปและอาหารวิญญาณพิเศษเท่านั้น แต่ยังมีสัตว์อสูรต่าง ๆ รวมถึงสมุนไพรวิญญาณ พืชผักวิญญาณ และอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยรวมทุกอย่างพร้อมแล้ว ขาดเพียงแค่สัตว์เทพจุติเท่านั้น
“ท่านรองเจ้าเมือง พวกเราเตรียมการมานานขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดมาเลยเล่า”
สหายผู้กระตือรือร้นที่ทุ่มเงินทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างโรงเตี๊ยมขนาดเล็กแห่งหนึ่งครุ่นคิดอย่างหนัก ข่าวได้กระจายออกไปหมดแล้ว นอกจากขบวนการค้าจากภายนอกและผู้บำเพ็ญ รวมถึงเหล่าสาวกของสำนักที่มาทำงานในเมืองนี้แล้ว บุคคลภายนอกไม่มีใครปรากฏตัวให้เห็น
เสียเวลาไปสามปีแล้ว
“อย่ากระวนกระวายไป ใจเย็น ๆ อดทนไว้ เราจะไม่ทำให้…”
หลิงเยว่ยังไม่ทันพูดประโยคว่า “ความพยายามของพวกเจ้าสูญเปล่า”ออกมา เมืองฮั่วหยางทั้งเมืองก็สั่นสะเทือนขึ้น
นางเกือบล้มลงเพราะแรงสั่นสะเทือน เนื่องจากยังทรงตัวยืนไม่มั่น ผู้บำเพ็ญคนอื่น ๆ ที่มีพลังต่ำกว่า ต่างก็นอนหงายราบกับพื้นไปหมดแล้ว
“แผ่นดินไหวแล้ว เทพเจ้าสวรรค์โปรดอย่าพลิกแผ่นดินนี้ให้มันหายไปเลย!”
“ครืน ครืน…”
พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งขึ้น โต๊ะเก้าอี้ระเบิดเป็นผุยผง เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังก้องมาจากระยะไกล เสียงของมันดังกึกก้องจนเหมือนฟ้าจะถล่ม
หลังจากนั้นเสียงคำรามมากมายก็ดังตามมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังยิ่งขึ้น
“สัตว์อสูรบุกแล้ว เป็นสัตว์อสูรบุกครั้งใหญ่!”
“เร็วเข้า คนธรรมดาไปหลบซ่อน พี่น้องชายหญิงหยิบอาวุธ!”
สัตว์อสูรมาเร็วกว่ากำหนด แต่คนในเมืองฮั่วหยางกลับไม่ตื่นตระหนกหรือหลบหนี แต่กลับหยิบอาวุธแล้ววิ่งตรงไปที่ประตูเมือง
พวกเขารู้ดีว่าหากพวกเขาถอย คนในครอบครัวและบ้านเรือนของพวกเขาจะต้องหายไป แต่ถ้าเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรพวกเขาจะปกป้องครอบครัวและเมืองทั้งเมืองได้!
ผู้บำเพ็ญและชาวเมืองทั่วไปต่างวิ่งหนีกันคนละทิศ คนหนึ่งวิ่งออกจากเมือง อีกคนวิ่งเข้าเมือง แม้จะดูโกลาหลแต่ก็ไม่ได้ตกใจกลัวจนกรีดร้อง
ชิงยวนพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนในสามปีที่ผ่านมา แต่นางยังคงรู้สึกตื้นตันใจกับเลือดเนื้อและความกล้าหาญของผู้คนเหล่านี้
“อาจารย์ นั่นคือ…?”
ชิงยวนพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม นางเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อว่าจะมีผู้คนหลงกลอุบายอันใหญ่หลวงนี้มากเพียงใด
หลิงเยว่ที่ได้รับคำตอบก็ยิ้มอย่างเงียบ ๆ ความยินดียิ่งใหญ่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดได้เริ่มขึ้นแล้ว การลงมือรวดเร็วเช่นนี้ก็ต้องขอบคุณอาจารย์ มิเช่นนั้นหากปล่อยให้ซูซวงและพวกเขามาทำคงต้องรออีกสองปี
หากรออีกสองปี ความกระตือรือร้นคงจะมอดดับลงอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บำเพ็ญ พ่อค้า และสำนักเล็กใหญ่โดยรอบที่ทุ่มเงินทั้งหมดลงไปในเมืองฮั่วหยาง หากขาดทุนก็คงเป็นหายนะครั้งใหญ่
เมื่อสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลมาเยือน ท้องฟ้าและแผ่นดินก็เต็มไปด้วยสัตว์อสูร ทันใดนั้นแสงสีแดงฉานก็ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าเบื้องหน้า
“พวกท่าน… ดูตรงนั้นสิ!”
มีผู้บำเพ็ญชี้ไปยังท้องฟ้าสีแดงเบื้องไกล เสียงสั่นเครือในแสงสีแดงที่เจิดจ้ามีวัตถุประหลาดสีแดงเข้มรูปวงรีปรากฏขึ้นและหายไปในทันที
“นั่นมัน… ไข่หรือ?!”
มีผู้พยายามเพ่งมองอย่างตั้งใจ ทว่ากลับกรีดร้องออกมาอย่างน่าสยดสยองพร้อมกับน้ำตาไหลเป็นเลือดอาบแก้ม
เสียงกรีดร้องหนึ่งดังขึ้นตามด้วยเสียงกรีดร้องอีกนับไม่ถ้วน
“เกิดลางร้ายขึ้นแล้ว! อย่าเงยหน้ามอง!”
การปรากฏของไข่นำพาฝูงสัตว์อสูรให้คลุ้มคลั่งยิ่งขึ้น ขณะที่ผู้คนในเมืองต่างก็บ้าคลั่งไม่แพ้กัน!
หากพวกเขาคิดไม่ผิด นั่นอาจเป็นลางบอกเหตุว่าสัตว์เทพกำลังจะถือกำเนิดแล้ว!