ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 122 มนุษย์ตัวน้อย เจ้าสมควรตาย!
บทที่ 122 มนุษย์ตัวน้อย เจ้าสมควรตาย!
เมืองฮั่วหยางกำลังรุ่งเรืองเป็นที่น่าจับตามอง ซูซวงผู้เป็นเจ้าเมืองมองดูผู้บำเพ็ญที่ว่างงานมารวมตัวอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก นางจึงตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในระดับสูงกว่าระดับทะยานเซียนขึ้นไปนั้น นางไม่สามารถสั่งการพวกเขาได้ แต่สำหรับผู้บำเพ็ญที่อยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นทะยานเซียนนางยังพอมีอำนาจควบคุมอยู่บ้าง
ด้วยเหตุนี้ นางจึงว่าจ้างผู้บำเพ็ญที่ว่างงานเหล่านั้นเพื่อต่อสู้กับสัตว์อสูร ไม่เพียงแต่สัตว์อสูรที่ฆ่าตายเหล่านั้นจะกลายเป็นของพวกเขาเอง พวกเขายังได้รับหินวิญญาณเป็นรางวัล พร้อมทั้งอาหารวิญญาณพิเศษอีกด้วย
หลิงเยว่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของเมืองฮั่วหยาง เพราะหลังจากที่นางเข้าไปในประตูมิติแล้ว พลังดูดกลืนอันแรงกล้าก็ทำให้นางหมดสติไปเป็นเวลานาน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกพลังนั้นพ่นออกมา ราวกับว่านางเกือบจะหายใจไม่ออกตายจนไปแล้วเสียอีก
“ตูม!”
น้ำกระจายเป็นละอองคลื่นน้ำกระเพื่อมแผ่ขยายออกไป ก่อนที่ผิวน้ำจะกลับมาสงบอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ผิวน้ำที่สงบก็เริ่มมีคลื่นลูกใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาหญิงสาวในชุดดำที่ถูกคลื่นโถมลงน้ำก็โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ นางใช้มือทั้งสองกรีดน้ำว่ายไป พร้อมกับหันหลังกลับไปมองเป็นระยะ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกลัว ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังไล่ตามนางมา
ทว่าผิวน้ำด้านหลังนางกลับไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวเลย
หลิงเยว่ปล่อยพลังวิญญาณแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะที่มือและเท้า ทำให้ความเร็วในการว่ายน้ำนั้นเร็วขึ้น แต่นางยังคงอยู่ห่างจากฝั่งมากนัก
“เฮ้อ ช่างโชคร้ายสิ้นดี!”
หลิงเยว่รีบบ้วนน้ำเค็มเหล่านั้นออกมา นางไม่กล้าหยุดพักแม้เพียงอึดใจเดียว ความทรงจำเกี่ยวกับสัตว์ร้ายขนาดมหึมาที่นางเผชิญใต้น้ำยังคงติดตาอยู่
เจ้าตัวนั้น เดิมทีมันหลับตาสนิท นางก็ว่ายด้วยความระมัดระวังมากแล้ว และว่ายด้วยความเร็วเดียวกันกับฝูงปลาโดยรอบ แต่ช่างโชคร้ายนักที่จู่ ๆ ดวงตาของมันก็เบิกกว้างขึ้น และจ้องมาที่เด็กสาวอย่างดุร้าย
นั่นคือดวงตาที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เมื่อเจ้าตัวนั้นเบิกตาขึ้น ฝูงปลาที่ว่ายน้ำอย่างสบายใจโดยรอบก็ระเบิดกลายเป็นสายเลือดในทันที!
หากไม่ใช่เพราะนางมีหยกวิญญาณที่ชิงยวนฝากไว้ คงต้องกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อเล็ก ๆ ละลายไปในน้ำแล้วเป็นแน่
บอกแล้วว่าอย่ามา!
ดูเถิด เพียงแค่มาถึงก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว!
แม้ว่าแขนขาจะว่ายน้ำจนอ่อนแรง พลังวิญญาณจะหมดลงอย่างรวดเร็ว หลิงเยว่ก็ยังคงว่ายไป ร้องไห้ไป ภาวนาให้เจ้าตัวนั้นอย่าได้สังเกตเห็นนางผู้ซึ่งเป็นเหมือนกุ้งตัวเล็ก ๆ เลย
หลิงเยว่ที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด พบว่ายังมีผู้บำเพ็ญโชคร้ายอีกมากที่ถูกโยนลงมาที่นี่ พวกเขาล้วนมีสภาพคล้ายคลึงกับนางที่กำลังว่ายน้ำไปยังฝั่งอย่างบ้าคลั่ง
น่าแปลกจริง ผู้คนรอบข้างนางเหล่านี้ล้วนมีการบำเพ็ญที่สูงกว่านางทั้งนั้น เหตุใดจึงไม่บินหนีไปขึ้นไปกัน?
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของหลิงเยว่ ก็มีผู้บำเพ็ญพุ่งตัวขึ้นไปบนผิวน้ำ คว้ายานบินที่ลอยอยู่กลางอากาศไว้ แล้วขึ้นไปบนยานนั้นได้อย่างราบรื่น แต่ยังไม่ทันไรก็ต้องตกลงไปในน้ำพร้อมกับยานบินเสียก่อน ซึ่งบริเวณที่เขาตกลงไปนั้นก็ปรากฏเป็นเลือดสีแดงกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ศพก็ยังหายสาบสูญ
ความหวาดกลัวกระตุ้นให้เหล่าผู้บำเพ็ญที่หนีตายว่ายน้ำให้เร็วขึ้น จนทิ้งห่างจากหลิงเยว่ไปไกล
คลื่นน้ำที่สั่นสะเทือนอยู่ด้านหลังยิ่งขยายวงกว้างขึ้น หลิงเยว่ไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ว่ามีบางสิ่งกำลังโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ
เสียงคำรามของมังกรก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราวกับป่าวประกาศถึงอำนาจของมันต่อเหล่าอสูรน้ำและผู้บำเพ็ญที่เข้ามา
ก่อนที่ผิวน้ำจะระเบิดเป็นละอองน้ำ ทำให้ทั้งปลาและผู้คนกลายเป็นละอองเลือดเช่นกัน
หลิงเยว่ที่รอดชีวิตมาได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะดำน้ำแกล้งตายหรือจะเลือกพุ่งไปที่ฝั่งดี แต่น่าจะเลือกว่ายไปที่ฝั่งมากกว่า เพราะนางอยู่ห่างจากฝั่งไม่ไกลแล้ว
สู้!
หยกวิญญาณที่ชิงยวนมอบให้สามารถใช้ได้ห้าครั้ง เมื่อเข้าสู่เขตแดนลับหลิงเยว่ก็ใช้ไปแล้วสองครั้ง หากต้องการพุ่งไปยังชายฝั่ง ก็ต้องใช้อีกเป็นครั้งที่สามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มังกรดำที่ลอยอยู่กลางอากาศกำลังชื่นชมผลงานชิ้นเอกของตนเอง ทว่ากลับพบแมลงตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ซ้ำยังว่ายน้ำได้อย่างมีความสุข นับว่าเป็นการดูหมิ่นมันอย่างโจ่งแจ้งจนไม่อาจให้อภัยได้!
ฮึ่ม!
กลุ่มหมอกเลือดเหนือผืนน้ำสีครามระเบิดเป็นวงกว้างขึ้นแล้ว แต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กนั่นยังคงว่ายได้อยู่อีกหรือ?
หลิงเยว่ที่ว่ายน้ำขึ้นฝั่งมาได้แล้ว เมื่อรู้ว่าเครื่องรางคุ้มภัยของตนเองหายไปอีกอัน น้ำตาก็แทบจะไหลออกมา นางอยากจะหันไปด่าเจ้ามังกรดำตัวนั้นย้อนหลังไปถึงบรรพบุรุษของมันอีกเจ็ดชั่วโคตร แต่ก็ตระหนักได้ว่ายังมีเครื่องรางเหลืออยู่อีกอัน ควรขึ้นฝั่งและรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า
มนุษย์ตัวน้อยนั้นสมควรตาย!
มังกรดำตัวนั้นเคลื่อนย้ายมายังเหนือศีรษะของหลิงเยว่ทันที ก่อนที่กรงเล็บของมันจะฟาดลงมาอย่างรุนแรงบนหัวของนาง
เครื่องรางคุ้มภัยอันสุดท้ายแตกสลาย เครื่องรางทั้งห้าถูกทำลายไปในเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา หลิงเยว่ที่ถูกฟาดจนกระเด็นลงไปนอนบนฝั่ง สายตาของนางเริ่มเลือนลาง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นแสงสีเขียวพุ่งลงสู่ใต้ดิน พร้อมใช้พลังของแก่นปราณวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง
มังกรดำไม่เห็นแอ่งเลือดดังที่คาดหวังไว้ เจ้ามนุษย์ตัวน้อยเมื่อครู่นี้หายไปแล้ว!
น่าโมโหยิ่งนัก!
ลงมือด้วยตนเองแต่กลับปล่อยให้คนหนีไปได้ ถือเป็นความอัปยศอดสูของเผ่าพันธุ์มังกรแล้ว
สัญชาตญาณแรกของมังกรดำคือมองไปรอบ ๆ มันดีใจมากที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่บริเวณนี้ ไม่มีผู้ใดเห็นตอนที่มันพลาดพลั้ง ถึงอย่างนั้นตำแหน่งราชาแห่งท้องทะเลก็ยังคงเป็นของมันโดยไม่สั่นคลอน
ดวงตาสีทองคำหมุนกลอกไปมา ทันใดนั้นมันก็เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์สวมชุดสีดำ เพื่อให้กลมกลืนเข้ากับพวกมนุษย์ได้ยิ่งขึ้น อีกทั้งมันยังเนรมิตดาบขึ้นมา แล้วกลายร่างเป็นแสงสีดำหายลับไปในขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะไม่มีใครเห็นตอนที่มันทำพลาด แต่ว่ามังกรดำก็ยังคงตัดสินใจตามหามนุษย์ตัวน้อยผู้นั้น เพื่อลงมือฆ่าด้วยตนเอง!
ในตอนที่มังกรดำหนุ่มนั้นหายลับไป หลิงเยว่ก็โผล่ออกมาจากพื้นดิน
เครื่องรางคุ้มภัยห้าอัน ชาสมุนไพรล้ำค่าหนึ่งเหยือก แลกกับการรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด สถานที่นี้มันอันตรายเกินไปแล้ว!
นางต้องรีบหนีจากที่นี่เสีย!
หลิงเยว่รีบลุกขึ้นจากพื้นดิน ความคิดเดียวในหัวคือหนีออกจากดินแดนแห่งนี้ให้เร็วที่สุด แม้จะไม่รู้ว่ามังกรดำตัวนั้นหายไปที่ใด แต่นางแน่ใจว่ามันยังอยู่แถวนี้ หากต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้ง คงไม่มีโอกาสแม้แต่จะต่อสู้ คงถูกระเบิดจนกลายเป็นละอองเลือดในทันทีเป็นแน่
เมื่อนึกถึงเลือดที่ปรากฏอยู่เหนือผิวน้ำเมื่อครู่ รวมถึงผู้คนที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมหลบหนีมาด้วยกัน ล้วนกลายเป็นส่วนหนึ่งของทะเล หลิงเยว่ก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง น้ำทะเลสีครามกลายเป็นทะเลเลือดในพริบตา โหดเหี้ยมและป่าเถื่อนเกินไปแล้ว
หลิงเยว่ในตอนที่กำลังวิ่งหนี ยังคงตอกย้ำกับตนเองอยู่เสมอว่าที่นี่ไม่ใช่เขตแดนลับของสำนัก แต่เป็นเขตแดนลับที่แสนอันตรายซึ่งพร้อมพรากชีวิตได้ทุกเมื่อ อย่าได้เชื่อใจผู้ใดโดยเด็ดขาด!
“เฮ้ย! เจ้าหนูกลั่นลมปราณข้างหน้านั่นหยุดก่อน!”
หลิงเยว่ทำทีไม่ได้ยิน แล้วรีบวิ่งเร็วขึ้น เรียกนางว่าเจ้าหนูกลั่นลมปราณแสดงว่าอีกฝ่ายมีฝีมือเหนือกว่านาง คำพูดที่ดูถูกเหยียดหยามแสดงว่าคนผู้นี้ดูหมิ่นนาง แต่ว่ามีความจำเป็นต้องใช้ตัวนางเพื่อทำการใดเป็นแน่
มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะยืนนิ่งเฉย
หลิงเยว่รีบวิ่งขึ้นยอดเขาที่ปกคลุมด้วยป่าทึบ เมื่อคนนั้นไล่ตามมา ร่างของเขาหายวับไปอย่างรวดเร็ว
“หึ วิ่งได้เร็วใช้ได้นี่!”
ชายที่ไล่ตามมานั้นมีสีหน้าเยือกเย็น จ้องมองยอดเขาที่ปกคลุมด้วยป่าทึบ ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อพบสิ่งที่อยู่ภายในยอดเขานั้น
เดิมทีชายคนนั้นต้องการให้หลิงเยว่ตกเป็นทาสของเขา เพียงแค่กินโอสถพิษเม็ดเดียวเท่านั้น หากเขาอารมณ์ดีอาจจะถอนพิษให้นางก็ได้ แต่บัดนี้นางได้เข้าไปที่ยอดเขานั้นแล้ว เกรงว่าคงเหลือเพียงแต่ซากกระดูก!
ชายหนุ่มหัวเราะพลางเล่นขวดบรรจุโอสถพิษในมือ โดยไม่สนใจพวกตัวเล็ก ๆ อีกต่อไป แต่กลับมองไปยังพระราชวังสีดำรูปอสูรที่โผล่ขึ้นมาอย่างช้า ๆ ตรงข้ามกับผิวน้ำทะเลด้วยความกระหาย
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าข้างในนั้นมีสิ่งใดซ่อนอยู่ ตำราโบราณเรื่องเขตแดนลับก็ไม่มีบันทึกเอาไว้ แต่ดูจากพลังที่แผ่ออกมาจากวังนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนคลั่งไคล้ได้แล้ว
ชายผู้นั้นจำดวงตาสีดำสนิทที่เปล่งประกายวาววับของผู้สร้างวังสัตว์อสูรได้ นั่นทำให้เขาตื่นเต้นจนตัวสั่น
นั่นคือ ‘เกล็ดมังกร’ มันคือมังกรที่แปลงร่างเป็นมังกรไม่สำเร็จ เมื่อตายไปแล้ว จะกลายเป็นเกล็ดมังกรหนึ่งเกล็ด และเกล็ดมังกรนั้นไม่ได้มีเพียงมรดกตกทอดทางสายเลือดมังกรเพียงเท่านั้น แต่ยังมีสมบัติทั้งหมดที่มังกรทิ้งไว้ด้วย!
เพียงสร้างวังยังถึงกับใช้เกล็ดมังกร คงยากจะจินตนาการได้แล้วว่าข้างในจะมีสิ่งใดอยู่อีก!