ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 128 ไข่ใบนั้นนางก็อยากได้เช่นกัน
บทที่ 128 ไข่ใบนั้นนางก็อยากได้เช่นกัน
ภาพที่ผู้บำเพ็ญระดับจินตานสิบหกคนระเหยไปต่อหน้าต่อตา ทำให้หลิงเยว่อยากจะหมดสติไปพร้อมกับร่างของพวกเขาเสียเดี๋ยวนั้น ทว่าน้ำลายของตะขาบมรกตสี่ปีกมีฤทธิ์แรงเกินไป ทำให้นางยังคงมีสติอยู่
“ท่านหัวหน้า ข้าอยู่ทางนี้”
ทันใดนั้น เสียงของตะขาบมรกตตัวที่สี่ก็ดังมาจากระยะไกล
ฝูงตะขาบมรกตบินโฉบไปยังต้นเสียงด้วยความรวดเร็ว หลิงเยว่อยากจะไปด้วยเช่นกัน แต่ว่าไม่สามารถทิ้งคนทั้งสองที่หมดสติอยู่ตรงนี้ได้ เพราะหลังจากนี้ยังต้องมีคนตามมาเก็บกวาดอีกเป็นแน่ หากโดนคิดว่าเป็นศพแล้วโดนเก็บไปด้วยจะยุ่งยากเอา!
ร่างกายเล็ก ๆ แต่พลังมหาศาล หลิงเยว่ลากคนทั้งสองไว้ในมือคนละข้าง จากนั้นก็วิ่งตามหลังฝูงตะขาบมรกตไป
ขณะที่วิ่งอยู่ ทิวทัศน์ตรงหน้าก็สว่างไสว
เบื้องหน้าของนางไม่ใช่ห้องอบอ้าวที่เต็มไปด้วยความหดหู่และร้อนระอุอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นดินแดนสวรรค์บนดิน มีทั้งเสียงนกร้องไพเราะ และสิ่งมีชีวิตอื่นอีกมากมาย
นกหรือ?
หลิงเยว่รู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงนกร้อง ที่แห่งนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกด้วยหรือ!
อากาศสดชื่นมีสายลมพัดโชยเบา ๆ ร่างทั้งสองถูกหลิงเยว่โยนลงบนพื้นหญ้า ชายทั้งสองค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สัญชาตญาณแรกของพวกเขาคือเอื้อมมือไปลูบที่หน้าอกของตนเอง เมื่อรับรู้ได้ว่าหัวใจของตนยังคงเต้นอยู่ ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอนกายลงนอนอีกครั้ง
ภาพเมื่อครู่ที่ผู้บำเพ็ญระดับจินตานทั้งสิบหกคนละลายหายไปในพริบตายังคงฝังอยู่ในใจ เกรงว่าพวกเขาเองอาจจะต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกันเสียแล้ว นับว่าโชคดีแล้ว โชคดีจริงๆ…
“ศิษย์น้องห้าล่ะ?!”
ขณะที่พวกเขากำลังคิดอยู่นั้น หลิ่งเยว่ก็เดินเข้ามาหา พร้อมกับตะขาบมรกตที่เกาะอยู่บนบ่าของนางอีกหนึ่งตัว
“ศิษย์น้องหลิง…” ลู่เป่ยเหยียนชี้ไปที่ตะขาบมรกตตัวนั้นด้วยมือสั่นรัว ความน่ากลัวของตะขาบชนิดนี้ ช่างเหนือความคาดหมายของเขานัก
“เจ้ามนุษย์ขี้ขลาด…”
ครั้งนี้เหล่าฝูงตะขาบมรกตและหลิงเยว่ได้ออกตามหาไข่ แต่ก็ยังไม่พบ รวมถึงเจ้าตะขาบมรกตตัวที่สี่ที่ปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน หลิงเยว่จึงตัดสินใจไม่เสียเวลาตามหาอีกแล้ว นางได้ถามระบบมาแล้วว่าการฟักตัวของเจ้านกสามขานั้นสร้างความสั่นสะเทือนไม่น้อย และเจ้านกสามขาจะปรากฏตัวขึ้นเองเมื่อถึงเวลา
ถูกต้อง!
ในไข่ฟองนั้นมีนกสามขาอยู่ นั่นเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ แล้วคนอย่างนางที่เพิ่งจะอยู่ในระดับกลั่นลมปราณจะสามารถเป็นเจ้าของมันได้จริงหรือ?
ถึงแม้ใจจะคิดเช่นนั้น แต่หลิงเยว่ก็ยังอดตื่นเต้นและประหม่ากับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ได้ นางจะได้มีนกศักดิ์สิทธิ์เป็นของตัวเองแล้ว ทั้งตัวสีทองแดงงดงามโอ่อ่าเหมือนกับวังแห่งนี้!
“มันพูดได้จริงด้วย…”
ลู่เป่ยเหยียนทั้งกลัวทั้งสงสัยเจ้าตะขาบมรกตตัวนี้ยิ่งนัก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน แฝงไปด้วยความชื่นชมอยู่เล็กน้อย เขาจำได้ว่ายังมีตะขาบชนิดเดียวกันนี้อีกสามตัว ไม่รู้ว่าจะสามารถทำสัญญากับมันได้หรือไม่?
ถึงแม้ว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ขั้นต้นของระดับจินตานแล้ว ทว่าเขาก็ยังไม่มีอสูรรับใช้เลย ตะขาบมรกตที่อยู่ตรงหน้า แม้จะขี้เหร่ไปสักหน่อย แต่ก็มีเหล่าสมุนบริวารจำนวนมากเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่หวั่นไหว?
เจ้าตะขาบมรกตจ้องมองลู่เป่ยเหยียนด้วยสายตาหยิ่งยโส ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งพิงไหล่ของหลิงเยว่และนอนหลับต่อไป
เจ้าตะขาบมรกตตัวนี้หารู้ไม่ว่าตนเองหนักถึงเพียงไหน เหตุใดถึงชอบเกาะอยู่บนตัวของนางนัก นางไม่เข้าใจเสียจริง
หลิงเยว่มองดูทิวทัศน์ที่งดงาม จิตใจที่ตึงเครียดของนางก็เริ่มผ่อนคลายลง เมื่อความตึงเครียดคลี่คลาย ความหิวโหยก็เริ่มเข้ามาแทนที่
หลิงเยว่หยิบอาหารวิญญาณพิเศษออกมาจากถุงเก็บของทีละอย่าง แล้วจัดวางอาหารเหล่านั้นจนเต็มพื้นที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
“เจ้ากินหรือไม่?” ขนมอบชิ้นเล็กถูกยื่นมาตรงหน้าของหัวหน้าตะขาบมรกต
“เป็นแบบไม่มีเนื้อสัตว์ด้วยนะ”
กลิ่นหอมหวานลอยมาเตะจมูก แฝงด้วยกลิ่นหอมของพืชสมุนไพร หัวหน้าตะขาบมรกตค่อย ๆ ลืมตาข้างหนึ่งขึ้น พลางอ้าปากกินขนมอบพืชสมุนไพรแล้วกลืนลงไปในคำเดียว
อืม! นี่มันอร่อยกว่าของวิเศษบนสวรรค์และบนโลกทั้งหมดที่มันเคยกินมาเสียอีก
“มันกินจริงด้วย” ลู่เป่ยเหยียนอุทานด้วยความแปลกใจ พลางหยิบขาไก่ทอดเผ็ดที่เขาชอบขึ้นมากิน
ผู่ตานที่เริ่มรู้สึกดีขึ้นก็ไม่รอช้า เขาจิบชานมก่อนแล้วหยิบซี่โครงหมูทอดพริกเกลือขึ้นมากิน ชะตากรรมของเขานั้นก็ไม่ต่างอะไรกับหลิงเยว่ ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี เมื่อครู่เพิ่งได้เจอเรื่องระทึกขวัญมา จึงจำเป็นต้องกินของอร่อย เพื่อปลอบโยนจิตใจที่เปราะบางเสียบ้าง
หลังจากกินขนมอบชิ้นเล็กหมดแล้ว แต่หัวหน้าตะขาบมรกตก็ยังรู้สึกไม่พอใจ สายตาของมันจ้องไปยังของว่างอื่น ๆ ที่วางอยู่บนพื้นหญ้า
“พวกนี้ไม่ใช่เนื้อสัตว์ทั้งสิ้น”
หลิงเยว่ชี้นิ้วไปที่ขนมอบและชานมสมุนไพรวิญญาณ ส่วนที่เหลือส่วนมากจะเป็นอาหารประเภททอด ปิ้ง และย่าง
หัวหน้าตะขาบมรกตอ้าปาก ดื่มชานมแก้วใหญ่จนหมด พร้อมหลับตาพริ้มด้วยความพึงพอใจ จะว่าอร่อยก็อร่อยอยู่ แต่นางใช้พืชสมุนไพรระดับต่ำยิ่งนัก ไม่เหมาะสมกับฐานะของมัน
“อันนี้ก็อร่อย”
หลิงเยว่เห็นหัวหน้าตะขาบมรกตมองอาหารประเภทของทอด เลยเลือกเห็ดทอด ดอกบัวทอด พืชสมุนไพรทอด และเต้าหู้ทอดให้มัน
หัวหน้าตะขาบมรกตไม่ปฏิเสธ มันลิ้มลองอาหารทีละอย่าง ขณะนี้ บรรยากาศเงียบสงบ และมีเพียงเสียงเคี้ยวอาหารเท่านั้น
หัวหน้าตะขาบมรกตที่ต่อมรับรสถูกปลุกเร้า ดวงตาสีแดงเล็ก ๆ ของมันเปล่งประกาย อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์นี่มันอร่อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หญ้าและพืชสมุนไพรวิญญาณหมื่นปีช่างไม่อร่อยเอาเสียเลย แม้จะมีบางชนิดที่พอกินได้ แต่เห็นได้ชัดว่าของที่มนุษย์ผู้นี้หยิบออกมาถูกปากมันเสียมากกว่า
อาหารจากพืชผักและของหวานที่วางอยู่บนพื้นหญ้าถูกกินโดยเจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตจนหมดสิ้น มันยังกินไม่จุใจ จึงจ้องไปยังสัตว์อสูรที่พวกเขากำลังกินอยู่
“เจ้าต้องการกินสิ่งนี้หรือไม่?”
ลู่เป่ยเหยียนหยิบขาไก่ขนาดใหญ่ที่ย่างจนมีสีแดงเข้มขึ้นมา “ความจริงแล้วเนื้อสัตว์อร่อยยิ่งกว่านะ”
เขาได้รู้มาจากหลิงเยว่แล้วว่านี่เป็นหัวหน้าของเหล่าตะขาบมรกต หากทำให้มันพอใจ มันอาจจะมอบฝูงตะขาบมรกตตัวน้อยให้เขาสักตัวก็เป็นได้
ผู่ตานมองความคิดของลู่เป่ยเหยียนแล้วรู้สึกพูดไม่ออก แต่ก็เข้าใจได้ พวกเขาเข้ามาที่นี่นานร่วมครึ่งเดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ช่างน่าขายหน้าเหลือเกิน ถ้าหากได้สัตว์อสูรรับใช้สักตัวออกไปก็คงจะดีไม่น้อย
และฝูงของหัวหน้าตะขาบมรกตก็ถือว่าแข็งแกร่งมาก หากมีพวกมันคอยช่วยในช่วงแรก อย่างน้อยก็คงจะไม่ลำบากเช่นนี้
“หัวหน้า ไข่นกถูกซ่อนไว้อย่างแยบยล ข้าหาไม่เจอสักที ช่างน่าโมโหเสียจริง!” เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สองพูดด้วยความหงุดหงิด มันเกือบจะหาเจออยู่แล้ว!
“ร่องรอยที่เจ้าสี่ทิ้งไว้ก็ถูกลบไปแล้ว!”
เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สามบินวนไปมาในอากาศ ดมกลิ่นอย่างแรงเพื่อแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ ผลลัพธ์คือกลิ่นหอมหลายชนิดพุ่งเข้าจมูก ในขณะที่หัวหน้าของมันกำลังอ้าปาก กัดขาไก่ย่างเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
โอ้โห! หัวหน้ากล้ากินเนื้อสัตว์ต่อหน้าพวกมันอย่างนั้นหรือ!
ภาพนี้ทำให้เหล่าตะขาบทั้งสามตัวที่เพิ่งกลับมาจากการค้นหาไข่นกและกลุ่มของพวกมันนั้นต้องตกตะลึง
หลิงเยว่มิได้นึกฝันมาก่อนว่าหัวหน้าตะขาบมรกตจะกินไก่ย่างจริง ทั้งยังกินอย่างเอร็ดอร่อยเสียด้วย หากเจ้าพวกนี้เปิดตำราอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ในวันข้างหน้าพวกตะขาบเหล่านี้จะกินมนุษย์หรือไม่กัน?
นางรู้สึกหวั่นกลัวอยู่เล็กน้อย
“พี่ใหญ่ข้าก็อยากกิน!”
ตะขาบมรกตตัวที่ห้า ในฐานะน้องชายที่ซื่อสัตย์ที่สุดของพี่ใหญ่นั้น หากพี่ใหญ่ทำสิ่งใด มันก็จะทำตาม หากพี่ใหญ่กินสิ่งใด มันก็จะกินตาม!
เหล่าตะขาบมรกตทั้งสี่จึงลงมือกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยต่อหน้ามนุษย์ทั้งสาม เพียงครู่อาหารเหล่านั้นก็หายไปในพริบตา
“เนื้อนี่อร่อยนัก!”
“เพียงแต่มันเป็นของระดับต่ำไปเสียหน่อย”
“โอ้ พี่ใหญ่ เนื้อนี่มันอร่อยยิ่งนัก!”
ตะขาบมรกตตัวที่สามหลั่งน้ำตาทันทีที่ได้กินเนื้อ มันถูกบังคับให้กินเพียงพืชผักมานานนับพันปีแล้ว เมื่อได้พบผู้บำเพ็ญ มันก็คิดว่าจะได้กินเนื้อเสียที แต่กลับกลายเป็นว่ามนุษย์สิบกว่าคนนั้น มีกลิ่นตัวเหม็นเกินกว่าจะกลืนลงคอได้ หลังจากนั้นก็มีมนุษย์โผล่มาอีกคนหนึ่ง ทั้งยังมีกลิ่นหอมน่ากินนัก แต่หัวหน้าตะขาบมรกตกลับไม่ให้พวกมันกิน
และตอนนี้พวกมันก็ได้กินเนื้อสัตว์เพื่อเติมเต็มหัวใจที่หายไปของเหล่าตะขาบมรกตแล้ว
“มนุษย์ เจ้าจะนำไข่นั่นไปทำเป็นของอร่อยได้หรือไม่?” พวกตะขาบมรกตกินอิ่ม แล้วนอนอย่างสบายใจก็เกิดความสงสัยขึ้นมา
หลิงเยว่ “…”
นางจะบอกเหล่าตะขาบมรกตนี้ได้อย่างไร ว่านางต้องการไข่ฟองนั้นมากนัก
เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้น หากนางใช้ม้วนคัมภีร์สัญญาศักดิ์สิทธิ์ตกลงเป็นพันธมิตรสำเร็จ พวกตะขาบมรกตนั้นจะโกรธ แล้วอาจทำให้นางละลายกลายเป็นกองเลือดก็เป็นได้