ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 132 แย่แล้ว! โอสถแปลงร่างอาจจะหมดอายุแล้ว
บทที่ 132 แย่แล้ว! โอสถแปลงร่างอาจจะหมดอายุแล้ว
ร่างกายของหัวหน้าตะขาบมรกตสี่ปีกยังคงอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลง ขาเรียวเล็กครึ่งตัวบนของมันได้กลายเป็นมือของมนุษย์นับไม่ถ้วน ส่วนครึ่งล่าง… ก็มีขาของมนุษย์อีกมากมาย แต่ทว่าลำตัวยังคงเป็นปล้องเหมือนกับตะขาบเช่นเดิม
หากสุดท้ายจะกลายเป็นเช่นนี้…
“ศิษย์น้องหลิง โอสถของเจ้าได้มาจากที่ใด?”
ลู่เป่ยเหยียนรู้สึกว่าโอสถเปลี่ยนร่างนี้มีฤทธิ์ไม่เพียงพอ อาจเป็นเพราะเก็บไว้นานเกินไป
“อาจารย์ให้เจ้าไว้หรือ?”
หลิงเยว่ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นมาทันที “ข้า… ในระหว่างทางที่หลบหนีอยู่ ข้าเก็บได้เจ้าค่ะ”
หัวหน้าตะขาบมรกตที่ยังพอมีสติอยู่ เมื่อได้ยินแล้วก็เกือบจะสำรอกเลือดออกมา สิ่งของไม่รู้ที่มาที่ไปกลับกล้าเอามาให้กิน ทั้งยังมาโม้อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงเช่นนี้ได้อย่างไร?
มนุษย์ช่างพูดจาหว่านล้อม รู้แต่หลอกลวงเหล่าแมลง!
“อย่ากังวลไปเลยหัวหน้าตะขาบมรกต เจ้าดูสิ ศีรษะของเจ้าเปลี่ยนร่างสำเร็จไปแล้ว แขนและขาก็ออกมาแล้ว ร่างกายก็คงอีกไม่นาน!” ลู่เป่ยเหยียนช่วยพูดจาให้หลิงเยว่เพราะความรู้สึกผิด
ถึงอย่างไร ตอนนี้พวกเขาก็เหมือนตั๊กแตนบนเชือกเส้นเดียวกัน หากหลิงเยว่กระโดด พวกเขาก็จะกระโดดตามเช่นกัน
หัวหน้าตะขาบมรกตซึ่งตอนนี้มีศีรษะเป็นมนุษย์ จ้องไปที่ลู่เป่ยเหยียนด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
มือและขาที่มากมายยิ่งกว่าร่างจริงของมันช่างน่าเกลียดนัก หากเมื่อแปลงร่างแล้วจะต้องมีหัวเป็นมนุษย์และแขนขามากมายนับไม่ถ้วนเช่นนี้ มันก็ไม่อยากจะแปลงร่างอีกต่อไป นี่มันไม่ใช่ปีศาจแล้วหรือ!
หัวหน้าตะขาบมรกตยอมรับไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น จนทั้งร่างสั่นเทาไปหมด
หลิงเยว่กลืนน้ำลายลงคออย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกผิด “ต้องเป็นเพราะโอสถยังไม่ผ่านการกลั่นให้บริสุทธิ์ทั้งหมดก่อนแน่นอน จึงเป็นเช่นนี้…”
พูดได้มีเหตุผล เจ้าถั่วนั่นกระโดดโลดเต้นอยู่ภายในปากของมันอย่างร่าเริง เมื่อตอนที่ถูกกินเข้าไปในท้องมันคงยังไม่พอใจเช่นเดิม เลยไม่อยากให้ตะขาบมรกตแปลงร่างได้อย่างสุขสบายแล้ว!
หัวหน้าตะขาบมรกตจ้องไปที่หลิงเยว่แล้วหลับตาลง จากนั้นก็กลั่นโอสถภายในร่างกายของมันต่อไป
เมื่อทั้งสามคนเห็นดังนั้นจึงรีบเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตนไปพร้อม ๆ กัน
“ว่าแต่ศิษย์น้องหลิง เจ้าเก็บโอสถนั้นมาห้าเม็ด เตรียมจะขายให้พวกเราเม็ดละสองพันล้านหินวิญญาณหรือ?”
หลิงเยว่หัวเราะในลำคอ แล้วพยายามที่จะเลี่ยงไปในประเด็นอื่น
ช่างใจร้ายเสียจริง!
สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์จากยอดเขาโอสถ
ลู่เป่ยเหยียนอยากจะต่อราคา แต่… เมื่อคิดดูอีกที สองพันล้านหินวิญญาณก็นับว่าพอยอมรับได้?
ผู่ตานไม่ใส่ใจเรื่องราคา กลับคิดว่าหากหัวหน้าตะขาบมรกตแปลงร่างสำเร็จจริง ๆ ศิษย์น้องของตัวเองยังเรียกราคาถูกไปเสียด้วยซ้ำ
“เราเป็นพี่น้องร่วมสำนักเดียวกัน เจ้าเรียกราคาสองพันล้านหินวิญญาณ ข้าก็พอใจ แต่โอสถที่มีค่าถึงเพียงนี้ ถ้าหากจะขายให้คนอื่น เจ้าเรียกราคาน้อยเกินไป มันควรจะต้องขายได้ถึงเจ็ดแปดพันล้านหินวิญญาณ…”
“เหลือเชื่อ!”
หากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย ลู่เป่ยเหยียนคงอยากจะเตะคนที่หน้าด้านไร้ยางอายคนนี้สักที เขาจำไม่ได้แล้วหรือ ว่าใครที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอดทาง
ไม่มีความกตัญญูเสียเลย นับแต่นี้จะไม่ร่วมกลุ่มกับคนเช่นนี้อีกแล้ว!
ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังคุยกัน เสียงกรีดร้องของเจ้าตะขาบตัวที่สองก็ดังขึ้น มันชี้ไปที่หัวหน้าของมัน… ซึ่งตอนนี้หลิงเยว่แบกไว้บนหลังของเจ้าตะขาบตัวที่สาม
นั่นคือหัวหน้าใช่ไหม? นั่นคือหัวหน้าจริง ๆ หรือ?
หัวหน้ามีหัวเป็นมนุษย์แล้ว!
เสียงของแมลงตะขาบมรกตตัวที่สองดึงดูดให้เจ้าตะขาบมรกตตัวที่ห้าและตัวที่สามซึ่งกำลังงีบหลับอยู่หันมาสนใจทันที
ตะขาบมรกตทั้งสามตัวจ้องมองใบหน้าของหัวหน้าตะขาบมรกตสี่ปีกด้วยความตกตะลึง
ในตอนนี้ หัวหน้าตะขาบมรกตแปลงร่างเป็นมนุษย์สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ศีรษะมนุษย์ที่เกลี้ยงเกลาเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นมา หนวดสองข้างซ่อนอยู่ใต้เส้นผมสีเขียวที่ยาวสลวย ใบหน้ามีมิติ… หน้าตาถือว่า… ในบรรดาตะขาบมรกตก็ถือว่าหล่อเหลาใช่หรือไม่?
ลำตัวช่วงบนเปลี่ยนเป็นหน้าอกของมนุษย์ มือทั้งสองข้างห้อยอยู่ข้างลำตัว ช่วงล่างยังคงเปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างขาและลำตัวของแมลง มองดูแล้วเหมือนฤทธิ์โอสถจะยังไม่เสถียรนัก
“พวกเจ้าทำสิ่งใดกับหัวหน้าพวกเรา!” เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สองเอ่ยปากถาม แต่เหล่าตะขาบก็กระโดดขึ้นไปบนหน้าอกของหัวหน้าตะขาบมรกตทันที เท้าเล็กนับไม่ถ้วนลูบไล้อย่างไม่หยุดหย่อน หลิงเยว่เห็นอย่างนั้นแล้วถึงกับพูดไม่ออก
“เร็วเข้า ทำอย่างนั้นให้ข้าด้วย!”
แมลงตะขาบมรกตตัวที่ห้าลูบไล้เส้นผมยาวสีเขียวมรกตที่สยายอยู่ใต้ลำตัวของหัวหน้าตะขาบมรกตอย่างพอใจ เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรมุ่งมั่นจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์เป็นพิเศษ สามารถบำเพ็ญและฝ่าฟันอุปสรรคได้ง่ายกว่าเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรและเผ่าพันธุ์พืชสมุนไพรวิญญาณมากนัก เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งล่อตาล่อใจเช่นนี้ ยากนักที่สัตว์อสูรจะต่อต้านได้
แม้ว่าจะยากลำบาก แต่เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรนั้นนับว่าดีกว่าเผ่าพันธุ์พืชสมุนไพรวิญญาณอยู่บ้าง เพราะพืชสมุนไพรวิญญาณที่ต้องการจะแปลงร่าง… ต้องใช้เวลาหลายหมื่นปีหรือหลายแสนปี บางทีอาจจะหลายล้านปีด้วยซ้ำ หากสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้เวลาที่ใช้จะสั้นลงหลายสิบหลายร้อยเท่า!
เมื่อหลิงเยว่เห็นเช่นนั้น จึงยัดโอสถเปลี่ยนร่างระดับเทพให้กับผู่ตานและลู่เป่ยเหยียน สายตาของนางราวกับสั่งให้พวกเขารีบคว้าโอกาสนี้ไว้เสีย
ทันทีที่ได้โอสถ ทั้งสองก็วิ่งไปหาตะขาบมรกตตัวที่สองและตัวที่ห้า
เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สองดีใจจนตาโต รีบมองไปที่ผู่ตาน “เพียงทำพันธสัญญากับเจ้าก็สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างนั้นหรือ?”
ไม่น่าเชื่อ! มีเรื่องดีเช่นนี้เกิดขึ้นจริงหรือ!
“เข้ามาเถิด รีบมาตกลงพันธสัญญากับข้าเร็ว” เจ้าตะขาบมรกตตัวที่ห้ากระโดดโลดเต้นบนร่างของลู่เป่ยเหยียน
ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องง่ายดายเช่นนี้
ผู่ตานและลู่เป่ยเหยียนก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
“ข้าเล่า! ข้าเล่า!”
เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สาม เมื่อเห็นว่าเจ้าตะขาบมรกตตัวที่สองและตัวที่ห้าต่างมีที่ไปแล้ว ตนเองยังไม่มีที่อยู่จึงร้อนใจจนตัวเป็นเกลียว
“อย่าเพิ่งร้อนใจ เจ้าก็มี แต่ตอนนี้เขายังไม่อยู่ที่นี่ รอออกไปให้ได้เสียก่อน ข้าจะแนะนำให้เจ้าให้รู้จักเอง”
หลิงเยว่ลูบหัวเจ้าตะขาบมรกตตัวที่สามอย่างปลอบโยน นางเตรียมไว้ให้ศิษย์พี่สามของนางแล้ว
ส่วนเจ้าตะขาบมรกตตัวที่สี่… ก็ปล่อยให้สหายร่วมสำนักใช้ความสามารถของตนเองเถิด มีแมลงตะขาบมรกตสี่ปีกเพียงห้าตัว ส่วนหัวหน้าตะขาบมรกตนั้นใฝ่หาอิสรภาพ ถึงเวลานั้นคงต้องดูกันว่าผู้ใดจะมีเสน่ห์มากพอจะพิชิตใจเจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตตัวนี้ได้
ทั้งสี่ตัวนี่ก็แปดแสนล้านหินวิญญาณ สามารถแลกเป็นค่าพลังวิญญาณได้แปดหมื่นล้าน ชำระหนี้แล้วยังเหลือใช้ได้อีก หลิงเยว่หัวเราะจนปากกว้าง นางช่างหาเงินได้เก่งเสียจริง!
การเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของนกในไข่ ตอนนี้นางอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ และยังไม่รู้ว่าคู่หูของนางใกล้จะทรยศเสียแล้ว
สามวันต่อมา ตะขาบมรกตสี่ปีกก็กลายร่างสำเร็จ!
สวมชุดคลุมสีแดงฉูดฉาดของผู่ตาน
ผมยาวสีเขียวมรกตดูเข้ากันกับชุดสีแดงสดใส อันที่จริงแล้ว… นับว่าดูดีทีเดียว
หัวหน้าตะขาบมรกตสัมผัสมือเรียวยาวของตนเองอย่างทะนุถนอม ค่อย ๆ ลูบขึ้นไปที่คอ ปาก จมูก ทั่วร่างกาย แววตาเริ่มพร่ามัว…
นี่เขาตกหลุมรักตัวเองแล้วไม่ใช่หรือ?
“อย่าเพิ่งดูเลย รีบทำตามที่เจ้าสัญญากับข้าเถิด นกตัวนั้นจะออกมาแล้ว!”
เปลือกไข่เริ่มปรากฏรอยร้าว หากปล่อยให้นกข้างในออกมา นางคงใช้ม้วนคัมภีร์สัญญาเทพได้ยากแล้ว
หัวหน้าตะขาบมรกตไม่พอใจนัก ก่อนจะสวมชุดคลุมสีแดงให้เรียบร้อย คว้าหลิงเยว่บินทะยานสู่ท้องฟ้า มุ่งตรงไปยังรังนกทันที
ยิ่งเข้าใกล้เปลวไฟแห่งสวรรค์ หลิงเยว่ก็ยิ่งรู้สึกทรมาน อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผิวหนังแดงก่ำราวกับกุ้งต้มสุก ดวงตาก็เริ่มพร่ามัว
เมื่อเห็นเช่นนั้น หัวหน้าตะขาบมรกตก็อ้าปากคายของเหลวออกมา แต่ไม่ใช่การพ่นน้ำลายออกมาอย่างที่คาดไว้ หากแต่พ่นเป็นกำแพงสีเขียวออกมาห่อหุ้มร่างของหลิงเยว่ไว้ ความเย็นแผ่เข้ามาทำให้หลิงเยว่ได้สติกลับคืนมา
“ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่าเหตุใดศิษย์น้องหลิงถึงไม่เก็บตะขาบมรกตไว้ ที่แท้หมายตาไข่นกนั่นเอาไว้นี่เอง” ลู่เป่ยเหยียนเอ่ยด้วยความกังวลปนอิจฉา ไม่รู้ว่าศิษย์น้องหลิงจะใช้วิธีใดกัน
นี่ก็เป็นสิ่งที่ผู่ตานสงสัยเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงโอสถแปลงร่างอันล้ำค่าที่แม้แต่ยอดเขาโอสถก็ยังอาจจะไม่สามารถทำออกมาได้ครั้งละหลายเม็ด เห็นได้ชัดว่าศิษย์น้องห้ามีความมั่นใจอย่างมากในทำพันธสัญญากับไข่นก
ขอให้นางประสบความสำเร็จเถิด เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับสำนักของเรา!