ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 138 ต้องเก็บอาหารทะเลมากมายขนาดนี้ไปถึงเมื่อไหร่?
บทที่ 138 ต้องเก็บอาหารทะเลมากมายขนาดนี้ไปถึงเมื่อไหร่?
เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาทั้งแปดคู่ เจ้ามังกรดำตัวนี้พลันรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นอาหารในสายตาพวกตะขาบมรกตสี่ปีกไปเสียแล้ว เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ก็ทำให้มันโกรธจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้!
รูปร่างของเจ้ามังกรดำที่แปลงร่างเป็นเด็กหนุ่ม บัดนี้ได้คืนร่างกลายเป็นมังกรดำในทันใด
หลิงเยว่เผลอหัวเราะให้กับความคิดของตัวเอง เสียงหัวเราะของนางดังขึ้น ทำให้นาง… โชคร้ายกลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีแรกของเจ้ามังกรดำ
สายฟ้าสีม่วงเข้มพุ่งโจมตีไปยังหลิงเยว่อย่างรุนแรง
โม่จวินเจ๋อตอบโต้ได้ทันท่วงที พลันดึงหลิงเยว่หลบไป…
ตรงจุดที่หลิงเยว่อยู่เมื่อครู่นี้ กลับกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ ภายในหลุมมีสายฟ้าสีม่วงเข้มกำลังแล่นผ่านไปมาและส่งเสียงดังสนั่น
หัวหน้าของเหล่าตะขาบมรกตจะทนได้อย่างไร เมื่อเจ้ามังกรดำตัวนี้เมินเฉยต่อเขา และลงมือกับเจ้ามนุษย์ตัวน้อยที่เขาปกป้องอยู่เช่นนี้!?
ตะขาบมรกตทั้งสี่ตัวรุมล้อมเจ้ามังกรดำในทันที ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนผิวน้ำ ทะเลที่เคยสงบนิ่งปรากฏเป็นคลื่นลมแรง สัตว์น้ำมากมายถูกคลื่นซัดจนลอยขึ้นมาตายเกลื่อนบนผิวน้ำ
หลิงเยว่เห็นเช่นนั้นก็เบิกตากว้าง พลันคิดว่าไม่ต้องลงไปในทะเลก็ได้อาหารทะเลมามากมายนับไม่ถ้วน ช่างดีเกินไปแล้ว!
“พวกท่านสู้กันเบาหน่อย ระวังอย่าทำให้อาหารทะเลเสียหาย แค่ตีให้สลบก็พอแล้ว…” พูดจบ หลิงเยว่ก็วิ่งไปยังที่ปลอดภัย รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสจนทำให้คนทั้งสามที่อยู่ตรงนั้นพูดไม่ออก
ช่างใจกล้าเสียจริง!
เมื่อครู่นั้น หากไม่ใช่เพราะโม่จวินเจ๋อ เห็นทีนางคงกลายเป็นก้อนถ่านไปเสียแล้ว
“เร็วเข้า พวกเจ้ามาช่วยกันเก็บเถิด ข้าจะทำอาหารทะเลแสนอร่อยให้กิน รับรองว่าอร่อยจนลืมไม่ลงอย่างแน่นอน!”
แค่ปิ้งปูทะเลและหอยนางรมราดกระเทียมก็อร่อยล้ำแล้ว วัตถุดิบที่ลอยอยู่บนทะเลมีมากมายถึงเพียงนี้ คงจะต้อง…
ลู่เป่ยเหยียนนึกถึงรสชาติของอาหารทะเลที่เพิ่งทานไปเมื่อครู่ ก่อนจะรีบเดินไปช่วยเก็บ
พอเขาเดินไป อีกสองคนก็จำต้องไปด้วยเช่นกัน
บนท้องนภามีเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าอย่างรุนแรง มังกรดำตัวหนึ่งต่อสู้กับตะขาบมรกตทั้งสี่ตัวอย่างดุเดือด ในขณะเดียวกันบนทะเลก็มีเหล่ามนุษย์ทั้งสี่คนกำลังเก็บวัตถุดิบอาหารทะเลอย่างมีความสุข
หลิงเยว่ตะลึงงันจนพูดไม่ออก นางอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ยกกุ้งตัวใหญ่ขนาดเท่ากับตนเองขึ้นมา สายตาของนางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ พลางมองดูอย่างไม่เชื่อสายตา อาหารทะเลในแดนเซียนมันใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ช่างน่ากินเสียจริง!
โม่จวินเจ๋อจับปลาทะเลสีสันสวยงามตัวหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงปลาย่างที่กินตอนอยู่ที่สำนัก หากนำเจ้าตัวใหญ่ขนาดนี้มาทำเป็นปลาย่างคงจะอร่อยไม่น้อย เดิมทีเขาไม่ค่อยเต็มใจเก็บเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขาเก็บได้เร็วยิ่งกว่าหลิงเยว่เสียอีก
เจ้ามังกรดำกำลังถูกฝูงตะขาบมรกตสี่ตัวรุมทำร้าย พลันเหลือบไปเห็นมนุษย์ที่กำลังเก็บ ‘ขยะ’ กันอย่างมีความสุข มันก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
ด้วยความโกรธ เจ้ามังกรดำจึงพ่นไฟใส่ปลาทะเลยักษ์ที่หลิงเยว่อุ้มไว้ ปลาทะเลยักษ์พลันระเบิดออก เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วร่างกายหลิงเยว่ ตอนนี้นางกลายเป็นคนเปื้อนเลือดที่ทั้งตัวมีเศษเนื้อปลาติดอยู่เต็มไปหมด
หลิงเยว่ “…”
เจ้ามังกรดำนี่เป็นอะไรกันแน่ มันโกรธอะไรนักหนา?
หลิงเยว่เช็ดใบหน้าที่เปื้อนเลือดของตัวเองออก นางตัดสินใจสาดน้ำมันเข้ากองไฟ “เจ้าตะขาบมรกตพวกเจ้าเก่งกันจริงหรือไม่ พวกเจ้ารุมสี่ต่อหนึ่งยังเกือบปล่อยให้เจ้ามังกรดำนั้นฆ่าข้าได้อีกหรือ!”
นี่นางว่าพวกมันไม่เก่งอย่างนั้นหรือ?
เจ้ามนุษย์เปราะบางนี่ รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดสิ่งใด มันจะไม่เก่งได้อย่างไรกัน!?
เดิมทีพวกมันเพียงเล่นสนุกกับเจ้ามังกรดำเท่านั้น แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าตะขาบมรกตทั้งสี่ก็เริ่มเอาจริงเอาจังขึ้นมา
“เจ้ามนุษย์เปราะบาง เจ้าลองดูเถิด ดูว่าข้าเก่งหรือไม่!”
ทันทีที่เสียงของหัวหน้าตะขาบมรกตจบลง เจ้ามังกรดำก็ถูกหางของตะขาบมรกตทั้งสี่กวาดจนตกลงไปในน้ำทะเล ทำให้เกิดเป็นคลื่นขนาดมหึมาพัดถาโถมเข้าใส่หลิงเยว่
ส่วนคนอีกสามคนก็ไม่รอดเช่นกัน โดนคลื่นซัดจนเปียกปอนไปทั้งตัว!
“ฮ่า ๆ ๆ”
หัวหน้าตะขาบมรกตที่หัวเราะคิกคักอยู่ พลันหยุดชะงักทันที เพราะตัวมันเองถูกเจ้ามังกรดำที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเลโจมตีใส่จนมันตกลงไปในน้ำทะเลแทน จากนั้นตะขาบมรกตอีกสามตัวก็พุ่งเข้าโจมตีเจ้ามังกรดำอย่างรวดเร็ว แล้วพวกมันก็เริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง
การต่อสู้กลางทะเลอันดุเดือด ดึงดูดเหล่าผู้บำเพ็ญที่อยู่ในป่าแห่งภาพลวงตาได้สำเร็จ พวกเขาสามารถต่อสู้บนฟ้าได้ นั่นหมายความว่าทางออกอยู่ที่นั่น!
เหล่าผู้บำเพ็ญใช้แสงที่เกิดจากการต่อสู้นั้นเป็นเครื่องนำทาง ลากร่างอันอ่อนล้าไปในทิศทางนั้นโดยไม่สนใจสิ่งใด
“เร็วเข้าทุกคน! รีบวิ่งไปทางนั้น!”
“ถ้าออกไปได้จริง ชาตินี้ข้าจะไม่เหยียบย่างเข้ามาในป่าตะวันตกอีกเด็ดขาด!”
ในยามนี้เหล่าผู้บำเพ็ญต่างร่ำไห้ ฉับพลันพวกเขาก็เปี่ยมไปด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัด แล้วใช้ความเร็วที่แม้แต่ตนเองยังคาดไม่ถึง วิ่งแซงสัตว์อสูร มุ่งหน้าไปยัง ‘แสงนำทาง’ นั้นทันที แต่น่าเสียดาย… พวกเขาเพิ่งวิ่งมาได้เพียงสองวัน แสงนำทางนั้นก็หายไปแล้ว
บนท้องฟ้ากลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
พร้อมกับความหวังที่พังทลายลง
แต่ไม่นานนัก พวกเขาก็ได้กลิ่นแปลก ๆ กลิ่นนั้นโชยมาเป็นระยะ ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญที่สิ้นหวังมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง
พวกเขาเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่า เพียงเดินตามกลิ่นหอมนี้ พวกเขาจะสามารถออกจากหุบเขาโบราณได้อย่างแน่นอน!
กลิ่นหอมเย้ายวนนั้นคงมาจากฝีมือของหลิงเยว่เป็นแน่ บนชายหาดแห่งหนึ่งถูกนางเนรมิตให้กลายเป็นห้องครัวกลางแจ้ง หม้อใหญ่สองใบกำลังต้มหม้อไฟเนื้อปู ทั้งยังมีหอยตัวใหญ่หลากสีสันกำลังถูกย่างบนเตา และไม่เพียงหอยนางรมเท่านั้น แต่ยังมีหอยอีกหลายชนิดวางอยู่ด้วย
หลิงเยว่กำลังยืนอยู่หน้ากระทะทอดปูและกุ้งที่หมักไว้ กุ้งมังกรตัวใหญ่ที่นางเก็บมานั้นมีหลายตัว ตัวหนึ่งถูกหั่นเป็นท่อน ๆ แล้วใส่ลงในหม้อ เตรียมไว้สำหรับทำกุ้งมังกรผัดพริกกระเทียมส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งจะทานคู่กับน้ำจิ้มหรือกินเปล่า ๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน
“หอมยิ่งนัก!” หัวหน้าตะขาบมรกตแทบจะเอาหัวมุดลงในหม้อแล้ว “กินได้หรือยัง!”
ตะขาบมรกตทั้งสี่ตัวมีเป้าหมายของตัวเอง พวกมันต่างจ้องมองอาหารทะเลที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนจนน้ำลายสอ ผู่ตานและลู่เป่ยเหยียน ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาเก็บน้ำลายของพวกมัน
“อย่าให้น้ำลายไหลลงไปในหม้อนะ!” โม่จวินเจ๋อรีบดึงเจ้าตะขาบมรกตทั้งสี่ออกไป ก่อนจะหยิบตะหลิวขึ้นมาผัดอาหารอย่างคล่องแคล่ว กลิ่นหอมจากหม้อลอยมาเตะจมูก เขาเองก็เกือบจะน้ำลายไหลเหมือนพวกมันเหล่านั้นแล้ว
กลิ่นหอมของอาหารอันโอชะมากมายเพียงนี้จะไม่แพร่กระจายไปไกลได้อย่างไร?
หลิงเยว่คุกเข่าลงบนพื้นทราย ยื่นถาดกุ้งและปูผัดพริกเกลือหอมกรุ่นไปตรงหน้าเจ้ามังกรดำที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้แน่น นางจ้องมองร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของมันด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความเวทนา ในขณะเดียวกันนางก็เคี้ยวเนื้อปูอย่างเอร็ดอร่อยไปด้วย
เนื้อปูก้อนที่ชุบแป้งทอดจนเหลืองกรอบนั้นช่างอร่อยนัก สัมผัสของแป้งทอดที่หอมกรอบ อีกทั้งเนื้อปูที่สดหวาน น้ำในเนื้อปูที่ถูกกักเก็บไว้ภายในนั้น เพียงกัดคำเดียว หลิงเยว่ก็รู้สึกราวกับได้ขึ้นสวรรค์แล้ว
วัตถุดิบในโลกผู้บำเพ็ญเซียนนั้นแตกต่างจากวัตถุดิบในโลกมนุษย์อย่างสิ้นเชิง แม้จะเป็นวัตถุดิบธรรมดา แต่เมื่อสัมผัสกับพลังวิญญาณก็จะกลายเป็นสิ่งที่พิเศษขึ้นมาทันที
แม้หลิงเยว่กินอาหารทะเลชั้นต่ำอย่างที่เจ้ามังกรดำพูดถึง แต่นางรู้สึกเหมือนกำลังกินอาหารชั้นเลิศเสียมากกว่า
ร่างกายของเจ้ามังกรดำเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ มันครางฮึดฮัดด้วยความเจ็บปวด พยายามพลิกร่างอันอ่อนแอด้วยความยากลำบาก เจ้ามังกรดำผู้โหยหาอิสรภาพ มันคิดว่าจะได้พบกับท้องทะเลอันกว้างใหญ่แล้ว แต่สิ่งที่มันเผชิญหน้ากลับเป็นตะขาบมรกตทั้งสี่ตัว ผู้ที่ทำร้ายมันจนบอบช้ำ
หัวหน้าตะขาบมรกตเห็นเจ้ามังกรดำกำลังมองมันอยู่ มันจึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับยกกุ้งทะเลตัวโตสีเหลืองอร่ามที่หนาเท่าข้อมือขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้าของมันขึ้นมาแล้วค่อย ๆ ยัดใส่ปาก
มีคำพูดมากมาย สุดท้ายก็รวมเป็นคำสั้น ๆ ได้เพียงสองคำว่า “อร่อย!”
กุ้งสดรสหวานเนื้อแน่น ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งหอม มนุษย์แม้จะอ่อนแอเปราะบาง แต่ในเรื่องอาหารการกินนั้น ถือว่าเหนือกว่าพวกที่กินแต่พืช เปลือกไม้หรือกินดินมากนัก!
เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สามอยากกลืนกินกระทั่งจานเปล่า โชคดีที่เขาไม่ฟังคำพูดของตะขาบมรกตตัวที่สี่ ที่เคยบอกให้โยนเจ้ามนุษย์ผู้เปราะบางนี้ทิ้งไปเสีย แล้วปล่อยให้นางตายไปเอง ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่มีอาหารอร่อย ๆ เช่นนี้ให้มันกินเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม เรื่องกินช่างมันก่อน แค่เจ้ามนุษย์ผู้เปราะบางนี้สามารถนำโอสถแปลงร่างมาให้หัวหน้าเปลี่ยนร่างได้ ข้อนี้ก็เพียงพอแล้วที่พวกมันจะเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการปกป้องของเผ่าตะขาบมรกตสี่ปีก!
เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สามได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเจ้าสี่ตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง คงตายไปแล้วกระมัง?
เจ้าสี่ช่างน่าสงสารนัก หากเป็นเช่นนั้นก็กินส่วนของเจ้าสี่เสียให้หมดเลยแล้วกัน