ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 141 กลั่นแกล้งมนุษย์สองคนกับแมลงอีกหนึ่งตัว
บทที่ 141 กลั่นแกล้งมนุษย์สองคนกับแมลงอีกหนึ่งตัว
หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อมองหน้ากัน ก่อนจะเร่งความเร็วในการหนีออกไปอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น ขาของทั้งสองก็หนักอึ้ง ทั้งยังไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จึงถูกบังคับให้นั่งลงบนพื้น
โม่จวินเจ๋อไม่ต่อต้าน เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป หากต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ เพียงอยู่นิ่ง ๆ รอดูว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นยังดีเสียกว่า
“ตอนนี้พวกเราไม่หนีแล้ว เจ้าบอกมาเถิดว่าต้องการสิ่งใด?”
หลิงเยว่พอจะเดาได้แล้วว่าสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือผีตนนี้เพียงอยากเล่นสนุก และพวกเขาก็ยังไม่ตาย
“ข้าเพียงต้องการเล่นสนุกกับพวกเจ้าเท่านั้น ดูเถิดว่าพวกเจ้ากลัวถึงเพียงใด”
เมื่อลมหนาวพัดผ่านลำคอของหลิงเยว่ นางก็เผลอหดคอตามสัญชาตญาณ
“เล่นอะไรกัน” โม่จวินเจ๋อถามขึ้น
“เล่นกับ… ชีวิตพวกเจ้า!”
เสียงนั้นพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนพูดถึงคำว่า ‘ชีวิต’ ต้นไม้รอบ ๆ ราวกับมีชีวิตขึ้นมาทันที พวกมันเริ่มแยกเขี้ยว และแผ่กิ่งก้านออกไป
ใบไม้ที่แห้งเหี่ยวกลายเป็นลูกศรแหลมคม ล้อมรอบร่างของทั้งสองไว้ อีกด้านหนึ่ง ฝูงตะขาบมรกตสี่ปีกก็ถูกกิ่งไม้ฟาด แต่พวกมันไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น กิ่งไม้ที่โจมตีพวกมันในตอนนี้ก็กลับกลายเป็นอาหารของพวกมันไปเสียแล้ว
บริเวณใดที่ฝูงตะขาบมรกตผ่านไป ก็จะกลายเป็นพื้นที่โล่งเตียน ไม่มีต้นไม้เหลืออยู่แม้เพียงต้นเดียว ช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก หัวหน้าตะขาบมรกตที่คลั่งไปแล้วก็เริ่มได้สติกลับมา มันยืนนิ่งอยู่ใจกลางฝูงตะขาบมรกต หนวดของมันเรืองแสงอ่อน ๆ กำลังพยายามหาสิ่งที่แอบซ่อนอยู่และเล่นแง่กับมัน
“หัวหน้าตะขาบมรกต ช่วยข้า…” หลิงเยว่ยังไม่ทันได้พูดจบ คอของนางก็ถูกสิ่งที่มองไม่เห็นรัดเอาไว้ ใบหน้าของนางแดงก่ำ เท้าทั้งสองข้างค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้นดิน
สภาพของโม่จวินเจ๋อนั้นแย่ยิ่งกว่าหลิงเยว่ เขาถูกบีบคอและห้อยหัวอยู่กลางอากาศ
“ความสนุกกำลังจะเริ่มแล้ว พวกเจ้าสองคนกับตะขาบมรกตอีกหนึ่งตัว มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะรอดชีวิต!”
มันจะให้พวกเขาฆ่ากันเองหรือ?
“เจอแล้ว” แสงบนหนวดของหัวหน้าตะขาบมรกตดับลง แล้วร่างของมันก็หายไปทันที เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง มันก็อยู่ไกลออกไปมากแล้ว
“โครม!”
ต้นไม้จำนวนมากพังทลายแล้วกลายสภาพเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ แล้วหัวหน้าตะขาบมรกตก็ไล่ล่าเถาวัลย์สีน้ำตาลต่อไป
ทั้งสองคนที่ถูกควบคุมตัวพลันตกลงมายังพื้นดินพร้อมกัน หลิงเยว่จับคอตัวเองแล้วไออย่างรุนแรง โม่จวินเจ๋อหยิบขวดบางอย่างจ่อริมฝีปากของนาง
หลิงเยว่ไม่เอ่ยปากถาม แล้วดื่มเข้าไปเพียงเล็กน้อย สัมผัสนั้นเย็นชุ่มคอและมีรสหวานเล็กน้อย เพียงไม่นานอาการไอของนางก็ดีขึ้น หลิงเยว่พยายามห้ามใจไม่ให้ดื่มจนหมด ขวดเล็กถึงเพียงนี้บ่งบอกได้ว่ามันล้ำค่าเพียงใด
“นี่คือสิ่งใด?”
“หยาดทิพย์พันปี” โม่จวินเจ๋อกล่าว พลางส่งขวดให้หลิงเยว่เก็บไว้
“ท่านไม่ดื่มหรือ หรือว่ารังเกียจที่ข้าดื่มไปแล้ว?”
“ไม่ใช่ คือข้า…”
ทันใดนั้นใบหน้าของโม่จวินเจ๋อพลันแดงเรื่อขึ้นมา เขารีบยัดขวดใส่มือหลิงเยว่แล้วรีบหันหลังไปช่วยหัวหน้าตะขาบมรกตไล่ล่าเถาวัลย์ทันที
“?”
เมื่อหลิงเยว่กำลังจะเก็บหยาดทิพย์พันปีเข้าไปในแหวนมิติ มือของนางกลับว่างเปล่า
“!!!”
“มีของดีเช่นนี้ ข้าเองก็อยากดื่ม”
ฉับพลัน ขวดสีขาวก็ถูกโยนลงพื้นจนแตกกระจายต่อหน้าหลิงเยว่ พวกมันล้อมนางไว้ยังไม่พอ ซ้ำมีเวลาเหลือมาปล้นน้ำหวานที่นางเหลืออยู่เช่นนี้ ช่างน่าโมโหเสียจริง!
หากนางรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางจะดื่มมันให้หมดเสียในคราวเดียว หยาดทิพย์พันปีนี้ช่างดีเหลือเกิน นางรู้สึกได้ว่าแก่นปราณของนางมีการพัฒนาขึ้น
บางทีหากดื่มจนหมด นางคงจะสามารถเลื่อนขั้นไปสู่ระดับสิบก็เป็นได้ น่าเสียดายยิ่งนัก!
“พวกเจ้าทำงานให้เร็วหน่อยได้หรือไม่ ต้องให้รออีกนานเพียงใดกัน?”
ไม้เถาวัลย์พันธนาการที่หลุดออกไปบ่นพึมพำ ขณะลอยอยู่ในอากาศ และมันกำลังทำบางอย่าง… กับร่างกายของตนเอง อย่าเข้าใจผิด มันเพียงกำลังหักโคนร่างของตัวเอง แล้วมัดร่างกายของมันให้เป็นปม พร้อมกับท้าทายทั้งหัวหน้าตะขาบมรกตและมนุษย์
ทนไม่ไหวแล้ว!
หัวหน้าตะขาบมรกตกลายร่าง เพิ่มความเร็วของมันขึ้นจากเดิมกว่าสิบเท่า เห็นได้ชัดว่ามันกำลังจะไล่ตามทันแล้ว แต่ในชั่วพริบตา เถาวัลย์พันธนาการเหล่านั้นก็เร่งความเร็วอีกครั้ง ทั้งสองจึงไล่ตามกันไปมา ไม่เปิดโอกาสให้โม่จวินเจ๋อที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ระดับจินตานขั้นต้นได้มีบทบาทเลย
ในที่สุดโม่จวินเจ๋อก็ยอมแพ้ กลับมาหาหลิงเยว่ตามเดิม เขาเหลือบไปเห็นขวดที่ว่างเปล่าอยู่บนพื้น ทันใดนั้นดวงตาก็เต็มไปด้วยความแค้น
ถ้ารู้ล่วงหน้า…
“เมื่อครู่ข้ากำลังจะเก็บไว้ให้เจ้า แต่ถูกเถาวัลย์แย่งชิงไป” หลิงเยว่พูดพลางกัดฟันกรอด หัวใจของนางเจ็บปวดและเสียดายเป็นอย่างมาก
โม่จวินเจ๋อหันกลับมามองรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกแปลกใจ พวกเขาได้ก่อความวุ่นวายถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่มีผู้ใดออกมา หรือแม้แต่สัตว์อสูรก็ยังไม่ปรากฏตัวให้เห็นเลยหรือ?
แม้แต่เสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ได้ยินในยามปกติก็ยังหายไปเสียหมด ช่างแปลกประหลาดนัก
“เป็นเพราะว่าแถบนี้เป็นเขตแดนของพวกข้าอย่างไรเล่า มันผู้ใดกล้าบุกรุกเข้ามา ไม่ว่าคนหรือสัตว์ย่อมถูกฆ่าตายเสียหมดสิ้น” เสียงหวานใสดังขึ้นข้างหูของโม่จวินเจ๋อ
สามารถอ่านใจได้ด้วยหรือ?
“เจ้ากำลังคิดสิ่งใด ข้าย่อมรู้ แล้วเจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างเจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่?”
ไม่…
‘เจ้าเถาวัลย์หักนี่คือสิ่งใดกัน?’
‘เจ้าตะขาบมรกตอ่อนแอไร้ประโยชน์ เพียงแค่เศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ ยังจัดการไม่ได้อีก!’
‘โม่จวินเจ๋อช่างซื่อบื้อเหลือเกิน เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบโต้ หรือว่าตกใจจนสิ้นสติไปแล้วหรือ?’
‘อ๊าก! เถาวัลย์ปีศาจมาแล้ว เจ้าอย่าเข้ามานะ!’
ยังไม่ทันที่โม่จวินเจ๋อจะปฏิเสธ เขากลับได้ยินเสียงในใจของหลิงเยว่ผ่านเจ้าเถาวัลย์ปีศาจ
โม่จวินเจ๋อคิดจะชิงตัวหลิงเยว่แล้วหนีไปเสีย แต่กลับโดนหลิงเยว่คว้ามือไว้ ก่อนจะออกแรงกระชากเขาไปก่อนที่เถาวัลย์ปีศาจจะโจมตีเขา
“ท่านละเมออะไรอยู่?!” หลิงเยว่ดึงมือเด็กหนุ่มซื่อบื้อออกจากเถาวัลย์ปีศาจ แล้วมุดเข้าไปในกลุ่มฝูงตะขาบมรกตหวังให้ฝูงแมลงช่วยกำบังพวกเขาไว้
“ข้าไม่ได้ตกใจจนสิ้นสติ เพียงแต่กำลังคิดบางอย่างอยู่”
จริงหรือ?
หลิงเยว่ไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ
“เถาวัลย์ปีศาจจะเข้ามาแล้ว รีบหลบเร็ว!”
เถาวัลย์ปีศาจเร่งความเร็วของมันจนแทบมองไม่เห็น พุ่งเข้าใส่ฝูงตะขาบมรกต มันตรงเข้าจับข้อมือของหลิงเยว่แล้วเหวี่ยงนางไปยังบริเวณที่ถูกฝูงตะขาบมรกตแทะจนโล่งเตียน
ร่างกายของโม่จวินเจ๋อไวกว่าสมอง อาศัยต้นไม้โดยรอบ พุ่งตัวไปรับหลิงเยว่ไว้ได้ทันท่วงที
เมื่อทั้งสองคิดว่าหนีพ้นแล้ว แต่เจ้าเถาวัลย์นั่นก็กลับมาเล่นงานพวกเขาอีกครั้ง มันยืดตัวขึ้นและพันรอบตัวทั้งสอง จากนั้นก็เหวี่ยงไปมาในอากาศราวกับเล่นสนุก ก่อนจะห้อยทั้งคู่ไว้กลางอากาศ
หัวหน้าตะขาบมรกตที่ไล่ตามเถาวัลย์ปีศาจมา พลางพ่นน้ำลายใส่ไม่หยุด ตามด้วยฝูงตะขาบมรกตสี่ปีกอีกจำนวนมาก
หลิงเยว่ถูกเหวี่ยงจนหน้าซีด นางพยายามใช้พลังวิญญาณตัดเถาวัลย์ปีศาจ แต่พบว่าพลังวิญญาณของนางกลับถูกเจ้าเถาวัลย์นั้นดูดซับไปหมดสิ้น แม้แต่กระบี่ประจำกายของโม่จวินเจ๋อก็ยังไม่สามารถฟันขาดได้!
นางพยายามพลิกดูตำราอาหารในสมอง หวังจะหาข้อมูลของเถาวัลย์นี้ แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย
เป็นไปได้อย่างไร!
แรงรัดของเถาวัลย์เริ่มแน่นขึ้นเรื่อย ๆ โม่จวินเจ๋อกับหลิงเยว่ทั้งคู่แทบจะประสานร่างกันอยู่แล้ว
โมจวินเจ๋อกังวลใจจนหน้าแดงก่ำ พลางใช้กระบี่ฟันเถาวัลย์ไม่ยั้ง ส่วนหลิงเยว่ก็หน้าซีดเพราะหายใจไม่ออก แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
น่าเสียดายที่การโจมตีด้วยพลังวิญญาณนั้นไร้ผล แม้แต่กระบี่กึ่งเทพยังไร้หนทางต่อกร
ขณะที่พวกเขาใกล้จะหมดสติ เถาวัลย์ก็คลายตัวลง
ทั้งสองล้มลงไปกองกับพื้น โม่จวินเจ๋อประคองหลิงเยว่ไว้ คอยป้อนโอสถและลูบหลังให้จนนางฟื้นคืนสติ
“มนุษย์ช่างอ่อนแอเสียจริง ไม่สนุกเท่าตะขาบมรกตตัวน้อยนั่นเสียเลย!”
เมื่อถูกเรียกว่าตะขาบมรกตตัวน้อย หัวหน้าตะขาบมรกตก็โมโหขึ้นมาทันที แต่ไม่ว่าจะเร่งความเร็วมากเพียงใด ก็ไม่สามารถแตะเจ้าเถาวัลย์ได้แม้เพียงนิด สรุปแล้วเจ้าสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่!
มันโกรธมาก!
หลิงเยว่ทรุดตัวนั่งลงบนตักโม่จวินเจ๋ออย่างไร้เรี่ยวแรง
กลับไปคงต้องบำเพ็ญอีกสักสิบยี่สิบปีแล้วค่อยออกมาใหม่เสียแล้ว!