ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 143 นางมาทำตัวโง่เขลาหรือ
บทที่ 143 นางมาทำตัวโง่เขลาหรือ
หลิงเยว่ไม่กล้าดูถูกเจ้าอีกาตัวน้อยอีก คาดไม่ถึงว่ามันจะทำให้เถาวัลย์ปีศาจที่ทรมานพวกเขาจนแทบคลั่ง ตกใจกลัวจนวิ่งหนีไปทั่วป่าได้
เจ้าอีกาตัวน้อยส่งเสียงร้องเหยียดหยาม พร้อมกางปีกเล็ก ๆ บินขึ้นไป แต่ไม่ทันไรมันก็ตกลงพื้นเสียงดัง ปั้ก!
“ฮ่า ๆ ช่างโง่จริง!”
เถาวัลย์ปีศาจหัวเราะเยาะเสียงดังลั่นเมื่อเจ้าอีกาตัวน้อยหล่นลงสู่พื้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่กล้าเข้ามาใกล้
การที่เถาวัลย์ปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้นั้น ไม่ได้หมายความว่ามันมีพลังด้อยกว่าอีกาสุริยันตัวน้อย แต่เป็นเพราะข้อกำจัดของเผ่าพันธุ์ มันจึงไม่อาจสู้ได้…
แน่นอนว่า หากเถาวัลย์ปีศาจตั้งใจจะสู้จนตัวตาย ยังพอมีโอกาสฆ่าเจ้าอีกาตัวน้อยนี้ได้ แต่รอบ ๆ ยังมีมนุษย์สามคนและฝูงตะขาบมรกตอยู่อีกมาก แม้จะสามารถฆ่าอีกาสุริยันตัวน้อยนี้ได้ มันคงไม่พ้นต้องบาดเจ็บสาหัส และหนีไม่รอดอยู่ดี
หลังจากคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เถาวัลย์ปีศาจจึงตัดสินใจที่จะหนีไปก่อน
น่าเสียดาย เจ้าอีกาตัวน้อยไม่เต็มใจที่จะปล่อยเถาวัลย์ปีศาจหนีไป มันกล้าหัวเราะเยาะนางเสียงดังเพียงนั้น เตรียมรับมือเสียเถิด!
เจ้าอีกาตัวน้อยพ่นเปลวไฟลูกเล็ก ๆ ไล่ตามเถาวัลย์ปีศาจไป
เจ้าอีกาสุริยันตัวน้อยพยายามบินอยู่อีกหลายครั้ง จนในที่สุด มันก็สามารถบินได้อย่างทุลักทุเลในระดับความสูงที่ไม่ได้สูงมากนัก แต่เพิ่งบินไปได้เพียงครึ่งทางก็พุ่งชนต้นไม้เข้าอย่างจัง
พวกคนที่ยืนดูอยู่ “…”
พวกเขาที่มอบความหวังทั้งหมดให้กับนาง ดูเหมือนจะรีบร้อนเกินไปแล้วกระมัง?
เจ้าอีกาตัวน้อยพิสูจน์ความสามารถของนางให้เห็นแล้วว่า พวกเขารีบร้อนเกินไปจริง ๆ เพราะตอนนี้นางกำลังตกลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
ด้วยความสงสาร หลิงเยว่จึงยื่นมือไปเพื่อจะจับนางขึ้นมา แต่กลับถูกปีกเล็ก ๆ ตีมือหลิงเยว่ออก เจ้าอีกาตัวน้อยที่ดื้อรั้นพยายามบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
ท่าทางของนางราวกับพยายามบอกว่า วันนี้นางจะต้องใช้ความพยายามของตัวเองเพื่อจับเถาวัลย์ปีศาจที่กล้าหัวเราะเยาะนางมาให้ได้!
ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว มนุษย์สามคนกับฝูงตะขาบมรกตได้สลับบทบาทกลายเป็นผู้เดินเรื่อง เถาวัลย์ปีศาจถูกเปลวไฟไล่ล่าอย่างน่าสมเพช แต่ยังไม่วายพูดจาเหน็บแนม
“อีกาสุริยันผู้ยิ่งใหญ่ยังบินไม่ได้เลยหรือ? ช่างทำให้เผ่าพันธุ์อีกาสุริยันเสื่อมเสียเกียรติจริงแท้!”
“อ้าว! เจ้าตกลงไปอีกแล้ว… โอ๊ย! ร้อน ร้อนเสียจริง ฮ่า ๆ เปลวไฟลูกเล็กเช่นนี้ ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก แค่พอลวกผู้อื่นได้นิดหน่อยเท่านั้นเอง…”
“เจ้า… รอดูให้ดีเถิด!”
เจ้าอีกาตัวน้อยที่ล้มเหลวในการบินมาหลายสิบครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะสะสมพลังแค้นไว้มากพอ หรือในที่สุดก็จับทางวิธีในการบินได้ มันจึงสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวาง และสามารถบินได้ไกลขึ้น แต่ความเร็วนั้น… ยังน่ากังวลนัก
“ฮ่า ๆ ข้าไม่เคยเห็นอีกาสุริยันที่บินได้ช้าเช่นนี้มาก่อน…”
เสียงหัวเราะเยาะของเถาวัลย์ปีศาจดังมาจากทุกทิศทาง แม้ว่าตัวมันจะถูกไฟเผาจนรากไม้สีน้ำตาลกลายเป็นสีดำสนิท แต่นั่นไม่ได้ทำให้มันเข็ดหลาบแม้แต่น้อย
อีกาสุริยันตัวน้อยจิกปากแน่น มุ่งตรงไปยังเถาวัลย์ปีศาจที่อยู่ไกลออกไป ปีกน้อย ๆ ของมันกระพือเร็วขึ้น
ลำแสงสีแดงวาบผ่านไปต่อหน้าหลิงเยว่ และบินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“สู้ ๆ เจ้าอีกาตัวน้อย เจ้าเก่งกาจยิ่งนัก จับเถาวัลย์ปีศาจแล้วจัดการมันให้สาสม…”
ยังไม่ทันที่หลิงเยว่จะพูดจบประโยค ร่างของนางก็ถูกพัดด้วยแรงลมมหาศาล โม่จวินเจ๋อเห็นท่าไม่ดีจึงรีบยื่นมือออกไปรับตัวนางไว้ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ไม่สามารถทรงตัวได้ พวกเขาชนเข้ากับต้นไม้หลายต้นจนล้มไปกองกับพื้น
โม่จวินเจ๋อที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ยิ่งบาดเจ็บหนักขึ้นไปอีก เสื้อผ้าสีดำของเขาบัดนี้กลายเป็นสีเลือดแดงฉาน แล้วเขาก็หมดสติไปทันที
หลิงเยว่ที่ถูกโม่จวินเจ๋อปกป้องไว้รีบควานหาขวดโอสถอย่างร้อนรน ทว่าขวดโอสถที่นางควานหามาได้กลับเป็นโอสถฟื้นฟูระดับต่ำ ซึ่งใช้สำหรับรักษาบาดแผลทั่วไปเท่านั้น
โอสถฟื้นฟูระดับต่ำไม่อาจใช้กับโม่จวินเจ๋อที่มีการบำเพ็ญในระดับจินตานขั้นต้นได้ หากว่าเขาต้องมาตายที่นี่เพราะนาง บรรพจารย์รวมไปถึงท่านเจ้าสำนักคงไม่มีทางปล่อยนางไว้เป็นแน่!
หลิงเยว่พยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นนางก็นึกถึงเคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงยที่ใช้ได้ในระดับสร้างรากฐานขึ้นไป ในตอนนี้นางเข้าสู่ขอบเขตสร้างรากฐานได้สำเร็จแล้ว จึงตัดสินใจลองใช้ดู
แสงสีเขียวบริสุทธิ์พุ่งออกจากฝ่ามือของหลิงเยว่ เข้าสู่ระหว่างคิ้วของโม่จวินเจ๋อ
ต้องทำอย่างไรต่อไป?
หลิงเยว่นั่งอ่านเคล็ดวิชาโดยทดลองใช้กับโม่จวินเจ๋อ นางไม่มีหนทางอื่นแล้ว เคล็ดวิชาการฟื้นฟูนั้นยากเกินไปสำหรับนางที่เพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตสร้างรากฐานสำเร็จไม่ใช่หรือ?
ทันทีที่แสงสีเขียวเข้าสู่ร่างกายของโม่จวินเจ๋อ กลไกการป้องกันร่างกายของเขาก็ผลักแสงสีเขียวนั้นออกมาทันที
หลิงเยว่ “…”
มีปัญหาแล้ว
“ตื่นเถิด”
หลิงเยว่ตบเบา ๆ ที่ใบหน้าของชายหนุ่มเพื่อพยายามปลุกเขา แต่มันก็ไร้ประโยชน์ หากไม่ใช่เพราะยังรู้สึกถึงลมหายใจของโม่จวินเจ๋อ นางคงคิดว่าเขาตายไปแล้ว ด้วยใบหน้าของเขาที่เย็นเยียบจนน่ากลัว
“ท่านหัวหน้าตะขาบมรกต ช่วยมาดูด้วยเถิด”
“ข้าไม่ใช่หมอเสียหน่อย” หัวหน้าตะขาบมรกตเอ่ยอย่างจนใจ หลังจากที่มีเจ้าอีกาตัวน้อยมาช่วยแบ่งเบาภาระแล้ว ตอนนี้มันจึงอยากจะนอนพักให้เต็มที่เสียมากกว่า
เมื่อรู้ว่าการรักษาด้วยวิชาหมื่นชีวางอกเงยไม่ได้ผล หลิงเยว่จึงใช้ปราณเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งสามารถยกระดับคุณภาพของพืชสมุนไพรระดับต่ำได้อย่างฉับพลัน!
โอสถฟื้นฟูระดับต่ำไม่มีผล แต่โอสถจากอาหารวิญญาณพิเศษที่ทำด้วยสมุนไพรวิญญาณระดับกลางย่อมได้ผลแน่นอน!
หลิงเยว่ลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าครึ่งวัน ในที่สุดนางก็เริ่มคุ้นเคยกับการใช้ปราณเร่งการเจริญเติบโตจากเมล็ดพันธุ์สมุนไพรวิญญาณแล้ว แม้จะยากกว่าการใช้สมุนไพรวิญญาณที่โตเต็มที่ในระดับต่ำไปเสียหน่อยก็ตาม
หลิงเยว่ใช้เวลาเกือบทั้งวัน ล้มเหลวอยู่หลายครั้ง และสูญเสียสมุนไพรวิญญาณระดับต่ำไปเป็นจำนวนมาก ในที่สุดนางก็รวบรวมสมุนไพรวิญญาณที่จำเป็นสำหรับการกลั่นโอสถฟื้นฟูกายาได้สำเร็จ
ก่อนที่หลิงเยว่จะเริ่มกลั่นโอสถ และทำอาหารจากสมุนไพรวิญญาณระดับกลาง นางรีบตรวจลมหายใจของชายหนุ่ม แล้วก็โล่งใจที่เขายังหายใจอยู่ แต่ร่างกายของเขากลับเย็นยิ่งกว่าเดิม
ต้องเร่งมือเสียหน่อยแล้ว!
ในไม่ช้า กลิ่นหอมอันแปลกประหลาดก็ลอยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
เถาวัลย์ปีศาจที่หนีไปไกลแล้ว วกกลับมาพร้อมลูกไฟสีแดงที่หางของมัน หัวหน้าตะขาบมรกตที่ตอนนี้มีสภาพร่างกายดีขึ้นแล้ว กำลังนั่งอยู่หน้าหม้อกลั่นโอสถด้วยความตื่นเต้นจนน้ำลายสอ
หลิงเยว่ไม่ลืมที่จะวางถาดไว้ เพื่อเตรียมรองน้ำลายของเจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตไว้ด้วย
“ข้าขอบอกไว้ก่อน เจ้ากินได้เฉพาะเนื้อ ส่วนน้ำแกงห้ามกินโดยเด็ดขาด”
ใครเล่าจะกินน้ำแกงที่มีสีราวกับยาพิษเช่นนั้น เป้าหมายของมันคือเนื้อต่างหาก!
หลิงเยว่ตักน้ำแกงสีเหลืองอมเขียวลงในชามใบเล็ก แม้จะดูเป็นสีที่แปลกประหลาด แต่กลิ่นหอมนั้นช่างเย้ายวนใจ เพียงแค่ได้กลิ่นก็อยากจะซดจนหมดชามแล้ว
ชายหนุ่มนั่งนิ่งพิงต้นไม้ด้วยดวงตาปิดสนิท ใบหน้าซีดเผือด และริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง การจะป้อนอาหารทีละคำคงจะเป็นการยาก
“ข้าช่วยได้นะ!”
“ขอบใจ…” คำพูดนั้นหยุดลงกะทันหัน หลิงเยว่จำได้ในทันทีว่าเสียงประหลาดนั้นเป็นของผู้ใด ร่างกายของนางพลันแข็งทื่อไปทั้งตัว
ริมฝีปากของโม่จวินเจ๋อถูกง้างออกด้วยเถาวัลย์สีดำเส้นเล็ก ๆ น้ำแกงในมือของหลิงเยว่พุ่งเข้าไปเต็มปากของชายหนุ่ม ก่อนที่มันจะไหลทะลักออกมา ปากของเขาก็ถูกประกบเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ในขณะที่หม้อใบใหญ่ซึ่งเป็นที่หมายปองของหัวหน้าตะขาบมรกต ถูกเถาวัลย์ปีศาจคว้าไปเสียแล้ว
“วางหม้อใบนั้นลง!”
หัวหน้าตะขาบมรกตโกรธจนตัวสั่นแล้วรีบวิ่งไล่ตามไป มันตั้งตาคอยมานานนัก ในที่สุดก็จะได้กินแล้ว แต่กลับถูกยกหม้อไปเช่นนี้ มันทนไม่ได้จริง ๆ!
ฉับพลัน แสงสีทองเหลือบแดงที่พุ่งผ่านไปในอากาศนั้นเร็วกว่าหัวหน้าตะขาบมรกตเสียอีก มันไล่ตามเถาวัลย์สีดำที่ขาดวิ่นพลางพ่นไฟเผา ทั้งยังเตะด้วยเท้า และใช้ปีกน้อยโบยตีซ้ำ ๆ เข้าไปที่เถาวัลย์ปีศาจ
“เจ้ากล้าหัวเราะเยาะข้าหรือ ข้าจะเผาเจ้าให้ตายเสีย!”
เถาวัลย์ปีศาจที่ขาดวิ่นบัดนี้ถูกเปลวไฟล้อมกลายเป็นโซ่ไฟพันธนาการไปทั่วทั้งตัว มันส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ทว่าความเจ็บปวดนั้นไม่อาจทำให้มันหยุดซดน้ำแกงและกินเนื้อในหม้อนั้นได้เลย
ถึงเจ็บปวดแต่ก็มีความสุข
หม้อที่ว่างเปล่าไร้กระดูกถูกโยนกลับมาตรงหน้าหลิงเยว่
“เจ้าทำได้ดีมาก! ทำมาอีกหม้อหนึ่ง แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
หลิงเยว่ “…”
หัวหน้าตะขาบมรกตกอดหม้อที่ว่างเปล่าแล้วแทบจะร้องไห้ หม้อใบใหญ่นี้ ภายในมีกลิ่นหอมกรุ่นกว่าอาหารอื่นใด ทว่ามันกลับไม่ได้ซดน้ำแกงแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ!
ดังนั้น หัวหน้าตะขาบมรกตจึงร่วมมือกับเจ้าอีกาตัวน้อยโจมตีเถาวัลย์ปีศาจสีดำที่ขาดวิ่นด้วยกัน
“ข้าจะไม่เหลือแม้แต่ซากเจ้าไว้เลย!”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นของเล่นหรือ?!”
ท้ายที่สุด เถาวัลย์ปีศาจจอมอวดดีก็ทนทานต่อพิษร้ายแรงจากอีกาสุริยันและตะขาบมรกตไม่ไหว ก่อนจะหมดสติไป