ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 144 บรรพบุรุษนางคือผู้ใด?
บทที่ 144 บรรพบุรุษนางคือผู้ใด?
หลิงเยว่ย่อตัวนั่งลงข้างหน้าเถาวัลย์ปีศาจไหม้เกรียมที่หมดสติอยู่ ก่อนหน้านี้ระบบบอกให้นางหลอมรวมให้เป็นศาสตราวุธประจำกาย ในวันหน้าอาวุธของนางจะเป็นเพียงแค่เศษไม้กวาดไหม้เช่นนี้หรือ?
ลองนึกภาพกระบี่เหมันต์เร้นลับของโม่จวินเจ๋อ ซึ่งเป็นสีขาวทั้งเล่ม ทั้งยังมีหมอกสีขาวพวยพุ่งออกมายามฟาดฟัน ช่างดูงดงามยิ่งนัก
นอกจากนี้กำไลหยกของติงหลิวหลิ่ว เป็นกำไลหยกสีเขียวมรกตที่ทำมาจากต้นไม้น้อยก็สวยงามมาก หรือว่าจะเป็นพัดของว่านอวี้เฟิงก็เช่นกัน…
หลิงเยว่หวนนึกถึงผู้บำเพ็ญที่ครั้งหนึ่งได้ต่อสู้กับนาง หอกทองคำอันน่าเกรงขาม และร่มที่วิจิตรงดงาม ไม่มีสิ่งใดขี้เหร่ราวกับเศษไม้กวาดไหม้เกรียมแสนโง่เขลาเช่นนี้อีกแล้ว
“หากเจ้ายังไม่รีบลงมือ มันอาจฟื้นขึ้นมาก็ได้!” อีกาสุริยันเร่งเร้า
ก่อนที่อีกาตัวน้อยนี้จะฟักออกมาจากเปลือกไข่ ดูเหมือนมันจะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่จนสั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน ตอนนี้มันจึงอ่อนแอและเหนื่อยล้ายิ่งนัก ทำได้มากที่สุดเพียงฝืนควบคุมเถาวัลย์ปีศาจได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น
หลิงเยว่ได้ยินเสียงของเจ้าอีกาตัวน้อยแล้วพลันนึกถึงรางวัลที่จะได้รับสำหรับภารกิจนี้ สุดท้ายนางก็ตัดสินใจบีบเลือดลงบนร่างที่ไร้ชีวิตของเถาวัลย์ปีศาจด้วยความอึดอัดใจ
“หยดเดียวไม่พอ ต้องสามหยด”
“???”
เหตุใดเถาวัลย์ปีศาจไหม้เกรียมนี้ถึงได้พิเศษนัก?
เลือดบริสุทธิ์นั้นป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับผู้บำเพ็ญ เลือดบริสุทธิ์ที่สูญเสียไปต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการฟื้นฟู ตั้งแต่นางมาที่นี่ก็สูญเสียเลือดบริสุทธิ์ไปแล้วสี่หยด
หยดแรกสำหรับทำพันธสัญญากับราชาดอกไม้เกล็ดหิมะดำ อีกสองหยดให้กับเจ้าขนปุยสีแดงตรงหน้า และเมื่อครู่ก็ให้กับเถาวัลย์ปีศาจไปแล้วหนึ่งหยด ซ้ำยังต้องการเลือดบริสุทธิ์อีกสองหยดด้วย!
เอาชีวิตนางไปเสียดีกว่า!
“ข้าขอหนึ่งหยดเพื่อเป็นการตอบแทน”
อีกาสุริยันตัวน้อยเงยหน้า มนุษย์ผู้นี้คงไม่คิดว่านางจะช่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอย่างนั้นหรือ?
หลิงเยว่ไตร่ตรองอยู่นาน สุดท้ายก็บีบเลือดออกมาอีกสองหยด หยดลงบนเจ้าอีกาตัวน้อยและเถาวัลย์ปีศาจที่หมดสติทีละหยด
หลังจากที่สูญเสียหยดเลือดไปถึงสามหยด หลิงเยว่ก็หน้าซีดเผือด ร่างกายของนางเริ่มสั่น โม่จวินเจ๋อจึงเอาร่างของตนมาให้นางพักพิง
สำหรับเลือดบริสุทธิ์หยดแรก เถาวัลย์ปีศาจยังคงไร้การเคลื่อนไหว ทว่าเมื่อได้รับหยดที่สอง… มันกลับกลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปยังจุดตันเถียนของหลิงเยว่
หลิงเยว่รีบนั่งลงขัดสมาธิ จดจ่อกับการหลอมรวมเถาวัลย์ปีศาจที่แตกสลาย นางเกรงว่าหากเถาวัลย์นั่นฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง นางจะไม่สามารถควบคุมมันได้
หลังจากเจ้าอีกาตัวน้อยได้รับหยดเลือดเป็นค่าตอบแทน นางก็แสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงร่างมนุษย์ของนาง รูปร่างของมนุษย์อายุประมาณสองขวบ ใบหน้ากลมน่ารัก ดวงตากลมโตสีทองอำพันเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาคู่หนึ่ง ผมสีทองประกายแดงสลวย พร้อมกับชุดกระโปรงสีทอง
มองดูแล้วช่างไม่คล้ายมนุษย์เสียเลย
เมื่อเห็นดังนั้น หัวหน้าตะขาบมรกตเกิดอิจฉาตาร้อน เจ้าอีกาสุริยันตัวน้อยเพิ่งจะฟักออกจากไข่ เหตุใดจึงแปลงร่างได้แล้ว แต่เผ่าพันธุ์ของพวกตนเกิดมานานนับพันปี บัดนี้กลับมีเพียงมันตัวเดียวที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ
ทว่าค่าตอบแทนของการแลกเปลี่ยนกับการแปลงร่างเป็นมนุษย์ ยังต้องแลกมาด้วยการขายน้องชายทั้งสี่ตัวและเผ่าพันธุ์ตะขาบมรกตอีกนับไม่ถ้วน!
สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
“อ๊ะ?”
เจ้าอีกาสุริยันตัวน้อยเดินเซไปเซมา ดูเหมือนว่าเพิ่งจะสังเกตเห็นหัวหน้าตะขาบมรกต นางเดินวนเวียนไปรอบตัวเขาด้วยสายตาที่สับสน
“เผ่าพันธุ์ตะขาบมรกตสี่ปีกแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้แล้วหรือ”
“เจ้าสูญเสียความทรงจำไปแล้วรึ?”
เจ้ามนุษย์เปราะบางทำอย่างไรถึงสามารถทำให้อีกาสุริยันผู้มีสายเลือดสืบทอดจากบรรพบุรุษหลายชั่วอายุกลับมาเกิดใหม่ได้?
“สูญเสียความทรงจำอย่างนั้นหรือ?”
“อีกาศักดิ์สิทธิ์เช่นข้าจะสูญเสียความทรงจำได้อย่างไร?”
เจ้าอีกาตัวน้อยที่สูงเพียงแค่แข้งขาของโม่จวินเจ๋อเท่านั้นพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม ถึงแม้หน้าตาจะน่ารักน่าเอ็นดู ตัวเล็กน่าทะนุถนอม แต่กลับมีท่าทางเย่อหยิ่งราวกับว่าตนนั้นยิ่งใหญ่เหนือโลก
ทนไม่ไหวแล้ว!
หัวหน้าตะขาบมรกตหัวเราะ “แล้วเจ้าจำได้หรือไม่ว่าตัวเองทำพันธสัญญากับมนุษย์ผู้อ่อนแอได้อย่างไร?”
“ข้าย่อมจำได้แน่นอน ข้าเป็นหนี้ชีวิตบรรพบุรุษของนาง จำเป็นต้องปกป้องนางตลอดไป”
ข้อมูลเยอะเกินไปแล้ว
“บรรพบุรุษของนางคือผู้ใด?” โม่จวินเจ๋อผู้ที่มักจะเงียบเฉย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“บรรพบุรุษของนางคือ…” อีกาสุริยันตัวน้อยขมวดคิ้ว พลางเอามือเล็ก ๆ แตะคางทำท่าครุ่นคิด “ตอนนี้ข้านึกไม่ออก”
ตอนนี้ยังนึกสิ่งใดไม่ได้เพราะนางเพิ่งฟักออกจากไข่ ความทรงจำที่ได้รับมานั้นมีเยอะเกินไป แต่เมื่อนางโตขึ้นจะต้องจำได้แน่นอน
หัวหน้าตะขาบมรกตมองเจ้าอีกาตัวน้อยด้วยความสงสัย เขารู้สึกราวกับว่าความทรงจำของนางถูกดัดแปลง แต่ผู้ใดเล่าจะมีความสามารถถึงเพียงนั้น ถึงกับแก้ไขความทรงจำของอีกาสุริยันได้เชียวหรือ?
เจ้ามนุษย์เปราะบางเช่นนางหรือ?
เป็นไปไม่ได้ หากนางมีความสามารถสูงส่งถึงเพียงนั้น เหตุใดนางถึงเป็นเพียงผู้บำเพ็ญระดับสร้างรากฐานขั้นต้นอยู่เล่า
โม่จวินเจ๋อมองดูหลิงเยว่ที่กำลังหลอมรวมเถาวัลย์ปีศาจ พลันรู้สึกว่ารอบตัวของนางช่างลึกลับซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาไม่สามารถจับต้นชนปลายได้
หากนางเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา แล้วเหตุใดถึงตกเป็นเป้าหมายของราชาผีนิกายอสุภะ?
ทั้งยังมีอีกาสุริยัน สัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์มาปกป้องคุ้มครองนางอีก?
หลิงเยว่ที่กำลังจดจ่อกับการหลอมรวมเถาวัลย์ปีศาจอยู่นั้น สีหน้าของนางซีดเผือดลง แล้วพ่นเลือดออกมาจากปาก ก่อนจะล้มลงไปด้านหลัง
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงเยว่ตอนที่สลบไปคือ เลือดบริสุทธิ์สองหยดช่างสูญเปล่าเสียจริง!
ลำแสงหนึ่งพุ่งออกมาจากตันเถียนของหลิงเยว่ มันพยายามหนีออกไปข้างนอก แต่กลับถูกมือเล็กคว้าไว้อย่างง่ายดาย
“ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี แค่เถาวัลย์ปีศาจที่ถูกเผาจนบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังมีเลือดบริสุทธิ์อีกสองหยดก็ยังไม่อาจหลอมรวมได้” เจ้าอีกาตัวน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงแก่เกินวัย
“เจ้าอีกาสุริยันตัวน้อย เรามาตกลงกันดีหรือไม่?” เถาวัลย์ปีศาจดิ้นรนจนหมดแรง ตัดสินใจเปลี่ยนวิธีเพื่อหนีเอาตัวรอด
โดยไม่รอให้เจ้าอีกาน้อยปฏิเสธ เถาวัลย์ปีศาจที่ขาดวิ่นก็อ้อนวอนว่า “เพียงเจ้าสัญญาว่าจะปล่อยข้าไป ข้าก็จะพาเจ้าไปหาวิญญาณผู้พิทักษ์ได้ วิญญาณผู้พิทักษ์ในหุบเขาโบราณแห่งตะวันตกนั้นมีประโยชน์กว่าข้ามากนัก!”
“วิญญาณผู้พิทักษ์หรือ?”
“หุบเขาโบราณแห่งตะวันตกเป็นค่ายกลลวงตาขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งได้หล่อเลี้ยงเหล่าวิญญาณผู้พิทักษ์นับไม่ถ้วนมาตลอดหลายล้านปี เพียงแค่มีวิญญาณผู้พิทักษ์ตนเดียว เจ้าก็สามารถท่องไปได้ทั่วทั้งโลกแห่งผู้บำเพ็ญเซียนได้ตามใจชอบ ไม่เหมือนข้าที่เป็นเพียงเถาวัลย์ปีศาจต้นนี้หรอก”
เถาวัลย์ปีศาจตั้งใจทำให้ตัวเองดูแย่ เพียงเพื่อพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าอีกาตัวน้อยที่กำลังถือมันเล่นอยู่
“เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าวิญญาณผู้พิทักษ์คงมีประโยชน์กว่าเจ้าเถาวัลย์ปีศาจหัก ๆ เช่นเจ้าจริง” อีกาสุริยันตัวน้อยไพล่มือไว้ด้านหลัง พลางเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “เจ้าจงนำทางไป หากได้พบกับวิญญาณผู้พิทักษ์แล้ว เมื่อนั้นข้าถึงจะปล่อยเจ้าไป”
“ได้!”
แม้เถาวัลย์ปีศาจเอ่ยปากตอบรับเช่นนั้น แต่ในใจกลับคิดตรงข้าม คอยดูเถิด เมื่อข้าฟื้นสภาพขึ้นมาเมื่อใด พวกเจ้าจะได้ตายโดยไม่เหลือแม้แต่หลุมฝังศพอย่างแน่นอน!
อีกาสุริยันตัวน้อยกับเถาวัลย์ปีศาจเดินไปได้หลายก้าว ก่อนจะพบว่าด้านหลังของนางนั้นไม่มีผู้ใดตามมาด้วย จึงหันกลับไปพูดด้วยความไม่พอใจ “เหตุใดยังยืนงงอยู่ รีบตามมาเดี๋ยวนี้!”
เดิมทีโม่จวินเจ๋อตั้งใจจะพาหลิงเยว่ที่หมดสติออกไปจากที่นี่ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะแบกนางไว้บนหลังอย่างเชื่อฟัง ด้วยพลังระดับจินตานของเขาในตอนนี้ การพาคนออกไปถือเป็นเรื่องยากลำบากนัก
หัวหน้าตะขาบมรกตอยากครอบครองวิญญาณผู้พิทักษ์ ในเมื่อเถาวัลย์นั้นบอกว่ามีวิญญาณผู้พิทักษ์อยู่มากมาย หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่ามันจะสามารถครอบครองได้เช่นกันใช่หรือไม่?
หัวหน้าตะขาบมรกตชิงชังมนุษย์และเขตอาคมของพวกเขานัก หากมีผู้ช่วยที่เก่งกาจในการทำลายเขตอาคมอย่างวิญญาณผู้พิทักษ์อยู่ในมือ มันก็จะไม่ต้องกลัวติดอยู่ในเขตอาคมหลายพันปีอีกต่อไป!
มีเถาวัลย์ปีศาจและเจ้าอีกาสุิริยันตัวน้อยนำทาง ต่อให้พวกเขาเดินทางเข้าไปในป่าลึกมากขึ้น พวกเขาก็ไม่พบสัตว์อสูรหรือผู้บำเพ็ญแต่อย่างใด กล่าวได้ว่าพวกเขาเดินทางได้ราบรื่นยิ่ง
“อีกไกลหรือไม่!”
สามวันผ่านไป พวกเขายังไม่เห็นแม้แต่เงาของวิญญาณผู้พิทักษ์ อีกาสุริยันตัวน้อยเริ่มหมดความอดทน ออกแรงบีบเถาวัลย์ปีศาจให้แน่นขึ้น
“อีกแค่… สิบก้าวข้างหน้า ก็จะเป็น… อาณาเขตของพวกเขา” เถาวัลย์ปีศาจพยายามพูดอย่างยากลำบาก บัดนี้มันไม่ใช่เถาวัลย์ปีศาจที่หยิ่งยโสและทำตามใจชอบผู้นั้นอีกต่อไปแล้ว
ถือเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ที่เจ้าเถาวัลย์ปีศาจจะสงบเสงี่ยมเช่นนี้ หากพวกเขาเดินหน้าต่อไปอีกสิบก้าว ฮ่า ๆ รับรองว่ามีเรื่องสนุกให้ดูแน่นอน!
วิญญาณผู้พิทักษ์มีอารมณ์แปรปรวน บางทีก็เลวร้ายยิ่งกว่ามันตอนนี้เสียอีก!
จงกลัวจนตัวสั่นไปเสียเถิด เจ้าอีกาตัวน้อยโง่เง่าและพวกมนุษย์ที่คิดจะหลอมรวมข้าผู้นี้!