ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 146 ตายจริงหรือแกล้งตาย
บทที่ 146 ตายจริงหรือแกล้งตาย
เหตุใดวิญญาณผู้พิทักษ์ถึงสามารถควบคุมผู้บำเพ็ญได้เล่า!
หลิงเยว่ประหลาดใจนัก ขณะเดียวกันกระบี่ที่วางอยู่บนคอก็มีการเคลื่อนไหว แต่เพียงขยับเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นที่จะฟันศีรษะของนางออกไป
โม่จวินเจ๋อกระชับกระบี่ในมือแน่นขึ้น หมายจะดันกระบี่ไปข้างหน้าอีก ทว่ากระบี่ในมือนั้นกลับมีเจตจำนงของตัวมันเอง ซึ่งกำลังขัดแย้งกับเจ้าของอย่างแข็งขืน
“กระบี่เหมันต์เร้นลับยอดเยี่ยมมาก!”
หลิงเยว่สามารถรู้สึกได้ว่าวิญญาณของกระบี่เหมันต์เร้นลับกำลังห้ามไม่ให้ชายหนุ่มที่ถูกควบคุมนั้นทำเรื่องโง่เขลา
“ข้าสั่งให้เจ้าฆ่านาง เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร!”
“ข้าได้ยินแล้ว”
โม่จวินเจ๋อมองไปที่วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยในมือหลิงเยว่อย่างเย็นชา ก่อนที่เขาจะฟันกระบี่ตัดหัวมันขาด
ศีรษะน้อย ๆ ของวิญญาณผู้พิทักษ์ที่งดงามนั้นตกลงไปที่เท้าหลิงเยว่
“ไม่… เป็นไปไม่ได้”
เมื่อวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยพูดจบ ก็สิ้นลมหายใจสุดท้ายพอดี
ปลาแปลกประหลาดที่เจ้าอีกาสุริยันตัวน้อยจับไว้ในมือพลันหายไป ทะเลสาบที่ไร้ขอบเขตก็กลับคืนสู่สภาพป่าไม้สูงตระหง่านราวกับภูผาอีกครั้ง ต้นไม้ยักษ์ เห็ดขนาดยักษ์ ทุกสิ่งดูเหมือนถูกขยายขนาดขึ้น
หัวหน้าตะขาบมรกตเหลือบมองเห็ดขนาดยักษ์ที่สูงเสียดฟ้า แล้วพลันรำลึกขึ้นมาได้… สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นวัตถุดิบอาหารด้วย จะเกิดอะไรขึ้น หากเอากลับไปให้เจ้ามนุษย์ผู้เปราะบางนั่นทำให้เป็นของอร่อย
ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าตะขาบมรกตจึงเริ่มขุดเห็ดยักษ์ทันที
เจ้าอีกาตัวน้อยมองมืออันว่างเปล่าของตนเองพลางครุ่นคิด
หลิงเยว่ในเวลานี้มีสีหน้าไม่ต่างจากเจ้าอีกาสุริยันนัก นางจ้องมองร่างวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยที่ไร้ศีรษะ แต่กลับไม่มีเลือดพุ่งออกมาจากรอยแยกที่คอแม้เพียงน้อย
ตายง่ายเช่นนี้เชียวหรือ?
แม้หลิงเยว่จะดีใจที่ตัวเองไม่โดนฆ่าตายเสียก่อน และชายหนุ่มที่ถูกควบคุมนั้นไม่ได้คิดจะฆ่านางจริง แต่ว่า…
“เหตุใดท่านต้องฆ่ามัน!?”
เจ้าสิ่งน่ารักตนนี้คือของขวัญที่นางคิดจะมอบให้แก่เขา!
แต่ของขวัญกลับถูกทำลายไปเสียแล้ว
“ข้า…” โม่จวินเจ๋อเพิ่งพูดคำแรกจบ พลันมีเสียงดังสนั่นอยู่ในหัวของเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
ยังดีที่หลิงเยว่พยุงชายหนุ่มที่หมดสติไว้ได้ทัน
นี่พวกเขากำลังแข่งกันสลบอยู่หรือออย่างไร?
แม้จะประคองชายหนุ่มเอาไว้ แต่หลิงเยว่ก็ยังไม่ปล่อยวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยในมือ เมื่อนางวางโม่จวินเจ๋อลงแล้ว จึงไปเก็บหัวเล็ก ๆ นั่นขึ้นมาแล้วพยายามจะติดมันกลับเข้าไป
บางทีอาจจะยังมีทางช่วยอยู่กระมัง
เจ้าวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยที่แกล้งตาย ไม่นึกว่ามนุษย์ผู้นี้จะไม่ยอมปล่อยซากของนางไปเสียที ช่วยทิ้งนางเร็ว ๆ เข้าเถิด!
น่าเสียดายที่หลิงเยว่ไม่ได้ยินเสียงในใจของเจ้าวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อย นางเพียงนั่งลงข้างกายของชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่ง จากนั้นก็หยิบขวดน้ำลายของหัวหน้าตะขาบมรกตที่ตนเก็บสะสมไว้ออกมาทาลงบนลำคอที่ถูกตัดอย่างระมัดระวัง แล้วนำศีรษะเล็ก ๆ มาวางประกบไว้
น้ำลายของตะขาบตัวใหญ่ยังคงมีความเหนียวอยู่มาก เพียงแค่ประกบเข้าหากันแล้วจะส่ายหัวไปมาอย่างไรมันก็ไม่อาจหลุดได้โดยง่าย
เจ้าวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยที่ถูกสะบัดอย่างรุนแรงพลันรู้สึกมึนหัวไปหมด
นางโกรธยิ่งนัก!
เจ้าวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยเริ่มร้องเรียกพี่ชายของตน และพยายามจะควบคุมโม่จวินเจ๋อที่สลบหมดสติอยู่อีกครั้ง
“วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยไม่น่าจะอ่อนแอเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?”
เมื่อถูกถามเช่นนั้น เจ้าวิญญาณผู้พิทักษ์ได้แต่นิ่งเงียบ หากตอบว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็เท่ากับดูหมิ่นพลังของตนมิใช่หรือ
แต่นางรู้สึกว่า การตัดศีรษะของวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยนั้นช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน รู้สึกราวกับว่าวิญญาณยังไม่ตายหมดสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของโม่จวินเจ๋อ ยิ่งทำให้ความคิดนี้เป็นไปได้มากขึ้น
วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยพยายามจะควบคุมโม่จวินเจ๋ออยู่ตลอดเวลา แต่โม่จวินเจ๋อยังคงต่อต้าน พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างยื้อยุดกันอย่างดุเดือด
ราวกับว่าหลิงเยว่รับรู้ได้ นางมองไปที่ศีรษะของชายหนุ่ม ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวด เส้นเลือดที่คอดูจะปูดโปนขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังต่อสู้กับบางสิ่ง
และดูเหมือนว่านางจะคาดเดาถูก
หลิงเยว่มองไปที่วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยในมือของนางซึ่งไร้เสียงตอบรับ แม้จะไม่มีศีรษะแล้วแต่ก็ยังไม่ตาย เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งยิ่งนัก
หลังจากนั้นนางจึงหันไปมองที่ชายหนุ่มข้างกาย
แม้หลิงเยว่จะรู้ว่าร่างกายของตนอาจพิเศษ จึงทำให้พลังงานของวิญญาณผู้พิทักษ์นั้นทำสิ่งใดต่อนางไม่ได้ แต่หากนางจะยืมพลังเช่นนี้ให้ชายหนุ่มต้องทำอย่างไรบ้างเล่า?
หลิงเยว่ลองวางมือของตนเองลงบนหน้าผากของโม่จวินเจ๋อ
อืม…
สีหน้าของชายหนุ่มนั้นดูบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม ดูเหมือนว่าการลงมือเช่นนี้จะไม่ได้ผล
“ระบบ”
เมื่อเกิดความสงสัยก็ต้องถามระบบแล้ว
[เพียงให้เลือดของท่านสักหยดก็เพียงพอแล้ว]
หลิงเยว่ “???”
เหตุใดต้องเป็นเลือดอีกแล้ว!
แม้จะแอบบ่นพึมพำในใจ แต่หลิงเยว่ก็กัดฟันบีบเลือดออกมาหยดหนึ่ง จากนั้นก็หยดลงตรงกลางหน้าผากของโม่จวินเจ๋อ หยดเลือดสีแดงสดซึมเข้าไปในผิวหนังในพริบตา
สิ่งใดที่ได้มาย่อมต้องมีวันชดใช้ น้ำเลี้ยงจากต้นเลือดมังกรหมื่นปีนั่นช่างไม่อร่อยเอาเสียเลย
ด้วยการช่วยเหลือของเลือดบริสุทธิ์จากกายาต้านหายนะของหลิงเยว่ สีหน้ายุ่งเหยิงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของชายหนุ่มจึงค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
โม่จวินเจ๋อกำลังดิ้นรนต่อต้านอย่างยากลำบาก ร่างกายของเขาถูกใช้เป็นแผ่นค่ายกลเพื่อสลักอาคม เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากพลังอันแข็งแกร่งที่ไหลเวียนในตัว เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อควบคุมไม่ให้ทำลายร่างกายและจิตวิญญาณ น่าเสียดายที่ศัตรูของเขามีพลังแข็งแกร่งเกินกว่าจะต้านทาน การต่อต้านของโม่จวินเจ๋อช่างดูอ่อนแอยิ่งนัก ยามที่อักขระโบราณใกล้เสร็จสมบูรณ์ เขาจึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการระเบิดพลัง แต่แล้วหยดเลือดหนึ่งหยดก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรุนแรง และทำลายอักขระโบราณทีละจุดอย่างรวดเร็ว
ลำแสงสีชมพูที่ไม่สังกัดธาตุใดพยายามดิ้นรนหนีออกจากกรงขังที่สร้างจากหยดเลือดบริสุทธิ์ มันพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากกรงขังเลือดบริสุทธิ์นี้ได้
“ข้าไปผิดแล้ว ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ปล่อยข้า…”
กรงขังแห่งเลือดพลันแบ่งเลือดหยดเล็ก ๆ หยดหนึ่งละลายเข้าไปในหัวใจของโม่จวินเจ๋อ แล้วกลับมีเลือดออกมาปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
โม่จวินเจ๋อสูญเสียหยดเลือดอันล้ำค่าไป ร่างกายของเขากำลังเผชิญกับสงครามระหว่างเลือดและอาคม เขาตกอยู่ในภวังค์ จิตใจพลันสับสนวุ่นวาย
เลือดที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวกลับกลายเป็นร่างของหัวหน้าตะขาบมรกต กลืนลำแสงสีชมพูเข้าไปในคราเดียว
“อ๊า อย่า!”
วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยที่หลิงเยว่จับเอาไว้ในมือส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมาในทันใด มุมปากมีของเหลวสีชมพูสดไหลออกมา แล้วศีรษะของมันก็เอียงพับไป
ไม่รู้ว่าคราวนี้ตายจริงหรือแกล้งตาย
ขณะเดียวกัน โม่จวินเจ๋อก็ลืมตาขึ้น
“ท่านตื่นแล้ว!”
หลิงเยว่เห็นสภาพอันน่าเวทนาของวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยและโม่จวินเจ๋อที่ตื่นขึ้นมา จึงรู้ว่าฝ่ายตนได้รับชัยชนะแล้ว!
ดูเหมือนว่าหยดเลือดบริสุทธิ์ของนางจะมีประโยชน์มากทีเดียว
ทันทีที่เห็นหลิงเยว่ผู้มีใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตามีแววดีใจและยินดี โม่จวินเจ๋อก็ยิ้มอย่างอ่อนแรงก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เลือดบริสุทธิ์… ของเจ้า ทรงพลังยิ่งนัก”
หยดเลือดที่แข็งแกร่งนั่นต้องเกี่ยวข้องกับหลิงเยว่อย่างแน่นอน โม่จวินเจ๋อมั่นใจยิ่ง
“แน่นอน!”
หลิงเยว่โอ้อวด เลือดบริสุทธิ์ที่แม้แต่อีกาสุริยันยังปรารถนา จะธรรมดาได้อย่างไร?
“เจ้าสัมผัสได้หรือไม่ว่าเลือดบริสุทธิ์ของเจ้าทำสิ่งใดลงไป”
“มันทำสิ่งใดหรือ?” หลิงเยว่เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อครู่นางไม่รู้สึกเช่นนั้นหรือ…
เขาคิดว่าหลิงเยว่จะสามารถมองเห็นภาพในร่างกายเขาได้ผ่านทางหยดเลือด ทั้งยังดูจากท่าทางของนางแล้วก็ไม่รู้เลยว่าเลือดของตัวเองจะคิดเช่นนี้ แตกต่างจากนิสัยของนางอย่างสิ้นเชิง
“เลือดของเจ้าช่วยให้ข้าได้ทำพันธสัญญากับวิญญาณผู้พิทักษ์ตนหนึ่ง”
สมแล้วที่เป็นเลือดของนาง รู้ทันความคิดนางทุกประการเชียว
หลิงเยว่หยิบวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยในมือส่งให้โม่จวินเจ๋อ ความยินดีฉายชัดบนใบหน้าของนาง “ข้ายินดีด้วย ท่านได้ผู้ติดตามที่แข็งแกร่งแล้ว”
“ขอบใจเจ้ามาก” โม่จวินเจ๋อนั่งลง พลางรับเจ้าวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยที่แทบจะสิ้นใจไปแล้วพร้อมกับรอยยิ้ม
หากเมื่อครู่เขาเผชิญหน้ากับวิญญาณผู้พิทักษ์คนเดียว บางทีผู้ที่กลายมาเป็นข้ารับใช้ก็อาจกลายเป็นเขาแทนเสียแล้ว
ขณะที่ทั้งสองกำลังมีความสุขอยู่กับเรื่องนี้ เหล่าวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยอีกหกตนที่มีสีสันต่างกันก็บินตรงมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่ามนุษย์ผู้ใดที่กล้าหาญขนาดกล้าทำพันธสัญญากับเฝิ่นอี!”
วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยที่สวมมงกุฎสีทองบินนำมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ริมฝีปากบางสีแดงราวกับเลือด ถึงแม้ร่างกายจะมีขนาดเพียงหัวแม่มือ ทว่ากลับแสดงพลังอำนาจที่ไม่อาจมองข้าม