ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 158 โดนระเบิดบ่อยเข้า สมองของนางเลยกลับมาแจ่มใส
บทที่ 158 โดนระเบิดบ่อยเข้า สมองของนางเลยกลับมาแจ่มใส
“ปัญหาอยู่ที่ใด?”
ชิงยวนมองด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย ในเมื่อลูกศิษย์น้อยของตนยังกลั่นโอสถไม่สำเร็จ นางก็ไม่อาจเชื่อสิ่งใดที่หลิงเยว่พูดทั้งสิ้น
“ข้าจะลองดูก่อนเจ้าค่ะ”
หลิงเยว่ยกเตากลั่นโอสถที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังไปยังลานว่างในสวน จากนั้นจึงนำสมุนไพรวิญญาณที่จำเป็นออกมาวางไว้ เตรียมพร้อมสำหรับการกลั่นโอสถในครั้งต่อไป
ตำราการกลั่นโอสถเบญจธาตุกล่าวไว้ว่า เคล็ดวิชาของนางแตกต่างจากผู้อื่น วิธีการกลั่นโอสถตามปกติของโลกผู้บำเพ็ญเซียนนั้นไม่เหมาะกับนาง ไม่ว่าจะพลิกแพลงอย่างไร ใช้เวลานานเท่าใด ผลลัพธ์ที่ได้ล้วนเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ มีเพียงการกลั่นโอสถที่ผสมผสานเคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงยเท่านั้นที่นางจะสามารถกลั่นโอสถออกมาได้สำเร็จ
อีกทั้งสมุนไพรวิญญาณวิเศษหนึ่งชนิดจะต้องเป็นสมุนไพรที่นางใช้เคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงยในการเพาะปลูก นี่คือข้อกำหนดในการกลั่นโอสถระดับต่ำ ส่วนการกลั่นโอสถระดับกลางขึ้นไปต้องใช้สมุนไพรวิญญาณวิเศษแต่ละชนิด ซึ่งจะต้องเป็นสมุนไพรที่นางเพาะปลูกเอง หากตำราการกลั่นโอสถต้องการให้ใส่สัตว์วิญญาณหรือเลือดอสูร นางก็จะต้องเป็นผู้เพาะพันธุ์เองด้วยเช่นกัน
ข้อกำหนดทั้งหลายล้วนเข้มงวดชนิดที่ว่าหลิงเยว่เองก็ไม่อยากเรียนรู้วิธีการกลั่นโอสถในระดับกลางขึ้นไปแล้ว
กระนั้นความเข้มงวดก็มีข้อดีคือ โอสถที่นางกลั่นออกมานั้นมีสรรพคุณที่แรงกว่าโอสถที่กลั่นด้วยวิธีการกลั่นโอสถตามปกติ อีกทั้งสรรพคุณก็ไม่ต้องอาศัยให้ผู้บำเพ็ญเพิ่มพลังวิญญาณเพื่อกลั่นและเร่งการออกฤทธิ์อีกด้วย
เช่นเดียวกับโอสถฟื้นฟูระดับกลางที่ชิงยวนป้อนให้นางก่อนหน้านี้ ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนในการกลั่น แต่หากเป็นโอสถที่ได้จากสมุนไพรวิญญาณวิเศษที่นางเพาะปลูกเอง บาดแผลภายในจะหายได้ภายในครึ่งชั่วยาม สรรพคุณนั้นมีฤทธิ์ที่แรงจนหลิงเยว่เองก็แทบไม่อยากเชื่อ
ตำราโอสถและวิธีการกลั่นโอสถเดียวกัน สิ่งที่แตกต่างคือ หลิงเยว่เปลี่ยนสมุนไพรชนิดหนึ่งให้เป็นสมุนไพรที่ตนเองเพาะปลูกแทน
ชิงยวนนั่งสังเกตจากมุมหนึ่งซึ่งไม่ไกลนัก ภาพเช่นนี้ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา นางได้เห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่สิ่งที่รอคอยนางก็คือเปลวไฟและลูกศิษย์น้อยที่ปีนออกมาจากกองเพลิง เพราะแรงระเบิดจากการกลั่นโอสถผิดพลาด
ในตอนแรก นางยังใจอ่อนรีบพาหลิงเยว่หนีไปก่อนเตากลั่นโอสถจะระเบิด แต่ช่วงหลังเริ่มชาชินเสียแล้ว ระเบิดบ่อยเสียจนอาจจะทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นมาแล้วก็ได้?
กลิ่นหอมของโอสถบางเบาเลือนราง ชิงยวนอาศัยประสาทรับกลิ่นอันเฉียบแหลมของนักกลั่นโอสถ สัมผัสได้ถึงความแตกต่างที่ซ่อนอยู่
แต่หากจะอธิบายว่าแตกต่างตรงไหน นางไม่อาจบรรยายได้ หญ้าเปลี่ยนวิญญาณก็ยังคงเป็นหญ้าเปลี่ยนวิญญาณอยู่ เพียงแต่ว่า…
ทันใดนั้นชิงยวนก็หวนนึกถึงหญ้าโลหิตที่หลิงเยว่เพาะปลูกไว้ ใช่แล้ว! โอสถระดับต่ำทำจากสมุนไพรวิญญาณวิเศษที่ลูกศิษย์น้อยเพาะปลูกขึ้นมานั้นมีสรรพคุณในการห้ามเลือดดีกว่าสมุนไพรทั่วไป แม้ผลลัพธ์จะไม่ได้เห็นผลในทันที แต่ก็เร็วกว่าวิธีการปกติ
หรือว่า…
ไม่ทันที่ชิงยวนจะขบคิดสิ่งใด หลิงเยว่ที่ยืนนิ่งก็เริ่มเคลื่อนไหว
ฝาครอบเตากลั่นโอสถอันแน่นหนาถูกเปิดออกฉับพลัน โอสถฟื้นปราณจำนวนหกเม็ดลอยล่องอยู่กลางอากาศ
หรือว่าโดนระเบิดบ่อยเข้า สมองของนางอาจจะกลับมาแจ่มใสแล้วกระมัง?
หลิงเยว่ทำสำเร็จแล้ว
“เหตุใดจึงมีเพียงหกเม็ด?”
ชิงยวนหยิบขึ้นมาเม็ดหนึ่งเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด สีสันเข้มข้นกว่าปกติมากนัก นางปล่อยจิตวิญญาณเข้าไปในโอสถฟื้นปราณอันเข้มข้น ก่อนจะนำโอสถฟื้นปราณเข้าสู่ปาก โอสถพลันแปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณเติมเต็มร่างกายในทันที
สรรพคุณของโอสถได้ผลเร็วกว่าโอสถฟื้นปราณทั่วไปถึงสามเท่าตัว
หลิงเยว่มองโอสถฟื้นปราณที่นางเพิ่งทำสำเร็จด้วยสายตาพร่าเลือน เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนที่นางทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ แม้พรสวรรค์การกลั่นโอสถของนางจะไม่ได้โดดเด่นนัก ทว่าการกลั่นโอสถฟื้นปราณก็ยังไม่ได้ยากเย็นเข็ญใจถึงเพียงนั้น
ยามที่โม่จวินเจ๋อออกมาก็พบเห็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งยืนมองโอสถห้าเม็ดที่ลอยอยู่ในอากาศอย่างครุ่นคิด ส่วนอีกคนหนึ่งกลับหลั่งน้ำตานองหน้า
“ข้ายินดีกับเจ้าด้วย”
หลิงเยว่หันกลับมามอง
“ปีศาจ!” วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยปิดตาแล้วกรีดร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะมุดเข้าไปในเส้นผมของโม่จวินเจ๋อ
แม้แต่โม่จวินเจ๋อก็ตกใจกับภาพลักษณ์ในตอนนี้ของหลิงเยว่ ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยสีมากมาย ทั้งยังมีคราบน้ำตาที่ไหลรินออกมาชะล้างคราบสีนั้นเป็นทางยาวสีขาวทั้งสองข้าง นอกจากนี้นางยังกำลังอ้าปากหัวเราะ ฟันสีขาวสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางความมืด
หลิงเยว่ในเวลานี้กำลังอารมณ์ดีนัก นางจึงไม่คิดจะเอาเรื่องเจ้าวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยที่หาว่านางเป็นปีศาจ นางหยิบกล่องเล็กที่ใส่หินขัดเกลาจิตวิญญาณออกมาแล้วส่งให้ชายหนุ่ม “ข้าให้ท่าน อย่าซาบซึ้งจนเกินไปเล่า!”
พูดก็พูด ยังกะพริบตาเจ้าเล่ห์อีก มุมปากของโม่จวินเจ๋อพลันกระตุกด้วยความสงสัย
“นี่คือสิ่งใด?”
โม่จวินเจ๋อกำลังจะเปิดกล่อง หลิงเยว่ก็รีบห้ามไว้ “รออีกสองวันข้าจะออกเดินทางไปเหอตง ท่านค่อยเปิด”
เมื่อคนให้ของพูดเช่นนี้ โม่จวินเจ๋อก็จำต้องกลั้นความอยากรู้อยากเห็น นำกล่องเล็กใบนั้นใส่ไว้ในแหวนเก็บของก่อน
“ดี”
เมื่อนึกถึงว่าอีกไม่นานก็จะต้องจากกัน โม่จวินเจ๋อพลันรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก
ตอนนี้โม่จวินเจ๋อเป็นเพียงผู้บำเพ็ญระดับจินตานขั้นต้น เขาคงสู้เจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตและอีกาสุริยันตัวน้อยที่นางมีไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เขาต้องรีบแข็งแกร่งขึ้นจึงจะมีสิทธิ์ยืนเคียงข้างหลิงเยว่และเป็นเพื่อนร่วมทางที่นางพึ่งพาได้!
“อีกสองวันคงไม่ได้ ให้พวกที่เหอตงรออีกครึ่งเดือนก่อนเถิด”
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ชิงยวนก็หยิบถุงเมล็ดพันธุ์สมุนไพรวิญญาณต่างชนิดกันออกมาหลายสิบถุง พร้อมกับเอ่ยกับหลิงเยว่ว่า “เร่งให้มันเติบโตเสีย”
หลิงเยว่เข้าใจในทันทีว่าอาจารย์ต้องการให้ตนทำสิ่งใด นางเองก็อยากลองอยู่พอดี โอสถที่กลั่นจากสมุนไพรชั้นต่ำที่เร่งให้เจริญเติบโตจะเทียบเท่าโอสถชั้นกลางได้หรือไม่?
ใช้เวลาเพียงสองชั่วยาม หลิงเยว่ก็เร่งให้สมุนไพรวิญญาณชั้นต่ำที่จำเป็นต่อการกลั่นโอสถฟื้นปราณเจริญเติบโตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว หลิงเยว่พักฟื้นร่างกายเล็กน้อย แล้วก็ลงมือกลั่นโอสถในทันที
สำหรับหลิงเยว่ที่ใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองชั่วยามในการเร่งการเจริญเติบโต และยังมีพลังวิญญาณล้นเปี่ยมในการกลั่นโอสถต่อไปได้อีก ชิงยวนเห็นแล้วก็อดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ สภาพร่างกายของลูกศิษย์ตัวน้อยนั้นคงแข็งแรงมากทีเดียว
ประโยชน์ของแก่นปราณทั้งห้าของหลิงเยว่นั้น ถูกแสดงออกมาอย่างเต็มที่ในยามนี้แล้ว
เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง เหล่าผู้อาวุโสและอาจารย์ของสำนักกลั่นโอสถเหอตง ต่างมารวมตัวกันที่ร้านอาหารเช้าใกล้กับจวนเจ้าเมือง พวกเขากินอาหารเช้าไปพลาง มองดูจวนเจ้าเมืองไปพลาง
“ท่านผู้อาวุโสเถา ครึ่งเดือนผ่านไปแล้ว เด็กน้อยที่ท่านหมายตานั้นยังไม่สามารถกลั่นโอสถระดับต่ำได้เลย ด้วยเวลาที่เหลืออยู่ก่อนเปิดเรียน พวกเราควรใช้เวลาที่มีอยู่รอคอยนางต่อไปเช่นนี้หรือ?”
ถึงแม้จะเชิญหลิงเยว่ให้ไปเป็นอาจารย์สอนที่สำนักกลั่นโอสถ ซึ่งนางจะรับหน้าที่ในการสอนทำอาหารวิญญาณพิเศษ แต่หากว่านางที่เป็นถึงอาจารย์ประจำสำนักกลั่นโอสถกลับกลั่นโอสถขั้นต่ำไม่ได้ เกรงว่าเหล่าศิษย์คงจะไม่ยอมรับนางเป็นแน่
“เต้าฮวยฟื้นปราณที่เจ้ากินอยู่นี้อร่อยหรือไม่?”
เจ้าของร้านอาหารเช้าอดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง เมื่อได้ยินว่าชายคนนี้ดูถูกรองเจ้าเมืองน้อยผู้เป็นที่รัก
ชายหนุ่มผู้นั้นพยักหน้ารับอย่างซื่อสัตย์ มันทั้งอร่อยและกลมกล่อม แม้จะกินมาครึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่รู้สึกเบื่อเลย
“เมื่อเทียบกับโอสถฟื้นปราณขั้นต่ำแล้วขนมนี้เป็นอย่างไร?” เจ้าของร้านถามอีกครั้ง
“ชามหนึ่งเทียบเท่ากับโอสถฟื้นปราณขั้นต่ำสองเม็ด”
คราวนี้เป็นอาจารย์อีกท่านที่ตอบ
“สรรพคุณทางโอสถไม่ได้ต่างกัน ทั้งรสชาติอร่อยและยังอิ่มท้อง แม้ว่าท่านรองเจ้าเมืองของเราจะไม่สามารถกลั่นโอสถทั่วไปได้ ก็คงไม่มีปัญหาใดใช่หรือไม่?”
ดูเหมือนว่า… จะไม่มีปัญหาแล้ว
“ท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย พวกท่านกินเต้าฮวยฟื้นปราณที่นี่มาครึ่งเดือนแล้ว พวกท่านทำได้เช่นนี้หรือไม่เล่า?”
เจ้าของร้านซักถามในเชิงตำหนิสองครั้งซ้อน จนทำให้เหล่าอาจารย์จากสำนักเหอตงชะงักไป พวกเขาพลันก้มลงมองเต้าฮวยอีกครึ่งหนึ่งในชาม
พวกเขาสามารถจำแนกชนิดและปริมาณของสมุนไพรวิญญาณที่ใช้ได้ หากถามถึงวิธีการกำจัดความขมและกลิ่นประหลาดของสมุนไพรวิญญาณ แม้ว่าจะศึกษาไม่กี่วัน พวกเขาก็สามารถหาคำตอบได้แล้ว แต่หากถามถึงวิธีผสมผสานสมุนไพรวิญญาณเข้ากับถั่วเพื่อให้ได้สีสันที่แตกต่างกัน ทั้งยังละลายในปาก และยังคงรักษาสรรพคุณของสมุนไพรวิญญาณไว้ได้นั้น…
เกรงว่าเวลาครึ่งเดือนอาจเป็นไปไม่ได้…
เถาวั่งมองเหล่าสหายที่เงียบเสียงไปอย่างพอใจ เขายิ้มออกมาเล็กน้อยในขณะที่กินเต้าฮวยอยู่ นั่นเป็นความจริง เขาเองกินมามากว่าครึ่งเดือนแล้วยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใช้ถั่วชนิดใด ผิดก็แต่ที่โลกมนุษย์มีถั่วหลายชนิดจนเกินไปแล้ว
ทว่าอาจารย์ท่านนั้นก็กล่าวไว้ถูกต้องเช่นกัน ในอีกสามเดือนข้างหน้าจะเป็นวันเปิดเรียนของสำนักกลั่นโอสถเหอตง พวกเขาไม่สามารถรอคอยได้อีกต่อไป
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เถาวั่งก็รีบกินเต้าฮวยจนหมดก่อนลุกขึ้นยืน จัดระเบียบปกเสื้อ แล้วมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองทันที