ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 17 ท่านช่วยข้ากินอาหารเช้าได้หรือไม่?
บทที่ 17 ท่านช่วยข้ากินอาหารเช้าได้หรือไม่?
บทที่ 17 ท่านช่วยข้ากินอาหารเช้าได้หรือไม่?
หลังจากรักษาบาดแผลแล้วหลิงเยว่ก็ถูกส่งกลับไปที่หอกลั่นโอสถหมายเลขสาม
นางนั่งสมาธิฝึกตนไปอีกระยะหนึ่งก่อนจะเริ่มฝึกฝนวิชาหมื่นชีวางอกเงย
การควบแน่นปราณแล้วซัดออกไปเพื่อโจมตีเป้าหมายผลาญปราณเร็วเกินไป แม้ว่าหลิงเยว่จะมีปราณที่หนาแน่นแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถใช้มันติดกันได้หลายครั้ง ท้ายที่สุดนางยังอยู่เพียงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสี่เท่านั้น
เวลาฝึกผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเหลือเวลาอีกสี่วันในการทำภารกิจหลักที่หก
ก่อนหน้านี้หลิงเยว่ต้องการให้หลงหว่านโหรวและว่านอวี้เฟิงช่วยหาศิษย์มาลองชิมอาหาร แต่นางไม่สามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมที่จะอธิบายได้ว่าทำไมตนถึงอยากทำเช่นนั้น นางจึงตัดสินใจลองด้วยตัวเองก่อน และถ้ามันไม่ได้ผลก็ค่อยขอให้พวกเขาออกมาช่วยอีกที
มีศิษย์ไม่มากนักที่เดินผ่านยอดเขาโอสถในตอนเช้า
การแข่งขันประจำสำนักกำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักกลั่นโอสถที่จะทำเงินได้มากมาย ไม่มีใครอยากพลาดโอกาส ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่แต่ในหอกลั่นโอสถ ทำงานอย่างหนักเพื่อกลั่นโอสถให้ได้มากที่สุด
หลิงเยว่นั่งยองอยู่ที่ทุ่งสมุนไพรบริเวณครึ่งทางก่อนขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วมองจากระยะไกล มีหอกลั่นโอสถเรียงรายกันหนาแน่นตามไหล่เขา แต่กลับหายากมากที่จะมีใครออกมาเดินเล่น
หรือว่านาง…
จะต้องไปสุ่มเคาะประตูจริง ๆ หรือ?
การแทรกแซงการกลั่นโอสถของนักกลั่นโอสถนั้นอาจจะส่งผลร้ายแรง ตั้งแต่การสูญเสียหินวิญญาณไปจนถึงการถูกทุบตีอย่างรุนแรง
หลิงเยว่ซึ่งยังไม่สามารถเอาชนะใครได้ในขณะนี้ล้มเลิกความคิดทันที
ในไม่ช้าก็มีคนปรากฏแก่สายตาของหลิงเยว่ คนผู้นั้นสวมเสื้อผ้าของศิษย์สายในซึ่งสวยงามและดูโดดเด่นมาก
“ศิษย์พี่หญิงคนสวยรอเดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ!”
ในระหว่างการกลั่นโอสถ จัวหลิงเหยาค้นพบว่าตนยังขาดสมุนไพรวิญญาณบางชนิด แต่ทันทีที่นางเปิดประตูหอกลั่นโอสถก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ วิ่งมาหาอย่างตื่นเต้น แต่อีกฝ่ายแต่งตัวด้วยชุดของศิษย์สายนอกซึ่งทำให้นางขมวดคิ้วและมีแววตาที่ไม่อาจซ่อนเร้นความดูถูก
“ศิษย์สายนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในสถานที่สำคัญแห่งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต!”
ทันใดนั้นร่างของหลิงเยว่ก็ลอยขึ้นจากพลังที่มองไม่เห็น เมื่อลอยไปได้ครึ่งทาง จากนั้น… ร่างของนางก็ถูกโยนออกจากยอดเขาโอสถ
ฟิ่ว!
หลิงเยว่กลายเป็นมนุษย์บินได้อีกครั้ง “!!!”
นี่มันอะไรกัน? นางแค่อยากจะเลี้ยงอาหารเช้าอีกฝ่ายเท่านั้นเอง!
หลิงเยว่อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา โชคดีที่นางเคยถูกอวี้เจินทุบตีมาหลายรูปแบบนับครั้งไม่ถ้วน จึงสามารถร่อนลงได้อย่างปลอดภัย
นางร่อนไปลงตรงตีนเขาโอสถ
มีแต่ต้องปีนขึ้นไปอีกครั้งเท่านั้น
เหตุใดระบบสุนัขที่เลวร้ายนี้จึงต้องมีเงื่อนไขให้ได้รับการยอมรับจากศิษย์ของยอดเขาโอสถด้วยเล่า?
ได้รับการยอมรับจากศิษย์ชั้นสูงคนอื่นไม่ได้หรือ?
จิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของหลิงเยว่ได้รับการกระตุ้น และวันนี้นางต้องหานักชิมห้าคนให้ได้ด้วยตัวเอง!
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับบทเรียนนางก็เข้าใจว่าไม่สามารถกำหนดเป้าหมายกับผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณครึ่งทางจากยอดเขาโอสถได้อีกต่อไป บริเวณนั้นมีแต่นักกลั่นโอสถระดับสองทั้งหมด ซึ่งมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ขอบเขตสร้างรากฐานกันทั้งนั้น นางไม่สามารถรับมือกับคนเหล่านั้นได้ แตกต่างจากบริเวณด้านล่างของภูเขา ศิษย์เกือบทั้งหมดเป็นนักกลั่นโอสถระดับหนึ่งที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณ ต่อให้จะมีใครต้องการลงมือ นางก็ยังสามารถวิ่งหนีได้!
เมื่อเปรียบเทียบกับบริเวณกลางเขาแล้วที่ตีนเขานั้นมีชีวิตชีวากว่ามาก มีอย่างน้อยสามคนที่ยืนคุยกันอยู่ ทว่าเมื่อจู่ ๆ นางก็ปรากฏตัวขึ้นจึงทำให้ทั้งสามคนเงียบ สายตาพลันจับจ้องเสื้อผ้าของนาง
ก่อนที่หลิงเยว่จะได้เสนออาหารวิญญาณพิเศษของนาง นักกลั่นโอสถที่ดูแข็งกร้าวก็พูดก่อน
“ศิษย์สายนอก ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาที่นี่?”
“ข้าไม่ใช่ศิษย์สายนอกนะเจ้าคะ”
หลิงเยว่เริ่มเหนื่อย หลังจากนี้นางคงต้องขอให้หลงหว่านโหรวมอบเสื้อผ้าศิษย์สายในให้สักหน่อยเมื่อกลับไป ไม่เช่นนั้นตนคงจะต้องอธิบายด้วยตัวเองทุกครั้ง นางหยิบป้ายหยกสีฟ้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศิษย์ยอดเขาโอสถออกมาจากถุงมิติและแขวนไว้บนเอวออกมา
แบบนี้คงพอได้ใช่หรือไม่?
คนทั้งสามที่กำลังจะขับไล่หลิงเยว่ต่างตกตะลึงเมื่อเห็นป้ายหยก
การแข่งขันสำนักยังไม่เริ่มจะมีศิษย์ใหม่ได้อย่างไร?
สาวน้อยคนนี้จะต้องมีความสามารถอย่างมากแน่ ๆ และนางก็ได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสของยอดเขาก่อนเป็นข้อยกเว้น!
นี่เป็นความคิดของทั้งสามคน ดังนั้นหลิงเยว่ที่ถูกจ้องมองอย่างเป็นปรปักษ์เมื่อครู่นี้จึงพบว่านักกลั่นโอสถทั้งสามเริ่มมองนางแตกต่างออกไปแล้ว
เป็นมิตรมากขึ้น?
“เจ้าเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสท่านไหน?”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือ?”
ชายสองคนและหญิงสาวอีกคนถามแทบจะพร้อมกัน
“ข้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากพวกท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ”
หลิงเยว่ยิ้มและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจว่าจะไม่ตอบคำถามแรกซึ่งค่อนข้างยุ่งยากสำหรับนางตอนนี้ ก่อนหยิบไก่ห่อแป้ง ชิ้นไก่ทอด และไก่ตุ๋นสามชามเล็ก ๆ ที่เตรียมไว้ออกจากถุงเก็บอาหารโดยตรง
ทันทีที่อาหารวิญญาณพิเศษถูกเอาออกมา กลิ่นหอมก็ฟุ้งไปทั่วบริเวณ
นักกลั่นโอสถทั้งสามกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของพวกเขาล่องลอยไปที่อาหารบนถาดของหลิงเยว่โดยไม่ได้ตั้งใจ
“เจ้าต้องการให้เราช่วยอะไร?”
“ช่วยข้ากินพวกมันเจ้าค่ะ!”
หลิงเยว่แจกจ่ายอาหารทั้งสามส่วนให้กับทั้งสามคนอย่างมีความสุข ก่อนแสดงสีหน้าเขินอายและน่าสงสารด้วยความกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ “ศิษย์พี่ชายทั้งสองและศิษย์พี่หญิงคนสวย พวกท่านคงจะไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่?”
ทั้งสามคน “!!!”
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเช่นนี้
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่หญิงคนสวยหยิบไก่ห่อแป้งขึ้นมากัดอย่างมีความสุข
จากนั้นดวงตาเล็ก ๆ ของนางก็เบิกกว้างขึ้น
ในฐานะนักกลั่นโอสถ นางรู้ได้ทันทีว่ามีปราณแฝงอยู่ในไก่ห่อแป้ง ทั้งมันยังให้ผลเหมือนกับโอสถกลั่นลมปราณระดับสอง!
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
นักกลั่นโอสถที่ยังไม่ได้ลองถามขึ้น
หลิงเยว่ยังรอคำตอบอย่างคาดหวัง
ซือจูที่ถูกถามไม่ตอบ แต่กินไก่ห่อแป้งทั้งหมดในมือแล้วเลียนิ้ว
จากนั้นนางก็หยิบชิ้นไก่ทอดขึ้นมาโยนเข้าปาก ด้านนอกกรอบแต่เนื้อด้านในนุ่ม อร่อย และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรวิญญาณก็ช่วยทำให้รสเลี่ยนเปลี่ยนเป็นกลาง มันรสชาติเข้มข้นและยังให้ผลเหมือนกับโอสถกลั่นลมปราณระดับสองอีกแล้ว!
แต่นี่มันอร่อยกว่าการกินโอสถกลั่นลมปราณแบบเม็ดมาก และสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือการรับประทานอาหารแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ปราณในการย่อยโอสถเพื่อดูดซึม
มันทั้งอร่อยและยังมีสรรพคุณเหมือนโอสถอีกด้วย ช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว!
ปรากฏว่าศิษย์น้องคนนี้ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ที่ยอดเขาโอสถก่อนเวลาเพราะนางมีพรสวรรค์เช่นนี้นี่เอง!?
“ศิษย์น้อง เจ้าทำมันได้อย่างไรกัน?”
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยแล้ว ซือจูก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
[ความคืบหน้าของภารกิจ 1/5]
หลิงเยว่ “!!!”
ศิษย์พี่หญิงคนนี้ช่างจริงใจ
ในทางกลับกัน หลิงเยว่ไม่ได้คิดปกปิดอะไรทั้งนั้น นางบอกอีกฝ่ายอย่างเปิดเผยว่าต้องทำอย่างไร
หญิงสาวทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุขอยู่ข้าง ๆ ทิ้งให้ผู้บำเพ็ญชายอีกสองคนที่ถูกลืมมองหน้ากัน
นักกลั่นโอสถสามารถบอกได้ง่ายว่าอาหารนั้นปลอดพิษหรือไม่ เห็นได้ชัดว่าอาหารนี้ไม่เป็นพิษ มิหนำซ้ำความหอมของมันยังทำให้น้ำย่อยเดินอีกต่างหาก!
ทั้งสองคนเอาชิ้นไก่ทอดเข้าปากพร้อมกัน
จากนั้นพวกเขาก็กินเร็วขึ้น ไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจในดวงตาของพวกเขาได้
[ความคืบหน้าของภารกิจ 3/5]
หลิงเยว่ไม่คาดคิดเลยว่า นอกเหนือจากผู้ชิมอาหารคนแรกที่ไม่น่าพอใจแล้ว การให้ผู้บำเพ็ญคนอื่นได้ลิ้มรสอาหารของนางอีกจะได้ผล
อาหารถูกกินเสียเกลี้ยง และนักกลั่นโอสถชายทั้งสองก็เข้าร่วมการสนทนาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับวิธีการด้วยเช่นกัน
คนเหล่านี้มีความคิดที่เปิดกว้างมากขนาดนี้เลยหรือ?
สิ่งนี้ทำให้หลิงเยว่ประหลาดใจ และนางก็นึกถึงว่านอวี้เฟิงเกือบจะในทันที
ชายคนนั้นกินเท่าไหร่ก็ยังทำหน้าเหมือนปฏิเสธเสมอ!
ทั้งสี่พูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาและแลกเปลี่ยนชื่อแซ่กัน
นักกลั่นโอสถทั้งสามคนนี้เป็นเพื่อนกันมานานแล้วและเคยร่ำเรียนวิชาที่เดียวกัน หญิงสาวชื่อซือจู ส่วนชายอีกสองคนชื่อมู่มู่และเกาเยี่ย แม้แต่ชื่อของพวกเขาก็เกี่ยวกับสมุนไพร พวกเขาน่าจะเปลี่ยนชื่อหลังจากเข้าสู่ยอดเขาโอสถใช่หรือไม่?
ไม่อย่างนั้นมันจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร
ใกล้ได้จังหวะแล้ว ไม่สิ ๆ ต้องพูดว่าการสื่อสารใกล้จะสมบูรณ์แล้ว หลิงเยว่เริ่มแสดงละครอีกครั้ง
หลิงเยว่ทำท่าทางดูเขินอายและพูดด้วยความหวังว่า “งานมอบหมายของอาจารย์ข้าในวันนี้คือให้โน้มน้าวศิษย์พี่ทั้งชายและหญิงให้ได้สิบคนมาลองชิมอาหารวิญญาณพิเศษ แต่ข้าเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ จึงไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้นัก…”
เข้าใจแล้ว
ทั้งสามคนตระหนักได้ทันที
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าผู้อาวุโสคนไหนมอบหมายงานแปลก ๆ นี้ให้ แต่ทั้งสามคนก็ยังยินดีที่จะช่วยหลิงเยว่ทำงานนี้