ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 172 การโจมตีด้วยลูกชิ้น!
บทที่ 172 การโจมตีด้วยลูกชิ้น!
หลิงเยว่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองได้จุดประกายให้เหล่าศิษย์ของสำนักกลั่นโอสถแห่งนี้แล้ว ทุกคนต่างพากันศึกษาค้นคว้าการรังสรรค์อาหารวิญญาณพิเศษ แต่เพียงเท่านี้จะไปมีผลอะไรกันเล่า! หากเหล่าศิษย์ยังไม่อาจแยกแยะส่วนประกอบที่นางใช้ปรุงอาหารได้ ต่อให้คิดไตร่ตรองจนสมองแทบแตกก็คงปรุงอาหารชนิดนั้นไม่ได้เช่นกัน
แต่อย่างไรเสีย หากพวกเขาปรารถนาจะศึกษาเช่นนี้ แล้วหลิงเยว่จะพลาดโอกาสในการกระจายข่าวเกี่ยวกับอาหารวิญญาณพิเศษได้หรือ!
นางเลยตัดสินใจสอนบทเรียนง่าย ๆ โดยใช้วัตถุดิบที่พวกเขารู้จักกันดี เหล่าศิษย์ในชั้นเรียนพิเศษได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบและเครื่องปรุงรสมาเป็นเวลาสามเดือน พวกเขาจึงเริ่มคุ้นเคยกับวัตถุดิบ และสามารถยกระดับวัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นเนื้อสัตว์อสูรได้แล้ว
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา นางได้สอนทำลูกชิ้นก้อนกลมอีกหลากหลายประเภท ทั้งแบบมังสวิรัติ แบบเนื้อสัตว์ แบบหวาน เปรี้ยว และเผ็ด… เรียกได้ว่าลูกชิ้นหลากรสชาติเหล่านี้สามารถเรียงรายรอบสำนักได้เลยทีเดียว
เอาเถิด! นับว่ากล่าวเกินจริงไปบ้าง แต่ความจริงก็คือ หลิงเยว่เบื่อที่จะกินลูกชิ้นเหล่านี้แล้วต่างหาก
“เจ้ามนุษย์เปราะบาง เจ้ารู้จักแต่จะสอนพวกเขาทำลูกชิ้นอย่างเดียวเท่านั้นหรือ!” หลังจากได้กินลูกชิ้นเข้าไปวันแล้ววันเล่า หัวหน้าตะขาบมรกตที่แทบจะกลายเป็นลูกชิ้นเสียเอง พลันพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง
ทันทีที่หัวหน้าตะขาบมรกตกล่าวเช่นนั้น เหล่าศิษย์ในชั้นเรียนพิเศษต่างรีบยัดลูกชิ้นเนื้อพิเศษลงไปในอ้อมแขนของมันอีกครั้ง
หัวหน้าตะขาบมรกตโอบอุ้มลูกชิ้นไว้แล้วเหม่อมองท้องฟ้าด้วยแววตาว่างเปล่า
แม้จะต้องสอนอาหารสูตรใหม่ แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกชิ้นพวกนี้ให้เสียเปล่า หลิงเยว่จึงตัดสินใจนำลูกชิ้นเหล่านั้นมารังสรรค์เป็นอย่างอื่นแทน
“เพียงแค่ดัดแปลงเล็กน้อย ข้ารับรองว่าเจ้าจะกินลูกชิ้นได้อีกสามเดือนแน่นอน!”
หัวหน้าตะขาบมรกตส่งลูกชิ้นคืนไปให้หลิงเยว่อย่างไร้อารมณ์ มันอยากจะดูนักว่ามนุษย์เปราะบางน้อยผู้นี้จะแปลงโฉมลูกชิ้นให้กลายเป็นดอกไม้ได้หรือไม่
งานนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลิงเยว่ ลูกชิ้นรสเค็มถูกนำไปปรุงเป็นลูกชิ้นผัดเปรี้ยวหวาน ตุ๋นซีอิ๊ว ทอดใส่ใบยี่หร่ารสเผ็ดร้อน ยำ และลูกชิ้นน้ำแกงเห็ดหอม…
ส่วนลูกชิ้นรสหวานก็นำไปดัดแปลงให้กลายเป็นของหวาน เช่น ขนมถั่วแดงหอมหมื่นลี้ ขนมฟักทอง ขนมถั่วแดงและเผือก
…
อาหารมื้อใหญ่จากลูกชิ้นนานาชนิดถูกปรุงแต่งสีสัน กลิ่น และรสชาติดูน่ากินเป็นอย่างยิ่ง พวกมันถูกนำมาวางไว้ให้หัวหน้าตะขาบมรกตและเหล่าพวกพ้องอีกห้าสิบตัวของมัน
เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่รอบฝูงตะขาบมรกตต่างกลืนน้ำลายด้วยความหิวกระหาย พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าลูกชิ้นจะสามารถดัดแปลงให้เป็นอาหารหลากหลายชนิดได้เช่นนี้
“เป็นอย่างไร? พวกเจ้าทั้งหลายเห็นลูกชิ้นแล้วยังรู้สึกเบื่ออีกหรือไม่?”
หลิงเยว่ยกชามขนมถั่วแดงขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ เหล่าศิษย์และฝูงตะขาบมรกตก็ไม่น้อยหน้า ต่างถือขนมหวานและอาหารที่ตนเลือกไว้คนละชาม ด้วยกลัวว่าหากช้าเพียงนิดพวกเขาคงอดกินเป็นแน่!
เมื่อเถาวั่งเดินเข้ามาเห็นเช่นนั้น เขาก็คว้าจานลูกชิ้นผัดเปรี้ยวหวานมาอย่างรวดเร็ว แล้วตักข้าวใส่จานใหญ่ ก่อนจะเทลูกชิ้นพร้อมน้ำแกงราดลงบนข้าว
น้ำแกงสีแดงซึมเข้าไปในข้าวสีขาวอย่างเชื่องช้า เถาวั่งตักข้าวขึ้นมาหนึ่งช้อนเต็ม ๆ แล้วส่งเข้าปาก กลิ่นเปรี้ยวอมหวานพลันกระจายไปทั่ว ช่างน่าพึงพอใจยิ่งนัก!
หากทำเช่นนี้ตั้งแต่แรก เถาวั่งคงไม่ต้องลังเลเลยว่าวันนี้เขาควรมาที่ห้องเรียนพิเศษหรือไม่?
การทอดและต้มลูกชิ้นทุกวัน มันทำให้คนแทบคลั่งได้ แต่ไม่ว่าลูกชิ้นจะอร่อยเพียงใด ก็ไม่อาจทนกินถึงสามเดือนได้จริง ๆ!
“ผู้อาวุโสเถา ท่านเข้าใจกินยิ่งนัก!”
เซี่ยซิ่นรุ่ยเลียนแบบการกินของเถาวั่ง ทำให้มุมมองของเขาเปิดกว้างเลยทีเดียว จุดประสงค์เดิมที่พาน้องสาวมาร่ำเรียนอาหารวิญญาณพิเศษนั้นพลันหายไปหมดสิ้น สามเดือนเต็มที่กินแต่ลูกชิ้นฝีมือตัวเอง จนใบหน้าของเขาเริ่มกลมขึ้น แม้แต่เพื่อนร่วมหอพักและคนในครอบครัวก็เกือบจะกลายเป็นลูกชิ้นเพราะเขาแล้วเช่นกัน
“ท่านพ่อ!”
หลังจากกินจนอิ่มแล้ว ฮวนฮวนที่ได้เรียนรู้วิธีทำลูกชิ้นเนื้อวัวตุ๋นก็รีบวิ่งไปหาชายคนหนึ่งที่กำลังจะวิ่งหนีนาง
“ท่านพ่อ ข้าเรียกเสียงดังถึงเพียงนี้แล้ว ท่านไม่ได้ยินหรือ?”
ท่านพ่อเซี่ย “…”
ได้ยินแล้ว แต่ข้าแค่ไม่อยากกินลูกชิ้นเท่านั้นเอง
“ท่านแม่ อย่าเพิ่งไปขอรับ!”
ท่านพ่อถูกน้องสาวแย่งไปก่อนแล้ว เซี่ยซิ่นรุ่ยจึงได้แต่หันมาหาท่านแม่ให้ชิมลูกชิ้นผัดเปรี้ยวหวานที่ตนทำ
เมื่อผู้เป็นแม่ได้ยินเสียงของบุตรชาย ฝีเท้าของนางพลันวุ่นวาย ด้วยกลัวว่าหากช้าไปสักก้าวแล้วจะโดนลูกชิ้นจู่โจมเสียก่อน
แต่สุดท้ายแล้วผู้เป็นพ่อแม่ก็หนีไม่พ้นการอ้อนวอนของบุตรชายและบุตรสาว พวกเขานั่งลงหน้าโต๊ะ พลางมองลูกชิ้นก้อนกลมสี่จานและของหวานอีกสี่ชามตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์
“ท่านพ่อ เชิญก่อนเถิดเจ้าคะ!” ฮวนฮวนรีบเร่ง พลางใช้ช้อนตักลูกชิ้นหมูและถ้วยขนมฟักทองมาวางไว้ตรงหน้า “อาจารย์หลิงบอกว่าฮวนฮวนอายุเท่านี้ ยังทำได้อร่อยกว่าพี่ชายเสียอีก!”
เซี่ยซิ่นรุ่ยพลันนึกถึงคำวิจารณ์ของหลิงเยว่เกี่ยวกับลูกชิ้นผัดเปรี้ยวหวาน ขนมถั่วแดงและเผือกที่เขาทำ
นางกล่าวว่า ‘ด้อยกว่าฮวนฮวนเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับของข้าแล้ว… ’ นางไม่พูดอะไรต่อ เพียงส่ายศีรษะไปมาแล้วเดินจากไป…
รสชาติแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?
แต่เซี่ยซิ่นรุ่ยกินเองแล้วรู้สึกว่ามันอร่อยยิ่งนัก!
ด้วยเหตุนี้ หลังจากเลิกเรียนแล้ว เขาก็รีบหิ้วเอาของที่หลิงเยว่ทำและของที่เขาทำกลับมาให้ท่านพ่อท่านแม่ตัดสินเสียเลย
“นี่คือของที่อาจารย์ของพวกเจ้าทำหรือ?”
เมื่อเห็นว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านพ่อจึงจำใจคีบลูกชิ้นที่หลิงเยว่ทำหนึ่งลูกเข้าปาก น้ำจิ้มรสเค็มและหวานแผ่ซ่านอยู่ทั่วโพรงปาก เมื่อกัดเข้าไปน้ำแกงภายในลูกชิ้นพลันแตกออกมา รสชาติของน้ำแกงที่หอมกรุ่นสลายรสชาติเค็มจากน้ำจิ้มไปในทันที และ… รสชาตินั้นต่างจากที่บุตรชายและบุตรสาวทำอย่างสิ้นเชิง!
สมกับที่เป็นอาจารย์จริง ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงลูกชิ้นที่แข็งกระด้าง ไหม้เกรียม และลูกชิ้นรสหวานแต่กลับเป็นความขม ดวงตาของผู้เป็นพ่อพลันแดงก่ำ เขารู้สึกว่ารสชาติในปากตอนนี้ต่างหากที่เรียกได้ว่าเป็นรสชาติของลูกชิ้นอย่างแท้จริง
เมื่อเห็นว่าสามีของตนเกือบจะร้องไห้ ผู้เป็นแม่ก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่
ดูเหมือนว่าอาจารย์ของลูก ๆ นั้นคงจะไม่ได้เรื่องเช่นกัน ถ้าอย่างนั้น… ไม่สู้ให้บุตรสาวคนเล็กไปเรียนที่สำนัก ส่วนบุตรชายคนโตก็ให้กลับไปเรียนอยู่ที่ชั้นเรียนยอดเยี่ยมเพื่อฝึกฝนวิชากลั่นโอสถเช่นเดิมไม่ดีกว่าหรือ?
“ท่านไม่กินอันนี้หรือ? ถ้าอย่างนั้นข้ากินเองก็ได้”
หลังจากบิดาของเซี่ยซิ่นรุ่ยได้กินลูกชิ้นตุ๋นซีอิ๊วที่หลิงเยว่ทำจนหมดแล้ว แต่เขารู้สึกว่ามันยังไม่หนำใจ เมื่อเห็นว่าภรรยาไม่ได้แตะอาหารบนโต๊ะ ลูกชิ้นผัดเปรี้ยวหวานจึงถูกยกไปวางตรงหน้า แล้วผู้เป็นพ่อก็จัดการคีบเข้าปากทีละคำ
ช่างอร่อยเสียจริง! หากได้กินลูกชิ้นเช่นนี้ตั้งนานแล้ว ท่านคงจะไม่เกิดปมในใจเป็นแน่
“ท่านพ่อ ท่านดูชอบกินของที่อาจารย์หลิงทำยิ่งนัก เช่นนั้นก็กินของข้าด้วยสิ!” ฮวนฮวนทำหน้าไม่พอใจ พลางชี้ไปยังอาหารที่ตนเองทำ
ทว่าบิดากำลังกินเพลินจนไม่ทันสนใจนาง ส่วนมือเขาก็เอื้อมไปหยิบของหวานที่หลิงเยว่ทำอีก
หวานแต่ไม่เลี่ยน นุ่มละมุน กลิ่นก็หอมยิ่งนัก… นี่สิถึงจะเรียกว่าอาหารที่คนกินได้!
แต่เมื่อมารดาได้สติ นางพลันปัดมือของสามีออกแล้วหยิบของหวานนั้นขึ้นมาแทน
ไม่ใช่กินแล้วอยากร้องไห้ แต่เป็นความรู้สึกที่อร่อยจนน้ำตาไหล กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม
ผู้เป็นแม่ค่อย ๆ ชิมไปหนึ่งคำ แล้วมองเซี่ยซิ่นรุ่ยราวกับว่ากำลังมองคนแปลกหน้า “สิ่งที่เจ้าทำกับสิ่งที่อาจารย์น้อยของเจ้าทำ มันต่างกันราวฟ้ากับเหว…”
เซี่ยซิ่นรุ่ย “…”
ข้าเพิ่งจะเริ่มเรียนเองนะ ท่านแม่!
“ลูกเอ๋ย ทั้งที่วิชาการกลั่นโอสถของเจ้าได้อันดับหนึ่งของสำนัก แล้วเหตุใดถึงดื้อรั้นไปเรียนวิชากลั่นโอสถที่แปลกใหม่สำหรับเจ้าเช่นนี้เล่า?”
เซี่ยซิ่นรุ่ยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านแม่ อย่าได้เหยียดหยามข้า ในไม่ช้าข้าจะสามารถทำได้เหมือนอาจารย์หลิงอย่างแน่นอน!” พูดจบเขาก็รีบหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวว่าจะได้ยินท่านพ่อพูดซ้ำเติมอีก
ตอนแรกเขาคิดเพียงว่าอยากเรียนทำอมยิ้มฟื้นปราณวิญญาณเท่านั้น แต่หลังจากอยู่ที่ชั้นเรียนพิเศษได้สามเดือน ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป
เมื่อเทียบกับวิชากลั่นโอสถที่ค่อยเป็นค่อยไป อาหารวิญญาณพิเศษนั้นกลับดูท้าทายกว่าอย่างเห็นได้ชัด!