ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 187 รู้เท่าที่ควรจะรู้
บทที่ 187 รู้เท่าที่ควรจะรู้
หลังจากทุ่มเทความพยายามอย่างหนักหน่วง ทั้งยังเสียเลือดไปหลายหยด หลิงเยว่ใช้เวลาทั้งคืนจนสร้างเค้กรูปแบบพิเศษขึ้นมาสำเร็จ!
หลังจากเก็บเค้กอย่างระมัดระวังแล้ว หลิงเยว่ก็ลากหัวหน้าตะขาบมรกต และเซี่ยซิ่นรุ่ยที่กำลังจดจ่อกับการทำเค้กออกไปด้วยท่าทางมั่นใจ แล้วมุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลเซี่ยอย่างกล้าหาญ
เซี่ยซิ่นรุ่ยที่ไม่รู้เรื่องอะไรทำได้แค่ตั้งคำถามมากมายในหัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขารู้ว่าจะได้กลับบ้านไปหาท่านแม่และน้องสาว คำถามเหล่านั้นพลันหายไปในทันที เขาจะได้แบ่งปันผลงานที่เขาได้ทุ่มเททั้งวันทั้งคืนให้ท่านแม่และน้องสาวได้ลิ้มลองเสียที ทั้งสองจะต้องชอบเค้กที่สวยงาม ทั้งหอม หวาน และนุ่มนิ่มอย่างแน่นอน!
ทั้งสองคนกับตะขาบมรกตอีกหนึ่งตัวมาถึงหน้าประตูจวนตระกูลเซี่ยแล้ว บุคคลที่เคยยืนอยู่ด้านหน้าสุดรีบแอบไปข้างหลังหัวหน้าตะขาบมรกตทันที โผล่ออกมาเพียงศีรษะครึ่งหนึ่งพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง
“สหายอันเป็นที่รักของข้า เจ้าเดินไปข้างหน้าสิ”
หัวหน้าตะขาบมรกต “…”
ช่างเถิด! เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยผู้ขี้ขลาดเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่ามันเคยชินแล้วหรือ!
เซี่ยซิ่นรุ่ยที่ถูกกระชากเสื้อที่ด้านหลังรู้สึกงุนงงมาก จวนตระกูลเซี่ยไม่ใช่สัตว์ประหลาดเสียหน่อย คราวก่อนอาจารย์มาที่นี่ก็ไม่ได้หวาดกลัวสิ่งใดเลยไม่ใช่หรือ?
ในขณะที่หลิงเยว่ก้าวพ้นประตูสำนักและมุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลเซี่ย นายท่านตระกูลเซี่ยพลันลืมตาขึ้น
นางคิดว่าจับจุดอ่อนเขาได้แล้ว จึงกล้ามาถึงจวนเช่นนี้หรือ?
ช่างกล้าหาญยิ่งนัก!
นายท่านตระกูลเซี่ยยิ้มเยาะ โดยไม่เอ่ยคำพูดใด ๆ เขาดีใจไม่น้อยที่หลิงเยว่ไม่ได้เปิดเผยความลับเกี่ยวกับฮวนฮวนว่าเป็นครึ่งอสูร มิฉะนั้น เขาคงไม่ลังเลที่จะลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับนาง!
“ท่านพ่อ ฮวนฮวนอยู่ที่ใดหรือขอรับ!”
“อยู่ในห้อง”
หลังจากได้รับคำตอบแล้ว เซี่ยซิ่นรุ่ยก็วิ่งหายไป มือของหลิงเยว่พลันว่างเปล่า…
ศิษย์ไร้ค่าผู้นี้พึ่งพาไม่ได้เลยสักนิด นางไม่น่าไว้ใจเขาเลย หรือว่าเซี่ยซิ่นรุ่ยตาบอดมองไม่เห็นว่าแววตาท่านพ่อของเขาที่จ้องมองมานั้นน่ากลัวมากเพียงใด!
เป็นนายท่านตระกูลเซี่ยที่ได้สร้างม่านอาคมไว้ หมอกควันสีดำลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว ร่างของชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามพลันปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว
การสร้างม่านอาคม มีเพียงผู้ที่มีระดับการบำเพ็ญตั้งแต่ขอบเขตแสวงหาขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ แต่ทักษะที่อันทรงพลังนี้กลับไร้ประโยชน์เมื่อถูกใช้กับหลิงเยว่ หากนางต้องการจะออกไปจากที่แห่งนี้เมื่อใดก็ย่อมได้ ถึงแม้นางจะอยู่ในห้วงแห่งความหวาดกลัวและความตื่นตระหนก ทว่านางก็ยังคงก้าวออกมาจากด้านหลังของหัวหน้าตะขาบมรกต ด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกำมือของนาง
นายท่านตระกูลเซี่ยสังเกตเงาร่างเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ในความมืดด้วยความสนใจ หากไม่ได้เคยพบเห็นการหลบหนีที่พลิ้วไหวราวสายน้ำไหลของหลิงเยว่เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาแล้วนั้น เขาคงจะเชื่อว่าหญิงผู้นี้ช่างสงบนิ่งยิ่งนัก
“เจ้ารู้มากน้อยเพียงใด?”
หลิงเยว่กำลังเรียบเรียงถ้อยคำ จึงตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว “ข้ารู้เท่าที่ควรจะรู้เท่านั้น”
“อย่างเช่น?” นายท่านตระกูลเซี่ยค่อย ๆ ก้าวออกมาจากหมอกควันสีดำ สีหน้าไม่สู้ดีนัก พลังอันน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาเกือบจะทำให้หลิงเยว่คุกเข่าลงตรงนั้น ดีที่หัวหน้าตะขาบมรกตพยุงนางไว้ทัน
“ก็แค่เรื่องอสูรตนหนึ่งให้กำเนิดกึ่งอสูรตัวน้อยเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลย”
แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจมากนัก แต่คำพูดของหัวหน้าตะขาบมรกตกลับทำให้สีหน้าของนายท่านตระกูลเซี่ยเปลี่ยนทันที มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขากำลังรวบรวมพลังอันร้ายกาจอยู่
หลิงเยว่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรง นางจึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตระหนก “ท่านอย่าเพิ่งลงมือเลย ข้ามีหนทางที่จะทำให้ฮวนฮวนมีชีวิตอยู่ได้ถึงอายุสิบแปด!”
มือของนายท่านตระกูลเซี่ยชะงักไปชั่วครู่ นางยังรู้ด้วยว่าฮวนฮวนจะอยู่ได้ไม่ถึงอายุสิบแปดปี ถ้าอย่างนั้นแสดงว่านางก็รู้เรื่องดอกไม้โลหิตอสูรแล้วเช่นกัน!
หญิงผู้นี้ปล่อยไว้ไม่ได้เสียแล้ว!
มวลพลังอสูรที่รวมตัวกันเป็นลูกกลมพุ่งเข้าใส่ศีรษะของหลิงเยว่ในพริบตา แต่ทันใดนั้นปากของหัวหน้าตะขาบมรกตก็ขยายใหญ่ขึ้นแล้วกลืนมวลพลังอสูรนั้นลงไปในท้อง พร้อมกับเรอออกมาอย่างพึงพอใจ
“อืม! อร่อยยิ่งนัก!”
ท่านพ่อเซี่ย “…”
เขาลืมเจ้าตะขาบมรกตตัวนี้ไปได้อย่างไร?
“ท่านชาย ฟังข้าเล่าให้จบก่อนได้หรือไม่?” แม้ภายนอกหลิงเยว่จะดูนิ่งสงบ แต่ภายในใจนั้นร้อนรนอย่างถึงที่สุด นางรีบเอ่ยห้ามปรามศึกใหญ่ที่กำลังจะมาถึงทันที
พอสังเกตเห็นว่าลมหายใจไม่สม่ำเสมอของหัวหน้าตะขาบมรกตสี่ปีกที่กินมวลพลังอสูรเข้าไป นายท่านตระกูลเซี่ยก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ในเวลานี้เขาเริ่มมีอารมณ์อยากฟังว่าหลิงเยว่จะพูดสิ่งใดแล้ว
“เจ้าพูดมา”
“ข้าสามารถช่วยให้ฮวนฮวนกลายพันธุ์เป็นดอกไม้อสูรโลหิตโดยสมบูรณ์ได้” หลิงเยว่หยิบเค้กที่ทำมาจากโลหิตของนางออกมา เค้กนั้นมีรูปร่างคล้ายกับดอกบัว กลีบดอกมีสีแดงเลือด ในส่วนเกสรดอกตรงกลางกลับมีสีดำ
เค้กดอกบัวสีเลือดทั้งแปลกประหลาดและงามสง่า ทั้งยังมีกลิ่นหอมหวานแฝงอยู่ด้วย
เมื่อท่านพ่อเซี่ยเห็นเค้กดอกไม้นี้ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
“เจ้าใช้สิ่งใดทำขึ้นมา ข้าได้กลิ่นแล้วอดนึกอยากกินไม่ได้…”
หัวหน้าตะขาบมรกตตัวแข็งทื่อ เขาจ้องมองเค้กดอกไม้นั้นแล้วน้ำลายไหล กลิ่นนั้นช่างแตกต่างจากขนมที่กินก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เดิมทีที่กินเพียงเพื่อสนองความอยาก แต่เค้กดอกบัวนี้กลับเย้ายวนให้มันอยากกินเสียเหลือเกิน แม้แต่โอสถแปลงกายระดับเทพนั่นอีก
หัวหน้าตะขาบมรกตอยากจะเข้าไปแย่งมาแต่ก็อดทนไว้ พอจัดการอสูรตรงหน้าได้แล้ว จะกลับไปให้เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยทำให้อีกสักชิ้น!
ไม่สิ! สองชิ้นไปเลย!
ถึงยามนี้แล้ว แต่หลิงเยว่ก็ยังหยิบถังไม้เล็ก ๆ ออกมาตามสัญชาตญาณเพื่อเก็บน้ำลายของหัวหน้าตะขาบมรกตเอาไว้
“ท่านลองเอาสิ่งนี้ไปให้ฮวนฮวนกินก็จะรู้ว่าที่ข้าพูดนั้นจริงหรือไม่?”
เค้กดอกไม้โลหิตอสูรในมือของหลิงเยว่ถูกยื่นไปตรงหน้าของนายท่านตระกูลเซี่ยทันที
โลหิตอสูรในร่างของฮวนฮวนถูกโลหิตของนางกระตุ้นให้ตื่นขึ้นแล้ว และเมื่อโลหิตอสูรถูกกระตุ้นขึ้นมา ฮวนฮวนก็จะสูญเสียสติสัมปชัญญะกลายเป็นอสูรในทันที แล้วนางจะ… คลุ้มคลั่งไปพักหนึ่ง จากนั้นจะระเบิดออกมาในที่สุด แต่โลหิตของหลิงเยว่นั้นหลอมรวมเข้ากับโลหิตมนุษย์ของนางได้อย่างกลมกลืน เพียงพอที่จะต่อกรกับโลหิตอสูรได้
ตอนนี้กลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างทำอะไรไม่ได้
แต่ถ้ากินขนมชิ้นนี้เข้าไปโลหิตมนุษย์ของหลิงเยว่ย่อมชนะได้แน่!
เพียงแค่ปล่อยให้โลหิตมนุษย์ที่ชนะนั้นกลืนกินโลหิตอสูรเข้าไป จากนั้นค่อยหลอมรวมเข้ากับร่างอย่างช้า ๆ แล้วฮวนฮวนก็จะสามารถเปลี่ยนระหว่างร่างมนุษย์และอสูรได้
นายท่านตระกูลเซี่ยยังคงไม่วางใจ
“ข้าไม่ได้มีใจคิดร้ายต่อฮวนฮวน ไม่เช่นนั้นข้าจะกล้ามาส่งนางถึงหน้าจวนหรือ?” หลิงเยว่กล่าวอย่างจริงใจ
“สามี ท่านลองดูนี่เถิด”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงพูดของท่านผู้หญิงตระกูลเซี่ยดังมาจากด้านนอก ม่านอาคมพลันแตกสลาย หลิงเยว่ที่ได้เห็นท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาว เหตุใดนางถึงไม่เคยรู้สึกว่ามันงดงามเช่นนี้มาก่อน!
โดยเฉพาะในยามที่ดวงอาทิตย์สาดแสงไล่ความเย็นยะเยือกนั้น หลิงเยว่รู้สึกราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง
ใครจะรู้เล่าว่านางหลั่งเหงื่อออกมาเท่าใดแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านแม่อยู่ที่นี่เองหรือ? ฮวนฮวนหาพวกท่านอยู่ตั้งนาน!” เด็กน้อยจูงมือเซี่ยซิ่นรุ่ยเดินมาแต่ไกล พลางกระโดดโลดเต้นเข้ามาหาพวกเขาราวกับนางฟ้าตัวน้อย
แววตาของสามีภรรยาตระกูลเซี่ยปรากฏแววเศร้าสร้อยในคราวเดียวกัน
“ท่านอาจารย์หลิง ท่านหัวหน้าตะขาบมรกต พวกท่านก็อยู่ด้วยหรือ!” ฮวนฮวนก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับกอดเอวของหลิงเยว่ไว้ ถูใบหน้าไปมาด้วยความยินดี
“ท่านอาจารย์ ท่านมาหาฮวนฮวน เพื่อพาฮวนฮวนไปเรียนหรือเจ้าคะ?” เด็กน้อยกล่าวพร้อมก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด “ฮวนฮวนก็อยากไปเรียน แต่ท่านพ่อเอาแต่บังคับให้ฮวนฮวนบำเพ็ญอยู่ที่นี่!”
ท่านพ่อเซี่ย “…”
ไม่จริงเสียหน่อย!
“ของที่ท่านอาจารย์มอบให้ เจ้ากินเสียเถิด” ท่านแม่เซี่ยคว้าเค้กจากมือท่านพ่อเซี่ยยื่นให้ฮวนฮวน ด้วยแววตาคาดหวัง หากเป็นดังที่หลิงเยว่กล่าวจริง นางจะยอมเป็นทาสรับใช้ก็ได้!
เพียงแค่ให้ฮวนฮวนเติบโตขึ้นอย่างมีความสุขเพียงพอแล้ว
“ช่างงดงามยิ่งนัก!” ดวงตาฮวนฮวนเป็นประกาย อาหารที่สวยงามเช่นนี้จะกินลงได้อย่างไร!
“ฮวนฮวนจะเก็บไว้ ไม่อยากกินหรอก!”
“กินเถิด” หลิงเยว่ลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างทะนุถนอม แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู “ต่อจากนี้ไป อาจารย์หลิงผู้นี้จะทำเค้กดอกไม้ให้เจ้ากินทุกเดือน และจะมีแค่เจ้าเท่านั้นที่ได้กิน”
เซี่ยซิ่นรุ่ยรู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที
เหตุใดท่านอาจารย์หลิงถึงลำเอียงเช่นนี้!
เขาเองก็เป็นศิษย์ของนางเช่นกันไม่ใช่หรือ ฮือ…
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าตะขาบมรกตยอมไม่ได้และอ้าปากข่มขู่ทันที “ไม่ได้! ข้าก็จะเอาเค้กดอกไม้ด้วยสองชิ้น หากเจ้าไม่ให้ข้า ข้าจะหยุดงานเดี๋ยวนี้เลย!”
ยามที่ไม่มีผู้พิทักษ์คอยคุ้มครองแล้ว เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยต้องหวาดกลัวอย่างแน่นอน!