ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 208 นาง… แค่ลองหมักสุราไว้เฉย ๆ
บทที่ 208 นาง… แค่ลองหมักสุราไว้เฉย ๆ
บัดนี้ท้องฟ้าเหนือถนนชิงเฟิง เปลี่ยนจากเสียงฟ้าร้องคำรามและมีเมฆดำปกคลุม ไปเป็นท้องฟ้าที่แจ่มใสในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ผู้คนในเมืองต่างพากันสนใจ
“นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้นหรือ?”
“มีคนกำลังฝ่าทัณฑ์สวรรค์หรืออย่างไร?”
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ข้าง ๆ หรี่ตามองสหายโง่เขลาของตนเอง ถึงอย่างไร ก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดสหายถึงถามเช่นนี้ เพราะว่าตำแหน่งที่เมฆดำหนาแน่นที่สุดนั้นอยู่ตรงกลางของถนนชิงเฟิงพอดี และตำแหน่งนั้นก็คือร้านต้องคำสาปที่มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือที่สุดในเมืองฝู่ซางซึ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้เช่นกันว่าคำสาปในร้านนั้นได้สัมฤทธิผล และกำลังจะทำให้เกิดเคราะห์กรรมลงมา
จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเคราะห์กรรมนั้นจะคล้ายกับฝ่าทัณฑ์สวรรค์ที่เหล่าผู้บำเพ็ญจะต้องเผชิญ
“ข้ารู้ว่ามันคือฝ่าทัณฑ์สวรรค์ แต่เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป สภาพท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปถึงสี่ครั้งแล้ว ผู้ใดกันที่กำลังฝ่าด่านติดต่อกันเช่นนี้?!”
ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!
ท้องฟ้าเหนือเมืองฝู่ซางถูกแบ่งเป็นสี่ส่วนที่มืดครึ้ม แต่ละส่วนนั้นช่างสอดคล้องกับผู้บำเพ็ญที่ต้องเผชิญฝ่าทัณฑ์สวรรค์ บททดสอบนั้นมีความรุนแรงไม่เท่ากัน และส่วนรุนแรงที่สุดคือสามบททดสอบฝ่าทัณฑ์สวรรค์แห่งสายฟ้า ซึ่งก็คือบททดสอบฝ่าทัณฑ์สวรรค์สายฟ้าวิญญาณอันดับแรก!
ในเวลานี้เมฆสายฟ้าส่วนที่ห้าปรากฏขึ้นแล้ว!
ผู้บำเพ็ญทั้งห้าคนกำลังฝ่าทัณฑ์สวรรค์พร้อมกัน นี่เป็นไปได้อย่างไร!?
ไม่ใช่แล้ว! เมฆสีดำที่ถนนชิงเฟิงพลันก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง ผู้อาวุโสที่อยู่ในเมืองแห่งนี้มาเป็นพันปีคิดว่าตนเองได้พบเห็นสรรพสิ่งที่แปลกประหลาดมาแล้วทั้งหมด แต่บัดนี้ก็ยังคงพบเจอสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่า… เมื่อมีผู้บำเพ็ญที่กำลังเผชิญฝ่าทัณฑ์สวรรค์นั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ!
พวกเขาไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน!
ท่านอาจารย์ใหญ่รีบรุดมายังร้านต้องคำสาปและพบกับหลิงเยว่ที่กำลังมองท้องฟ้าอย่างมึนงง
เดิมที เขาคิดว่าเป็นเพียงวิบากกรรมแห่งคำสาปจึงพยายามหลีกหนีไปเฝ้าดูจากระยะไกล แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับหลิงเยว่ที่กำลังตกตะลึงและสับสนอยู่เป็นแน่
ด้วยความตกตะลึงและสับสนเช่นนี้… บ่งบอกถึงเรื่องราวที่อยู่เหนือความคาดหมายของนาง
“เจ้าทำสิ่งใดกับพวกเขา?”
“ข้า” หลิงเยว่มองดูไหสุราในอ้อมแขน สุราไหนี้คือเหล้าหมักจากสมุนไพร วิญญาณกลายพันธุ์ที่นางปลูกเอง แล้วผสมกับชาแปลงกายโฉมใหม่เพียงหยดเดียว
“ข้าเพียงส่งสุราสมุนไพรวิญญาณหนึ่งจอกไปแสดงความเสียใจกับพวกเขาเท่านั้น”
เนื่องจากหัวหน้าตะขาบมรกตทำตัวไม่ได้เรื่อง ทั้งยังทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อนแทน นางเกรงว่าจะมีศัตรูมากเกินไป จึงได้แต่พยายามชดเชยอย่างเต็มที่
“คนแรกไม่ได้ดื่มสุราหมักสมุนไพร” หัวหน้าตะขาบมรกตเฝ้าดูท้องฟ้าที่มืดมัวอีกครั้ง และเหล่าผู้บำเพ็ญที่วิ่งออกไปนอกเมืองอย่างบ้าคลั่งเพื่อผ่านพ้นการลงทัณฑ์สวรรค์แล้ว “นางเพียงกินขนมดอกบัวเท่านั้น”
“เป็นดอกที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดใช่หรือไม่?”
หลิงเยว่เงียบงันเมื่อได้รับคำพยักหน้าจากหัวหน้าตะขาบมรกต เพราะนางก็ผสมสุราหมักสมุนไพรลงไปเล็กน้อยตอนนวดแป้งด้วยเช่นกัน แต่มันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
คงไม่ใช่หรอก… พวกเขาดื่มสุราแค่จอกเดียวและกินขนมที่ทำจากสุรานั้นเพียงชิ้นเดียว แล้วจะก้าวข้ามขอบเขตไปได้เชียวหรือ?
หลิงเยว่ที่ดื่มชาแปลงกายโฉมใหม่ไปถึงห้าหยดเต็มนั้น… ก็ก้าวข้ามบรรลุมาได้ ทว่าเพียงจากขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้นไปสู่ขั้นกลางเท่านั้น!
น่าโมโหเสียจริง!
หลิงเยว่โกรธมาก ยกไหสุราขึ้นกระดกดื่มจนหมดสิ้น นางอาจจะก้าวข้ามไปถึงขอบเขตจินตานได้เลย หากดื่มมันให้หมด!
“ช้าก่อน! ขอให้ข้าดูสักหน่อยว่าสุรานี้เป็นเช่นไร?” ท่านอาจารย์ใหญ่คว้าไหสุราไปส่องดู
ภายในนั้นมีสีเหลืองทองเหลือบเขียวเล็กน้อย เพียงแค่ดมกลิ่น พลังปราณก็พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้าของเขา แล้วแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย มุ่งไปรวมตัวกันที่ตันเถียนอย่างรวดเร็ว
ช่างรุนแรงมาก ยอดเยี่ยมจริง ๆ!
“ข้างในสุรานี้ใช้ตำราโอสถสร้างรากฐานในการหมักใช่หรือไม่?”
หลิงเยว่ตกใจเล็กน้อย เพราะดูจากคุณสมบัติแล้ว นางคิดไม่ถึงว่าท่านอาจารย์ใหญ่จะสามารถดมกลิ่นแยกแยะออกมาได้
“ข้ายังได้เพิ่มสมุนไพรวิญญาณพิเศษอื่น ๆ และตำรับลับพิเศษลงไปอีกด้วย”
ลูกค้าที่ถูกหัวหน้าตะขาบมรกตเชิญมาโดยไม่เต็มใจ และเหล่าผู้บำเพ็ญนั้นล้วนผ่านขอบเขตสร้างรากฐานขึ้นไปแทบทั้งสิ้น ส่วนผู้ที่มีพลังต่ำกว่าปฐมวิญญาณนั้นมีเพียงหญิงสาวที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณเท่านั้น
ท่านอาจารย์ใหญ่เหลือบมองหลิงเยว่ราวกับกำลังมองคนใจกล้าบ้าบิ่น นางกล้าที่จะดัดแปลงตำรับโอสถ และยังดัดแปลงจนทำให้ผู้อื่น… รู้สึกคลั่งไคล้ อิจฉา และชื่นชมได้อย่างน่าประหลาด
โดยสรุปแล้ว ขณะนี้จิตใจของเขามีความสับสนยิ่งนัก นางกล้าได้อย่างไร? นางแน่ใจได้อย่างไรว่าเมื่อดื่มสุราที่กลั่นเสร็จแล้วจะไม่สิ้นใจไปพบกับโลกหน้าแทน?
ยิ่งไปกว่านั้น สุรานี้ก็มิใช่เพียงแค่ขอบเขตสร้างรากฐานอีกต่อไป เพราะผู้บำเพ็ญขอบเขตจินตานขั้นปลายได้ทะลุขีดจำกัดแล้ว นอกจากนี้ยังมีขอบเขตปฐมวิญญาณขั้นต้นเลื่อนขึ้นสู่ขั้นกลาง และปฐมวิญญาณขั้นปลายบรรลุขั้นสูงสุดได้โดยตรง ส่วนเหล่าผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียน…
อืม? ที่นี่มีผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนอยู่ด้วย…
ท่านอาจารย์ใหญ่ถือไหสุรา เดินมาที่โต๊ะของเหล่าผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนที่ตกใจจนไม่มีจิตใจจะทานอาหารเลิศรสบนโต๊ะอีกต่อไป เขาวางสุราขนาดเล็กที่หลิงเยว่มอบให้วางไว้ตรงหน้า แล้วพูดว่า “ท่านลองจิบดู”
“ท่านกำลังจะบอกว่าสุรานี้เกี่ยวข้องกับเหล่าผู้บำเพ็ญที่พากันก้าวข้ามขอบเขตพร้อม ๆ กันอย่างนั้นหรือ?”
เหล่าผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนมิใช่คนโง่ นางเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เมื่อครู่ยังคงจมอยู่ในความตกใจที่คิดว่าเพียงแค่กินอาหารวิญญาณพิเศษก็สามารถก้าวข้ามขอบเขตได้ เพียงไม่นาน จอกสุราในมือก็หมดลง
จากนั้นลำคอของนางพลันรู้สึกแสบร้อนขึ้นมาในทันที แสบร้อนจนใบหน้าแดงก่ำ พลังปราณอันเข้มข้นพุ่งชนภายในร่างกาย ไหลรวมอย่างรวดเร็วไปยังตันเถียน จากนั้นความร้อนอันรุนแรงก็แผดเผาจนนางรู้สึกมึนงง ในขณะที่นางคิดจะลงมือระงับพลังวิญญาณ พลังวิญญาณที่ไหลเข้าไปในตันเถียนก็มีปราณความเย็นแผ่ซ่านออกมากลืนความร้อนลงไป
ร่างกายพลันรู้สึกหนาวสลับร้อน ทำให้ทั้งทุกข์ทรมานและเพลิดเพลินในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่พลังวิญญาณกลับคืนสู่ความสงบ เหล่าผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนต่างตะลึง
“เป็นอย่างไร? มีสัญญาณการก้าวข้ามขอบเขตหรือไม่?”
ผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียน มองไปที่อาจารย์ใหญ่ด้วยความงุนงง จากนั้นหยิบปลาหมึกย่างเสียบไม้ขึ้นมาทานอย่างไม่สนใจ
อาจารย์ใหญ่ไม่จำเป็นต้องรอคำตอบจากนางอีกต่อไป เขาสามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในลมปราณของนาง มันเข้มข้นขึ้นเล็กน้อย แต่แทบจะสังเกตไม่เห็น
สรุปแล้วสุราสมุนไพรวิญญาณพิเศษขอบเขตสร้างรากฐาน มีประโยชน์ต่อผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนอยู่บ้าง แต่สรรพคุณที่ได้นั้นไม่เท่ากับผู้บำเพ็ญในขอบเขตกลั่นลมปราณ สร้างรากฐาน จินตาน และปฐมวิญญาณ สำหรับผู้บำเพ็ญที่อยู่ในระหว่างการฝ่าทัณฑ์สวรรค์เพื่อเป็นผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนนั้น เดิมทีอยู่ในขอบเขตปฐมวิญญาณขั้นสูงสุดแล้ว ขาดเพียงโอกาสจึงจะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตทะยานเซียนได้ และโอกาสนั้นก็คือสุราสมุนไพรวิญญาณที่อยู่ในมือของเขานั่นเอง
หลิงเยว่ถือเป็นอัจฉริยะด้านการกลั่นโอสถที่มีความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ไม่สิ! เป็นอัจฉริยะระดับเทพ!
“ย่อมเป็นสุราแก้วเล็กนั่นที่ทำให้ข้าก้าวข้ามขอบเขตได้ พวกเจ้ารีบดื่มกันเร็ว!”
ผู้บำเพ็ญที่คลุ้มคลั่งตะโกนแล้ววิ่งตรงไปยังนอกเมืองพร้อมกับสายฟ้าบนศีรษะ
ผู้บำเพ็ญที่กำลังรู้สึกอิจฉาริษยาได้ยินเช่นนั้น ต่างมองไปที่สุราบนโต๊ะ สุราจอกนี้คือจอกที่พวกเขาตำหนิว่าเจ้าของร้านนั้นช่างตระหนี่เสียจริง!
พวกเขาเข้าใจนางผิดไปอย่างนั้นหรือ?
มีลูกค้าท่านหนึ่งยกจอกสุราขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ดมกลิ่นดูก่อน กลิ่นหอมสู้สุราหมักสมุนไพรที่เขาเคยดื่มไม่ได้ และกลิ่นก็ไม่หอมหวานเหมือนสุราผลไม้ แต่ในตอนนี้มีคนก้าวข้ามขีดจำกัดไปแล้วถึงแปดคน บางทีสุราจอกนี้อาจจะเป็น…
ลูกค้าที่มาร้านต้องคำสาปแห่งนี้ต่างได้ดื่มสุรากันคนละถ้วย หลิงเยว่ จัดการแบ่งอย่างยุติธรรมและตรงไปตรงมา ไม่มีใครแย่งสุราของผู้อื่น แต่… แน่นอนว่า บัดนี้ถึงจะแย่งก็ไม่ทันแล้ว เนื่องจากลูกค้าทุกคนดื่มสุราจนหมดจอกในเวลาเดียวกัน!
สุราขอบเขตสร้างรากฐานนี้มีฤทธิ์แรงมาก ผู้บำเพ็ญที่มีความสามารถในการรับมือต่ำ ถึงกับฟุบล้มลงไปบนโต๊ะ แล้วพลังปราณรอบตัวของเขาพลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เขาสามารถก้าวข้ามขอบเขตได้ในขณะหลับ จากขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้นไปเป็นขอบเขตสร้างรากฐานขั้นสูง!
ท้องฟ้าของถนนชิงเฟิงมืดครึ้มราวกับก้อนหมึก ราวกับว่าหากบิดเบา ๆ ก็จะสามารถบีบน้ำหมึกออกมาได้อีกมากมาย
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระลอก เสียงเหล่านั้นดังครืนราวกับม้าหมื่นตัวกำลังวิ่ง ฟ้าผ่าจนเกิดเป็นแสงอยู่ในเมฆหนา หมุนเวียนราวกับมังกรสีทองที่กำลังแล่นผ่านทะเลเมฆ
“เหล่าพี่น้องทั้งหลายอย่าได้เหม่อลอยกันอยู่เลย รีบออกไปรับทัณฑ์สวรรค์กันเถิด!”
เมื่อเผชิญกับฟ้าร้องที่น่ากลัวราวกับพร้อมจะทำลายผืนฟ้ากว้าง สีหน้าของหลิงเยว่พลันซีดเผือด ถ้าหากว่าพวกเขาทั้งหลายฝ่าทัณฑ์สวรรค์กันอยู่ที่นี่ ร้านต้องคำสาปมูลค่าพันล้านของนางคงไม่เพียงแต่จะสูญสิ้นไปเท่านั้น แต่อาจทำให้ทั้งถนนต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เหล่าผู้บำเพ็ญที่กำลังจะฝ่าทัณฑ์สวรรค์ราวกับเพิ่งจะได้สติ ก่อนที่พวกเขาจะจากไป จึงได้เหลือบมองหลิงเยว่ด้วยสายตาอันลึกซึ้ง