ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 213 ร้อยกว่าปีพวกเขาย่อมรอได้!
บทที่ 213 ร้อยกว่าปีพวกเขาย่อมรอได้!
คำสาปของร้านเราเหมือนจะคลายออกแล้ว
หลิงเยว่เกาะแขนของจื่อเฉาอวี่ด้วยความใคร่รู้ “บรรพบุรุษของเจ้าพูดว่าอย่างไร?”
บรรพบุรุษแห่งตระกูลจื่อเป็นปรมาจารย์ด้านคำสาปที่มีชื่อเสียงในโลกผู้บำเพ็ญเซียน สิ่งที่นางพูดนั้นย่อมเป็นความจริง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงมีผู้คนมากมายอยู่ด้านนอก แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมาเพื่อสุราสร้างรากฐาน แต่หลิงเยว่เชื่อว่าในหมู่คนเหล่านั้นจะต้องมีคนชื่นชอบการกินอาหารอยู่ด้วย!
และพวกเขาจะต้องถูกอาหารวิญญาณพิเศษ นอกเหนือจากสุราพิชิตใจได้อย่างแน่นอน!
“ตอนนั้นท่านจ้องเมฆสายฟ้าที่ร้านของพวกเราอยู่นาน จนกระทั่งเมฆสายฟ้าสลายไปและไม่ได้ผ่าลงมาที่ร้านต้องคำสาปแห่งนี้ บรรพบุรุษของข้าเลยหัวเราะด้วยความชอบใจแล้วพูดว่า วิเศษเหลือเกิน! ไม่นึกว่าในโลกนี้จะมีวิธีการทำลายคำสาปเช่นนี้ด้วย!”
ทั้งหลิงเยว่และผู้คนที่อยู่ในนั้นต่างพยักหน้าด้วยความยินดี พร้อมรอฟังจื่อเฉาอวี่เล่าต่อ
“ข้ายังไม่ทันได้ซักไซ้สิ่งใดเพิ่มเติม ท่านก็เข้าสู่การบำเพ็ญเพียรไปแล้ว”
ทุกคน “…”
ช่างเถิด! ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เชี่ยวชาญในคำสาปส่วนมากมักจะพูดจาไม่รู้เรื่องและหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว แต่แค่รู้ว่าคำสาปที่แฝงอยู่ในร้านต้องคำสาปกำลังจะหายไปก็เพียงพอแล้ว!
“เปิดประตู!”
“พวกเจ้าจะเปิดร้านต้องคำสาป เพื่อรับหินวิญญาณต่อไปหรือไม่!?”
“ใช่! ก่อนหน้านี้พวกเจ้าต้องส่งหัวหน้าตะขาบมรกตไปจับผู้คนถึงจะมีผู้มาเยือนที่ร้าน แต่บัดนี้พวกเราต่างหากที่เต็มใจมาหาพวกเจ้า แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงปิดประตูไม่ต้อนรับเล่า!?”
ประตูไม้ของร้านต้องคำสาปถูกเคาะดังสนั่น
หลิงเยว่เหลือบมองไปที่ถนนด้านนอกอีกครั้ง นางเห็นผู้คนมามากหน้าหลายตา นางมีลูกศิษย์เพียงห้าสิบคนเท่านั้น จะต้อนรับลูกค้าหลายพันคนได้อย่างไร?
นอกจากนี้ ร้านต้องคำสาปก็ไม่สามารถรองรับผู้คนได้มากขนาดนั้นเช่นกัน
“ต้องขออภัยท่านแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยเจ้าค่ะ ร้านของเรามีพนักงานน้อยมาก และภายในร้านสามารถรองรับลูกค้าได้เพียงสองร้อยโต๊ะต่อวันเท่านั้น” หลิงเยว่ยืนต้อนรับหน้าร้านพร้อมรอยยิ้ม แต่ในใจนั้นเจ็บปวดยิ่งนัก เพราะคนแต่ละคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเปรียบดั่งหินวิญญาณอันเปล่งประกาย การปฏิเสธพวกเขาก็เท่ากับการปฏิเสธหินวิญญาณเช่นกัน
ไม่ได้การ! นางคงต้องไปหาลูกศิษย์มาเพื่อขยายร้านต้องคำสาปแห่งนี้เพิ่มเสียแล้ว!
โอ้! ไม่สิ! สิ่งที่นางควรทำคือการเปิดร้านเพิ่ม ขยายกิจการร้านอาหารให้ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมือง!
บรรดาผู้บำเพ็ญที่ยืนอยู่หน้าสุดถูมือไปมา พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และคำพูดประจบประแจง “พวกเรารู้กันมาว่าท่านหมักสุราสร้างรากฐานที่มีสรรพคุณน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง พวกเราจึงดั้นด้นมาซื้อ เสร็จแล้วก็จะรีบไป ไม่เข้าไปวุ่นวายในร้านหรอก”
เพียงแค่มาซื้อสุราสร้างรากฐานอย่างเดียวเท่านั้น ถึงกับไม่ยอมก้าวเข้าร้านเลยหรือ?
หลิงเยว่แทบกลั้นสีหน้าไม่อยู่แล้ว อาหารวิญญาณพิเศษของนางด้อยกว่าตรงไหนกัน?
เป็นพวกเจ้าที่ตาไม่ถึงเองต่างหาก!
“ถูกต้อง! ซื้อเสร็จแล้วพวกข้าจะรีบไปเลย หนึ่งพันล้านต่อหนึ่งจอกเพียงพอหรือไม่?”
บรรดาผู้บำเพ็ญที่อยู่ด้านหลังต่างพยักหน้าหงึกหงัก เชื่อฟังเป็นอย่างดี ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ของผู้บำเพ็ญที่อวดดีและหยิ่งยโส ชอบท้าตีท้าต่อยอย่างที่นางเคยจำได้
โดยเฉพาะผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้าม และยังสะพายดาบใหญ่ไว้บนบ่า กำลังหัวเราะอย่าง… ประจบประแจงจนดูไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาของเขาเสียเลย
จะไม่ให้พวกเขาเชื่อฟังได้อย่างไร? ในเมื่อพวกเขามองไปรอบ ๆ ร้านแล้วก็รู้ว่ามีผู้ใดยืนอยู่บ้าง คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นอาจารย์ในสำนักที่มีระดับการบำเพ็ญสูงกว่าพวกเขาทั้งสิ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าคิดจะขยับเขยื้อน กระทั่งความคิดที่จะใช้กำลังปล้นหรือข่มขู่หลิงเยว่ให้หมักสุราให้ก็ยังไม่กล้าแม้แต่น้อย!
“สุราสร้างรากฐาน… ตอนนี้ไม่มีแล้ว” หลิงเยว่ตอบอย่างน่าเสียดาย นางเสียดายที่เหล่าผู้บำเพ็ญต่างทุ่มเททุกอย่างเพื่อแลกกับสุราที่มีผลในการทำลายมารผจญเพียงจอกเดียว!
“แล้วจะมีอีกเมื่อไหร่หรือ?” เหล่าผู้บำเพ็ญยังไม่อยากถอดใจ
“เอ่อ…” ในขณะนี้หลิงเยว่ยังเหลือชาแปลงกายโฉมใหม่ยี่สิบสามหยด ผลิตได้มากที่สุดเพียงยี่สิบสามไห แต่ตอนนี้สมุนไพรวิญญาณพิเศษหมดแล้ว ต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีจึงจะเพาะปลูกให้เติบโตได้ “คงใช้เวลาประมาณหนึ่งปีกระมัง?”
หนึ่งปีสำหรับผู้บำเพ็ญไม่ต่างไปจากการกะพริบตา
“หนึ่งปีหรือ? ช่างยอดเยี่ยมนัก!” ชายร่างใหญ่ไม่พูดเปล่า เขาควักหินวิญญาณหนึ่งพันล้านก้อน ยัดใส่อ้อมอกของหลิงเยว่ทันที “ข้าขอจองไว้ก่อน ครบกำหนดหนึ่งปีเมื่อไหร่ ข้าค่อยมารับ”
พูดจบ ด้วยกลัวหลิงเยว่จะปฏิเสธ เขาจึงวิ่งหนีหายไปในพริบตา
ยังมีวิธีการเช่นนี้ด้วยหรือ?
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ด้านหน้าต่างพากันทำตาม โดยโยนถุงหินวิญญาณหนึ่งพันล้านก้อนให้หลิงเยว่ จนร่างของนางถูกกลบด้วยถุงเหล่านั้นจนมิด
และยังมีถุงหินวิญญาณที่ทยอยโยนมาอีกนับไม่ถ้วน…
เหล่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันตกใจกับเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้ “?”
พวกเขาไม่กลัวว่าหลิงเยว่จะโกงแล้วหลบหนีไปบ้างหรือ?
เหล่าผู้บำเพ็ญจะต้องกลัวอันใด หากนางคิดจะหนีจริง แต่มีสำนักใหญ่โตคอยรั้งอยู่ด้านหลังเช่นนี้ นางจะหนีไปได้อย่างไร!?
หัวหน้าตะขาบมรกตเห็นถุงหินวิญญาณกองราวกับภูเขาสูงเช่นนั้น ดวงตาของเขาแทบจะพ่นเป็นไฟ หินวิญญาณมากมายขนาดนี้ คงซื้อโอสถแปลงกายได้มากมายแล้ว!
เซี่ยซิ่นรุ่ยรีบคว้ากะละมังออกมาอย่างว่องไว รองรับน้ำลายที่ไหลออกจากปากของหัวหน้าตะขาบมรกตทันที
เขาไม่รู้ว่าหัวหน้าตะขาบมรกตเห็นสิ่งใด น้ำลายจึงไหลไม่หยุด ลูกศิษย์ทั้งหลายต่างตื่นเต้นยิ่งนัก
เมื่อถูกถุงหินวิญญาณกลบไปทั้งร่าง หลิงเยว่จึงคลานออกมาอย่างยากลำบาก และคว้าถุงหินวิญญาณที่เกือบจะทุ่มใส่หน้าผากของนางเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ “พวกท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งโยนเข้ามา! สุราสร้างรากฐานไม่ได้หมักง่ายเช่นนั้น หากพวกท่านอยากดื่ม บางทีอีกหลายร้อยปีข้างหน้าจึงจะถึงคราว…”
“แค่ร้อยปีเท่านั้น พวกข้าย่อมรอได้อยู่แล้ว ขอเพียงเจ้าอย่าลืมก็พอ!” ในขณะที่ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งพูด ถุงหินวิญญาณก็กระหน่ำตกลงมาดังสายฝนกลบร้านต้องคำสาปไว้จนมิด
ลูกศิษย์ที่ถูกทุ่มก้อนหินวิญญาณใส่ศีรษะ “?”
“ท่านอาจารย์ใหญ่ ช่วยด้วย!” หลิงเยว่ที่ถูกฝังอยู่ร่ำไห้ พลางร้องขอความช่วยเหลือไปยังท่านอาจารย์ใหญ่
ท่านอาจารย์ใหญ่ที่ทำหน้าที่คุ้มครองอยู่เกิดสะดุ้งตื่น รีบขุดหลิงเยว่และหิ้วนางขึ้นมายืนบนหลังคาร้านต้องคำสาปทันที
“หลังจากวันนี้ไป เจ้าคงกลายเป็นผู้มั่งคั่งที่สุดในเมืองฝู่ซางแล้วกระมัง”
“ถุงละพันล้านหินวิญญาณ เมื่อเทรวมกันออกมา… คงไม่ต่างจากกองภูเขาแล้วกระมัง”
เถาวั่งหัวเราะชอบใจ ก่อนจะคว้าถุงหินวิญญาณที่พุ่งเข้ามาใบหนึ่งแล้วเปิดออก สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือแผ่นกระดาษที่สะดุดตา บนกระดาษเขียนชื่อเจ้าของถุง บอกที่มา และยังวาดรูปคนตัวเล็ก ๆ ของตนเองประกอบไว้ด้วย
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะโยนทิ้งได้อย่างมั่นใจเช่นนี้
ท่านอาจารย์ใหญ่ก้มหน้าเข้าไปดูด้วยความสนใจ จึงเปิดถุงหินวิญญาณออกอีกหนึ่งถุง ภายในนั้นมีชื่อและรูปภาพของเจ้าของถุงหินวิญญาณด้วยเช่นกัน
“ไปเก็บถุงหินวิญญาณเหล่านั้นกลับมาเดี๋ยวนี้!”
ท่านอาจารย์ใหญ่ส่งข้อความสื่อสารถึงเหล่าอาจารย์ที่อยู่ในที่นั้น
“ท่านอาจารย์ใหญ่รีบให้คนนำถุงหินวิญญาณไปคืนเถิด” ตอนแรกหลิงเยว่นั้นค่อนข้างดีใจ ทว่าเรื่องราวกลับดำเนินไปในทิศทางที่นางคาดไม่ถึง นางอาจมีหนี้สินมหาศาลเพียงชั่วพริบตา ช่างน่าเศร้านัก!
“เหตุใดต้องคืนเล่า? พวกเขาเต็มใจรอเป็นร้อย ๆ ปี เพื่อจะได้จิบสุราสร้างรากฐานสักจอกเท่านั้น เจ้าค่อย ๆ ทำไปก็ได้ ไม่มีผู้ใดกล้ามาเร่งเจ้าหรอก!”
“เจ้าของร้านหลิง ค่อย ๆ ทำก็ได้ พวกเราไม่รีบ!”
การรอคอยหลายร้อยปีเพื่อสุราสร้างรากฐานหรือสุราปราบมารสักจอกนั้น ถือว่าคุ้มค่านัก!
ผู้บำเพ็ญที่หาหินวิญญาณระดับกลางหนึ่งพันล้านก้อนไม่ได้ ก็เริ่มที่จะไปขอยืมหินวิญญาณจากผู้คุ้นเคยแล้ว ผู้บำเพ็ญที่กลัวมารผจญเป็นพิเศษ ยิ่งมองหลิงเยว่เป็นดั่งผู้ช่วยชีวิต ราวกับว่านางเป็นแสงสว่างในชีวิตของพวกเขา!
สิ่งนี้ต่างอะไรกับผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเล่า?
แม้หนึ่งจอกจะราคาหนึ่งพันล้าน แต่พวกเขาก็ยินดีจะไปหยิบยืม ไปหา หรือแม้กระทั่งไป… ปล้น พวกเขายอมทำทุกวิถีทาง เพียงเพื่อได้สุราปราบมารมาเป็นของตน!
ผู้บำเพ็ญในถนนชิงเฟิงล้วนโยนถุงหินวิญญาณทิ้งกันอย่างบ้าคลั่ง หลิงเยว่เบิกตากว้าง แม้ว่านางจะรักหินวิญญาณมากเพียงใด แต่ตอนนี้นางกลับยิ้มไม่ออกเสียแล้ว
“ข้าเคยได้ยินมาว่าพื้นที่มิติในท้องของเจ้าทำให้พืชวิญญาณเติบโตในเวลาอันสั้นได้ มันเป็นความจริงหรือไม่?”
หลิงเยว่ส่งข้อความสื่อสารถึงหัวหน้าตะขาบมรกต
หัวหน้าตะขาบมรกตที่กำลังกอดถุงหินวิญญาณอย่างร่าเริงอยู่พลันจ้องมองหลิงเยว่ด้วยความระแวดระวัง เจ้ามนุษย์เปราะบางคิดจะเอาหินวิญญาณเหล่านี้มาฆ่าตะขาบมรกตในท้องของเขาเพื่อแย่งพื้นที่มิติอย่างนั้นหรือ?