ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 216 การเพาะปลูกอันยิ่งใหญ่ของนางเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
บทที่ 216 การเพาะปลูกอันยิ่งใหญ่ของนางเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ภายในห้องส่วนตัวเต็มไปด้วยตะขาบมรกต หากเป็นเมื่อก่อนอาจารย์ใหญ่คงตาลุกวาวด้วยความโลภแล้วเป็นแน่ แต่ในเวลานี้ ความปลอดภัยของหลิงเยว่กลับเป็นสิ่งที่ทุกคนกังวลใจยิ่งกว่า
หัวหน้าตะขาบมรกตยิ่งกังวลมากกว่า หากหลิงเยว่หายสาบสูญไปจริง ความปรารถนาของเขาก็คงเป็นไปไม่ได้ตลอดกาล!
ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ตะขาบมรกตทุกตัวในมิติของเขาออกตามหาหลิงเยว่ ส่วนจิตวิญญาณของเขากลับล่องลอยอยู่ภายในร่าง เพื่อค้นหาเศษซากของเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อย ซึ่งได้แต่หวังว่านางคงจะไม่ถูกหลอมละลายไปเสียก่อน
หลิงเยว่ผู้ถูกคิดว่าตายไปแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่อยู่ภายในมิติซึ่งเต็มไปด้วยฝูงตะขาบมรกต นางจึงโบกมือไปบนท้องฟ้าด้วยความยินดี ทว่าฝูงตะขาบมรกตเหล่านั้นกลับทำเหมือนว่ามองไม่เห็นนาง พวกมันกระจายตัวกันไปอย่างเป็นระเบียบ ราวกับกำลังค้นหาสิ่งใดอยู่
ในหัวหลิงเยว่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม หรือว่าตะขาบมรกตพวกนั้นจะตาบอดหรืออย่างไร?
หลิงเยว่ที่ไม่เข้าใจก็ส่ายหัว และเริ่มสำรวจบริเวณโดยรอบ สิ่งแรกที่มองออกไปแล้วปรากฏอยู่ในสายตาของนางคือทะเลทรายอันกว้างใหญ่และตะขาบมรกตสี่ปีกเท่านั้น
แม้ว่ามิตินี้จะไร้ซึ่งดวงอาทิตย์ แต่ยังคงรักษาสภาพไว้ได้ในยามกลางวัน ทั้งที่เป็นดินแดนรกร้างว่างเปล่า แต่พลังปราณกลับอุดมสมบูรณ์ ช่างน่างอัศจรรย์ยิ่งนัก!
หลิงเยว่หยิบดินแปดชนิดที่ซื้อมาจากระบบ จากนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้ากองดินเหล่านั้น แล้วใช้พลังวิญญาณปกคลุมพื้นดินเดิมที่อยู่ในมิติแห่งนี้
เมื่อพลังวิญญาณแปลกปลอมพลันปรากฏขึ้น ในที่สุดฝูงตะขาบมรกตก็ได้ค้นพบหลิงเยว่ในฐานะผู้บุกรุก พวกมันกรูกันมาเกาะทั้งร่างของนางอย่างรวดเร็ว บัดนี้นางจึงกลายเป็นตะขาบมรกตในชั่วพริบตา
“ตื่นขึ้นมาเถิดเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อย!”
หัวหน้าตะขาบมรกตใช้พลังจิตตบใบหน้าของหลิงเยว่ ส่วนฝูงตะขาบมรกตก็กระพือปีกของตนเองเพื่อช่วยเรียกสติของนางอีกแรง
หลิงเยว่ที่ถูกตะขาบมรกตปิดบังดวงตาอยู่ “…”
“พวกเจ้าทำสิ่งใดกัน?”
หลิงเยว่คว้าตะขาบมรกตสองตัวที่เกาะอยู่บนเปลือกตาออก ในที่สุดนางก็ลืมตาขึ้นมาได้
หัวหน้าตะขาบมรกตเมื่อเห็นหลิงเยว่ยังคงสภาพเดิมไม่ละลายก็โล่งใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าออกมาเถิด ตาเฒ่าคนนั้นจะลงมือกับข้าแล้ว!”
ครั้งนี้หลิงเยว่ถูกหัวหน้าตะขาบมรกตสำรอกออกมาโดยราบรื่น
เมื่อท่านอาจารย์ใหญ่เห็นหลิงเยว่ เขาก็รู้สึกผ่อนคลายลง เมื่อครู่เขาคิดจะลงมือผ่าท้องหัวหน้าตะขาบมรกตด้วยซ้ำ เพราะว่าหากหลิงเยว่ไม่ได้อยู่ที่นี่ สำนักหลานเทียนและเมืองฮั่วหยางที่อยู่เบื้องหลังนาง คงไม่ปล่อยสำนักกลั่นโอสถเหอตงแห่งนี้ไว้อย่างแน่นอน แต่โชคดีที่นางยังคงปลอดภัย
“เหตุใดเจ้าถึงเข้าไปในท้องของหัวหน้าตะขาบมรกต?” ท่านอาจารย์ใหญ่จ้องหลิงเยว่เขม็ง
“ข้าเพียงแค่สงสัยจึงเข้าไปดูเท่านั้น ท่านอาจารย์ใหญ่ไม่ต้องกังวล หัวหน้าตะขาบมรกตเป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ มิติของมันก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อมนุษย์เข้าไปจึงไม่เป็นอันตรายเจ้าค่ะ”
หลังจากได้ฟังต้นสายปลายเหตุจากตัวของหัวหน้าตะขาบมรกต หลิงเยว่ก็โพล่งออกไปอย่างฉะฉานจนหัวหน้าตะขาบมรกตที่อยู่ใกล้ ๆ หันมามองด้วยความประหลาดใจ
“เช่นนั้นหรือ?”
ท่านอาจารย์ใหญ่ยังไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ความจริงที่ปรากฏตรงหน้าคือหลิงเยว่ออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ตะขาบมรกตสี่ปีกที่สามารถแปลงกายได้อาจจะกลายพันธุ์จริง ๆ และคงรวมถึงมิติของมันด้วย
หลิงเยว่ยังคงพยักหน้าระรัว
“เจ้าอย่าเข้าไปอีก ถ้าเกิดสิ่งใดขึ้นมาจริง ๆ ต่อให้โอสถอายุวัฒนะจะเก่งกล้าเพียงใดก็ช่วยเจ้าไม่ได้ เพราะสสารที่ถูกของเหลวกัดกร่อนจะกลายเป็นของเหลวไปทั้งหมด”
หลิงเยว่พยักหน้าอย่างเชื่อฟังอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้าขอบำเพ็ญสักระยะหนึ่งนะเจ้าคะ”
ท่านอาจารย์ใหญ่เข้าใจว่านางคงจะเตรียมตัวหมักสุราปราบมาร
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดเฝ้าจับตามองนางอีก หลิงเยว่ก็รีบรบเร้าให้หัวหน้าตะขาบมรกตกลืนนางเข้าไปในมิติอีกครั้ง
การเพาะปลูกอันยิ่งใหญ่ของนางเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
เมื่อออกจากห้องส่วนตัวแล้ว หัวหน้าตะขาบมรกตก็คิดไม่ตก นี่เขาได้กลายพันธุ์จริง ๆ แล้วอย่างนั้นหรือ? แม้แต่มิติยังกลืนมนุษย์เข้าไปได้โดยไม่ตายด้วย?
“เจ้าจ้องข้าเช่นนี้ด้วยเหตุใด?”
ทันใดนั้นเซี่ยซิ่นรุ่ยก็รู้สึกขนลุกซู่เมื่อถูกหัวหน้าตะขาบมรกตจ้อง เขาเลยถอยหนีอย่างกระวนกระวาย
“ขี้ขลาด!”
หัวหน้าตะขาบมรกตส่งเสียงฮึดฮัด และตัดสินใจละทิ้งความคิดที่จะใช้ลูกศิษย์ของหลิงเยว่ในการทดลอง หากครั้งหน้าเจอมนุษย์ที่ไม่รู้จักประมาณตนก็จะทดลองดูว่ามิติในร่างกายนั้นกลายพันธุ์ไปจริงหรือไม่?
ภายในร้านต้องคำสาปมีลูกค้าหนาตาจนผิดปกติ โต๊ะเก้าอี้เกือบทุกที่ล้วนมีคนนั่งอยู่
พวกเขากล่าวชื่นชมอาหารวิญญาณพิเศษไม่ขาดปาก พร้อมกับดื่มสุราสมุนไพรวิญญาณกันคนละหลายไหอย่างไม่เสียดายเงิน ส่วนด้านหน้าร้านยังมีผู้บำเพ็ญที่กำลังต่อแถวอยู่เช่นกัน
ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่ห่างไกลก็แปรเปลี่ยนเป็นสีทอง แล้วภาพลวงตาของวังสีทองก็ปรากฏขึ้นช้าๆ ด้านบนของวังนั้นมีดอกไม้เก้ากลีบกำลังบานสะพรั่ง เหนือกลีบดอกบัวทองทั้งหมดนั้น มีไข่มุกสีแดงสามเม็ดลอยอยู่
“โอ้! นี่คือดอกบัวเพลิงเก้ากลีบ!”
ดอกบัวเพลิงเก้ากลีบเป็นสมุนไพรวิญญาณหลักที่ใช้ในการกลั่นโอสถเก้าวารีคืนชีพ มีสรรพคุณสามารถช่วยให้คนฟื้นคืนชีพได้ จึงเป็นสมุนไพรชั้นยอดที่นักกลั่นโอสถขั้นสูงทุกคนใฝ่ฝัน ต่อให้เป็นอาจารย์ใหญ่ก็ยังเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง!
เหล่านักกลั่นโอสถขั้นสูงจำนวนมากพากันโบยบินอย่างรวดเร็วจากท้องฟ้าเหนือเมืองฝู่ซาง พุ่งตรงไปยังดินแดนลับที่เปิดออกอยู่เบื้องหน้า
ท่านอาจารย์ใหญ่ฉีกมิติเตรียมออกเดินทาง แต่เมื่อก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปแล้ว พลันฉุกคิดว่านี่ไม่ใช่แผนการของหอจี้ซื่อหรอกหรือ? การเปิดดินแดนลับสมุนไพรวิญญาณพิเศษเพื่อดึงตัวพวกเขาซึ่งเป็นผู้ปกป้องหลิงเยว่ให้ออกไป
“ท่านอาจารย์ใหญ่พาพวกเราไปด้วยเถิด!”
เมื่อมองดูดอกบัวเพลิงเก้ากลีบที่เจิดจ้ามากขึ้น เหล่าอาจารย์ผู้อาวุโสก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจ แม้ว่าจะไม่สามารถครอบครองสมุนไพรวิญญาณพิเศษนี้ได้ แต่ดินแดนลับที่มีสมุนไพรวิญญาณพิเศษนั้นไม่เคยขาดแคลนพืชสมุนไพรอันล้ำค่า ตราบใดที่เข้าไปก่อนที่ดินแดนลับจะปิด ก็จะสามารถทำกำไรก้อนโตได้อย่างแน่นอน!
ท่านอาจารย์ใหญ่ลังเลใจระหว่างการทิ้งให้หลิงเยว่อยู่เพียงลำพังกับการนำพาผู้คนบุกเข้าไปในเขตแดนลับสมุนไพรวิญญาณ เมื่อหลายปีก่อนเขาได้รวบรวมสมุนไพรสำหรับโอสถเก้าวารีคืนชีพมาไว้ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการก้าวขึ้นเป็นปรมาจารย์ด้านการกลั่นโอสถ เขาเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ขาดเพียงดอกบัวเพลิงเก้ากลีบเท่านั้น!
แต่หากพวกเขาทิ้งหลิงเยว่ไปแล้วกลับมาอีกที หัวของหลิงเยว่อาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้…
ท่านอาจารย์ใหญ่ครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะกัดฟันปิดรอยแยกมิติในที่สุด ไม่ไปแล้ว!
หลิงเยว่สำคัญยิ่งกว่าโอสถเก้าวารีคืนชีพ!
ในชั่วพริบตา ร้านต้องคำสาปอันคับแคบซึ่งเพิ่งจะเคยเต็มไปด้วยความคึกคักและผู้คนมากมาย บัดนี้กลับเหลือเพียงพวกพ้องของตนเองเท่านั้น
“ท่านจะไม่ไปจริงหรือ?”
เถาวั่งมองแสงสีทองด้วยความรู้สึกเสียใจ เขารู้ว่าท่านอาจารย์ใหญ่เฝ้าคอยดอกบัวเพลิงเก้ากลีบมาเนิ่นนานเพียงใดแล้ว แต่บัดนี้เขากลับละทิ้งมันไปเพื่อปกป้องหลิงเยว่
“ไปเถิดท่านอาจารย์ใหญ่ ที่นี่ยังมีพวกเราคอยดูแลอยู่”
ความจริงที่ว่าท่านอาจารย์ใหญ่ต้องการกลั่นโอสถเก้าวารีคืนชีพนั้นแทบจะเป็นความลับที่ถูกเปิดเผยแล้ว เหล่าอาจารย์ในสำนักหลายคนเคยสงสัยว่ามันเป็นแผนการ แต่หอจี้ซื่อคงไม่กล้าใช้ดอกบัวเพลิงเก้ากลีบเพื่อล่อท่านอาจารย์ใหญ่ให้ติดกับเพียงเพราะต้องการหลิงเยว่กระมัง ด้วยเหตุนี้… เขตแดนลับสมุนไพรวิญญาณจึงเป็นของจริงอย่างแน่นอน!
แต่มันช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน!
หรือแม้แต่สวรรค์ก็ยังคอยช่วยเหลือหอจี้ซื่ออยู่อย่างนั้นหรือ?
ท่านอาจารย์ใหญ่มองแสงสีทองที่อยู่ไกลออกไปด้วยความเสียดาย ก่อนจะละทิ้งความตั้งใจในที่สุด หรือว่านี่อาจจะเป็นโชคชะตาที่กำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่?
“เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อย มีเขตแดนลับสมุนไพรวิญญาณระดับสูงเปิดอยู่ พวกเราเข้าไปเล่นข้างในนั้นกันดีหรือไม่?” หัวหน้าตะขาบมรกตถูมือทั้งสองข้าง ขณะพูดคุยกับหลิงเยว่ผู้ที่กำลังพากเพียรในการเพาะปลูกพืชอยู่ในท้องของมัน
หลิงเยว่รู้สึกได้ถึงลางไม่ดีในทันที เหล่าผู้พิทักษ์ของนางอาจจะรีบไปยังเขตแดนลับสมุนไพรวิญญาณนั้นกันหมดแล้วก็เป็นได้!
แล้วจะทำอย่างไรกับหัวของนางเล่า?
หลิงเยว่ตกใจกลัวจนแทบจะสิ้นสติ รีบสั่งให้หัวหน้าตะขาบมรกตนำนางกลับไปที่ห้องแล้วปล่อยนางออกไป จากนั้นนางก็รีบออกไปหาผู้พิทักษ์ทันที
เมื่อหลิงเยว่ออกมาจึงพบว่าเหล่าผู้คนจากสำนักยังอยู่กันอย่างครบถ้วน นางรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“ท่านอาจารย์ใหญ่ พวกท่านไม่ไปสำรวจเขตแดนลับหรือเจ้าคะ?”
“หากพวกเราไปแล้ว หัวของเจ้าจะทำอย่างไร?”
ท่านอาจารย์ใหญ่มองออกว่าหลิงเยว่มีความคิดอย่างไร บุคคลที่เก็บตัวไปห้าวัน แต่กลับได้รับข่าวสารไวเสียจริง!
“น่าเสียดายนัก ดอกไม้นั้นเดิมทีควรจะเป็นของข้า…”
หลิงเยว่ชำเลืองตามนิ้วของท่านอาจารย์ใหญ่ไปทางด้านหน้า ดอกบัวในแสงสีทองนั้นกำลังจางหายไป ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขตแดนลับกำลังจะปิดลงในไม่ช้า
“ท่านต้องการดอกไม้นั้นหรือเจ้าคะ?”
ท่านอาจารย์ใหญ่พยักหน้า บางทีอาจารย์ชิงยวนอาจมีดอกไม้นี้เก็บเอาไว้หรือ?
แม้ว่าจะไม่มี ก็ต้องให้หลิงเยว่รู้ไว้ว่าท่านอาจารย์ใหญ่ผู้นี้เสียสละเพื่อนางมากเพียงใด!