ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 218 ผู้ที่ใครก็กล้ารังแก
บทที่ 218 ผู้ที่ใครก็กล้ารังแก
เสียงโกลาหลจากการต่อสู้กันบนถนนชิงเฟิงดึงดูดความสนใจของผู้บำเพ็ญที่เฝ้าดูอยู่ในเมืองได้อย่างรวดเร็ว
“นี่… เหตุใดถึงได้เกิดการต่อสู้ขึ้นมาเช่นนี้?”
“น่าจะเป็นเพราะค่าหัวของเจ้าของร้านต้องคำสาปกระมัง? ค่าหัวนางอยู่ที่หนึ่งพันล้านหินวิญญาณระดับสูงเทียบเท่ากับอาวุธกึ่งเทพเชียวนะ ผู้ใดจะไปนิ่งเฉยอยู่ได้เล่า?”
“มีค่าถึงเพียงนั้นเลยหรือ!?”
เหล่าผู้บำเพ็ญที่มาดูต่างร้องด้วยความประหลาดใจ หากชีวิตนี้ของพวกเขาไม่ได้โอกาสอันยิ่งใหญ่ เกรงว่าทั้งชีวิตจะเก็บหินวิญญาณระดับสูงมากถึงพันล้านก้อนไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นอาวุธกึ่งเทพพวกเขาก็คงไม่มีโอกาสได้พบเจอด้วยซ้ำ
“เฮ้อ! ข้าว่าหากพวกเราไปหาจังหวะลงมือกับเขาตอนนี้…”
ผู้บำเพ็ญผู้นั้นพูดพลางครุ่นคิดจนใจเต้นรัวไปหมด เนื่องจากคนทั้งเมืองรู้ดีว่าเจ้าของร้านต้องคำสาปนั้นเป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานเท่านั้น จัดว่าเป็นผู้ที่ใครก็กล้ารังแกได้อย่างง่ายดายไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นแล้วจะไม่ให้พวกเขาลองดูได้อย่างไร?
ทันทีที่พูดจบ ผู้บำเพ็ญหลายคนก็แอบเข้ามาใกล้ถนนชิงเฟิง
กึก!
ม่านอาคมหลายชั้นที่กำลังสั่นคลอนอยู่ก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็แตกสลายลงเพราะต้านทานการโจมตีของเหล่าผู้บำเพ็ญขั้นสูงไม่ไหว
ตูม!
อาคารไม้หลังเล็กสองชั้นมูลค่าหินวิญญาณหลายพันล้าน ถูกแสงสีทองฟันทิ้งเป็นสองซีก บริเวณรอยตัดมีแสงจากเปลวเพลิงลุกโชนขึ้น แล้วเปลวไฟอันโหมกระหน่ำก็เริ่มลุกลามไปทั่วร้าน
หัวหน้าตะขาบมรกตที่เกือบจะโดนฟันเข้าให้พลันเบิกตากว้าง และกำลังจะลงมือ
“ท่านหัวหน้าตะขาบมรกต อาจารย์หลิงอยู่ที่ใด?” เซี่ยซิ่นรุ่ยที่คลานออกมาจากเปลวเพลิงรีบคว้าแขนของหัวหน้าตะขาบมรกตด้วยความร้อนรน ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะไปหาหลิงเยว่ที่หลบตัวบำเพ็ญอยู่ แต่กลับไม่พบนาง
“อาจารย์อยู่ที่ใดหรือ? พวกเราหานางไม่พบ หรือว่า… นางจะถูกพาตัวไปแล้ว?” จื่อเฉาอวี่โผล่มาพร้อมกับใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเขม่าควัน นางกำลังเช็ดใบหน้าและมองหาหลิงเยว่ไปทั่วบริเวณ
“วางใจเถิด นางยังปลอดภัยดี!”
ตราบใดที่เขาไม่ตาย พวกนั้นไม่สามารถแตะต้องแม้แต่ขนเส้นเดียวของเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยได้ หัวหน้าตะขาบมรกตมองไปยังลูกศิษย์ของเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยแล้วเอ่ยด้วยความเมตตา “พวกเจ้าจงอยู่ข้างกายข้า อย่าซุกซนไปที่ใด ไม่เช่นนั้นหากเผลอไป…”
ยังไม่ทันพูดไม่ทันจบ ลูกไฟก็พุ่งตรงไปยังหน้าผากของหัวหน้าตะขาบมรกตทันที
“มอบหลิงเยว่มาเสียเถิด!”
หัวหน้าตะขาบมรกตไม่กลัวแม้กระทั่งเปลวเพลิงแห่งสวรรค์ คิดหรือว่ามันจะกลัวลูกไฟเล็ก ๆ เช่นนี้
เล็กอย่างนั้นหรือ?
เหล่าลูกศิษย์ต่างพากันจ้องมองลูกไฟที่ใหญ่กว่าอาคารสองชั้น กฎแห่งการบำเพ็ญกดทับให้จิตใจของพวกเขาว่างเปล่า ไม่ทันได้ตอบสนองว่าควรหลบหลีก แต่แม้จะหลบหลีก… ก็คงหลบไม่พ้นเป็นแน่
หัวหน้าตะขาบมรกตคว้าลูกไฟนั้นไว้ แล้วพุ่งตัวไปยังผู้บำเพ็ญคนหนึ่งด้วยความรวดเร็ว
กลุ่มควันรูปเห็ดสีแดงขนาดมหึมาได้ระเบิดออก ท้องฟ้าบนถนนชิงเฟิงจึงแดงฉานไปทั่ว
เมื่อกลุ่มควันจางหายไป หลุมขนาดใหญ่ปรากฏอยู่กลางถนน หัวหน้าตะขาบมรกตเดินออกมาพร้อมกับคว้าผู้บำเพ็ญที่ถูกระเบิดด้วยลูกไฟของตนจนตัวไหม้เกรียม
ผู้บำเพ็ญที่ลงมืออยู่ในขอบเขตบำเพ็ญเต๋าซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าหัวหน้าตะขาบมรกต ล้วนต้องใช้มิติในการต่อสู้หรือไม่? เพราะไม่เช่นนั้นก็จะถูกส่งไปยังมิติอื่น ทว่าหัวหน้าตะขาบมรกตผู้มีพลังวิญญาณเพียงกลายร่างได้กลับกลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดบนถนนสายนี้
หัวหน้าตะขาบมรกตคว้าแหวนเก็บของจากมือของชายชุดดำ แล้วเข้าไปหาเป้าหมายคนถัดไป ไม่เพียงแต่ต่อสู้จนเกือบสิ้นใจ แต่เขายังเอาสิ่งของมีค่าทั้งหมดของพวกเขาไปด้วย
“เขาขาดแคลนหินวิญญาณมากหรือ?”
เหล่าอาจารย์ในสำนักมองไปที่หัวหน้าตะขาบมรกตด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ
“ไม่รู้ แต่เห็นว่าอาจารย์หลิงขาดแคลนหินวิญญาณอย่างมาก”
“ในขณะนี้นางมีร้านอาหารวิญญาณเล็ก ๆ เป็นของตนเองแล้ว จะขาดแคลนหินวิญญาณได้อย่างไร?”
นั่นก็จริงอยู่ แต่ว่าหัวหน้าตะขาบมรกตที่กินอาหารอย่างอิ่มหนำสำราญอยู่ตลอดก็ไม่ต้องการหินวิญญาณและศาสตราวุธอะไรเลยหรือ…
ระหว่างการต่อสู้ หัวหน้าตะขาบมรกตยังฉวยโอกาสแย่งแหวนเก็บของมาด้วย ไม่แปลกใจเลยที่มนุษย์ชอบฆ่าคนเพื่อแย่งชิงสิ่งของกัน วิธีนี้เป็นการหาเงินได้เร็วที่สุด ต่อไปนี้เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยไม่จำเป็นต้องหมักสุราหรือเปิดร้านอีกแล้ว แค่ไปปล้นชิงมาก็ร่ำรวยได้!
ไม่นานหลังจากนั้น นิ้วทั้งสิบของหัวหน้าตะขาบมรกตก็สวมแหวนเก็บของจนเต็มทุกนิ้ว ส่วนถุงเก็บของที่เอวก็แน่นขนัด ผู้บำเพ็ญที่โดนปล้นและโดนทุบตีจนใกล้ตายต่างนึกเสียใจ พวกเขาไม่น่ามาเลย!
ถ้าหัวของหลิงเยว่เอามาง่ายขนาดนั้น จะมีคนตั้งรางวัลสูงถึงพันล้านหินวิญญาณระดับสูงพร้อมกับค่าตอบแทนเป็นบุญคุณอีกหรือ? พวกเขาช่างโง่เขลาเสียจริง!
“ดูเหมือนจะปล้นอย่างสนุกสนานเลยนะ เจ้าตะขาบมรกตสี่ปีก!”
ขณะที่หัวหน้าตะขาบมรกตกำลังชื่นชมของที่ปล้นมาได้อยู่นั้น ก็มีมือที่เต็มไปด้วยพิษคู่หนึ่งตบมาที่ด้านหลังของมัน
“โอ้! เจ้าสายตาดีใช้ได้เลย!”
หัวหน้าตะขาบมรกตที่จำรูปลักษณ์ที่แท้จริงได้ก็ไม่ตื่นตระหนก ปีกทั้งสี่งอกออกมาจากหลังของเขา แล้วบินหนีจากมือพิษนั้นอย่างรวดเร็ว
ของเหลวที่กัดกร่อนพุ่งออกมาราวสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน ลงไปเกาะที่มือของเจ้าของมือพิษ
เจ้าของมือพิษร่ายนิ้วมืออย่างรวดเร็ว หมอกพิษกลายเป็นตาข่ายขวางของเหลวที่กัดกร่อนไว้ น่าเสียดายที่เขาดูเหมือนจะประเมินความรุนแรงของเหลวที่กัดกร่อนนั้นต่ำเกินไป เพราะของเหลวเหล่านั้นกลืนหมอกพิษหายไปจนหมดสิ้น
เป็นไปได้อย่างไรกัน!?
หมอกพิษของเขาสามารถวางยาพิษผู้บำเพ็ญที่มีขอบเขตการบำเพ็ญเท่ากันได้ทุกคน เหตุใดของเหลวที่กัดกร่อนธรรมดาเช่นนี้ถึงกลืนกินหมอกพิษเข้าไปได้!?
เจ้าของมือพิษเหลือบมองหัวหน้าตะขาบมรกตที่ยืนกอดอกหัวเราะเยาะเขาอย่างประหลาดใจ แล้วก็ปากของมันพูดคำว่า ‘ระเบิด’ โดยไร้เสียง
ทันใดนั้นของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนก็ได้ระเบิดออก พลังทำลายล้างไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าลูกไฟขนาดยักษ์เมื่อครู่เลย
แม้ว่าเจ้าของพิษร้ายจะหลบหนีได้อย่างฉับไว ทว่าของเหลวกัดกร่อนหยดหนึ่งก็กระเด็นมาสัมผัสกับมือของเขา ทำให้มือขวาของเขาถูกละลายหายไปในทันที
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังก้องไปทั่วถนนชิงเฟิง
ไหล่ของเจ้าของพิษร้ายนั้นได้ละลายหายไปแล้ว และของเหลวกัดกร่อนนั้นยังคงแผ่ขยายต่อไป…
“ข้าผิดไปแล้ว! ละเว้นข้าไว้ด้วยเถิด…” เจ้าของพิษร้ายทนความเจ็บปวดอันแสนสาหัสเอาไว้ คุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา แต่น่าเสียดายที่หัวหน้าตะขาบมรกตไม่ได้มองเขาแม้แต่น้อย ปล่อยให้ผู้บำเพ็ญนั้นผสานกลายเป็นแอ่งเลือดพิษไปเสียอย่างนั้น
เรื่องราวทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่กลับทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญที่หวังจะฉวยโอกาสกลัวจนตัวสั่น สัตว์อสูรตนนั้นแท้จริงแล้วคือสิ่งใดกัน? แม้แต่จอมมารพิษยังถูกฆ่าตายได้ ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน!
ของเหลวที่กำลังกัดกร่อนถนนอยู่นั้นก็ได้ลอยขึ้นมาในคราวเดียว เหล่าผู้บำเพ็ญที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้นต่างดิ้นรนคลานหนีออกจากถนนชิงเฟิงด้วยความหวาดกลัว พวกเขากลัวเหลือเกินว่าหากช้าไปเพียงพริบตาเดียว จะถูกของเหลวกัดกร่อนกระเด็นมาโดน แล้วตนเองก็จะต้องกลายเป็นแอ่งเลือดเช่นกัน
ของเหลวกัดกร่อนที่ลอยอยู่กลางอากาศได้กลายร่างเป็นงูตัวเล็ก ๆ พันอยู่ที่ข้อมือของหัวหน้าตะขาบมรกต
ผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานขั้นกลางเพียงคนเดียว กลับได้รับการคุ้มครองจากปรมาจารย์มากมาย ไม่ใช่เพียงเพราะสุราปราบมารและอาหารวิญญาณพิเศษเท่านั้น หลิงเยว่ต้องมีอะไรบางอย่างที่หอจี้ซือยังไม่ค้นพบเป็นแน่!
เถาวั่งตกใจกับกลยุทธ์การต่อสู้ของหัวหน้าตะขาบมรกตเป็นอย่างมาก เขาไม่กล้าเข้ามาใกล้หัวหน้าตะขาบมรกตเลยแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าของเหลวกัดกร่อนของตะขาบมรกตสี่ปีกนั้นทรงพลังมากเพียงใด แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสิ่งที่บันทึกไว้ในตำราโบราณทั้งสิ้น บัดนี้จึงได้รู้แล้วว่าพลังของมันนั้นไม่ใช่สิ่งที่คำว่าทรงพลังจะอธิบายได้อย่างเพียงพอ
เหล่าผู้บำเพ็ญต่างหนีตายกันไป ทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตเบ้ปากอย่างไม่พอใจ เขายังปล้นไม่หนำใจเลย! พวกเจ้าจะหนีไปได้อย่างไร!
ในศึกครั้งนี้ เหล่ามือสังหารต่างแตกกระเจิงหนีตายไปคนละทิศละทาง โดยที่ยังไม่ทันได้เห็นแม้แต่เงาของหลิงเยว่เลยด้วยซ้ำ ช่างน่าสมเพชเสียจริง!
แม้แต่เหล่าผู้บำเพ็ญขอบเขตบำเพ็ญเต๋าก็ไม่อาจต่อกรได้แม้แต่น้อย
“พวกไร้ค่า!”
ณ ตึกชั้นบนสุดแห่งหอจี้ซือมีเสียงถ้วยชามแตกกระจายดังขึ้น
ผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานขั้นกลางเพียงคนเดียว กลับได้รับการคุ้มครองจากปรมาจารย์มากมาย ไม่ใช่เพียงเพราะสุราปราบมารและอาหารวิญญาณพิเศษเท่านั้น หลิงเยว่ต้องมีอะไรบางอย่างที่หอจี้ซือยังไม่ค้นพบเป็นแน่!
และความลับนี้ที่ปล่อยออกมาย่อมเพียงพอที่จะเขย่าโลกผู้บำเพ็ญเซียนทั้งใบได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่เหตุผลใดมาอธิบายถึงหลิงเยว่ที่ได้รับการทะนุถนอมดูแลอย่างดีถึงเพียงนี้
ตระกูลเซี่ย ตระกูลหมิง ตระกูลซี และสำนัก…
“ไปสืบค้นภูมิหลังของหลิงเยว่ให้มากกว่านี้”
เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหลิงเยว่มีดีอะไรนัก!