ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 239 โลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่
บทที่ 239 โลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่
หากไม่ใช่เพราะพืชวิญญาณกลายพันธุ์ถูกใช้จนหมดสิ้น หลิงเยว่ยังอยากทำสุราปราบมารต่ออีกด้วยซ้ำ
“หลิงเยว่ เจ้ามีความสนใจที่จะเป็นเจ้าเมืองฝู่ซางหรือไม่?” นักกลั่นโอสถอาวุโสถามขึ้น
หลิงเยว่ “?”
นางจะบอกว่าไม่สนใจได้อย่างไร? เพียงแค่เป็นรองเจ้าเมืองฮั่วหยาง นางก็หมดแรงแล้ว
“พวกข้าตัดสินใจที่จะขับไล่อิทธิพลของหอจี้ซื่อออกจากเมืองฝู่ซาง ถึงแม้ว่าอิทธิพลของพวกเขาในเมืองจะฝังรากลึก ไม่สามารถถอนรากถอนโคนได้ในเวลาอันสั้น แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่พอใจพวกเขา ตอนนี้ขาดแค่คนที่จะรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกัน”
หลิงเยว่ชี้ไปที่ตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ นักกลั่นโอสถอาวุโสฝ่าทัณฑ์สวรรค์ยังรวบรวมคนไม่ได้ นางเป็นเพียงผู้สร้างรากฐานเท่านั้น จะไปรวบรวมคนได้อย่างไร?
“เจ้าทำได้แน่นอน” อาจารย์ใหญ่ตบไหสุราที่เพิ่งหมักสำเร็จเป็นการปลอบใจ
สุราปราบมารหรือ?
“ตอนนี้พืชวิญญาณกลายพันธุ์ของข้าหมดแล้ว และยังไม่มีเวลาปลูกเพิ่ม”
เมืองฝู่ซางใหญ่ขนาดนี้ ย่อมมีผู้คนมากมาย แล้วหนึ่งพันไหจะเพียงพอได้อย่างไร!?
“ไม่ใช่ ข้าหมายถึงตำราลับ”
“ท่านก็รู้ว่าตำราลับนั้นเป็นอย่างไร…”
สุราปราบมารมีข้อจำกัดมากเกินไป ถึงแม้จะเผยแพร่ตำราลับออกไปก็ไม่มีประโยชน์ บางทีสถานการณ์อาจจะแย่ลงเหมือนกับเซี่ยงหยางในตอนนั้นที่คิดว่าตัวเองถูกหลอก แล้วโกรธจัดจนลุกขึ้นฆ่าคน
“เพียงแค่เจ้าพยักหน้า สิ่งที่เหลือไม่จำเป็นต้องให้เจ้ากังวล” นักกลั่นโอสถอาวุโสกล่าวอย่างมั่นใจ
หลิงเยว่พยักหน้า ในเมื่อตอนนี้พวกนางอยู่ในใบประกาศตามล่าฉบับเดียวกัน
“แต่ข้าไม่ขอเป็นเจ้าเมือง โลกภายนอกกว้างใหญ่เพียงนั้น ข้ายังอยากออกไปดูให้เห็นกับตา”
นักกลั่นโอสถอาวุโสและอาจารย์ใหญ่สบตากันอย่างไร้คำพูด
โลกภายนอกกว้างใหญ่จริง ๆ แต่ผู้ที่ตามล่านางสามารถวิ่งรอบโลกผู้บำเพ็ญเซียนได้ถึงครึ่งรอบ แล้วนางยังคิดจะออกไปอีกหรือ?
“อาจารย์หลิงผู้ปรุงสุราปราบมารกำลังจะรับศิษย์แล้ว ครั้งนี้เปิดกว้างทั้งเมือง ใครผ่านไปผ่านมาอย่าพลาดโอกาสเล่า!”
“เพียงแค่ได้เป็นศิษย์ของนาง ก็สามารถปรุงสุราปราบมารได้ด้วยตัวเองแล้ว!”
“สถานที่รับสมัครอยู่ที่สำนัก มีเวลาเพียงสามวันเท่านั้น!”
…
เมื่อข่าวนี้ถูกประกาศออกไป ผู้บำเพ็ญทั้งหมดก็แห่กันไปทันที ถนนหนทางอัมพาต คนแน่นขนัดจนไม่มีที่ยืน
หลิงเยว่มองดูทะเลคนด้านนอกแล้วรู้สึกตกใจไม่น้อย พลังดึงดูดของสุราปราบมารนั้นเกินความคาดหมายเสียจริง!
คนอารมณ์ร้อนนำเหล่าผู้บำเพ็ญบุกเข้าไปในสำนักทันที
“จานโจว เรื่องดี ๆ เช่นนี้ เหตุใดไม่แจ้งให้พวกข้าตระกูลสวี่ทราบก่อนเล่า!”
“หากไม่แจ้งตระกูลสวี่ก็ช่างเถิด แต่เหตุใดถึงไม่แจ้งสำนักข้าง ๆ ด้วย?”
บัดนี้ไม่เพียงแต่ด้านนอกสำนักที่เต็มไปด้วยผู้คน ภายในสำนักก็แออัดเช่นกัน ผู้ที่สามารถยืนอยู่ในสำนักได้ล้วนเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่อาจารย์ใหญ่ต้องการก็เป็นได้
หลิงเยว่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างเพื่อเฝ้าดู
“ไม่ได้แจ้งหรือ?” อาจารย์ใหญ่หัวเราะเยาะ “พวกท่านปฏิเสธคำเชิญหลายต่อหลายครั้ง แต่ตอนนี้กลับมาอย่างหน้าตาเฉย”
ผู้คนรู้สึกอึดอัดใจชั่วขณะ แต่หากเขาเปิดเผยสูตรลับของสุราปราบมารออกมาเร็วกว่านี้ คนพวกนี้คงยอมมาแน่นอน การเกรงใจหอจี้ซื่อถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถึงจะเกรงใจ พวกเขาก็ยังต้องหาเงินจากหินวิญญาณอยู่ดี!
“ว่ามาเถิด เจ้าต้องการทำอย่างไรจึงจะยอมแบ่งปันสูตรลับ?” สีหน้าเย็นชาของอาจารย์ใหญ่ราวกับความหมายลึกซึ้ง “ในขณะที่พวกเจ้าก้าวเข้ามาในสำนัก ถือเป็นศัตรูของหอจี้ซื่อแล้ว หากจะทำเป็นโง่เขลาก็ไร้ความหมายแล้วนะ”
“ก็จริงอยู่ ช่างไร้ความหมายนัก!” ชายชราผมขาวโพลนเดินออกมาจากฝูงชน
เมื่อเห็นผู้มาเยือน สายตาของทุกคนพลันเปี่ยมไปด้วยความเคารพ แม้แต่อาจารย์ใหญ่เองยังโค้งคำนับด้วยความนอบน้อม
ชายชราผู้นั้นยิ้ม พลางกล่าวว่า “เมืองฝู่ซางควรจัดการใหม่จริง ๆ”
“จัดการใหม่ได้ แต่สูตรลับของสุราปราบมารก็ต้องได้เช่นกัน!”
หากไม่เสียสละ ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าบ้าง ก็คงไม่มีเรื่องดี ๆ เช่นนั้น ถึงแม้การกำจัดอิทธิพลของหอจี้ซื่อจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาก็ตาม
“สูตรลับนั้นข้าย่อมให้พวกท่านได้” หลิงเยว่ที่ถูกนักกลั่นโอสถอาวุโสดึงออกมา พยายามวางท่าสงบนิ่ง
เมื่อหลิงเยว่ปรากฏตัวขึ้น นางดึงดูดความสนใจจากทุกคน และไหสุราในอ้อมแขนของนางก็ทำให้ผู้คนหลงใหล
“แต่ต้องรอให้เมืองนี้ปลอดภัยเสียก่อน”
ประโยคนี้ย่อมไม่อาจมำให้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งเฉยได้ แล้วถ้าส่งสุราปราบมารไปให้อีกครึ่งไห จะเป็นอย่างไร?
หากเป็นเช่นนั้นถือว่าเพียงพอแล้ว!
ทุกคนที่ได้รับสุราปราบมารต่างปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้สุดท้ายจะไม่ได้สูตรลับ แต่เพียงแค่ครึ่งไหสุราปราบมารนี้ก็เพียงพอจะชดเชยความสูญเสียของพวกเขาได้แล้ว
การเจรจาบรรลุผล ทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น
ตระกูลที่ยืนอยู่ฝ่ายกลางทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหว ท้องฟ้าเหนือเมืองฝู่ซางมืดครึ้ม เสียงต่อสู้ลอยมาเข้าหูของหลิงเยว่
แน่นอนว่าเป็นเพียงภาพหลอนของนางเท่านั้น ขณะนี้นางกำลังพยายามเร่งปลูกพืชวิญญาณกลายพันธุ์อยู่
เป็นอย่างที่ระบบบอกจริง ๆ เพราะข้อจำกัดด้านพลังของนาง ความเร็วในการเพาะปลูกจึงช้ามาก ก่อนหน้านี้นางรู้สึกดีกับตัวเองพอสมควร แต่ถ้าต้องจัดหาพืชวิญญาณกลายพันธุ์ให้ทั้งเมือง พื้นที่เพียงไม่กี่สิบแปลงตรงหน้าคงไม่เพียงพอแม้แต่จะเอาไปอุดฟันเลยด้วยซ้ำ!
[เจ้าต้องการซื้อเคล็ดวิชาหรือไม่?]
ระบบออกมาขายของทันที
“อยาก!”
“แต่ข้าไม่มีค่าพลังวิญญาณแล้ว”
หนึ่งพันไหส่งออกไปห้าร้อยไห ที่เหลืออีกห้าร้อยไหใช้ชำระหนี้ ตอนนี้นางถูกสูบเลือดสูบเนื้อจนแห้งแล้ว
ทั้งยังไม่มีเงินซื้อเครื่องรางให้เหล่าศิษย์อีกด้วย หลิงเยว่กังวลใจยิ่งนัก!
[เจ้าสามารถใช้อายุขัยหนึ่งหมื่นห้าพันวันให้เจ้าเข้าสู่ขอบเขตจินตานได้]
การค้าขายเช่นนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำ ซึ่งหลิงเยว่ไม่โง่ ดังนั้น นางจึงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล รอจนกระทั่งพืชวิญญาณกลายพันธุ์กลุ่มนี้สุกงอมเสียก่อน แล้วนางยังต้องกลัวว่าไม่มีค่าพลังวิญญาณอีกหรือ?
เมื่อพืชวิญญาณกลายพันธุ์สุกงอมแล้ว เมืองฝู่ซางก็น่าจะปลอดภัยแล้ว หลิงเยว่สามารถก้าวออกจากสำนักได้ แต่ผู้ที่มาทวงหนี้กลับมาขวางประตูไว้เสียก่อน
“เถ้าแก่หลิง ข้าได้นำหัวของไอ้หมาโง่มาให้ท่านแล้ว โฉนดที่ดินก็นำมาด้วย ท่านรีบออกมาเร็วเข้า!”
“เถ้าแก่หลิง ท่านจะซื้อร้านค้าอีกหรือไม่? ออกมาพูดกับข้าหน่อยเถิด!”
หลิงเยว่ไม่ปรากฏตัวออกมานาน ทำให้ผู้ที่ต้องการขายร้านเพื่อแลกกับสุราปราบมารรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก
“พี่น้องทั้งหลาย เถ้าแก่หลิงถูกกักขังอยู่หรือไม่?”
เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างตกใจ
“เป็นไปได้ ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาไม่เห็นนางเลย อย่าบอกนะว่านางไปตายพร้อมกับท่านเซี่ยงหยางแล้วจริง ๆ”
“ไม่น่าใช่ ก่อนหน้านี้ตอนที่ทั้งเมืองเปิดรับศิษย์ ข้าได้เห็นนางแล้ว แต่ก่อนนางเป็นสาวน้อยผิวขาวเนียนนุ่ม เหตุใดถึงได้ทำให้ตัวเองดำแดดไปได้เล่า?”
“อาจจะเป็นตัวแทนก็ได้”
หลิงเยว่ฟังต่อไปไม่ไหว จึงเดินออกมาพลันกล่าวว่า
“ข้าไม่ได้ถูกกักขัง ช่วงนี้ข้ากำลังรักษาบาดแผลอยู่!”
“!!!”
ที่แท้ก็กำลังรักษาบาดแผลอยู่นี่เอง หลังจากที่ฝูงชนถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเสร็จแล้วจึงหันมาสนใจการซื้อขายโฉนดที่ดินอีกครั้ง
หลิงเยว่อยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาและความจริงใจของทุกคน รวมถึงถุงผ้าเปื้อนเลือดที่ว่ากันว่าใส่หัวของท่านเจ้าเมือง นางจึงไม่กล้าปฏิเสธออกไป
“ตอนนี้ข้ามีเพียงสามพันจอกเท่านั้น…”
ผู้คนตรงหน้ามีมากกว่าสามพันคน หลิงเยว่อยากจะร้องไห้ นางตั้งใจจะเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณ แต่ตอนนี้กลับถูกบังคับให้ซื้อที่ดินเปล่า แม้แต่ร้านค้าก็ไม่มี
หลังจากต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ร้านค้าในเมืองฝู่ซางก็ถูกทำลายเกือบหมดแล้ว การซื้อที่ดินในครั้งนี้จึงต้องใช้หินวิญญาณในการสร้างร้านค้าอีก
แม้จะปฏิเสธที่จะเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ แต่ยังถูกบังคับให้กลายเป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ แผนการสร้างถนนอาหารวิญญาณพิเศษเสร็จสมบูรณ์ไปครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งอาจจะยังไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น
เพราะ… เมืองฝู่ซางกำลังจะกลายเป็นเมืองปราบมารแล้ว!
ส่วนลูกศิษย์ของนางก็ต้องไปสอนลูกศิษย์ของพวกเขาด้วย จึงไม่มีเวลาว่างไปเปิดร้านเลย