ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 273 ขายเพื่อนร่วมทีมดีจริงหรือ?
บทที่ 273 ขายเพื่อนร่วมทีมดีจริงหรือ?
ทั้งวิหารสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผู่ตานและหลิงเยว่ต่างเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น สุดท้ายก็มาเจอกับติงหลิวหลิ่ว สี่คนที่กำลังวิ่งขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
“พวกเจ้าลงมาทำอะไร?!”
“พวกเจ้าขึ้นไปทำอะไร?!”
ทั้งสองฝ่ายถามขึ้นพร้อมกัน
“ร่างแยกของจอมปีศาจอยู่ข้างบน”
“ราชินีปีศาจอยู่ข้างล่าง”
ทั้งสองฝ่ายตอบพร้อมกันอีกครั้ง ต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง ด้านบนมีราชาปีศาจหรือจอมปีศาจ ส่วนด้านล่างมีราชินีปีศาจ พวกเขาถูกสามีภรรยาคู่นี้โจมตีทั้งสองด้าน นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องตายยกแผงเหรอ!
“ไม่มีทางหรอก!”
ในเมื่อขึ้นไปก็ไม่ได้ ลงไปก็ไม่ได้ งั้นก็ออกไปทางด้านข้างสิ ขอแค่หาหน้าต่าง แล้วกระโดดลงไป น่าจะหนีออกจากที่นี่ได้แล้ว
ทีมที่รวมตัวกันไม่ได้คิดจะสู้ตายกับราชินีและราชาปีศาจเลยสักนิด พวกเขารู้ดีถึงพลังของตัวเองรวมถึงหลิงเยว่ด้วย
นางส่งคนคุ้มกันและศาสตราวุธประจำกายให้โม่จวินเจ๋อไปแล้ว จะเอาอะไรไปสู้กับราชินีปีศาจ?
แค่นึกถึงมังกรปีศาจเก้าหัวนั่น นางก็รู้สึกสิ้นหวังแล้ว สู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้จริง ๆ
ทุกคนใช้ความเร็วสูงสุดในชีวิตบุกเข้าไปในห้องข้าง ๆ ตามหาทางออกที่จะพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ได้ แต่ที่นี่ไม่มีแม้แต่รูหนูสักรู เรียกว่าปิดตายโดยสมบูรณ์
“ก่อนหน้านี้พวกเจ้าไม่ได้รับการสืบทอดมาหรอกหรือ? แล้วดวงวิญญาณที่มอบมรดกให้พวกเจ้าล่ะ?”
ให้พวกเขาออกมาจัดการราชินีปีศาจ น่าจะช่วยประวิงเวลาหนีตายได้มากขึ้นอีกหน่อย
ยังไงก็ตายไปครั้งหนึ่งแล้ว ยังกลัวจะตายเป็นครั้งที่สองอีกหรือไง?
“พวกเขาหนีไปตั้งแต่ตอนที่วิหารเริ่มสั่นแล้ว บอกว่าต้องเก็บมรดกไว้ให้ผู้บำเพ็ญในอนาคต”
ผู่ตาน “…”
“อินสุ่ย… อวิ๋น ข้ามาหาเจ้าแล้ว”
เสียงหวานซึ้งจากด้านนอกทำให้คนในห้องขาอ่อน อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ขาอ่อนเพราะถูกเสียงยั่วยวน แต่เป็นขาอ่อนเพราะความกลัวต่างหาก!
“อวิ๋นอวิ๋น ถ้าเจ้าไม่ออกมา ข้าจะเข้าไปหาเจ้าเองนะ”
เสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำ แต่เท้ากลับเตะประตูเปิดอย่างไม่ปรานี
ภายในห้องมีแต่อาวุธนานาชนิด ไม่มีผู้คนเลยสักคน แม้แต่กลิ่นของหลิงเยว่ก็หายไปไม่เหลือร่องรอย
นางรับรู้ผิดพลาดหรือ?
ราชินีปีศาจก้าวข้ามธรณีประตู เดินเข้าไปในห้องอาวุธอย่างเชื่องช้า
นางเดินผ่านหลิงเยว่ที่ยืนชิดผนัง ปลายนิ้วลูบไล้ใบหน้าของผู่ตาน โดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วจิ้มไปที่… อกของอวี้เจิน อวี้เจินกลั้นหายใจ เกือบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
ดวงตาใสกระจ่างของติงหลิวหลิ่วกลอกไปมา มือบางเฉียบจิ้มที่ปลายจมูกของติงหลิวหลิ่ว เมื่อถึงคิวของว่านอวี้เฟิง ราชินีปีศาจก็ชักมือกลับ ลู่เป่ยเหยียนที่ยืนอยู่หลังสุดถอนหายใจอย่างโล่งอก
“วิ่งหนีได้ไวพอตัวนี่!”
ปีศาจราชินีย่นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ พลางสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
จนกระทั่งเงาของราชินีปีศาจหายลับไป ทั้งหกคนก็ยังไม่กล้าหายใจ ยังคงรักษาท่าทางการซ่อนตัวไว้ ไม่กล้าขยับเขยื้อน เพราะกลัวว่าราชินีปีศาจจะย้อนกลับมาฆ่าพวกเขา
หลิงเยว่ไม่คิดเลยว่ายันต์ล่องหนที่ซื้อมาแบบผ่อนจ่ายจะใช้ได้ผลดีถึงเพียงนี้ ถึงขนาดหลอกราชินีปีศาจได้ด้วย!
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่เพียงแต่มีระยะเวลาสั้น แต่ราคายังแพงอีกด้วย หลิงเยว่ไม่สามารถรับภาระได้ ทั้งยังไม่ดีเท่ากับดื่มชารู้แจ้ง แล้วใช้ร่างกายของพืชหนีไปได้
“โม่จวินเจ๋อล่ะ?”
ในที่สุดลู่เป่ยเหยียนก็นึกได้ว่าขาดสมาชิกในทีมไปหนึ่งคน
“เขาจะไม่ถูกปีศาจ…” ติงหลิวหลิ่วทำท่าตัดคอ
ผู่ตานกลอกตา “พวกเจ้าคิดว่าเสียงดังบนดาดฟ้ามีแค่ปีศาจส่งมาเท่านั้นหรือ?”
“หากพวกข้าไม่ไปช่วยจะดีหรือ?” ลู่เป่ยเหยียนผู้ซื่อตรงรู้สึกว่าการทอดทิ้งเพื่อนร่วมทีมเป็นเรื่องไม่ดี ถ้าหากโม่จวินเจ๋อตายที่นี่ พวกเขาจะไปอธิบายกับบรรพจารย์เล่อเหอและเจ้าสำนักอย่างไร?
“ปีศาจนั่นอยู่ในขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ พวกข้าเพิ่งอยู่ในขอบเขตจินตาน หากไปก็เท่ากับไปตาย โม่จวินเจ๋อตอนนี้ก็อยู่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
หลิงเยว่จูงติงหลิวหลิ่ว และคนข้าง ๆ ทีละคน ย่อตัวลงแล้วกลั้นหายใจเดินลงบันไดราวกับขโมย
“ที่แท้เมื่อครู่ก็ซ่อนตัวจริง ๆ ด้วย”
“!!!”
เสียงนี้!
สายตาหกคู่มองไปที่มุมบันไดโดยไม่รู้ตัว ร่างสีแดงเข้มนั้นยืนพิงผนังมองพวกเขาทั้งหกคนด้วยรอยยิ้ม
ทั้งหกคน “…”
ไม่คิดว่าปีศาจตนนี้ไม่เพียงแต่หน้าตาดี ยังมีสมองและพลังด้วย คราวนี้พวกเขาคงหนีไม่พ้นแน่
หลิงเยว่รู้สึกเสียใจยิ่งนัก ทำไมเมื่อครู่นี้นางถึงไม่ดื่มชารู้แจ้งตั้งแต่แรก โอ้… ลืมไปว่าชารู้แจ้งหมดไปจนไม่เหลือสักหยดแล้ว!
หากครั้งนี้ยังมีชีวิตรอดออกไปได้ นางจะต้องทำชาและสุราเก็บไว้ให้มาก ๆ เลยทีเดียว!
“แล้วอินสุ่ยอวิ๋นล่ะ?”
ฝ่ายมารไม่ได้ลงมือในทันที แต่กลับสงสัยว่าศัตรูตัวฉกาจที่ไล่ล่านางมาทุกวัน จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายนั้นหายไปซ่อนตัวที่ใดกัน?
“นาง… จากไปแล้ว”
ที่จริงแล้วนางอยู่ในร่างของหลิงเยว่ เพียงแต่ตกอยู่ในห้วงนิทรา หลิงเยว่เรียกหานางในใจนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ มิเช่นนั้นคงปล่อยนางออกมาจัดการแล้ว
ราชินีปีศาจย่อมไม่เชื่อ อินสุ่ยอวิ๋นต้องอยู่ในร่างของสาวน้อยตรงหน้านี้แน่นอน!
มิเช่นนั้นวิญญาณที่เหลืออยู่ของนางจะหนีไปที่ใดได้?
“อย่างนี้แล้วกัน เจ้ามอบวิญญาณที่เหลือของนางให้ข้า แลกกับชีวิตของสหายเจ้า เห็นด้วยหรือไม่?”
หลิงเยว่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ผู่ตานก็ส่งเสียงเยาะหยัน “หมอกแดง ราชินีปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขตแดนปีศาจ ในสิบสองปีศาจหญิง วิธีการของนางนั้นโหดเหี้ยมทารุณ มนุษย์ที่ปรากฏตัวต่อหน้านาง ล้วนไม่มีใครรอดชีวิต”
“ต่อให้มีผู้โชคดีหนีรอดไปได้ นางก็จะเรียกปีศาจหญิงตนอื่น ๆ มาไล่ล่าจนตาย”
พวกเขาทั้งหมดหนีรอดจากเงื้อมมือของปีศาจหญิงมาได้ครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งนี้นางจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร?
สู้ด้วยกันทั้งหมดยังจะดีกว่า บางทีจากหกคน อาจมีสักคนที่หนีรอดไปได้!
“เจ้าดูเหมือนจะรู้จักข้าดีนัก”
หมอกแดงยิ้ม แล้วยื่นมือไปบีบคอผู่ตานในฉับพลัน นิ้วมือขาวผ่องค่อย ๆ บีบคออีกฝ่ายแน่นขึ้น “ส่งอินสุ่ยอวิ๋นมา”
“ได้ ข้าจะเรียกนางออกมา ท่านอย่าได้ใจร้อน!”
หมอกแดงนั้นรวดเร็วเกินไป พวกเขาที่อยู่ขอบเขตจินตานไม่อาจมองเห็นว่านางเคลื่อนไหวอย่างไร เพียงครู่ ร่างของผู่ตานก็ตกอยู่ในมือของนางแล้ว
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาที่เตรียมตัวจะต่อสู้จนตายดูเหมือนเป็นเรื่องตลก
ช่องว่างของขอบเขตที่ห่างกันมาก ทำให้ผู้คนไม่มีแม้แต่ความปรารถนาที่จะต่อต้าน
“ข้าจะนับถึงสาม หากเมื่อจบลงแล้ว อินสุ่ยอวิ๋นยังไม่ออกมา…”
หมอกแดงบีบคอแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนผู่ตานเริ่มกลอกตาขาวแล้ว
“หนึ่ง”
“สอง”
หลิงเยว่ร้อนใจจนเหงื่อท่วมกาย ตะโกนเรียกอินสุ่ยอวิ๋นที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ในมุมใดของร่างกายนาง
“สาม”
เสียงพิณที่ไพเราะดังขึ้น
เสียงนี้ทำให้มือของหมอกแดงที่กำลังบีบคอชะงักไปชั่วขณะ หลิงเยว่ฉวยโอกาสนี้ฉุดผู่ตานกลับมาแล้วโยนไปให้ว่านอวี้เฟิง
ในอ้อมกอดของหลิงเยว่ปรากฏพิณที่ถักทอจากพืช นางใช้นิ้วดีดสายพิณ และค่อย ๆ เข้าใกล้หมอกแดงที่จิตใจเลื่อนลอยอยู่
“ไม่มีอินสุ่ยอวิ๋นหรอก แต่มีผู้ที่ดีดพิณคนหนึ่ง หมอกแดงเอ๋ย ไม่ได้เจอกันนานนะ!”
หญิงสาวก้าวเดินไปทีละก้าว ดีดสายพิณทีละเสียง ประสานกับเสียงพูดอ่อนหวานของนาง ราวกับกำลังขับขานบทเพลง แต่เมื่อหมอกแดงเห็นนางกลับเหมือนเห็นผี
นางอยากจะหันหน้าหนีโดยสัญชาตญาณ แต่พลันนึกได้ว่าหญิงผู้นี้ถูกนางสังหารไปแล้ว วิญญาณที่เหลืออยู่เศษเสี้ยวจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของนางผู้เกิดใหม่ได้อย่างไร?
“ดีนัก!”
หมอกแดงเงยหน้าขึ้น หัวเราะเสียงดังลั่น
พลังปีศาจกำลังรวมตัวกัน
เสียงพิณไพเราะกำลังขัดขวางการรวมตัวของพวกมัน ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างสุดกำลัง แต่ในที่สุดฝ่ายผู้ดีดพิณก็ได้เปรียบ
พลังมารกำลังสลายตัว
“ไม่นะ เป็นไปไม่ได้!”
หมอกแดงเบิกตากว้าง พยายามรวมพลังปีศาจขึ้นอีกครั้ง