ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 281 หัวของนางถูกสร้างมาอย่างไรกันแน่?
บทที่ 281 หัวของนางถูกสร้างมาอย่างไรกันแน่?
ข่าวเกี่ยวกับเนื้อปีศาจที่สามารถขับไล่พลังปีศาจได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสนามรบโบราณเฉียนซี ในช่วงที่หลิงเยว่กำลังเก็บตัวบำเพ็ญ ผู้บำเพ็ญคนอื่นต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่
“ข่าวนี้เป็นความจริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน ข้าเคยกินมาแล้ว อร่อยมาก! ผลลัพธ์ก็เห็นได้ชัดเจน!”
“ใช่ ๆ น้ำแกงงูปีศาจนั่น พวกเจ้าอย่ามองว่าเนื้อมีสีดำ ๆ แต่จริง ๆ แล้วพอเข้าปากก็นุ่มละมุน ไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่นิดเดียว!”
“ทั้งยังมีปลาหมึกอะไรนั่นอีก เนื้อสัมผัสเหนียวหนึบมาก ข้ามักจะกินก่อนเข้าไปสนามรบ หลังจากนั้นก็ไม่เคยถูกพลังปีศาจรุกรานอีกเลย!”
“พวกเจ้าไม่ใช่พวกที่สำนักหลานเทียนส่งมาใช่ไหม?”
แต่เดิมผู้คนที่มุงดูต่างฟังด้วยความสนใจ น้ำลายไหล แต่ประโยคนี้ทำให้พวกเขากลับสู่ความเป็นจริง
คนพวกนี้คอยป่าวประกาศถึงเนื้อปีศาจอย่างไม่ลดละ จะไม่ใช่ถูกปีศาจเข้าสิงแล้วล่อลวงให้พวกเขากิน เพื่อให้กลายเป็นปีศาจกระมัง ถึงเวลานั้นทุกคนคงกลายเป็นปีศาจ จะไม่มีมนุษย์เหลืออยู่บนโลกอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่?
เหล่าผู้ที่หลงใหลเนื้อปีศาจเกลียดคนพวกนี้ที่สุด พวกโง่เขลา! ทั้งสำนักหลานเทียนต่างกินกันหมด แต่ไม่มีใครถูกพลังปีศาจรุกรานเลยสักคน นี่ยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายสถานการณ์อีกหรือ?
ถ้าสำนักหลานเทียนยังไม่พอ ก็ให้เพิ่มสำนักจ้านเจี้ยนอีกสำนัก เพียงเท่านี้ยังไม่พออีกหรือ?
ถ้ายังไม่พอ แล้วพวกนักบำเพ็ญจากที่อื่นที่เดินเข้ามากินอย่างเอร็ดอร่อยเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรเล่า?
ผู้คนด้านนอกสนามรบโบราณเฉียนซี บางส่วนเชื่อว่าสำนักหลานเทียนจะทำร้ายพวกเขา แต่อีกส่วนกินอย่างมีความสุข รวมถึง… พวกนักดาบที่แต่เดิมที่รังเกียจอย่างมากด้วย
หลิงเยว่ที่เก็บตัวบำเพ็ญมาสองเดือนก็โผล่ออกมาด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิงและใบหน้าสกปรก แม้ร่างกายจะอ่อนแรงไปบ้าง แต่ดวงตาเปล่งประกายน่ากลัว
“ท่านแม่ขอรับ!”
ลูก ๆ ทั้งสองตัวพุ่งตรงไปหาหลิงเยว่ แต่พอได้กลิ่นแปลก ๆ ที่โชยออกมาจากตัวนาง เจ้าตัวน้อยทั้งสองก็หยุดฝีเท้าและปิดจมูกพร้อมกัน
หลิงเยว่ไม่สนใจพวกเขา แต่มุ่งหน้าตรงไปยังสนามรบโบราณ
“ออกจากการบำเพ็ญแล้วหรือ?”
โม่จวินเจ๋อที่ต่อสู้กับสัตว์อสูรมาหลายวันกำลังจะกลับไปพักผ่อน เจอกับหลิงเยว่ที่เดินสวนทางมาพอดี พร้อมกับกลิ่นแปลก ๆ บนตัวนาง แต่เขาไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงกลั้นหายใจก็จะไม่ได้กลิ่นแล้ว
“พอดีเลย เจ้าช่วยข้าลองหน่อย”
หลิงเยว่ยัดขวดชาแปลงร่างอิงหลงใส่มือโม่จวินเจ๋อและลากเขามาที่สนามรบ
“มันคืออะไร?”
“เป็นชาแปลงร่างที่พัฒนาจากหัวหน้าตะขาบมรกตเป็นอิงหลง!”
โม่จวินเจ๋อพอได้ยิน ร่างกายก็หายเหนื่อย พลันเงยหน้าดื่มชาในมือจนหมด ปากยังคงมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ รสหวานละมุนลิ้น ดื่มแล้วอร่อยมาก
“เป็นยังไงบ้าง รู้สึกยังไง?”
หลิงเยว่ถามอย่างกระตือรือร้น นางยังไม่เคยเห็นร่างจริงของอิงหลงเลย แต่ดูจากรูปร่างมนุษย์ที่ดูดีขนาดนั้น คาดว่าร่างจริงคงไม่ต่างกันมากหรอก!
“มี”
ทันทีที่โม่จวินเจ๋อพูดจบ ก็รู้สึกว่าทั้งร่างร้อนผ่าว โดยเฉพาะหลัง เหมือนมีปีกคู่หนึ่งโผล่ออกมา และสายตาของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน…
กรร!
มังกรสีม่วงเข้มตัวหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ปีกคู่สีเดียวกันกระพือไหว หลังจากนั้นเหมือนยังไม่ชินกับร่างกายของตัวเอง มังกรก็ร่วงลงจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดลงเมื่อตกลงมาครึ่งทาง
ดวงตาสีม่วงอ่อนของมันมองไปยังทิศทางหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งลงมา พร้อมกับใช้หางคีบ หลิงเยว่ขึ้น
หลิงเยว่ลงมายืนอย่างมั่นคงบนหลังของโม่จวินเจ๋อที่แปลงกายเป็นอิงหลง มังกรหนึ่งตัวกับคนหนึ่งคนบินทะยานอยู่บนท้องฟ้า มุ่งหน้าสู่สนามรบ
อสูรร้ายบนท้องฟ้าถูกกรงเล็บคู่หนึ่งของมังกรฉีกขาด ไฟสีม่วงเข้มของมังกรเผาผลาญฝูงอสูรจำนวนมาก พวกมันแม้แต่จะร้องโหยหวนก็ยังทำไม่ได้
หลิงเยว่ที่ขี่มังกรเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นจนพูดไม่ออก ส่วนโม่จวินเจ๋อที่แปลงกายเป็นมังกรครั้งแรกก็กำลังเพลิดเพลินไปกับพลังอันยิ่งใหญ่ ทุกที่ที่คนและมังกรผ่านไป ล้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน!
ผู้บำเพ็ญที่กำลังกำจัดอสูรทีละตัวมองตามมังกรที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ด้วยดวงตาเบิกโพลง
“นั่น… อิงหลง?”
“ไม่ใช่ว่าสัตว์เทพพิทักษ์ของสำนักจ้านเจี้ยนไม่ค่อยออกรบไม่ใช่หรือ ตอนนี้ทำไมถึงออกมาแล้ว?”
“ช่างน่าเกรงขามนัก!”
“พวกเจ้าดูสิ บนหลังยังมีคนอยู่คนหนึ่งใช่ไหม? ถึงกับมีคนขี่สัตว์วิเศษโบราณได้ด้วย!”
เหล่าผู้บำเพ็ญในสนามรบต่างอิจฉาเป็นที่สุด!
ใครบ้างไม่อยากมีอิงหลงเป็นเพื่อนสักตัว!?
“เจ้าให้กำเนิดลูกชายตั้งแต่เมื่อไหร่?” เจ้าสำนักจ้านเจี้ยนมองอิงหลงบนสนามรบอย่างงงงวย แล้วหันไปมองอิงหลงตัวจริงที่อยู่ข้าง ๆ
“ไม่ใช่สักหน่อย”
อิงหลงเห็นว่า ลูกชายตนนี้สืบทอดพลังของนางมาเพียงหนึ่งในสิบ ก็รู้ทันทีว่าหลิงเยว่ทำการทดลองสำเร็จแล้ว
แถมใช้เวลาเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น…
“หรือว่า… เลือดที่เจ้าให้ไป?”
อิงหลงพยักหน้า
เจ้าสำนักจ้านเจี้ยนสูดหายใจเฮือกใหญ่ ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ถ้าให้เลือดของสัตว์เทพโบราณตนอื่น ๆ แก่หลิงเยว่ เขาจะสร้างกองกำลังสัตว์เทพโบราณที่ทรงพลังขึ้นมาได้หรือไม่?
ลองจินตนาการดูสิ ถ้ากองกำลังสัตว์เทพโบราณร่วมมือต่อสู้ด้วยกัน โอกาสชนะสงครามกับเขตแดนปีศาจในอนาคตจะสูงขึ้น!
หัวใจของเจ้าสำนักจ้านเจี้ยนเต้นแรง จากนั้นก็วิ่งเข้าสู่สนามรบ โดยมีอิงหลงตามไปติด ๆ บรรดาผู้ใหญ่ในสำนักหลานเทียนที่รู้ว่าหลิงเยว่กำลังพัฒนาชาแปลงร่างของอิงหลง ก็ปรากฏตัวบนสนามรบเช่นกัน พวกเขาต่างคิดเหมือนกับเจ้าสำนักจ้านเจี้ยน
“เจ้าลูกศิษย์ พาอาจารย์ไปด้วย!”
เล่อเหอที่ยังไม่เคยขี่มังกรก็กระโดดขึ้นหลังโม่จวินเจ๋อ
โม่จวินเจ๋อ “…”
นี่อาจารย์นับว่าเขาเป็นพาหนะเลยหรือไง?
“พาข้าไปด้วย!”
สยงฉีเลวี่ยกำลังจะขึ้นไป แต่ฤทธิ์ชาแปลงร่างดันหมดลงเสียก่อน มังกรที่ดูน่าเกรงขามและสวยงามก็หายไป แทนที่ด้วยมนุษย์สี่คน
โม่จวินเจ๋อถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนอีกสามคนที่เหลือมีสีหน้าเสียดาย
อิงหลงตัวจริงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อเห็นร่างมังกรถูกขี่ก็เหมือนกับเห็นตัวเองถูกใช้เป็นพาหนะ
นางไม่ได้รังเกียจที่จะให้คนขี่ เพียงแต่นอกจากเจ้านายผู้ทรงพลังแล้ว ไม่มีใครมีคุณสมบัติพอที่จะยืนอยู่บนหลังของนางและต่อสู้ไปด้วยกันได้!
“เลือดถังนั้น เจ้าทำชาไปทั้งหมดกี่ถ้วย”
“ไม่ได้ใช้หมด ลองแค่สิบหยดและสำเร็จแค่สามหยดเท่านั้น” หลิงเยว่ที่ถูกอิงหลงขวางทางไว้ถอนหายใจด้วยความเสียดาย อัตราความสำเร็จมีแค่สามส่วนสิบ ถ้าสำเร็จสิบส่วนสิบ อย่างน้อยก็ทำมังกรออกมาได้หลายร้อยตัว
“อัตราความสำเร็จถึงสามส่วนสิบ?!” เจ้าสำนักสำนักจ้านเจี้ยนพูดเสียงดัง โชคดีที่เสียงไม่ได้ส่งออกไป เพราะถูกม่านพลังกั้นไว้
“แม้ว่าจะต่ำเกินไปหากเทียบกับเลือดมังกรที่มีค่าขนาดนั้น แต่ข้าจะกลับไปศึกษาดูว่าจะเพิ่มอัตราความสำเร็จได้ไหม ส่วนระยะเวลาการแปลงร่างก็สั้นไปหน่อย ข้าจะศึกษาต้องศึกษาต่ออีก”
หลิงเยว่พูดแล้วนึกขึ้นได้ ไม่สนใจสีหน้าของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าว่าอัตราความสำเร็จของนางสูงนะ”
เจ้าสำนักสำนักจ้านเจี้ยนย้อนคิดถึงคำพูดของตนเองเมื่อครู่ รู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ไม่คิดว่าหลิงเยว่จะเข้าใจผิด แล้วนางยังพูดอะไรอีก… เพิ่มอัตราความสำเร็จ แล้วยังจะยืดระยะเวลาการแปลงร่างอีก?
นี่ยังไม่สมบูรณ์แบบพออีกหรอ?!
หลิงเยว่ นางเป็นอัจฉริยะจากที่ไหนกันแน่!
เจ้าของหัวสมองนี้โตขึ้นมายังไงกัน?
ชิงยวนมุมปากเชิดสูง ภูมิใจเป็นอย่างมาก สมกับเป็นศิษย์ของนาง!
“กลายเป็นอิงหลงรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เล่อเหอถามโม่จวินเจ๋อที่ยังไม่ได้สติด้วยความกระตือรือร้น
“ดีมาก…”
แต่แค่สิ้นเปลืองพลังกายและพลังวิญญาณมากเกินไป
นี่คือความคิดของโม่จวินเจ๋อ ก่อนที่เขาจะหมดสติไป