ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 287 ก็… จากไปแบบนี้เลยเหรอ?
บทที่ 287 ก็… จากไปแบบนี้เลยเหรอ?
สี่สัตว์เทพโบราณได้จากสนามรบโบราณเฉียนซีไปอย่างเงียบเชียบ แน่นอนว่าพวกเขากำลังไปยังสำนักที่พวกเขาต่างปกป้องมาหลายพันปี เพราะรู้ดีว่ามีของดีอะไรอยู่ที่นั่นบ้าง
หลังจากดื่มโอสถฟื้นปราณระดับสูงหนึ่งขวด และมีชิงยวนคอยช่วยเหลือ หลิงเยว่จึงฟื้นขึ้นมาในอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่สัตว์เทพโบราณทั้งสี่ออกเดินทางไปแล้ว เรียกว่าตื่นขึ้นมาอย่างกระปรี้กระเปร่าเลยทีเดียว!
ชิงยวนมองศิษย์ที่ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นด้วยใบหน้าซีด ศิษย์น้อยของนางนี่เป็นสัตว์กลืนกินพลังชนิดไหนกันแน่?
นางเป็นผู้บำเพ็ญขอบเขตบำเพ็ญเต๋าระดับกลาง แต่ในเวลาเพียงชั่วครู่ พลังของนางกลับถูกดูดไปถึงหนึ่งในสาม ทั้งที่ให้ไปมากขนาดนี้แล้ว แต่หลิงเยว่กลับไม่มีทีท่าว่าจะก้าวข้ามขอบเขตเลยสักนิด
“ท่านอาจารย์ ท่านรู้สึกไม่สบายตัวหรือเปล่าเจ้าคะ?”
ชิงยวนแทบจะหัวเราะออกมาด้วยความหงุดหงิด
“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
หลิงเยว่ได้ยินดังนั้นจึงรีบลุกออกจากเตียงทันที “ท่านอาจารย์พักผ่อนสักหน่อยนะเจ้าคะ ข้าจะไปทำอาหารบำรุงให้ท่าน!”
ชิงยวนยังไม่ทันได้ห้าม หลิงเยว่ก็หายตัวไปแล้ว
ดีเหมือนกัน นี่ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้กินอาหารที่ศิษย์ตัวน้อยทำ ชิงยวนนอนลงอย่างสบายใจ
หลิงเยว่เพิ่งจะออกมาจากกระโจมก็เห็นสายตาเป็นห่วงของโม่จวินเจ๋อ นางยิ้มกว้าง “ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
อวี้เจินตบอก
“พวกข้าคิดว่าเจ้าถูกพลังปีศาจที่ปรากฏออกมาก่อนหน้านี้ทำร้ายซะแล้ว!” ว่านอวี้เฟิงพูดพลางชี้ไปทางห้องกลั่นโอสถขนาดใหญ่
“ศิษย์น้องหลิง เจ้าออกมาจากที่ไหนกัน? ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ลู่เป่ยเหยียนเหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็น ทั้งมองห้องกลั่นโอสถและหลิงเยว่สลับไปมา
“ไม่มีอะไรหรอก”
ในเมื่อเหล่าผู้อาวุโสบอกให้ปิดเป็นความลับ หลิงเยว่คงต้องปิดปากให้สนิทแล้ว
“พวกเราไม่ได้กินมื้อใหญ่ด้วยกันมานานแล้วนะ…”
“ศิษย์น้องหลิง ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!”
พอได้ยินเรื่องกิน ติงหลิวหลิ่วก็ตื่นเต้น รีบพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมพร้อมล้างเนื้อสัตว์อสูรทันที พวกเขาไม่ได้มารวมตัวกินอาหารอร่อยมานานแล้วจริง ๆ
เป็นเพราะศิษย์น้องหลิงเก็บตัวบำเพ็ญ ส่วนพวกเขาก็ไปสนามรบ
“พวกท่านอยากกินอะไร?” หลิงเยว่เอียงหน้าถามโม่จวินเจ๋อที่กำลังล้างสมุนไพรวิญญาณอย่างว่าง่าย
“ทุกอย่าง…”
“ข้าอยากกินนกย่างราดน้ำเชื่อมผลไม้!”
เสียงของผู่ตานดังมาก่อนตัว ไม่เพียงแต่หลงหว่านโหรวที่ตามมาด้วย แต่ยังมีสือเชี่ยนและฉีซิวซีที่ถูกบังคับให้เป็นคนยกนกปีศาจกลับมาด้วย
ตอนนี้ทุกคนมาครบแล้ว
“อะไรกัน! เจ้ามนุษย์เปราะบาง เจ้าจะทำของอร่อยแต่ไม่บอกข้าเหรอ!”
“ยังต้องบอกอีกหรือ?” หลิงเยว่ยิ้มเยาะ
หัวหน้าตะขาบมรกตฮึดฮัดใส่
ตอนนี้เซี่ยซิ่นรุ่ยถือกล่องอาหารใบใหญ่ และจูงฮวนฮวนเดินมาด้วย
คนหลังดิ้นหลุดจากมือของพี่ชาย กระโดดโลดเต้น “อาจารย์หลิง ฮวนฮวนก็มาช่วยด้วยนะเจ้าคะ!”
“อาจารย์หลิง ท่านฟื้นตัวเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?!”
เซี่ยซิ่นรุ่ยมองกล่องอาหารในมืออย่างไร้คำพูด นี่คือของบำรุงที่พวกเขาทำขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่อาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับมีใบหน้าแดงระเรื่อ กระปรี้กระเปร่า ดูเหมือนจะไม่ต้องการแล้ว
“ให้ข้าเหรอ?”
หลิงเยว่เปิดกล่องอาหารในทันที กลิ่นหอมสดชื่นโชยมา ทั้งหมดเป็นอาหารวิญญาณพิเศษที่ทำอย่างประณีตเพื่อรักษาและฟื้นฟูพลังวิญญาณ และยังเป็นของโปรดของนางทั้งหมดอีกด้วย
สุดท้ายก็ต้องเป็นลูกศิษย์ของนาง ที่เข้าใจนางมากที่สุด!
“ช่างใส่ใจจริง ๆ”
เซี่ยซิ่นรุ่ยเห็นหลิงเยว่ใส่กล่องอาหารลงในแหวนเก็บของอย่างระมัดระวังก็ยิ้มออกมา
“อาจารย์หลิงไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นข้าขอตัวกลับก่อน…”
“อย่าเพิ่งสิ เจ้าอยู่ช่วยหน่อย พวกนี้มีแต่ล้างสมุนไพร จัดการสัตว์อสูร ไม่มีประโยชน์อะไรเลย…”
หลิงเยว่ปิดปากลงเมื่อเห็นสายตาโกรธเกรี้ยวหลายคู่จ้องมา
“ไปหาลูกศิษย์มาเพิ่มอีกสักหน่อยเถอะ ตอนเย็นเราจะจัดงานเลี้ยงกัน!”
“แต่พวกเรายุ่งมาก…”
เซี่ยซิ่นรุ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ ตั้งแต่มีข่าวแพร่ออกไปว่าอาหารสามารถขับไล่พลังปีศาจได้ ลูกศิษย์ในชั้นเรียนพิเศษก็ยุ่งตัวเป็นเกลียว ขาดแคลนคนอย่างหนัก ถึงแม้ผู้บำเพ็ญจากเมืองฮั่วหยางจะเข้ามาช่วยเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังไม่เพียงพออยู่ดี
การหาหินวิญญาณเป็นเรื่องรอง แต่พวกเขาพยายามทำอาหารขับไล่ปีศาจให้ได้มากที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าผู้บำเพ็ญที่เข้าสู่สนามรบจะไม่ได้รับอันตรายจากพลังปีศาจ นี่คือภารกิจในปัจจุบันและเป็นภารกิจระยะยาวของพวกเขาด้วย
“ได้ งั้นข้าจะไปช่วยแล้วกัน”
หลิงเยว่พูดจบ นางโยนส่วนผสมหม้อไฟเผ็ดร้อนที่ผัดไปได้ครึ่งทางทิ้ง แล้วรีบร้อนเดินตามเซี่ยซิ่นรุ่ยไป
ก็… เดินจากไปแบบนี้เลยเหรอ?
งานเลี้ยงที่ตกลงกันไว้ นกย่างที่ตกลงกันไว้ หม้อไฟที่ตกลงกันไว้ สิ่งที่ตกลงกันไว้ทั้งหมด…
คนที่ถูกทิ้งไว้ต่างมองหน้ากัน
“ถ้างั้น… พวกเราก็ไปช่วยด้วยเถอะ”
อวี้เจินยกหม้อไฟขึ้นมา ส่วนผู่ต้านหยิบนกที่หมักไปได้ครึ่งทาง โม่จวินเจ๋อคว้าสมุนไพรวิญญาณที่ล้างเสร็จแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ก็พากันวิ่งตามหลังหลิงเยว่ไปด้วย
หลิงเยว่มาถึงพื้นที่ของอาหารวิญญาณพิเศษ นางตกใจกับภาพคนแน่นขนัดตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง
นางจำได้ว่าตอนแรกมีแค่นางกับนักเรียนจากเมืองฮั่วหยางไม่กี่คนตั้งแผงย่างเนื้อสัตว์อสูร ต้มน้ำแกงงูปีศาจ ทั้งที่ตะโกนขายเสียงดัง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสนใจพวกเขา
สุดท้ายเหล่าผู้อาวุโสของสำนักหลานเทียนถึงต้องบังคับให้ลูกศิษย์มากินอาหารเหล่านี้เพื่อขับไล่พลังปีศาจ ถึงจะมีคนมาบ้าง แต่หลิงเยว่ไม่คาดคิดว่าเพียงปีเดียวจะใหญ่โตขนาดนี้แล้ว
“อาจารย์หลิง ทำไมท่านถึงมาที่นี่ล่ะ?”
จื่อเฉาอวี่ตาสว่าง กำลังจะวางเนื้องูย่างในมือลง แต่ผู้บำเพ็ญที่ต่อแถวอยู่ไม่ยอม ต่างพากันประท้วง
“ข้าย่างมาสามวันติดต่อกันแล้ว ถ้ายังโวยวายอีกก็มาย่างเองเลยไหม!”
จื่อเฉาอวี่ที่หงุดหงิดทำให้ฝูงชนเงียบลงในพริบตา และทำให้นางดูแปลกไปในสายตาของหลิงเยว่ อะไรที่บังคับให้ลูกศิษย์ของนางต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้กัน?
“อาจารย์หลิง ช่วยลูกศิษย์ที่น่าสงสารด้วยเถอะ!”
ซีหลินสะอื้น พลางมองตาหลิงเยว่ทั้งน้ำตา ท่าทางนั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน
หลิงเยว่แสดงความรักที่ไม่อาจ… โอ้! ไม่ใช่! นางยังสามารถช่วยเหลือได้บ้าง! การปิ้งนั้นยุ่งยาก แต่สามารถใช้วิธีทอดได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเสียบย่างหรือหม้อไฟรวมมิตรแบบไหนก็อร่อยทั้งนั้น ขั้นตอนการทำนั้นง่ายกว่าเนื้อย่าง ซาลาเปา เกี๊ยว และโจ๊กเสียอีก
อีกทั้งช่วงนี้มีผู้บำเพ็ญมาที่ดินแดนตะวันตกไม่น้อย ทั้งยังมีศิษย์จากสำนักกลั่นโอสถต่าง ๆ ด้วย!
“งั้นไม่กินหม้อไฟแล้วเหรอ?”
อวี้เจินที่ถือน้ำหม้อไฟอยู่ทำหน้าผิดหวัง
“กินสิ!”
หลิงเยว่มอบหมายงานให้กับเหล่าคนว่างที่ตามนางมา ส่วนนางไปต้มน้ำแกงกระดูกปีศาจ เพื่อใช้ทำเป็นน้ำแกงสำหรับหม้อไฟรวมมิตร ในขณะที่ต้มน้ำแกงก็ทำน้ำปรุงหลากหลายรสชาติไปด้วย ใช้สำหรับจิ้มของทอด
แม้แต่น้ำมัน… หลิงเยว่ก็ใช้ไขมันของสัตว์อสูรพวกมันมีสีดำสนิท ดูเหมือนในหม้อนั้นเต็มไปด้วยพิษ โดยเฉพาะเมื่อให้ความร้อนแล้วมีฟองลอยขึ้นมา ยิ่งดูเหมือนยาพิษมากขึ้น แม้ว่ากลิ่นจะไม่เหม็นก็ตาม
ฉ่า!
ชามใหญ่ที่เสียบเนื้อสัตว์อสูรถูกเทลงในน้ำมันสีดำ ทอดด้วยไฟอ่อนช้า ๆ กลิ่นหอมโชยออกมาอย่างรวดเร็ว น่ากินไม่แพ้เนื้ออสูรย่างเลย
โดยเฉพาะหลังจากทอดจนสุก ข้างนอกกรอบข้างในดำ ดูเหมือนอาหารพิษพอสมควร แต่เมื่อทาด้วยน้ำปรุงสีแดงฉูดฉาดแล้ว กลับดูน่ากินเป็นอย่างมาก!