ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 298 เจ้ารอดจากการถูกเผาได้อย่างไร?!
บทที่ 298 เจ้ารอดจากการถูกเผาได้อย่างไร?!
กลุ่มคนต่างวิ่งไล่ตามกันไปมา ถูกสิ่งชั่วร้ายลากเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของทะเลทราย
หลิงเยว่จำได้เพียงว่านางร่วงหล่นลงมาเป็นเวลานานมาก เมื่อเห็นหลงหว่านโหรวแวบหนึ่ง นางก็ร้องตะโกนออกมา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเร็วที่เร็วเกินไปจนทำให้ขาดอากาศหายใจหรือไม่ ระหว่างทางหลิงเยว่จึงหมดสติไป ครั้นลืมตาขึ้นมา ภาพที่พร่ามัวกลับชัดเจน แต่ทั้งใต้ดินกลับมีเพียงสีม่วงเข้ม
มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด…
หลิงเยว่พยายามขยับร่างกาย แต่พบว่าร่างของนางถูกเปลวเพลิงสีม่วงห่อหุ้มไว้ เพียงนางดิ้นรนเล็กน้อย เปลวเพลิงก็ยิ่งโอบรัดแน่นขึ้น ทั้งยังรู้สึกแสบร้อนอีกด้วย
นางพยายามใช้พลังวิญญาณ แต่กลับพบว่าพลังวิญญาณหายไปจนหมดสิ้น ราวกับถูกดูดออกไปตอนที่หมดสติ
เป็นเช่นนี้คงไม่ปลอดภัยแน่ หลิงเยว่พลันร้องเรียกระบบในใจ
“ระบบ ข้ายังเหลืออายุขัยอีกกี่วัน?”
[เจ็ดหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยสี่สิบสี่วัน]
หลิงเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก สาเหตุที่นางตื่นเต้นก็เพราะนึกถึงเปลวเพลิงในแดนต้องห้ามของสำนักหลานเทียน แม้ว่าจะถูกสัมผัสเพียงเล็กน้อย พลังวิญญาณไม่ได้ลดลง แต่ในตอนนั้นเพียงชั่วพริบตาก็หายไปร้อยวันแล้ว
นางกลัวว่าไฟประหลาดนี้จะดูดกลืนชีวิตของผู้คนด้วย ถ้างั้นนาง… คงน่าสงสารมาก
“โม่จวินเจ๋อ ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง…” หลิงเยว่ร้องเรียกสหายของนางจนเสียงแหบแห้ง แต่ไม่มีใครตอบกลับนาง
ขณะที่หลิงเยว่รู้สึกถึงลางร้าย หัวหน้าตะขาบมรกตที่นางลืมไปโดยไม่รู้ตัวก็สบถออกมา!
“ปล่อยข้าออกไปยายแก่! ไฟแค่นี้ ข้ากินได้เป็นสิบลูก!”
“หัวหน้าตะขาบมรกต เจ้าอยู่ที่ไหน!”
หลิงเยว่มองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบร่องรอยของหัวหน้าตะขาบมรกตเลย
“เจ้ามนุษย์เปราะบาง เจ้าไม่ได้โดนเผาตายแล้วรึ?!”
น้ำเสียงของหัวหน้าตะขาบมรกตเต็มไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นมองไปที่เปลวเพลิงสีม่วงที่กำลังลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง พยายามจะเผาร่างให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ไฟประหลาดที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเปลวเพลิงสวรรค์เช่นนี้กลับไม่สามารถเผาผลาญหลิงเยว่ได้?
เปลือกนอกที่แม้แต่ดาบหรือหอกก็ไม่อาจทำอันตรายได้ของเขายังเกือบจะถูกเผาจนไหม้ด้วยซ้ำ!
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
หัวหน้าตะขาบมรกตที่กำลังสบถพยายามว่ายไปหาหลิงเยว่ แต่ยิ่งดิ้นรน เปลวเพลิงสีม่วงที่เกาะอยู่บนร่างกายก็ยิ่งร้อนขึ้น เขา… จึงไม่กล้าขยับอีกต่อไป แต่ใช้กำลังทั้งหมดต้านทานเปลวเพลิงที่ต้องการจะกินพลังของเขาแทน
“อย่าให้พวกมันดูดกลืนพลังวิญญาณไปหมด!”
“เจ้าพูดช้าไปแล้ว!” หลิงเยว่ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากภารกิจไม่ได้บังคับให้นางนำเปลวเพลิงสีม่วงนี้ไปกลั่น นางต้องปลุกเจ้าอีกาสุริยันให้มันมาเก็บกวาดเจ้าไฟนี่ให้สิ้นซากไปซะ!
“ถ้างั้นเจ้าก็ซวยแล้ว! ถ้าพลังวิญญาณถูกดูดกลืนไปหมดแล้ว เปลวเพลิงจะเริ่มดูดกลืนระดับการบำเพ็ญแทน”
“!!!”
ผู่ตานที่เพิ่งรู้สึกตัวได้ยินข่าวร้ายที่หัวหน้าตะขาบมรกตพูดพอดี เขาจึงรีบตรวจสอบระดับการบำเพ็ญของตัวเอง แล้วต้องตกตะลึง…
ระดับการบำเพ็ญขอบเขตปฐมวิญญาณที่เขาอุตส่าห์ฝึกฝนมาจากขอบเขตจินตาน กลายเป็นแบบย่อส่วน ร่างบำเพ็ญขอบเขตปฐมวิญญาณที่ดูหล่อเหลากำลังเปลี่ยนรูปร่างไปมาระหว่างขอบเขตจินตานกับร่างเล็กของเขา
ชั่วร้ายเกินไปแล้ว!
ผู่ตานรีบตั้งสติ พร้อมกับร่วมมือกับขอบเขตปฐมวิญญาณเพื่อต่อต้านเปลวเพลิงที่กำลังดูดกลืนระดับการบำเพ็ญของเขา ประสบการณ์ที่เคยถูกโจมตีจนระดับการบำเพ็ญถดถอยยังคงติดตา เขาไม่อยากประสบพบเจออีกแล้ว!
หลิงเยว่รู้ว่าเหล่าศิษย์พี่ของนางต้องอยู่ในทะเลเพลิงอย่างแน่นอน ในขณะที่พยายามรักษาจิตใจให้มั่นคง นางร้องตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพยายามปลุกและเตือนสติทุกคน
“ทุกคนรีบตื่นเร็ว! อย่าให้เปลวเพลิงดูดกลืนระดับการบำเพ็ญไปเชียว!”
ถือว่าเสียงตะโกนยังได้ผลบ้าง โม่จวินเจ๋อที่อยู่ใกล้หลิงเยว่มากที่สุดสะดุ้งตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาทำคือการใช้พลังวิญญาณ แล้ว… ตกอยู่ในสงครามยืดเยื้อกับเปลวเพลิงสีม่วง
เปลวเพลิงไม่ได้ต้องการเผาพวกเขา แต่กำลังกลืนกินผู้คนที่ถูกจับมาทีละน้อย กลืนกินพลังวิญญาณและระดับการบำเพ็ญของพวกเขา
หลงหว่านโหรวคาดเดาว่าพืชและสัตว์ที่หายไปในใจกลางทะเลทรายคงถูกเปลวเพลิงจับมาทั้งหมด
แม้แต่มดตัวเล็ก ๆ มันยังไม่ยอมปล่อย ราวกับว่ามันกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง!
หมอกแดง!?
เกือบทุกคนต่างคาดเดาได้
ว่านอวี้เฟิงเห็นแมงป่องทะเลทรายข้างกายค่อย ๆ เล็กลง แล้วหายวับไปในพริบตา…
แมงป่องทะเลทรายยิ่งแข็งแกร่ง ร่างกายจะยิ่งใหญ่ขึ้น การที่มันเล็กลงจนกลายเป็นลูกแมงป่องตัวน้อย แสดงว่าระดับการบำเพ็ญของมันถูกดูดกลืนไปจนหมด…
เปลวเพลิงนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
อวี้เจินเบิกตากว้าง จิตใจทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการต่อต้านเปลวเพลิงสีม่วง ไม่แม้แต่จะกล้าขยับร่างกาย เพราะเพื่อนบ้านของนาง อย่างหนอนทรายที่พยายามดิ้นรนต่อสู้อยู่ ก็กลายเป็นเถ้าธุลีต่อหน้าต่อตานาง
“ทำไมเจ้าสิ่งนี้ถึงน่ากลัวกว่าหมอกแดงอีก!”
เหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากของสือเชี่ยนระเหยไปทันทีเพราะอุณภูมิที่ร้อนจัด ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของนางแห้งผาก ฉีซิวซีที่อยู่ข้าง ๆ นางดูน่าสังเวชกว่ามาก ร่างกายกลายเป็นสีม่วง แม้แต่เส้นเลือดที่ปูดโปนก็ยังมีสีม่วง
“ศิษย์น้อง เจ้าอย่าขยับนะ!”
ฉีซิวซีไม่พูดอะไร เพียงแต่กะพริบตาเป็นการตอบสนอง พลังที่เหลือทั้งหมดถูกใช้ไปกับการต่อต้านเปลวเพลิงสีม่วงที่กำลังรุกรานร่างกายของเขา
ทุกคนกำลังยื้อยุดกับเปลวเพลิง หลิงเยว่แบ่งพลังส่วนหนึ่งออกมาร้องเรียกระบบ
“ระบบ เจ้าช่วยบอกใบ้หน่อยเถอะ พวกเรากำลังจะพ่ายแพ้แล้ว”
หลิงเยว่รู้สึกผิดในใจ หากรู้ว่าเปลวเพลิงจะชั่วร้ายเช่นนี้ ตอนนั้นนางควรจะมาเอง แม้จะตายก็ตายแค่คนเดียว…
[หากมันดูดกลืนเจ้า เจ้าก็ดูดกลืนมันกลับไปสิ]
น้ำเสียงของระบบแฝงไปด้วยความจนใจเล็กน้อย
ดูดกลืน?
ใช่แล้ว นางถนัดการดูดกลืนพลังวิญญาณเช่นกัน!
หลิงเยว่รีบเปิดร้านค้าของระบบแลกเปลี่ยน เพื่อค้นหาเมล็ดพันธุ์ที่ไม่กลัวเปลวเพลิงออกมา
นางค้นหาแล้วค้นหาอีก ในที่สุดก็พบเมล็ดพันธุ์จำนวนไม่น้อย แต่ละเมล็ดต้องใช้พลังวิญญาณหนึ่งแสนล้าน ระบบนี่มันปล้นกันชัด ๆ!
หลิงเยว่มีพลังวิญญาณไม่พอ เลยเสนอกับระบบว่า “ข้าขอติดไว้ก่อนได้ไหม?”
[ไม่อนุญาตให้ติดเป็นจำนวนมากเกินไป]
ยังไม่ทันได้ด่าระบบ ประโยคถัดไปก็ทำให้หลิงเยว่คลายโทสะลงได้บ้าง
[เจ้าไม่ได้มีเมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงอยู่หรอกรึ?]
เมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงอะไรกัน?
นางมีของแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
หลิงเยว่ทำหน้างง ครุ่นคิดอยู่นานยังนึกไม่ออกว่าเคยมีเมล็ดพันธุ์ระดับสูงเช่นนั้นมาก่อน
ระบบทนมองหลิงเยว่ทำท่าทางโง่เขลาแบบนั้นไม่ไหว จึงเตือนนางอีกครั้ง
หลิงเยว่นึกขึ้นได้ ในตอนที่นางอยู่ที่สำนักกลั่นโอสถ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอสุราปราบมารจากนาง โดยใช้เมล็ดพันธุ์แลกเปลี่ยน แล้วยังบอกว่าเป็นบุญคุณที่ช่วยชีวิต ไว้ภายภาคหน้าจะตอบแทน
แต่พอได้ยินอาจารย์ใหญ่พูดว่า การใช้ทักษะเร่งการเจริญเติบโตเพื่อเพาะเมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงเก้ากลีบต้องใช้เวลานับพันปี นางเลยหมดหวัง เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ในแหวนมิติจนฝุ่นเกาะ แล้วไม่เคยนึกถึงมันอีกเลย
“นั่นไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงเก้ากลีบหรอกรึ?!”
หลิงเยว่จำได้ว่าเมล็ดพันธุ์นั้นมีสีแดงก่ำ เหมือนกับดอกบัวเพลิงเก้ากลีบไม่มีผิดเพี้ยน
ดูเหมือนว่าระบบจะไม่อยากสนใจหลิงเยว่อีกต่อไป จึงไม่พูดอะไรอีก
“เอาโอสถฟื้นปราณขั้นสูงมาเม็ดหนึ่ง ป้อนข้าด้วย!”
ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ดอกบัวเพลิงเก้ากลีบจริง ๆ หรือไม่ หลิงเยว่ก็ตัดสินใจที่จะฟื้นฟูพลังวิญญาณก่อน มีเพียงพลังวิญญาณที่ฟื้นฟูแล้วเท่านั้นถึงจะเปิดแหวนมิติและใช้ทักษะเร่งการเจริญเติบโตได้
[หากต้องการเร่งการเจริญเติบโตของดอกบัวเพลิงเก้ากลีบ โอสถฟื้นปราณขั้นสูงหนึ่งเม็ดไม่เพียงพอ ต้องใช้โอสถฟื้นปราณระดับเทพห้าเม็ด]
หลิงเยว่ “?”
“ยอดคงเหลือของข้า… พอซื้อห้าเม็ดไหม?”
[ยอดคงเหลือสองแสนห้าหมื่นล้าน โอสถฟื้นปราณระดับเทพเม็ดละหนึ่งแสนล้าน สามารถติดไว้ได้สองแสนห้าหมื่นล้าน]
หลิงเยว่มองระบบราวกับเป็นคนโง่!
แต่ตอนนี้มีเพียงระบบเท่านั้นที่สามารถช่วยให้นางฟื้นฟูพลังวิญญาณได้ เลยได้แต่สบถอยู่ในใจ แต่สุดท้ายก็ต้องกัดฟันซื้อไว้อยู่ดี!