ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 300 โอสถระดับเทพก็เทียบไม่ได้!
บทที่ 300 โอสถระดับเทพก็เทียบไม่ได้!
ดอกบัวเพลิงถูกเหล่าสิ่งชั่วร้ายกลืนกินจนมองไม่เห็น
หลิงเยว่กลับตะโกนบอกให้สหายน้อยทั้งหลายอย่าได้ตื่นตระหนก พวกเขาจะออกไปจากที่นี่ได้ในไม่ช้า
แท้จริงนางร้อนใจยิ่งนัก ดอกบัวเพลิงดูเหมือนจะกินไม่ไหวแล้ว ทว่ารากกลับยังคงดูดซับพลังของเปลวไฟแปลกประหลาดอย่างมีความสุข ไร้ทีท่าว่าจะอิ่มด้วยซ้ำ
น่าจะ… ไม่เป็นไรกระมัง?
“ศิษย์น้องห้า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะออกไปได้ในไม่ช้า?”
ว่านอวี้เฟิงรีบเอ่ยถาม เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องของเขาต้องกังวล
“ศิษย์พี่รอง! ท่านยังอยู่หรือ!”
หลิงเยว่ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ครั้งก่อนที่เจ้าสิ่งชั่วร้ายเลียนแบบเสียงของว่านอวี้เฟิงตอบกลับนาง ตอนนั้นนางกลัวว่าเขาจะตายไปแล้ว แต่พอลงมาข้างล่างก็ได้รู้ว่าเปลวไฟต้องการทรมานเหยื่อ ไม่ได้ทำให้เหยื่อตายในทันที นางจึงคลายใจลงครึ่งหนึ่ง
บัดนี้ได้ยินเสียงตอบรับจากเจ้าตัวแล้ว อีกครึ่งหนึ่งของความกังวลจึงมลายหายไป
“เขายังไม่ตาย ศิษย์น้องหลิงบอกมาเถิดว่าพบเจอสิ่งใดเข้า?” ผู่ตานตอบแทนว่านอวี้เฟิงอย่างร้อนรน ที่นี่ทนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว!
เพราะยิ่งติดอยู่นานเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่ระดับการบำเพ็ญจะถูกดูดกลืนยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาไม่มีพลังวิญญาณหลงเหลืออยู่เลย ต้องใช้จิตสำนึกและความแข็งแกร่งของร่างกายต่อต้านเปลวไฟแปลกประหลาด หากเผลอเพียงนิดเดียว ขอบเขตปฐมวิญญาณที่พวกเขาบำเพ็ญกันมาอย่างยากลำบากอาจลดลงไปเป็นขอบเขตจินตานได้ในทันที
“ทุกคนรักษาระดับการบำเพ็ญของตัวเองไว้ให้ดี อีกไม่นานพวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้ ข้ารับรอง!”
แท้จริงแล้วดอกบัวเพลิงที่หยุดกินไปเมื่อครู่ กำลังย่อยหินสีม่วงที่ฝังอยู่ในดวงตาของสิ่งชั่วร้าย พอมันย่อยได้หมดแล้ว ขนาดของมันก็ใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว กลีบดอกไม้สีม่วงยิ่งเข้มและหนาขึ้นเช่นกัน
แต่ที่น่าแปลกใจคือสีม่วงในเกสรกลับจางลง เกสรสีแดงเพลิงดั้งเดิมโอบล้อมจุดสีม่วงจาง ๆ นั้นไว้แน่น
หลิงเยว่ไม่อาจเข้าใจ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความหวังที่ลุกโชนในใจนาง นางต้องการส่งต่อความหวังนี้ให้กับสหายที่กำลังเผชิญความยากลำบาก
พลังวิญญาณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายครึ่งหนึ่งถูกเปลวไฟแปลกประหลาดดูดซับไป อีกครึ่งหนึ่งหล่อเลี้ยงดอกบัวเพลิง หลิงเยว่ที่กลายเป็นสถานีถ่ายเทพลังวิญญาณ เลยมีใบหน้าซีดเซียว จนแม้แต่เปลวไฟสีม่วงก็ไม่อาจปกปิดได้ โม่จวินเจ๋อมองดูด้วยความกังวลยิ่งนัก
หลิงเยว่มองทะลุดอกบัวเพลิงไปเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของโม่จวินเจ๋อ นางจึงรีบเอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไร!”
จะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่เป็นไร?
โม่จวินเจ๋อมองเข้าไปในร่างกายของตนเอง พยายามจะบังคับให้สิ่งที่เกาะอยู่บนปฐมวิญญาณของเขาออกมา
สิ่งนั้นมีรูปร่างเป็นทรงกลมโปร่งใสคล้ายกับดวงแสงดวงหนึ่ง เมื่อมันถูกก่อกวนอย่างต่อเนื่องก็เริ่มรำคาญ พลันพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่? ไปช่วยนางหน่อย!”
ดูเหมือนว่าดวงแสงนั้นจะเข้าใจ มันเลยแยกหยดน้ำเล็ก ๆ ออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก หยดน้ำสั่นไหวอย่างหวาดกลัวก่อนจะลอยออกไป โม่จวินเจ๋อคิดว่ามันจะระเหยกลายเป็นไอไปในทันทีเพราะความร้อนสูง ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น
ดูเหมือนว่าหยดน้ำจะเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า ทว่าแท้จริงแล้วมันรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ พุ่งตรงไปยังหลิงเยว่ทันที
“!!!”
ท่ามกลางทะเลเพลิงกว้างใหญ่เช่นนี้ ทำไมถึงมีหยดน้ำได้!?
[เอ๊ะ?]
ระบบส่งเสียงอย่างประหลาดใจ
“ระบบ… นี่มัน… จะเป็นร่างจริงของเปลวไฟสีม่วงหรือไม่?”
หากไม่ใช่ หลิงเยว่คงไม่อาจหาคำอธิบายได้ว่าเหตุใดหยดน้ำจึงไม่ระเหยไปเช่นนี้?
[ไม่สิ… กินมันซะ]
“กิน… งั้นรึ?”
กินแบบนี้ไม่ดีหรอกกระมัง?
แม้จะคิดเช่นนั้น ทว่าหลิงเยว่ก็อ้าปากโดยไม่รู้ตัว หยดน้ำเล็ก ๆ ไหลลงคอนางไป ราวกับความแห้งแล้งที่ได้พบกับสายฝน ร่างกายที่อ่อนล้าและจิตใจที่อ่อนแอลงทุกขณะได้รับการหล่อเลี้ยงแล้ว
“นี่มันโอสถวิเศษใดกัน?”
ใบหน้าซีดขาวของหลิงเยว่กลับมามีชีวิตชีวาอย่างรวดเร็ว สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ปฐมวิญญาณห้าสีของนางลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง ปรากฏเป็นดวงตาเป็นสีเขียวมรกต!
ช่างงดงาม บริสุทธิ์ ไร้ที่ติ!
สิ่งนี้ไม่สามารถนำไปเทียบกับโอสถใด ๆ ได้เลย!
ระบบมองไปที่โม่จวินเจ๋ออย่างครุ่นคิด
โม่จวินเจ๋อที่มีสัมผัสเฉียบแหลมมองกลับไปที่ระบบ แต่กลับสบตากับหลิงเยว่พอดี
“หยดน้ำนั่น ท่านเป็นคนส่งมาให้ข้าหรือ?”
โม่จวินเจ๋อพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
หลิงเยว่จึงมอบรอยยิ้มสดใสให้แก่เขา ทะเลเพลิงสีม่วงอันงดงามและดอกบัวเพลิงที่กำลังผลิบานอย่างงดงามก็ไม่อาจปกปิดรอยยิ้มของนางได้
จู่ ๆ ดวงแสงก็ส่งเสียงฮึ่ม จากนั้นภาพตรงหน้าของโม่จวินเจ๋อก็พร่ามัว
โม่จวินเจ๋อ “…”
แม้ว่าดวงตาของเขาจะถูกบดบัง ทว่าเขายังยกยิ้มมุมปาก ตอบกลับรอยยิ้มของ หลิงเยว่
หยดน้ำทำให้นัยน์ตาของปฐมวิญญาณห้าสีที่หลับสนิทของหลิงเยว่ลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองไปยังเส้นชีพจรของนางที่เบาบางลงเพราะการเป็นสถานีถ่ายเทพลังวิญญาณ และตอนนี้กำลังได้รับการซ่อมแซมจนเส้นชีพจรของนางเริ่มแข็งแกร่งขึ้นแล้ว…
หลังจากที่เส้นชีพจรทั้งหมดได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อย แสงของดวงตานั้นกลับหยุดลงที่หัวใจของหลิงเยว่ นางประหลาดใจที่พบว่าหยดเลือดบริสุทธิ์ที่สูญเสียไปเมื่อครู่ กำลังก่อตัวขึ้นใหม่!
นี่มัน… หยดน้ำนี่ช่างทรงพลังยิ่งนัก!
รอให้ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว นางต้องไปถามโม่จวินเจ๋อให้รู้เรื่องว่าหยดน้ำนั่นคืออะไร ทำไมถึงได้สามารถรวบรวมหยดเลือดบริสุทธิ์ได้ในพริบตา!
หลิงเยว่รู้สึกว่าตอนนี้จิตใจของนางดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดอกบัวเพลิงที่ถูกสิ่งชั่วร้ายกลืนกินอีกครั้งกำลังเปล่งประกาย มันขยายขนาดจากดอกบัวขนาดปกติ จนใหญ่เท่าสระน้ำเล็ก ๆ ส่วนรากเดี่ยวนั้นก็มีขนาดเท่าข้อมือของนางแล้ว…
สิ่งชั่วร้ายไหลบ่ามาจากทุกทิศทุกทาง ฐานดอกและรากต่างแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน อันหนึ่งกินภูตผี อีกอันหนึ่งดูดซับพลังงานของเปลวไฟแปลกประหลาด
ในที่สุดสหายของนางก็ได้เห็นดอกบัวเพลิงขนาดมหึมาที่ซ่อนอยู่ในทะเลเพลิงสีม่วง อวี้เจินชี้ไปที่ดอกบัวด้วยความประหลาดใจ “นั่น… นั่นมันอะไรกัน!”
“นั่นคือร่างจริงของเปลวไฟแปลกประหลาดหรือ? งดงามยิ่งนัก!” ติงหลิวหลิ่วอุทานด้วยความประทับใจ
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ดอกบัวเพลิง หลงหว่านโหรวและว่านอวี้เฟิงจำได้ดีว่าดอกบัวสีม่วงนี้คืออะไร
“ศิษย์พี่ใหญ่ นั่นคือ… ดอกบัวเพลิงพันปีที่หายสาบสูญไปแล้วไม่ใช่หรือ?” เสียงของว่านอวี้เฟิงสั่นเทา แม้แต่ลมหายใจก็ยังไม่มั่นคง เกือบจะถูกเปลวไฟสีม่วงที่แทรกซึมเข้ามาโจมตี แต่โชคดีที่เขาควบคุมอารมณ์ได้ทัน
“ดอกบัวเพลิงพันปีอะไรกัน? จะสู้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ?” ในใจของลู่เป่ยเหยียน ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สีทองที่สามารถชำระล้างความโสมมทั้งปวงในโลกที่พุทธวิหารนั่นต่างหากคือสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด!
“ดอกบัวเพลิงพันปีคือบรรพบุรุษของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ทำได้ มันทำได้ดีกว่า และสิ่งที่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ทำไม่ได้มันก็ทำได้!”
ผู่ตานมองดอกบัวเพลิงพันปีด้วยความปรารถนา อยากจะมองดอกบัวเพลิงพันปีในตำนานให้มากขึ้น เพียงแต่แปลกใจที่รูปลักษณ์ของดอกบัวเพลิงพันปีในตอนนี้ แตกต่างจากสีที่บันทึกไว้ในบันทึกโบราณ โดยเฉพาะเกสรดอกไม้
“หมายความว่า ดอกบัวสีม่วงดอกนี้ไม่ใช่ร่างจริงของเปลวไฟแปลกประหลาด?”
“ดอกบัวเพลิงพันปีสามารถกำจัดเปลวไฟแปลกประหลาดและพาพวกเราออกไปได้หรือไม่!?”
สือเชี่ยนเพิ่งเอ่ยจบ ฉีซิวซีก็พูดต่อทันทีด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“น่าจะ… ได้กระมัง?” หลงหว่านโหรวไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะดอกบัวเพลิงพันปีไม่เหมือนกับที่นางจินตนาการเอาไว้ แต่การปรากฏตัวของมันก็นำมาซึ่งความหวัง!
“ได้สิ พวกท่านรออีกหน่อยเถิด!”
หลิงเยว่ยืนยันเสียงดัง
ไม่รู้ว่าหมอกแดงที่ต่อสู้กับเปลวไฟแปลกประหลาดอยู่ที่ไหน และจะทนได้นานเท่าไหร่ เปลวไฟแปลกประหลาดจะค้นพบช้าหรือไม่ว่าพลังของมันกำลังถูกกลืนกินแล้ว ขอแค่ให้เวลาดอกบัวเพลิงพันปีอีกหน่อย ให้มันเจริญเติบโตเต็มที่ เมื่อถึงเวลานั้น เปลวไฟสีม่วงจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย ส่วนหมอกแดงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
ทันทีที่ความคิดของหลิงเยว่ผุดขึ้น เงาดำรูปร่างคล้ายมังกรก็พุ่งตรงมายังดอกบัวเพลิงพันปีอย่างรวดเร็ว ซึ่งบนหัวของมันมีร่างสีแดงยืนอยู่
ทะเลเพลิงสีม่วงพลันเกิดคลื่นยักษ์ขึ้นในทันทีที่หมอกแดงปรากฏตัว!