ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 317 หลิงเยว่ตัวจริงตัวปลอม
บทที่ 317 หลิงเยว่ตัวจริงตัวปลอม
ณ ขณะนั้น โม่จวินเจ๋อผู้ทำพันธสัญญากับมังกรดำ ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากยังคงมีเลือดไหลซึม แต่เขามิได้ใส่ใจ รีบไล่ตามหลิงเยว่ไปยังทิศทางที่งูดำร้องอย่างน่าอนาถ
ฝ่ายผู่ตานย่อมมิยอมปล่อยโม่จวินเจ๋อไปง่าย ๆ และไล่ตามไปติด ๆ
“อย่าฆ่ามันสิ อย่างไรเสียมันก็คืองูดำ เลี้ยงดูไปสักพัก เผื่อว่าจะกลายเป็นมังกรได้!” หลิงเยว่จ้องมองงูดำที่ถูกกักขังไว้ด้วยความยินดี พลางคิดว่าจะมอบมันให้ผู้ใด
อืม… หรือจะมอบให้ศิษย์พี่สี่ดีนะ?
ไม่สิ มอบให้ศิษย์พี่สามดีกว่า เพราะนางดูบอบบาง!
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะมอบงูดำให้ผู้ใด หลิงเยว่จึงกำมือแน่น งูดำถูกบีบให้ร่างหดเล็กลงในทันที
“ศิษย์น้องหลิง?”
ผู่ตานมองหลิงเยว่ที่อยู่ข้างกายด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปมองเงาร่างที่ยืนอยู่บนงูดำถูกเพลิงพิสดารสีม่วงแปรเปลี่ยนจนดวงตาของเขาสับสนไปมาระหว่างสีดำและสีแดง
ทันทีที่โม่จวินเจ๋อเห็นเพลิงพิสดาร เขาก็รู้ได้ในทันทีว่า นั่นคือหลิงเยว่ตัวจริง!
“โอ้! เห็นว่านนางมาถึงแล้วหรือ รอยยิ้มถึงกับปิดไม่มิดเชียว?”
หลิงเยว่ตัวปลอมเอ่ยเย้ยหยัน
หลิงเยว่มองเห็นบุคคลทั้งสามที่ปรากฏกาย ดวงตากล่าวได้ว่าไม่เพียงพอเสียแล้ว ความรู้สึกที่ได้เห็นร่างของตนเอง มันช่างซับซ้อนยิ่งนัก ยิ่งเมื่อได้เห็นศิษย์พี่สี่และโม่จวินเจ๋อ นางพลันสับสน
หรือว่าข้าจะถือว่าพวกเขาเป็นเพียงภาพมายาได้หรือไม่?
“ช่างไม่สนุกเอาเสียเลย”
หลิงเยว่ตัวปลอม ปล่อยโซ่ตรวนที่พันธนาการเหล่างูยักษ์ให้เป็นอิสระ พวกมันส่งเสียงคำรามกึกก้อง
ฝูงแมงป่องงูพิษที่หลับใหลอยู่ในโพรงต่างพากันตื่นขึ้น โครงกระดูกที่ป่นเป็นผุยผงบนภูเขาซากศพกลับมารวมตัวกัน ก่อนที่เผ่าวิญญาณผู้พิทักษ์ที่ถูกซ่อนเร้นจะปรากฏกายออกมา แม้แต่ผู้มีวาสนาที่ยังไม่สิ้นใจก็ออกมาด้วย
ถ้ำแห่งนี้… มันกลับมีชีวิต!
หลิงเยว่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก กิริยาท่าทางตื่นตระหนก เกร็งมือจับมังกรดำที่ขดตัวอยู่ในทอของนาง พลางสบตากับโม่จวินเจ๋อที่ยืนอยู่บนฝูงตะขาบ
“นั่นคือมังกรดำ เจ้าอย่าทรมานเขาเลย”
โม่จวินเจ๋อเอ่ยปากขึ้นอย่างยากลำบาก การกระทำของหลิงเยว่นั้นส่งผลให้มังกรดำบาดเจ็บสาหัสยิ่งขึ้น แม้แต่เขาซึ่งเป็นนายก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย
หลิงเยว่รีบคลายแรงออก พลางมองมังกรดำด้วยแววตาตำหนิ เหตุใดเจ้าถึงได้อ่อนแอเช่นนี้?
ดูท่าถึงเวลาที่ต้องหาอสูรรับใช้ที่แข็งแกร่งกว่านี้ให้แก่โม่จวินเจ๋อเสียแล้ว!
ไม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ รีบชิงหัวใจแล้วหนีกันเถอะ!
หลิงเยว่จ้องมองหัวใจขนาดมหึมาเป็นครั้งแรก เมื่อเทียบกับสองหัวใจที่แขวนอยู่ข้าง ๆ แล้ว ช่างเทียบกันไม่ได้เลย
กระบี่ยักษ์ปรากฏขึ้นในมือของนาง นางสะบัดไปยังโซ่ตรวนที่พันธนาการหัวใจมังกรแท้เอาไว้จนโซ่ขาดสะบั้น
หลิงเยว่ปลอมที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่พลันนิ่งงัน “?”
เหตุใดโซ่ผนึกมังกรถึงได้เปราะบางเช่นนี้?
กระทั่งโซ่เส้นที่สองถูกตัดขาด หลิงเยว่ตัวปลอมจึงได้เริ่มเคลื่อนไหว ทันทีที่นางขยับ โม่จวินเจ๋อก็พุ่งตัวเข้าขวางทางนางในทันที
แม้เขาจะไม่รู้ว่าหลิงเยว่ต้องการสิ่งใด แต่การช่วยนางยื้อเวลาไว้ย่อมไม่ผิดเป็นแน่!
ขวดเล็กกับแสงสีเขียวมรกตพุ่งตรงไปยังโม่จวินเจ๋อพร้อมกัน ขวดเล็กนั้นตกลงบนมือ ส่วนแสงสีเขียวมรกตเข้าสู่ร่างของเขาทันที
บาดแผลและพลังวิญญาณที่สูญเสียไปกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
โม่จวินเจ๋อกำลังจะลองดูว่าเขาสามารถเอาชนะหลิงเยว่ตัวปลอมตรงหน้าได้หรือไม่? แต่ในวินาทีต่อมา หลิงเยว่ตัวจริงก็ทำลายความคิดนั้นของเขา
“เจ้าไม่มีทางเอาชนะนางได้ นางคือนางสนมปีศาจคนที่สี่ ขอบเขตแสวงหาขั้นปลาย!”
โม่จวินเจ๋อผู้มีขอบเขตปฐมวิญญาณขั้นกลาง ดื่มชาแปลงร่างลงไปทันที
“ข่าวไวนักนะ” นางสนมปีศาจคนที่สี่เผยโฉมจริง นางอยู่ในชุดยาวสีเหลืองอ่อน แต่งกายเรียบง่าย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อาจปิดบังใบหน้าอันงดงามได้
“แน่นอน ข้ายังรู้ด้วยว่าหัวใจมังกรนี่คือหัวใจของเจ้า!”
ที่แท้นางสนมปีศาจตนนี้หาใช่มนุษย์ไม่ หากแต่เป็นมังกรทองห้าเล็บ เพียงแต่เพื่อราชาปีศาจ นางยอมทิ้งตนเข้าสู่วิถีมาร กลายเป็นมังกรปีศาจและได้เป็นถึงนางสนมปีศาจคนที่สี่
เรื่องนี้ช่างยากจะตัดสิน
หลิงเยว่ใช้กำลังทั้งหมดฟันไปที่โซ่เส้นสุดท้าย น่าเสียดาย… นางไม่สามารถทำตามที่หวังได้ นางสนมปีศาจคนที่สี่ยึดกระบี่ของนางไว้ได้ด้วยมือเปล่า
โม่จวินเจ๋อถูกม่านพลังของวิญญาณผู้พิทักษ์ขังไว้ ขณะนี้เขากำลังใช้ร่างของมังกรยิ่งใหญ่พุ่งชน
ส่วนผู่ตานกลายร่างเป็นกิเลนไฟและลอบโจมตีนางสนมปีศาจคนที่สี่จากด้านหลัง
“ศิษย์พี่สี่ รั้งนางไว้!”
นางสนมปีศาจคนที่สี่ตอนแรกไม่อยากไปยุ่งกับผู่ตาน แต่เจ้าเด็กนี่ช่างร้ายกาจและเจ้าเล่ห์เหลือเกิน ทำให้นางต้องแบ่งความสนใจไปจัดการกับเขา!
หลิงเยว่ถูกนางสนมปีศาจคนที่สี่รั้งไว้จนกระอักเลือดออกมาไม่กี่ครั้ง ความแตกต่างในระดับไม่สามารถถูกขจัดไปได้ด้วยเพลิงพิสดารและศาสตราวุธอันทรงพลัง แม้ว่านางจะอยู่ในขอบเขตทะยานเซียนขั้นต้นแล้วก็ตาม!
นางมีระดับการบำเพ็ญถึงขอบเขตทะยานเซียนแล้ว แต่ยังโดนกลั่นแกล้งอีก!
“โม่จวินเจ๋อ ถ้าเจ้ายังไม่ออกมาอีก ข้าคงต้องให้เจ้ามาเก็บศพข้าแล้ว!”
ด้วยความช่วยเหลือของสัตว์เทพสองตัว หลิงเยว่พยายามหนีออกจากการต่อสู้ นางยกกระบี่ยักษ์ในมือขึ้นอีกครั้ง
“พวกขยะ พวกเจ้าแค่มองดูอย่างนั้นหรือ!” นางสนมปีศาจคนที่สี่โกรธจนสุดขีด น่าฆ่าให้ตายนัก! มนุษย์สองคนนี้จะเป็นอิงหลงและกิเลนไฟได้อย่างไรกัน?
หากเป็นนางในอดีต การจัดการแมลงเล็ก ๆ สองตัวนี้ เพียงแค่กรงเล็บเดียวก็เรียบร้อยแล้ว!
แต่บัดนี้…
วิญญาณผู้พิทักษ์ที่ถูกตราหน้าว่าไร้ค่า พากันกรูเข้าโจมตีหลิงเยว่ เมื่อมีการใช้ม่านพลังหรือค่ายกล ฝูงแมลงและงูพิษมากมายต่างก็เคลื่อนไหว
หนังศีรษะของหลิงเยว่ชาหนึบ เปลวเพลิงสีม่วงลุกโชนขึ้นมาทั่วร่างราวกับลูกไฟ ก่อนจะไต่ขึ้นไปบนโซ่เส้นสุดท้ายอย่างรวดเร็ว กระบี่ในมือเหมือนไร้ความหมาย ไม่ว่านางจะฟันหรือจะเผาอย่างไร โซ่เส้นนั้นก็ไม่ขาด!
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังฟันขาดได้อย่างง่ายดายแท้ ๆ!
ทันใดนั้น งูยักษ์สีแดงเข้มตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่หลิงเยว่ มันคืองูตัวที่ทำให้ผู่ตานเกิดความปรารถนาที่จะเปลี่ยนร่าง
เดิมทีหลิงเยว่ไม่ได้ใส่ใจมันนัก เพราะด้วยอานุภาพของเปลวเพลิงม่วง การเผากองทัพงูและแมลงเหล่านี้ให้กลายเป็นเถ้าธุลีเพียงชั่วพริบตานั้น ย่อมทำได้ ทว่า… เรื่องกลับไม่ได้เป็นอย่างที่นางคาด
งูยักษ์สีแดงเข้มโถมใส่หลิงเยว่จนร่วงลงสู่พื้น ร่างของนางกระแทกลงบนกองทัพหนอนที่กำลังไต่ยั้วเยี้ย
สัมผัสที่นุ่มนิ่มและน่าขยะแขยงนั้น ทำเอาหลิงเยว่แทบจะอาเจียนออกมา
โชคดียังมีเปลวเพลิงพิสดารคุ้มกาย เหล่าหนอนที่เข้าใกล้ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในทันที เหลืองูยักษ์ที่รัดตัวนางไว้ไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย!
“นี่มันอะไรกัน!”
หลิงเยว่ยกกระบี่ขึ้นฟันเกล็ดงูประกายไฟปะทุดังฉ่า แต่บนเกล็ดกลับไม่มีรอยแม้แต่น้อย
“กระบี่นี่ไร้ค่าถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ศิษย์น้อง สิ่งนั้นมันคงจะต้านทานเวทมนตร์ได้!”
คำเตือนของผู่ตานทำให้หลิงเยว่เงียบลง
ต้านทานเวท?
นางค้นหาตำราอาหารในหัวอย่างรวดเร็ว พลันสายตาก็จับเข้ากับวัตถุดิบชนิดหนึ่ง งูต้านทานสามารถนำไปปรุงเป็นอาหารชั้นเลิศ ผู้ที่กินเข้าไปจะต้านทานเวทได้ชั่วคราว!
วิธีเดียวที่จะจัดการกับมันได้คือใช้พละกำลัง!
พละกำลังอย่างนั้นรึ? หลิงเยว่คิดว่านางไม่มี!
“ระบบ!”
“มีเรื่องอันใดก็ตาม เจ้าจงบอกข้า ข้าย่อมช่วยเหลือเจ้าได้”
“เจ้าทำได้”
แต่ดูเหมือนระบบจะไม่เฉลียวใจที่จะฉวยโอกาสขายของ กลับเอ่ยปากให้กำลังใจหลิงเยว่แทน
เมื่อระบบเอ่ยเช่นนั้น หลิงเยว่จึงตัดสินใจเชื่อมั่นในตนเอง นางสูดหายใจเข้าลึก กอดรัดหนังงูยักษ์แน่น ใช้สองมือพยายามจะหักมันให้ขาด แต่ก็ไม่อาจทำได้ งูยักษ์กลับรัดแน่นเข้าไปอีก
ครานี้แม้แต่หายใจนางยังทำได้ยากลำบาก
เมื่อแข็งข้อไม่ได้ผล หลิงเยว่จึงเลือกใช้วิธีอ่อนโยน บนร่างของมันมีทั้งบาดแผลเก่าและใหม่มากมาย ดูท่าจะถูกนางสนมปีศาจรังแกมิใช่น้อย
“ข้าสามารถกำจัดพลังปีศาจสิงอยู่ในร่างของเจ้าได้ เพียงเจ้าปล่อยข้าเป็นอิสระ”
หลิงเยว่เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาเย็นชาของงูยักษ์พลันฉายแววครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ามันเข้าใจที่นางกล่าว