ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 318 นางมิได้ขยับแม้เพียงนิด!
บทที่ 318 นางมิได้ขยับแม้เพียงนิด!
แม้งูยักษ์จะเข้าใจ แต่อารมณ์คุ้นเคยพลันพลุ่งพล่านจนไม่อาจครุ่นคิดได้
มันบีบรัดร่างของอีกฝ่าย มันอ้าปากกว้าง พ่นลมหายใจอย่างบ้าคลั่ง หลิงเยว่ได้ยินเสียงกระดูกของตนเองลั่น
กร๊อบ… กร๊อบ…
“อ๊าก!”
โม่จวินเจ๋อ ได้ยินเสียงร้องอันน่าสยดสยอง จึงละทิ้งนางสนมปีศาจคนที่สี่ แล้วหันกลับมาฟาดหางใส่งูยักษ์ที่กำลังคลั่ง แล้วพุ่งเข้าใส่ด้วยเล็บมังกรอันแหลมคม พลันฉีกเนื้อหนังของงูยักษ์ออกอย่างป่าเถื่อน
โลหิตไหลอาบ
เสียงร้องของงูยักษ์ยิ่งทรมาน!
แม้โม่จวินเจ๋อที่แปลงร่างเป็นอิงหลงจะไม่ใช้พลัง แต่ด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งของมันก็เพียงพอที่จะฉีกร่างงูยักษ์ออกเป็นชิ้น ๆ เลือดเนื้อของงูยักษ์สีแดงเข้มตัวนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ส่วนร่างกายด้านบนนั้นยังคงอ้าปากพ่นพิษใส่เกล็ดมังกรสีม่วงเข้มไม่หยุด
โม่จวินเจ๋อใช้กรงเล็บมังกรอีกข้างฉีกกระชากร่างของมันจนขาดครึ่ง แม้แต่เขี้ยวพิษก็ยังหลุดออกมาหนึ่งข้าง
หลิงเยว่นั้นเกือบถูกบดขยี้เป็นจุณ แต่โม่จวินเจ๋อพลิกนางออกมาจากกองเลือดเนื้อ กรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ปกป้องนางที่ยังคงมีสติอยู่ราง ๆ อย่างทะนุถนอม
ดวงตาสีม่วงของโม่จวินเจ๋อเต็มไปด้วยความเย็นชา เขากวาดตามองงูยักษ์ที่เหลือลมหายใจรวยรินอย่างเย็นชา ยกกรงเล็บขึ้นอีกครั้งเพื่อเตรียมส่งมันไปสู่สุคติ!
“อย่าฆ่ามัน!”
หลิงเยว่รู้ว่างูไร้เกล็ดนั้นหายากเพียงใด มันหายากยิ่งกว่ามังกรเสียอีก คาดว่าทั่วทั้งโลกผู้บำเพ็ญเซียนคงมีเพียงตัวเดียวตรงหน้า!
หากฆ่ามัน มันอาจสูญพันธุ์ไปตลอดกาล!
“มันจะฆ่าเจ้า”
น้ำเสียงเย็นชาของโม่จวินเจ๋อแฝงไปด้วยความน้อยใจเล็กน้อย
“ข้ามิได้ตายเสียหน่อย” หลิงเยว่อยากจะหัวเราะ แต่พอยกริมฝีปากขึ้น เลือดก็แทบไหลออกมา นางจึงกลืนมันกลับลงไป
เลือดของนางนั้นล้ำค่ายิ่งนัก คายออกไปนิดเดียวคงเสียดายแย่
โม่จวินเจ๋อไม่ตอบ เพียงใช้หางม้วนผู่ตานที่แปลงร่างเป็นกิเลนไฟที่กำลังถูกนางสนมปีศาจคนที่สี่ตบลงมากลางอากาศ
เมื่อหลิงเยว่เห็นว่าโม่จวินเจ๋อไม่ลงมืออีก นางจึงนำถุงสัตว์วิญญาณที่คล้ายถุงเก็บของออกมา ก่อนจะเก็บงูพิษไร้เกล็ดที่บาดเจ็บปางตายเข้าไป ระหว่างที่รักษานางยังไม่ลืมที่จะมอบบทเรียนชุดใหญ่ให้ด้วย
ตราบใดที่มันยังมีชีวิตอยู่ ในอนาคตก็จะมีงูพิษไร้เกล็ดเกิดขึ้นอีกนับไม่ถ้วน!
เจ้าคนนี้ช่างไม่ต่างจากสัตว์เทพเลยแม้แต่น้อย!
“เจ้าก็รู้จักของดีอยู่เหมือนกัน!”
เมื่อเห็นดังนั้น นางสนมปีศาจลำดับที่สี่จึงส่งเสียงเย้ยหยันออกมาอย่างเย็นชา ท่าทางของนางกลับดุร้ายยิ่งขึ้น ความลับของนางจะต้องไม่รั่วไหลออกไปเด็ดขาด คนพวกนี้ห้ามปล่อนให้ออกไปเด็ดขาด!
หลิงเยว่รู้จักของดีอยู่แล้ว นางร่ายวิชารักษาให้กับสัตว์เทพโบราณทั้งสองตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระโดดลงจากกรงเล็บของโม่จวินเจ๋อแล้วพุ่งตรงไปที่หัวใจ!
“ขวางนางไว้!”
ลูกสมุนทั้งสองเชื่อฟังคำสั่ง ส่วนพวกไร้ค่าของนางสนมปีศาจลำดับที่สี่ก็เชื่อฟังเช่นกัน พวกมันทั้งบินอยู่บนฟ้า เลื้อยอยู่บนดิน และขุดรูอยู่ใต้ดินต่างก็เฝ้าหัวใจทั้งสามดวงเอาไว้ พวกมันซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ แม้แต่โซ่ตรวนก็ยังเต็มไปด้วยฝูงแมลงและฝูงสัตว์ร้าย
หลิงเยว่ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด นางร่ายวิชาอย่างใจเย็น ในทุก ๆ ที่ที่นางผ่านเข้าไป นางได้โปรยเมล็ดพันธุ์เอาไว้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และแล้วมันก็ได้ใช้จริง ๆ!
ในความมืดมิด พืชสีม่วงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทุก ๆ ที่ที่พวกมันผ่านไป ฝูงแมลงที่ถูกควบคุมจะถูกดูดเอาเลือดเนื้อและระดับการบำเพ็ญไปในพริบตา พวกมันไม่ทันได้ร้องครวญคราง ร่างกายก็เหี่ยวเฉาและกลายเป็นเถ้าธุลี…
ฝูงสัตว์ร้ายที่เกาะเกี่ยวอยู่บนโซ่ตรวน ถูกหนามสีม่วงแหลมคมที่โผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหันแทงทะลุพร้อมกัน หลิงเยว่ไม่แม้แต่จะให้โอกาสพวกมันได้ตอบสนองแม้แต่น้อย ทุกตัวพลันเหี่ยวเฉาไร้ชีวิต
การใช้วิชาปรสิตที่พัฒนาแล้วเป็นครั้งแรกของหลิงเยว่ ยังทำให้ตัวนางเองตกใจกับความโหดเหี้ยมของมันอยู่บ้าง ท่ามกลางแสงไฟสีม่วง ใบหน้าของนางซีดเผือด
แต่เพื่อที่จะได้หัวใจมาครอบครอง นางจึงกัดฟันกวาดล้างฝูงแมลงและสัตว์ร้ายที่อยู่รอบตัวให้สิ้นซาก!
“นี่มันวิชาอะไรกัน!”
ในฐานะที่เป็นเผ่าปีศาจ นางสนมปีศาจลำดับที่สี่กลับรู้สึกว่าหญิงผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก!
เหล่าวิญญาณผู้พิทักษ์ได้วางม่านพลังหลายชั้น หลิงเยว่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีแดงทอง ภายในนั้นเหล่าวิญญาณมากมายพร้อมพุ่งเข้าใส่ผู้ที่ติดอยู่ในม่านพลังอย่างดุร้าย
เมื่อเห็นดังนั้น นางสนมปีศาจลำดับที่สี่ก็ยิ้มเยาะ สิ่งไร้ค่าพวกนั้นในที่สุดก็มีประโยชน์บ้างแล้ว นางไม่จำเป็นต้องเสียสมาธิเฝ้าดูอีกต่อไป หญิงผู้นี้ต้องตายอย่างแน่นอน!
กิเลนไฟผู่ตานและอิงหลงโม่จวินเจ๋อก็ยิ้มเช่นกัน พวกวิญญาณผู้พิทักษ์ที่เข้าสู่วิถีมารแล้ว แม้สูญเสียความทรงจำก็ถือว่าดี อย่างน้อยพวกเขาก็ลืมไปว่าหลิงเยว่มีกายาต้านหายนะ
อดีตผู้นำเผ่าวิญญาณผู้พิทักษ์ที่เคยเปล่งประกายรัศมีสีทอง จินหนิง ริมฝีปากสีทองของเขากลับดำคล้ำไปด้วยพลังมาร มุมปากที่ยกขึ้นดูน่าขนลุกอย่างยิ่ง
เหล่าลูกเผ่าที่อยู่เบื้องหลังเขารอคอยที่จะเห็นฉากที่หลิงเยว่ถูกปีศาจร้ายกลืนกินทีละคำ ซึ่งจะเป็นภาพฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก!
แต่น่าเสียดายที่ภาพที่พวกเขารอคอยนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ปีศาจร้ายที่น่าเกรงขามเพิ่งจะเข้าใกล้หลิงเยว่ ก็ถูกแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนางสังหาร!
นางไม่ต้องขยับตัวแม้แต่น้อย!
“เหตุใดเจ้าจึงมีแสงสีทองเช่นนี้!” นางสนมปีศาจลำดับที่สี่ไม่อาจละสายตาจากหลิงเยว่ได้ ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถต้านทานพลังของปีศาจร้ายได้ แม้แต่กลุ่มหัวโล้นเหล่านั้นก็ไม่เว้น!
แน่นอนว่าต้องเป็นพลังจากดอกบัวไฟทองคำ!
หลิงเยว่ตอบในใจ สัตว์ร้ายที่ถูกล่ามโซ่ไว้ถูกกำจัดจนหมดสิ้น นางก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ พุ่งทะลุพลังของปีศาจร้าย ไปยืนอยู่บนโซ่เส้นสุดท้ายที่พันธนาการหัวใจมังกรได้สำเร็จ
ขุมพลังเวทมนตร์ของปีศาจร้ายไม่อาจกักขังผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนได้หรือ?!
จินหนิงรู้สึกราวกับโลกทั้งใบกำลังพังทลายลง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขากักขังใครบางคนเอาไว้ไม่ได้ เอ๊ะ? ครั้งที่สองงั้นหรือ? แล้วครั้งแรกเขากักขังใครกัน?
เมื่อโดนอาการปวดหัวรุนแรงเล่นงาน จินหนิงกุมศีรษะของตนเอง คิ้วขมวดเป็นเกลียว ปวดหัวแทบระเบิดก็ยังนึกไม่ออกว่าครั้งแรกเขากักขังใครกัน!
“เจ้ามีกายาต้านหายนะ” นางสนมปีศาจลำดับที่สี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากนั้นร่างของนางพลันแปรเปลี่ยน มือทั้งสองข้างกลายเป็นกรงเล็บมังกรสีดำขลับพุ่งเข้าโจมตีอิงหลงและกิเลนไฟ
ร่างกายอันใหญ่โตของสัตว์เทพโบราณทั้งสองพุ่งชนกำแพงแมลง ผู่ตานดิ้นรนแต่กลับถูกโซ่ตรวนที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันพันธนาการร่างกายเอาไว้ ส่วนโม่จวินเจ๋อนั้นว่องไวกว่า ปฏิกิริยาการต่อสู้ของเขารวดเร็วกว่าผู่ตานเพียงก้าวเดียว ทว่า… หางของเขาถูกพันธนาการเอาไว้เสียแล้ว
มือทั้งสองข้างของนางสนมปีศาจลำดับที่สี่กลายร่างเป็นมังกรอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเกล็ดมังกรสีดำ พลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตานางก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของหลิงเยว่ กรงเล็บแหลมคมพุ่งตรงไปยังร่างของอีกฝ่ายทันที
ในเสี้ยววินาทีนั้น อิงหลงที่สูญเสียหางไปแล้วพุ่งเข้าปะทะกรงเล็บมังกรเอาไว้ได้
กลิ่นคาวเลือดทำให้หัวใจของหลิงเยว่กระตุก นางไม่วอกแวกอีกต่อไป โซ่ตรวนส่วนสุดท้ายกำลังจะขาดออกแล้ว!
“ดี! เจ้าช่างเด็ดขาดนัก!”
นางสนมปีศาจลำดับที่สี่พุ่งตัวออกจากกำแพงแมลง ร่างกายของนางแม้จะเป็นมนุษย์แต่กลับบิดเบี้ยวราวกับมังกร พุ่งเข้าโจมตีโม่จวินเจ๋ออีกครั้ง
ลำแสงสีดำทะลุผ่านร่างของโม่จวินเจ๋อ ร่างมังกรของเขาไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป จนต้องกลับคืนร่างมนุษย์และร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตานั้นเอง ขณะที่หลิงเยว่กำลังบรรจุหัวใจมังกรลงในภาชนะที่เตรียมไว้ เกล็ดบนใบหน้าของนางสนมปีศาจลำดับที่สี่พลันจางหายไป!
ทว่าหลิงเยว่หาได้ฉวยโอกาสที่นางอ่อนแอลงสังหารนางไม่ กลับใช้ยันต์ระดับเทพรับร่างของโม่จวินเจ๋อไว้ ก่อนช่วยชีวิตผู่ตานที่ติดอยู่ แล้วจึงหนีไปในอุโมงค์ที่ขุดไว้ก่อนหน้าด้วยความเร็วที่นางสนมปีศาจลำดับที่สี่ไม่อาจไล่ตามทัน
ทุกสิ่งเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับกะพริบตา มนุษย์ทั้งสามรวมถึงนางสนมปีศาจลำดับที่สี่ก็หายวับไป!
เหลือเพียงหัวใจสองดวงที่ยังคงเต้นอยู่ในมิติ พวกมันมีไว้ควบคุมเหล่ามนุษย์และวิญญาณผู้พิทักษ์ รวมถึงรักษาพลังงานที่จำเป็นต่อมิตินี้
แม้สูญเสียหัวใจที่แข็งแกร่งและใหญ่ที่สุดไปดวงหนึ่ง เหล่าสรรพชีวิตที่ติดอยู่ในมิติก็ยังไม่อาจหลบหนีไปได้…