ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 319 นี่มันของปลอมหรืออย่างไร?
บทที่ 319 นี่มันของปลอมหรืออย่างไร?
หลิงเยว่ลากชายฉกรรจ์สองคนไปด้วย ความเร็วของนางมิได้ลดลงเลย กลับรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ จนเมื่อนางสนมปีศาจลำดับที่สี่ตามมาถึง หลิงเยว่ก็หายไปเสียแล้ว!
นางสนมปีศาจลำดับที่สี่ออกมาจากอุโมงค์ มองผืนดินที่ไหม้เกรียม ไร้ซึ่งพลังวิญญาณ ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความคับแค้น
มนุษย์ผู้นั้นลากคนบาดเจ็บหนักสองคนไปด้วย จะหนีไปได้ไกลสักเพียงใดกัน!
นางซ่อนอยู่ที่ใด?
นางสนมปีศาจลำดับที่สี่โกรธจัด พลางแค่นหัวเราอะออกมา นางสัมผัสตำแหน่งของพวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ดี! ดีนัก! นอกจากมีกายาต้านหายนะแล้วยังมีแสงบุญคุ้มครองกับเพลิงพิสดารอีก ร่างกายของผู้มีวาสนาเช่นนี้ช่างเหมาะสมกับนางยิ่งนัก!
นางสนมปีศาจลำดับที่สี่มิได้กลับไปยังมิติทันที แต่เริ่มค้นหาบนผืนดินแห่งนี้ทีละนิด มนุษย์ผู้นั้นต้องยังอยู่ที่นี่แน่นอน!
นางจะพลิกแผ่นดินนี้ทั้งผืนเสีย นางไม่เชื่อหรอกว่าจะหาหลิงเยว่ไม่พบ!
“พวกเจ้าพูดถึงหญิงสติไม่ดีคนนั้นหรือ? นางจะหว่านสิ่งใดในทะเลทรายต้องห้ามรึ?”
“ข้าได้ยินมาบ้าง ขอเพียงแต่อย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย นางนั้นโหดเหี้ยมยิ่งนัก เพียงย่างกรายเข้าใกล้ใจกลางทะเลทรายก็มีแต่หัวจะหลุดกระเด็น!”
“ใช่แล้ว! ผู้ที่คิดเข้าไปล้วนถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ในพริบตา!”
“หากมิใช่ผู้บำเพ็ญขอบเขตบำเพ็ญเต๋าขึ้นไป คงยากที่จะรอดกลับมา…”
ผู้บำเพ็ญคนนั้นพูดอย่างหวาดหวั่น ขณะนี้ผู้ปกครองแดนเหนือได้ประกาศก้อง หากไม่อยากตายก็อย่าได้ย่างกรายเข้าใกล้ทะเลทรายต้องห้าม แม้แต่ตัวเขาที่ระดับบำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด!
หากต้องการกำจัดนาง คงต้องพึ่งพาผู้บำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นกลางขึ้นไป แต่เหล่าปรมาจารย์ล้วนไปรวมตัวกันยังแดนตะวันตก บ้างก็ออกตามล่านางสนมและแม่ทัพปีศาจ บ้างก็ไปช่วยเหลือสำนักที่ถูกอสูรรุกราน ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจสตรีเช่นนาง!
ทว่า… ยังมีผู้หนึ่งที่อาจสนใจ
กิเลนไฟที่ตามนางสนมปีศาจไปไม่ทัน ได้เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว เพราะร่องรอยของชิงหลงนั้นหายไปจากทะเลทรายต้องห้าม ก่อนหน้านี้เขาได้ไปยังเมืองฮั่วหยาง และพบว่าจวนเจ้าเมืองที่หลิงเยว่อาศัยอยู่นั้นกลายเป็นซากปรักหักพัง
ตอนนั้นเขาคิดว่าหลิงเยว่ถูกพวกปีศาจจับตัวไป จึงจับผู้คนมาสอบถาม ถึงได้รู้ว่าสภาพอันน่าสยดสยองของจวนเจ้าเมืองนั้น เกิดจากฝีมือของรองเจ้าเมืองน้อยเอง และเนื่องจากไม่มีหินวิญญาณ จึงได้หลบหนีไปในยามค่ำคืน ปล่อยให้อี้เหิงรองเจ้าเมืองอีกคนต้องเผชิญกับหายนะนี้เพียงผู้เดียว
เจ้าเมืองก็หายสาบสูญ ส่วนรองเจ้าเมืองผู้น้อยก็หนีไป หากมิใช่เพราะหลิงเยว่ทิ้งสุราปราบมารไว้ อี้เหิงคงต้องตามล่าตัวนางที่ก่อเรื่องราววุ่นวายนี้กลับมาอย่างแน่นอน!
อืม… หัวข้อสนทนานี้ช่างออกนอกทะเลไปไกลแล้ว
กิเลนไฟเพิ่งเข้าสู่ใจกลางทะเลทรายต้องห้าม นางสนมปีศาจลำดับที่สี่ผู้คลุ้มคลั่งก็ได้รุกโจมตีเสียแล้ว
สมควรตายนัก! หากมิใช่เพราะต้องตามหาตัวทั้งสามคนนั้น นางคงกวาดล้างสิ่งมีชีวิตแถบนี้จนหมดสิ้น!
แท้จริงแล้วนางสนมปีศาจลำดับที่สี่มิได้เสียสติไปจริง ๆ นางยังคงปกปิดตัวตนได้อย่างแนบเนียน วิธีการโจมตีทั้งหมดล้วนเป็นวิชาของโลกมนุษย์ ทำให้ผู้นำแห่งดินแดนทางตอนเหนือ ไม่ทันสังเกตเห็นว่านางคือนางสนมปีศาจ
บัดนี้กิเลนไฟที่กำลังต่อกรกับนางสนมปีศาจลำดับที่สี่ก็เช่นกัน เขาจำไม่ได้ว่าเบื้องหน้าคือนางสนมปีศาจ แต่อีกฝ่ายกลับจำกิเลนไฟได้!
สัตว์เทพโบราณตัวนี้ต้องรู้จักนางผู้นั้นที่หลบหนีไปเป็นแน่ ถึงแม้จะไม่รู้จัก แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้จักผู้ที่แปลงกายเป็นกิเลนไฟแน่นอน!
ครานี้ นางสนมปีศาจมิอาจปกปิดตนได้อีกต่อไป พลังปีศาจหมุนวนอยู่ปลายนิ้วทั้งห้า นางแปลงร่างเป็นมังกร กรงเล็บมังกรของนางพุ่งตรงไปที่หัวใจของกิเลนไฟ!
“พลังและกระบวนท่าเช่นนี้!” กิเลนไฟรู้ได้ทันทีว่านางคือใคร!
“มังกรปีศาจ นางสนมปีศาจลำดับที่สี่!”
กิเลนไฟตั้งรับอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย และรีบแปลงร่างเป็นร่างจริง เตรียมพร้อมต่อสู้กับนางสนมปีศาจลำดับที่สี่ จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องตาย!
พลังในการต่อสู้ของมังกรปีศาจตัวนี้ นับว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดานางสนมปีศาจทั้งสิบสองคน ยิ่งเมื่อแปลงร่างเป็นร่างจริงแล้ว ดูเหมือน… เขาคงมิอาจต้านทานนางได้
ในใจคิดเช่นนั้น แต่กิเลนไฟไม่ได้ถอยครึ่งก้าว แถมยังแอบไปเรียกคนมาเพิ่มอีก ซึ่งคนที่เรียกมาคือ ผู้อาวุโสเจ้าสำนักคนแรกของยอดเขาหลอมศาสตราที่มีระดับการบำเพ็ญเช่นเดียวกับเล่อเหอ
หากพวกเขาร่วมมือกันย่อมฆ่ามังกรปีศาจได้แน่นอน!
กรงเล็บสัตว์ห่อหุ้มด้วยไฟปะทะกับกรงเล็บมังกร ผลคือ… นางสนมปีศาจที่สี่กลับถูกตบกระเด็นไปไกล พร้อมกับกระอักเลือดออกมาหลายครั้ง
“???”
หรือว่านี่เป็นของปลอม?
กิเลนไฟที่ไม่เชื่อฟ้าดิน ระหว่างที่นางสนมปีศาจที่สี่ยังไม่ตกถึงพื้น สี่ขาของมันขยับอย่างรวดเร็ว ร่างกายทั้งร่างลุกเป็นไฟ แล้วยิงลูกไฟยักษ์ออกไป
นางสนมปีศาจหลบไม่พ้น ถูกชนเข้าอย่างจัง ร่างกระแทกพื้น กระอักเลือดออกมาไม่หยุด
เปลวเพลิงไม่ได้เผาผลาญมังกรเลยแม้แต่น้อย แต่บาดแผลภายในของนางล้วนเกิดจากแรงกระแทกมหาศาลของกิเลนไฟ
“เช่นนี้แล้วยังไม่ยอมเผยร่างแท้?”
ใบหน้างามของนางสนมปีศาจพลันแปรเปลี่ยน หากนางสามารถแปลงร่างได้ เหตุใดต้องยอมให้สัตว์ตัวน้อยเช่นนี้มาหยามเกียรตินางกัน!
มนุษย์ผู้นั้นขโมยหัวใจนางไปซ่อนไว้ที่ใดกัน!
นางสนมปีศาจแผดคำราม บาดแผลบนร่างกายปริแตก เผยให้เห็นเกล็ดสีดำสนิทปกคลุมทั่วทั้งร่าง เหลือเพียงดวงตาที่แดงก่ำด้วยโทสะ แล้วมุดหายไปในผืนดินทันที ทิ้งไว้เพียงกิเลนไฟที่ยืนสงบนิ่ง
“???”
หนีไปแล้ว?
นี่หรือพญามังกร?!
กิเลนไฟย่อมไม่ยอมปล่อยโอกาสทองเช่นนี้ไปแน่นอน ยิ่งนางอ่อนแอจนไม่อาจรักษาร่างมนุษย์ได้ ยิ่งต้องรีบตามไปกำจัด! กลิ่นอายของมังกรชี้ทางให้กิเลนไฟติดตามไปอย่างไม่ลังเล
นางสนมปีศาจเห็นประกายเพลิงที่ไล่ตามมา จึงเบี่ยงกายหนีไปตรงข้ามกับมิติ ย่อมมิอาจเปิดเผยตำแหน่งมิติได้!
ครั้นอดีตเจ้าสำนักคนแรกของยอดเขาหลอมศาสตรารุดมาถึงใจกลางทะเลทรายต้องห้าม เขาก็มิเห็นผู้ใดแล้ว
ทว่ากลิ่นอายปีศาจและเปลวเพลิงที่หลงเหลือ บอกเขาว่ากิเลนไฟ ได้เผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจแล้ว ส่วนจะเป็นนางสนมปีศาจหรือไม่ ยังไม่อาจสรุปได้
หากเป็นนางสนมปีศาจจริง กิเลนไฟย่อมมิอาจต้านทานไหว หรือว่า… สัตว์เทพพิทักษ์ของสำนักพวกเขาสิ้นชีพแล้ว?
ช่างร้ายแรงนัก!
บรรพชนของยอดเขาหลอมศาสตราลองใช้จิตสำรวจทั่วทะเลทรายต้องห้าม ในที่สุดก็พบกิเลนไฟอยู่ใต้ผืนทราย เขาจึงรีบไล่ตามไปทันที
แท้จริงแล้วยังรู้สึกถึงกลิ่นอายประหลาดอีกหลายสาย ทว่าตอนนี้นางสนมปีศาจสำคัญกว่า รอจัดการนางแล้วค่อยตรวจสอบแล้วกัน!
นางสนมปีศาจที่เข้าสู่ส่วนลึกที่สุดของทะเลทรายต้องห้าม ได้กลิ่นบุรุษที่นางตามหาอย่างยากลำบาก และยังมีกลิ่นอายปีศาจประหลาดด้วย เป็นผู้ใดที่มาถึงก่อนนางกัน?
มังกรปีศาจกัดฟัน พลางมองกิเลนไฟที่ไล่ตามมาติด ๆ การไล่ล่าที่ไม่ลดละยังคงดำเนินต่อไป…
หลังจากมีข่าวหญิงสติไม่ดีพลิกผืนทะเลทราย ที่ทะเลทรายต้องห้ามก็มีข่าวคราวน่าพิศวงอีกครั้ง
“นางบ้าผู้นั้นดูเหมือนจะจ้างผู้ช่วยมาสองคนให้มาช่วยพลิกผืนทราย”
“ข้าเห็นมาแต่ไกล เดิมทีผืนทรายรกร้างสีเทาดำนั้นราบเรียบ บัดนี้กลับมีทรายสีสดถูกพลิกขึ้นมา ใจกลางทะเลทรายต้องห้ามยังมีทรายหลงเหลืออยู่อีกรึ!”
“ไม่เพียงแต่มีทรายเท่านั้น ยังมีดินด้วย!”
“เช่นนั้น พวกเจ้าเห็นหน้าตาผู้ช่วยทั้งสองคนนั้นหรือไม่?”
ผู้บำเพ็ญที่ไม่กลัวตายเหล่านั้นต่างส่ายหน้า พวกเขาล้วนขุดลงไปใต้ดิน มองเห็นเพียงด้านล่างที่นูนขึ้นอย่างรวดเร็ว พลิกกลับไปมาเท่านั้น แต่เพียงในชั่วพริบตาก็หายไป แล้วมุ่งหน้าลงไปยังด้านล่าง จากนั้นก็กลับขึ้นมาอีกครั้ง ก่อเกิดภาพซ้ำไปซ้ำมา ดูราวกับว่าการพลิกผืนทรายในครั้งนี้ได้มีการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว
“กล่าวได้ว่าในอนาคตผืนทรายต้องห้ามแห่งนี้อาจจะกลายเป็นป่าต้องสาปเพราะคนลึกลับสามคนนี้ก็เป็นได้!”
ผู้บำเพ็ญที่กำลังสนทนากันอยู่ต่างมองไปยังผู้ที่เอ่ยปากขึ้นด้วยความจนใจ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แม้แต่ต้นหญ้าเพียงต้นเดียวยังไม่อาจมีชีวิตรอด แม้แต่มดทะเลทรายที่เดินผ่านยังต้องเลี่ยง บังอาจกล่าวว่าเป็นป่าได้อีกหรือ? ช่างเพ้อฝันเสียจริง!
“หากในอนาคตผืนทรายต้องห้ามแห่งนี้กลายเป็นป่าต้องสาปจริง ๆ ข้าจะเรียกเจ้าว่าท่านพ่อเลย!”
“ข้าก็จะเรียกเจ้าว่าท่านพ่อเช่นกัน ไม่สิ เรียกท่านว่าบรรพบุรุษเลยดีกว่า!”
“ข้าจะเป็นวัวเป็นม้ารับใช้เจ้าเอง!”
กลุ่มคนรอบข้างพากันส่งเสียงโห่ร้องอย่างสนุกสนาน
เด็กหนุ่มผู้เอ่ยวาจานั้นถึงกับหน้าแดงก่ำ แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้ พร้อมกับตะโกนก้องว่า “ข้าจำหน้าพวกเจ้าได้หมดแล้ว! อย่าได้คิดว่าพูดแล้วจะไม่รับผิดชอบเชียว!”
เหล่าผู้คนที่ส่งเสียงโห่ร้องต่างพากันเบะปากแล้วแยกย้ายกันไป
ใครจะไปสนใจคำพูดของเด็กหนุ่มเช่นเขากันเล่า!