ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 320 นางต้องขอบใจมัน!
บทที่ 320 นางต้องขอบใจมัน!
นางสนมปีศาจลำดับที่สี่ตามหาหลิงเยว่ด้วยใจร้อนรน
นางไปซ่อนอยู่ที่ใดกัน?
[เสร็จสิ้นภารกิจหลักลำดับที่ 18 ได้รับหัวใจมังกรปีศาจ ร่วมมือกับดอกไม้โลหิตปีศาจ เข้าสู่เขตแดนปีศาจสำเร็จ ได้รับรางวัล ค่าพลังวิญญาณ +50,000,000,000 อายุขัย +10,000 วัน และแหวนเร้นกายระดับเทพห้าวง]
เวลานี้หลิงเยว่รู้สึกเพียงว่าฟ้าดินหมุนคว้าง นางยังคงฝืนฟังเสียงของระบบ และได้รับแหวนเร้นกายอันสำคัญยิ่งยวด หากไม่ปลอมตัวเข้าไปในเผ่าปีศาจ นั่นไม่ต่างอะไรกับการวิ่งเข้าหาความตาย!
“ศิษย์พี่สี่ ตื่นเถิด…” หลิงเยว่ข่มอาการวิงเวียนศีรษะ พยายามลืมตาขึ้น และร้องเรียกผู่ตานขณะสวมแหวนเร้นกายให้เขา “เพียงแค่ใช้พลังวิญญาณกระตุ้นก็สามารถปลอมตัวเป็นสิ่งที่เจ้าปรารถนาได้ รวมถึงเผ่าปีศาจเช่นกัน!”
ผู่ตานอยากตอบรับหลิงเยว่ แต่เปลือกตาของเขารู้สึกหนักอึ้ง สติเลือนราง จึงทำได้เพียงกำมือที่สวมแหวนไว้แน่นเป็นการตอบรับ เขารู้สึกว่าหลิงเยว่ได้ยัดสิ่งของมากมายใส่ไว้ในอ้อมแขนของเขา แต่เขาไม่อาจได้ยินสิ่งที่นางกล่าวอีกแล้ว
ปากทางเข้าเขตแดนปีศาจหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หลิงเยว่ทำได้เพียงส่งแหวนเร้นกายให้กับหัวหน้าตะขาบมรกตและชิงหลงที่หมุนผ่านหน้าไป แม้แต่สัตว์เทพโบราณอย่างชิงหลงยังไม่อาจรักษาสติไว้ได้ เหตุใดนางจึงฝืนทำได้กัน? หรือเป็นเพราะนางคือเมล็ดพันธุ์?
ส่วนฮวนฮวนและปีศาจโลหิตนั้นไม่จำเป็นต้องใช้แหวนเร้นกาย เพราะพวกมันคือเผ่าปีศาจอยู่แล้ว
ระบบคาดเดาได้ว่านางจะได้พบกับโม่จวินเจ๋อและผู่ตานที่หอคอยกระดูกในรอยแยกมิติ แม้กระทั่งชิงหลงที่รุดหน้ามาหานางก็ถูกนับรวมด้วย เมื่อรวมกับนางแล้ว พอดีกับแหวนเร้นกายระดับเทพห้าวง
ช่างบังเอิญเสียจริง
ระบบย่อมไร้ซึ่งความล้ำเลิศปานนั้น เขตแดนปีศาจที่ถูกเปิดออกอย่างฝืนใจ ช่องว่างแคบที่สุดสามารถรองรับได้เพียงห้าคน ดอกไม้โลหิตปีศาจที่ยังมิเติบโตเต็มที่กับปีศาจโลหิตที่เพิ่งฟักออกจากไข่ แม้แต่ครึ่งคนยังนับไม่ได้ แล้วทำไมถึงมีแหวนเร้นกายถึงห้าวงเล่า?
หลิงเยว่มิได้ปักใจเชื่อถือมากนัก เพียงแต่ยามนี้หาใช่ประเด็นสำคัญ
นางพยายามรั้งร่างของโม่จวินเจ๋อที่บาดเจ็บสาหัสและพยายามโผบิน แผลขนาดใหญ่บริเวณหน้าท้องของเขา แม้เลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่บาดแผลยังไม่สมานตัว ยามนี้โลกหมุนคว้างเบื้องหน้าราวกับดินแดนที่มิอาจหยั่งรู้ นางยิ่งมิอาจปล่อยให้เขาถูกพัดพาไปได้…
คนสามคน หนึ่งชิงหลง หนึ่งตะขาบและยังมีฮวนฮวนที่ถูกหัวหน้าตะขาบมรกตกลืนเข้าไปในท้อง มิรู้ว่าหมุนวนนานเท่าใด ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเขตแดนปีศาจได้สำเร็จ ขณะที่สติของหลิงเยว่ใกล้เลือนรางอยู่นั้น…
เสียงตกน้ำพลันดังขึ้นสองครั้ง หลิงเยว่โอบกอดโม่จวินเจ๋อ พยายามว่ายน้ำออกไปอย่างยากลำบาก
การตกน้ำทำให้นางหวนนึกถึงความทรงจำอันเลวร้าย ครั้งที่เข้าสู่ดินแดนลับสัตว์อสูรก็ตกน้ำเช่นกัน แล้วยังเผชิญหน้ากับมังกรดำที่ดุร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!
ขณะที่หลิงเยว่กำลังมองหาพวกของผู่ตาน อยู่ ๆ เบื้องหน้าก็ปรากฏบางสิ่งขนาดใหญ่สีดำสนิทว่ายเข้ามา คลื่นซัดสาด ผิวน้ำใสสะอาดกลับกลายเป็นสีแดงเข้มเพราะการปรากฏตัวของพวกมัน
โดยทั่วไปแล้ว… สีแดงมักไม่ใช่ลางดีเท่าไหร่นัก!
หลิงเยว่คาดการณ์ว่าระยะทางจากชายฝั่งยังคงอีกไกล และบนชายฝั่งยังเป็นผืนป่าสีดำทะมึน…
สมกับเป็นดินแดนแห่งเผ่าปีศาจโดยแท้
ปลาตัวหนึ่งกระพือปีกสีดำทองขนาดใหญ่ กระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ เผยให้เห็นฟันอันแหลมคมเรียงรายแน่นขนัด ลิ้นของมันแลบออกมาคล้ายงู แต่กลับแยกออกเป็นหลายแฉก ดูราวกับ… ไม้ถูพื้น… เสียงร้องของมันช่างน่าหวาดหวั่น คล้ายกับกระบวนท่าเสียงพิณของผู้ฝึกสังคีต
หลิงเยว่ฝืนทนความเจ็บปวดรุนแรงที่แล่นปราดในหัว ขณะค้นหาข้อมูลของปลาตัวนี้
ปลาหมัวอินมักหวงถิ่นที่อยู่ ชำนาญการโจมตีด้วยเสียง เป็นสัตว์สังคม มักโจมตีเป็นฝูง เนื้อนุ่ม หากนำไปปรุงเป็นอาหาร มีโอกาสได้รับพลังของมันด้วย
ยังไม่ทันอ่านจบ ปลาหมัวอินตัวที่สองก็กระโดดขึ้นเหนือน้ำ ตามมาด้วยตัวที่สาม สี่… จนบดบังท้องฟ้าเหนือผืนน้ำสนิท!
ในทะเลสาบ ปลาหมัวอินที่ยังไม่เติบโตเต็มวัยและยังไม่มีปีกต่างพากันแหวกว่ายเต็มไปหมด
เสียงเพลงดังก้องไปทั่ว บรรยากาศสั่นสะเทือน คลื่นน้ำกระจาย ฝูงปลามิได้โจมตีในทันที แต่กลับเบิกตาสีเทาหม่นจ้องมองหลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อ
พวกเขาถูกล้อมไว้แล้ว
หลิงเยว่มิได้มีท่าทีหวาดหวั่น แต่มิอาจหนีไปไหนได้เช่นกัน เพราะล้วนแต่มีดวงตาจ้องมองนางอย่างน่าขนลุก
นางรู้ดีว่าหากขยับเพียงน้อย พวกปลาเหล่านี้คงจะกรูกันเข้ามาขย้ำพวกเขาลงท้องในพริบตา หลิงเยว่จึงแอบกำมือเย็นเฉียบของโม่จวินเจ๋อเอาไว้แน่น แล้วเปิดใช้แหวนเร้นกายทันที
เมื่อแหวนเร้นกายเริ่มทำงาน หลิงเยว่จึงพาโม่จวินเจ๋อดำดิ่งลงสู่ผืนน้ำ พวกปลาทั้งบนฟ้าและในน้ำต่างเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน!
แต่แล้วพวกมันก็งุนงง มนุษย์ตัวโตสองคนหายไปไหนเสียแล้ว!?
หายไปหรือล่องหนกันแน่!?
พวกมนุษย์เจ้าเล่ห์กล้าบุกรุกเข้ามาในดินแดนของพวกมัน อย่าหวังว่าจะรอดชีวิตออกไปได้!
เสียงร้องดังระงม หลิงเยว่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงปลา ปากคาบลูกปลาตัวน้อย แล้วพยายามแหวกว่ายไปยังฝั่ง นางกลมกลืนไปกับฝูงปลาได้อย่างแนบเนียน
ยิ่งเข้าใกล้ฝั่งมากเท่าใด ดวงตาดั่งปลาตายของหลิงเยว่ก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น ทว่าในจังหวะที่นางกำลังจะกระโดดขึ้นฝั่ง หางปลาตัวหนึ่งก็ฟาดเข้าใส่นางอย่างจัง จนร่างของนางลอยละลิ่วกลับไปอยู่กลางฝูงปลาอีกครั้ง
ดูเหมือนเพราะนางแยกตัวออกมาจากฝูงไกลเกินไป ปลาหมัวอินตัวโตที่ผ่านมาจึงพานางกลับเข้าฝูง
หลิงเยว่ “?”
หากเป็นเช่นนั้นจริง นางขอขอบพระคุณมันยิ่งนัก!
หัวหน้าฝูงปลาปีศาจแบ่งพวกมันออกเป็นสองกลุ่ม พวกปลานักรบออกตามหาผู้บุกรุกที่ซ่อนอยู่ ส่วนปลาที่โตเต็มวัยอีกฝูงหนึ่งก็พาเหล่าลูกปลาตัวน้อยกลับสู่ถิ่นที่อยู่
หลิงเยว่ครุ่นคิดถึงโอกาสที่นางจะพาโม่จวินเจ๋อที่บาดเจ็บสาหัสฝ่าวงล้อมออกไปด้วยกัน สุดท้ายโอกาสสำเร็จแทบจะเป็นศูนย์ เปรียบได้กับกำปั้นสองข้างสู้ฝูงปลาจำนวนมหาศาล ไม่สู้ไปดูที่รังของพวกมันก่อน แล้วค่อยฉวยโอกาสหนีเอาทีหลังดีกว่า!
โม่จวินเจ๋อรู้สึกเลื่อนลอยหลังจากฟื้นขึ้นมา เขาเบิกตากลมโต จ้องมองไปยังดวงตาของปลาที่คาบเขาอยู่
นี่เขาได้เกิดใหม่แล้วหรือ? แล้วยังมาเกิดเป็นปลาที่น่าเกลียดเช่นนี้อีก?
ไม่ถูกต้อง เขาอาจจะกำลังจะกลายเป็นอาหารของปลาเสียมากกว่า?
ดวงตาโตของปลาใหญ่ดูเหมือนจะรู้ว่าเขาขยับตัว ดวงตาที่ดูเลื่อนลอยนั้นก้มลงมองแล้วดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แถมยังมีความยินดีปนอยู่เล็กน้อย
ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งโม่จวินเจ๋อจะเห็นอารมณ์ของมนุษย์จากดวงตาของปลาได้!
“เจ้าฟื้นแล้ว!”
ปลาตัวเขื่องขยับปากเล็กน้อย ลิ้นที่แลดูคล้ายไม้ถูพื้นปัดผ่านเกล็ดของโม่จวินเจ๋อ จนเขาสะดุ้ง ก่อนจะไม่สนใจความเจ็บปวดและดิ้นรนอย่างสุดกำลัง
“เป็นเช่นไร เจ็บบาดแผลอีกแล้วหรือ?”
ลิ้นของมันขยับถี่ขึ้น โม่จวินเจ๋อก็ยิ่งดิ้นรุนแรงขึ้น ราวกับต้องการปลิดชีพตนเอง
“เจ้าฟังข้าพูดไม่รู้เรื่องหรือ?”
โม่จวินเจ๋อในร่างปลาปีศาจตัวน้อยมิได้หยุดการดิ้นรน เขายังยืนยันด้วยการกระทำว่าฟังนางไม่รู้เรื่อง
หลิงเยว่รู้สึกชาไปทั้งตัว
จะทำอย่างไรให้โม่จวินเจ๋อหยุดการกระทำที่เหมือนต้องการปลิดชีพตนเองได้เล่า?
หลิงเยว่ขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจใช้ปากของนางทำให้โม่จวินเจ๋อที่ดิ้นไม่หยุดสลบไปเสียดีกว่า อย่าได้ตื่นขึ้นมาเลย ยามที่เขาตื่นขึ้นมานั้นช่างวุ่นวายนัก นางทนไม่ไหวแล้ว!